 LOGIN
LOGIN
เมืองไผ่สวรรค์
เมืองไผ่สวรรค์ เมืองขนาดกลางที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตามตำนานเล่าว่าเป็นเมืองที่มีเทพเซียนองค์หนึ่งประทานไผ่สวรรค์ให้กับเจ้าผู้ปกครองเมือง เจ้าเมืองในเวลานั้นจึงนำต้นไผ่ดังกล่าวมาปลูกบนภูเขาทางทิศเหนือของเมือง เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ต้นไผ่ก็แผ่ขยายครอบคลุมอาณาบริเวณทั่วทั้งเขา ภูเขาดังกล่าวจึงได้รับนามใหม่ว่า เขาเทพประทาน
จากนั้นเป็นต้นมา เขาเทพประทานก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง ผู้คนในเมืองต่างมาเยี่ยมเยียนเพื่อชื่นชมความสวยงามและพักผ่อนหย่อนใจ เจ้าเมืองรุ่นต่อมาจึงอนุญาตให้กรมคลังเปิดภัตตาคารที่ใช้หน่อไม้จากป่าไผ่แห่งนี้มาประกอบอาหาร
เวลาผ่านพ้นไปหลายต่อหลายปี ความนิยมในการมาเที่ยวชมเขาเทพประทานไม่ลดลงแม้แต่น้อย จนกระทั่งเกิดข่าวเล่าลือว่ามีนักท่องเที่ยวเพศชายทยอยเสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
บ้างก็ว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว บ้างก็ว่ามาจากการฆาตกรรมและสาเหตุสุดท้ายคือถูกผีสาวเอาชีวิต
ผีสาวลึกลับที่อยู่ในป่าไผ่ ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางมาอาศัยอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้เพียงแต่ว่า นางเป็นวิญญาณที่ปองร้ายแต่บุรุษเพศ
ส่วนสตรีที่เป็นคนรักของชายหนุ่มเคราะห์ร้ายเหล่านั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
ผีสาวตนนี้เลือกเฉพาะบุรุษที่ยังไม่เคยมีสัมพันธ์ทางกายกับสตรีเท่านั้น
บุรุษพรหมจรรย์ !
และด้วยเหตุนี้ นักท่องเที่ยวบุรุษสถานะโสดสนิทจึงเลิกมาเที่ยวที่เขาเทพประทาน ปล่อยให้บุรุษที่เคยได้รับความอบอุ่นจากสตรีแล้วควงคู่สาวงามของตนมาท่องเที่ยวแทน
เรื่องราวเหล่านี้ผ่านไปอีกเกือบสองร้อยปี สุดท้ายเรื่องที่ผู้คนต่างไม่อยากให้เกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจนได้
บุรุษที่พาสตรีมาท่องเที่ยวหายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอยในช่วงราตรีที่มืดมิดดุจสีหมึก
พวกเขาลุกจากเตียงไปเปิดประตูห้องพัก เพราะได้ยินเสียงเคาะประตู ทั้งยังได้ยินเสียงที่หวานนุ่มของสตรีร้องเรียกอย่างยั่วยวน ทำให้จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้านและเดินออกนอกห้องราวกับถูกจูงมือไปโดยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะ
รุ่งเช้าของอีกวัน เมื่อเจ้าหน้าที่ทางการไปตามหาในป่าไผ่ก็พบร่างไร้วิญญาณของบุรุษเหล่านั้น
สิ่งที่เหมือนกันก็คือ สภาพศพอยู่ในลักษณะที่นอนคว่ำ เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ และไม่มีบาดแผลบนร่างกายแม้แต่รอยเดียว
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่อง มีผู้เสียชีวิตเกือบสามสิบราย แม้ว่าทางการจะส่งกองปราบมาสืบ เผื่อว่าจะเป็นฝีมือของมนุษย์ แต่ก็คว้าน้ำเหลวทุกครั้ง
นอกจากไม่พบเบาะแสใดๆ แล้ว บางครั้งก็ยังสูญเสียเจ้าหน้าที่กองปราบที่ยังหนุ่มยังแน่นอีกด้วย
นับตั้งแต่นั้น เขาเทพประทานก็ถูกปล่อยให้รกร้าง ไม่ว่าสตรีและบุรุษล้วนไม่มีผู้ใดกล้าเหยียบย่างเข้ามา สิ่งก่อสร้างจึงไร้การบูรณะซ่อมแซม ผุพังไปตามกาลเวลา
ยี่สิบห้าปีผ่านไป
ริมบึงในป่าไผ่
สตรีสองคนนั่งพูดคุยกันน้ำเสียงเคร่งเครียด พวกนางมีรูปร่างยั่วยวน หน้าอกโค้งนูนอวบอิ่ม เอวคอดกิ่ว สะโพกผายกลมมน ไม่ว่าจะมองส่วนไหนก็น่าจับขยำไปหมดเสียทุกที่
“เสี่ยวชิงชิง ข้าว่าจะจากไปแล้วนะ ที่นี่เมื่อไม่มีคนมา ก็ไม่มีประโยชน์อันใดสำหรับข้าแล้ว” สตรีนางหนึ่งสวมอาภรณ์สีแดงสดพูดกับสตรีหน้าหวานที่สวมอาภรณ์สีเขียวอ่อน
“ถ้าหากเจ้าอยากมีตบะกล้าแกร่งกว่านี้ ก็ควรดูดวิญญาณของบุรุษที่มีภรรยาแล้ว บุรุษเหล่านี้เคยแลกเปลี่ยนหยินหยางมา จึงเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต”
สตรีอาภรณ์เขียวได้ยินก็ส่ายศีรษะปฏิเสธแทบจะทันที “ไม่หรอก ข้าเลือกเฉพาะบุรุษที่โสดไม่เคยผ่านสตรีมาก็พอ และที่สำคัญ ข้าไม่อยากทำร้ายผู้คนไปมากกว่านี้แล้ว”
“เจ้าเนี่ยนะ หากขืนปล่อยไว้อย่างนี้ อีกไม่นานเจ้าก็จะอ่อนแอ พลังค่อยๆ ถูกใช้จนหมด แล้วก็จะตายอีกครั้งโดยไม่มีโอกาสไปเกิดใหม่” เหมยฮัว สตรีอาภรณ์แดงเอ่ยน้ำเสียงสั่งสอน
“อีกอย่างข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว การดูดพลังวิญญาณตรงปากแถมยังห่างจากริมฝีปากตั้งหนึ่งชุ่น มันไม่เร้าใจเท่ากับดูดจากริมฝีปากโดยตรง หรือไม่ก็ดูดจากส่วนล่างนั่นหรอก เจ้าอย่าทำตัวไร้เดียงสาเลย ก่อนตายเป็นสตรีพรหมจรรย์ ตายไปยังเป็นผีสตรีพรหมจรรย์อีก เจ้าจะปล่อยให้วิญญาณตัวเองสลายหายไปโดยไม่เคยรับรู้ถึงความหรรษาระหว่างบุรุษสตรีเลยหรืออย่างไร”
“พี่เหมยฮัวอย่าพูดอีกเลยเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านหวังดีกับข้า แต่นิสัยข้าเป็นเช่นนี้ จะให้อยู่ดีๆ ปล่อยเนื้อปล่อยตัวกับบุรุษแปลกหน้าไม่คุ้นเคย ข้าทำใจไม่ได้”
“พูดเช่นนี้เจ้าคงยังคิดถึงบุรุษชุดขาวผู้นั้นใช่หรือไม่ ยึดติดจนตาย วิญญาณจึงมาเฝ้าป่าไผ่เช่นนี้”
“ข้าก็แค่...”
“เอาล่ะ ไม่ต้องหาเหตุผลมาอ้างแล้ว หลายปีที่มาอยู่กับเจ้า ข้าก็รู้ว่าเจ้าเป็นผีสาวที่โง่งม ข้าจะจากไปล่ะ ต้องไปหาสถานที่ที่มีเหยื่อเยอะๆ สักหน่อย” สตรีชุดแดงลุกขึ้นพลางบิดขี้เกียจ นางโบกมือให้สตรีชุดเขียวก่อนจะหายตัวไปในเวลาอันรวดเร็ว
ตู้ชิงชิงมองตามพลางทอดถอนหายใจ นางเป็นผีที่อยู่บนเขาเทพประทานแห่งนี้มาสองร้อยกว่าปีแล้ว เฝ้ารอคอยคนผู้หนึ่งมาแสนนาน ถึงกับต้องหาบุรุษมาดูดเอาพลังชีวิต
ถึงกระนั้นนางก็เลือกแค่บุรุษวัยละอ่อนมาดูดพลังวิญญาณเพื่อต่อชีวิตหลังความตายเช่นนี้ของตนให้อยู่ไปนานๆ
โดยหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้พบคนที่ตนรออีกสักครั้ง
ขอแค่เห็นจากที่ไกลๆ ก็ยังดี

“ขับรถม้าไปเรื่อยๆ รอบชานเมือง จะกลับจวนเมื่อไหร่ข้าจะบอกเอง” จางอวิ๋นอวี้ส่งเสียงบอกสารถี ขณะที่พูดก็ปลดสายคาดเอวของตนแล้วดึงกางเกงลงแก่นกายที่คล้ายงูยักษ์ผงาดทันใด มือหนาจับแก่นกายตนเองฟาดใส่แก้มก้นของตู้ชิงๆ จนหนำใจ จากนั้นก็นำส่วนหัวหยักถูขึ้นลงตรงกลีบเนื้อนุ่มเพื่อให้น้ำรักหลั่งออกมาเมื่อน้ำใสไหลออกมาชโลมงูตัวเขื่อง ไม่รอช้า เขาก็จับมันมุดเข้าปากถ้ำที่คับแคบ“อืม” บุรุษส่งเสียงเบาออกจากลำคอแสดงถึงความพึงพอใจ ท่านี้สอดเข้าไปกี่ครั้งก็ทั้งลึกทั้งคับแน่นช่างรู้สึกดีเสียจริง“อื้อ” ตู้ชิงชิงส่งเสียงกระเส่า เสียงร้องของนางทำให้สติของจางอวิ๋นอวี้เตลิดไปไกลเขาขยับเอวสอบกระทุ้งร่องรักที่ตอดลำใหญ่ของตนถี่ๆ ฝ่ามือทั้งสองก็บีบแก้มก้นตามจังหวะกระแทกกระทั้นปัก ปัก ปัก ปักตู้ชิงชิงที่ถูกตอกจนลึก นางได้แต่หลับตาเม้มริมฝีปากแน่น ความใหญ่โตของจางอวิ๋นอวี้ทำให้นางทั้งจุกทั้งเสียวอยากจะครางเพื่อระบายความร้อนรุ่มที่ได้รับจากบุรุษก็ทำไม่ได้เพราะถูกสั่งไว้ตั้งแต่แรกเสียงเนื้อกระแทกเนื้อนี้แม้จะดัง แต่ก็ดังสู้เสียงพูดคุยของชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายใช้สอยไม่ได้ ทำให้ไม่มีใครสนใจรถม้าของพวกเขายกเว
ขณะที่ตู้ชิงชิงสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น จางอวิ๋นอวี้ก็เดินไปสำรวจแผ่นกระดาษที่นางอธิษฐานขอพร ในเศษกระดาษที่ขาดกระจายมีร่องรอยเผาไหม้นั้น มีร่องรอยของน้ำหมึกใจความว่า‘ข้าอยากพบเจอท่านเทพเซียนผู้นั้นที่ป่าไผ่สวรรค์บนเขาเทพประทานแห่งนี้อีกครั้ง’มุมปากของจางอวิ๋นอวี้ยกขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว “ช่างเพ้อฝันเสียจริง”แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังกวาดสายตาสำรวจด้วยความสนใจ เหตุใดกระดาษเหล่านี้ถึงระเบิดคล้ายกับถูกฉีกทึ้งแทบทุกแผ่นเขาจำได้ว่า ช่วงที่เขาเสร็จกิจเมื่อคืน กระดาษแผ่นสุดท้ายก็ระเบิดส่งแสงระยิบระยับเป็นฉากหลังที่งดงามพอดีราวกับว่า ตั้งแต่เริ่มมีสัมพันธ์กับตู้ชิงชิง กระดาษอธิษฐานแผ่นแรกก็ระเบิด และเมื่อเสร็จสมทั้งคู่ ก็ถึงกระดาษแผ่นสุดท้ายพอดิบพอดีช่างบังเอิญเสียจริง“เพราะว่าเจ้าเพ้อฝันถึงเทพเซียน เป็นผีแต่ไม่เจียมตัว กระดาษเหล่านี้เลยระเบิดจนหมด อ่อ หรือไม่ก็อาจเป็นเพราะเจ้ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับข้า คำอธิษฐานของเจ้าจึงเป็นโมฆะไปแล้ว”จางอวิ๋นอวี้พูดพลางเหลือบตามองสตรีที่ดวงหน้าเศร้าหมอง นางไม่ต่อปากต่อคำของเขาแต่อย่างใด เท้าเรียวเดินมาอยู่ด้านหลังของเขาอย่างเงียบเชียบเขาจึงไม่กล่าวสิ่งใดอีก
“สาวรับใช้หรือ เจ้ามันบ้าไปแล้ว” ตู้ชิงชิงชูกำปั้นหมายจะทุบจางอวิ๋นอวี้ แต่ก็ไม่ทัน ร่างอวบอัดถูกจับพลิกคว่ำหน้าอกแนบติดพื้น แต่สะโพกยกแอ่นอวดร่องรักที่ยังมีน้ำสีขาวเปรอะเปื้อน“งามนัก” มุมปากของจางอวิ๋นอวี้โค้งขึ้น น้อยครั้งนักที่เขาจะยิ้มได้เช่นนี้เขาไม่พูดมากความ จับแก่นกายที่ยังตั้งผงาดเย่อหยิ่งอวดดีตีใส่บั้นท้ายกลมงอนของตู้ชิงชิงทีละข้างจนแดง จากนั้นก็ดันหัวเห็ดบานใหญ่มุดผ่านน้ำรักขาวขุ่นเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มอีกครั้ง“อืม ท่านี้ลึกดีจริงๆ ดันเข้าไปได้มากกว่าเดิม” บุรุษเอ่ยกับตนเองเสียงไม่ดังนักแม้จะไม่ดัง แต่ตู้ชิงชิงก็ได้ยินชัดเจน นางรู้สึกมากกว่าจางอวิ๋นอวี้ด้วยซ้ำ มีหรือจะไม่รู้ว่าตอนนี้ท่อนเอ็นร้ายกาจของเขาแนบชิดเต็มพื้นที่ร่องรักของตนท่อนเอ็นร้อนกระตุ้นให้โพรงนุ่มเริ่มขยับตอดรัด เมื่อท่อนเอ็นครูดถูไปมา การตอบสนองก็เพิ่มมากขึ้นร้อนดีเหลือเกินตู้ชิงชิงคิดในใจ นางตายมาหลายปีนอกจากความเย็นก็แทบไม่สามารถสัมผัสความอบอุ่นของคนมีชีวิตได้ แต่ท่อนเอ็นใหญ่แท่งนี้ทำให้โพรงเนื้อนางร้อนผ่าว ทั้งขมิบและตอดอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งสัมผัสความเสียวก็ยิ่งอยากให้ลำเอ็นนี้อยู่ภายในโพรงรักนานๆจะได
ทว่าจางอวิ๋นอวี้เหมือนจะไม่ได้ยินเสียงร้องน่าสงสารของตู้ชิงชิง เขาจับขาที่เรียวยาวอ้าออก ดวงตาหงส์มองสำรวจกลีบดอกไม้ที่ดูอ่อนนุ่มด้วยความสนใจอืม ของสตรีเป็นอย่างนี้นี่เองดูนุ่มนิ่มบอบบาง ต่างจากของบุรุษโดยสิ้นเชิงคิดดังนี้ก็รู้สึกว่าส่วนล่างของตนต้องการผงาดออกมาสู่โลกภายนอก หากถูกกักขังไว้จะประท้วงทำให้ร่างกายของเขารุ่มร้อนและไม่สบายตัว จางอวิ๋นอวี้จึงปลดสายคาดเอว ถอดกางเกงออกอย่างรวดเร็วตู้ชิงชิงเห็นแก่นกายของจางอวิ๋นอวี้ก็ยิ่งหวาดผวา ลำใหญ่ที่ตั้งผงาดเหมือนคทาหยกหรูอี้ที่พวกคนใหญ่คนโตมักพกติดตัว ตรงปลายคล้ายกับหัวเห็ดสีน้ำตาลชมพูดูสะอาดตาขณะที่กำลังจดจ้องกับท่อนใหญ่ตรงหน้า ตู้ชิงชิงไม่ทันรู้ตัวเลยว่าต้นขาเรียวของตัวเองนั้นถูกดันขึ้นจนแทบแนบชิดเต้าอวบทั้งสองข้างท่านี้ทำให้สะโพกและโหนกเนื้อสาวลอยขึ้นโดดเด่นเป็นจุดสนใจ แต่ก็ไม่กลบดับความงามของเต้าอวบที่ใหญ่โตล้นทะลักตู้ชิงชิงหลับตาไม่กล้ามองสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตนเองนางพยายามคิดเรื่องอื่นที่ตนเองสนใจ ทว่าก็ไม่อาจหลบเลี่ยงภาพจำของแท่งหยกใหญ่ได้ขณะที่วุ่นวายใจอยู่นั้น ตู้ชิงชิงก็รู้สึกว่าจุกหวานข้างซ้ายถูกลิ้นร้อนและอ่อนนุ่ม
ตู้ชิงชิงเห็นท่าทางหื่นกามของเกาถงก็เริ่มหงุดหงิดไม่พอใจ สายตาเขาที่จ้องมองมาราวกับอยากจะกลืนกินนางจนไม่เหลือแม้แต่กระดูก“ข้าก็คิดว่าพี่ชายจะไม่สนใจสตรี ที่ไหนได้ ก็ไม่ต่างจากบุรุษหื่นกามทั่วไป” ว่าแล้วนางก็จ้องเข้าไปในดวงตาของเกาถง ชายหนุ่มจ้องตอบด้วยแววตาหลงใหลเคลิบเคลิ้มตู้ชิงชิงที่เดิมอยากจะลองใจเกาถง เห็นว่าเขาดูซื่อๆ ไม่มีพิษภัยไร้เดียงสา อยากเก็บเขาไว้ข้างกาย เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมองเต้าอวบของตนไม่วางตาก็เปลี่ยนใจใบหน้างามเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาแต่ใสซื่อช้าๆ เมื่อริมฝีปากอยู่ในระยะใกล้กัน นางก็เริ่มดูดพลังชีวิตของเกาถง“บังอาจ”เสียงดุดันคล้ายคำรามดังขึ้น ไม่ทันที่ตู้ชิงชิงจะได้หลบหนี แขนเรียวขาวของนางก็ถูกบุรุษร่างสูงใหญ่จับไว้แน่น“ผีสาวที่ล่อลวงชายหนุ่มมาดูดพลังวิญญาณสมควรตายแล้วเกิดใหม่นับร้อยครั้ง” บุรุษรูปร่างสูงใหญ่ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตามีเสน่ห์ล่อลวงใจสตรีไม่แพ้กับที่ตู้ชิงชิงล่อลวงเกาถงดวงตาหงส์ที่ลึกล้ำจ้องมองสตรีอย่างโกรธเกรี้ยว“ปล่อยข้านะ ข้าก็แค่ฆ่าพวกผู้ชายที่ก่อให้เกิดภัยแก่สตรีนางอื่นได้ คนพวกนี้สายตาแทะโลมข้าทั้งนั้น” ตู้ชิงชิงรีบพูดแก้ตัวด้วยความร้อนรนปกติแล้
ศาลต้าหลี่ภายในห้องทำงานของผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ บุรุษวัยกลางคนใบหน้าดุดันนั่งพูดคุยกับบุรุษใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่น บุรุษผู้นี้โครงหน้าสมส่วน ดวงตาหงส์ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอวบอิ่ม ผิวขาวเนียนดุจหยกตัดกับอาภรณ์สีดำราวกับน้ำหมึกพวกเขาพูดคุยกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาเทพประทาน“อวิ๋นอวี้ กลางวันนี้ฝ่าบาทมีรับสั่งให้พวกเราจัดการเรื่องของเขาเทพประทานให้เรียบร้อยภายในหนึ่งเดือน ตอนนี้ไห่เฉียงก็ไปสืบคดีที่ซีโจว หน้าที่นี้คงต้องมอบให้เจ้าจัดการแล้วล่ะ”เฉินเล่อจิ้นผู้บัญชาการศาลต้าหลี่พูดกับจางอวิ๋นอวี้ที่มีศักดิ์เป็นหลานชายและเป็นลูกน้องภายใต้บังคับบัญชา“ท่านลุงโปรดวางใจ เรื่องนี้ข้าจะรีบจัดการให้เรียบร้อย รับรองว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนต้องปิดคดีนี้ได้แน่นอน”จางอวิ๋นอวี้ตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจ เขาเป็นรองผู้บัญชาการศาลต้าหลี่ ไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นโจรศัตรูต่างแคว้น กระทั่งภูตผีปีศาจ“เจ้าต้องรักษาตัวให้ดีล่ะ เรื่องนี้ค่อนข้างเหนือธรรมชาติ จัดการยากกว่าคดีทั่วไป” บุรุษวัยกลางคนเตือนด้วยความเป็นห่วง“ท่านลุง ก็แค่ผีสตรีเท่านั้น สำหรับข้าศัตรูต่างแคว้นอันตรายกว่าเยอะ” จางอวิ๋นอวี้พูดพ








