บทที่3.เจนน่า เซมิโอเน่
เพล้ง!
แก้วคลิสตัสเนื้อดีแตกละเอียด หลังจากถูกกระทบกำแพงปาสุดแรง ฝีมือบุตรสาวคนเดียวของ เปาโล เซมิโอเน่
“ไอ้โง่นั่น... โง่จนนาทีสุดท้าย สรุปว่ามันตายหรือไม่ตายล่ะหะ!!”
เสียงแหลมปรี๊ดแหบสั่น สั่นตั้งแต่เสียงจนถึงร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศเย็นแต่เพราะกำลังโกรธจัด
“ไม่ตายครับ ผมจับมันขังไว้ทีเซฟเฮ้าน์ชานเมือง” คนตอบ ตอบเสียงเรียบ
“หึ!” เจนน่าเหยียดยิ้ม...แผนของหล่อนเป็นไปตามคาด ที่ผิดคาดคือยังไม่สามารถกำจัด ใครบางคนได้
“แล้ว...” เจนน่าถามถึงอีกคน
“เธอกลับประเทศของเธอไปแล้วครับ...” ผู้หญิงที่เป็นหนามตำใจเจ้านายคนสวย หล่อนบังอาจเกาะติดคนต้องห้าม ผู้หญิงคนนั้นเลยพบจุดจบเช่นนั้น
“ฉันต้องการให้มันตาย!” เจนน่ากล่าวเสียงดุดัน ดวงตายาวรีแฝงความอำมหิต
“อาการของเธอ...สาหัสมากครับ ไม่แน่บางทีตอนนี้เธออาจจะตายแล้วก็ได้”
อุบัติเหตุที่ถูกจัดฉากให้เกิดขึ้น...ความตั้งใจที่ทำครั้งนั้น คือต้องการปลิดชีพหวันยิหวา แต่พระเจ้าคงยังไม่ต้องการเธอ หล่อนเลยแค่เจ็บหนัก ไม่ถึงขั้นสิ้นใจ เหมือนดังความต้องการของเจนน่า
“ฉันต้องการคำตอบที่ชัวร์กว่านี้ ไม่ใช่แค่การสันนิษฐาน” เจนน่าต้องการเห็นกับตา มากกว่าการได้ยินจากหู ผู้หญิงคนนั้นควรหายไปจากโลกนี้ หล่อนคือหนามแหลมคอยทิ่มตำใจเธอ พื้นที่ข้างกายคลิสเตียนคือที่ของเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น
“ครับ...” ชายหน้าดุรับคำ ถอยหลังออกไปจากห้อง เพื่อสืบข่าวที่แน่ชัด100% ให้กับเจ้านาย
“เดี๋ยว...” เจนน่ารั้งไว้ “ไอ้หมอนั่น...ทำให้มันตายซะ ก่อนที่มันจะคาบเรื่องนี้ไปบอกคลิส” เจนน่าสังลูกน้องให้ปลิดชีวิตคนเหมือนกำลังสั่งซื้อของบางอย่าง เมื่อเธอชินชาเสียแล้ว เมื่อโตมาในครอบครัวที่เป็นมาเฟีย
“ครับ...”
สายตาพร่ามัว ลมหายใจรวยริน คราบเลือดเกรอะกรังแห้งจนแข็งติดกับผิวหนัง เสื้อผ้าขาดหวิ่น...บาดแผลกระจายเกือบทั่วร่างกาย แต่คน คนนั้นก็ยังดวงแข็ง พญามัจจุราชหาได้พรากลมหายใจของเขาไป อัลเบโต้ข่มความเจ็บปวด เขาพยายามมองหาทางรอด เพราะเสียงแผ่วๆ ที่ได้ยินก่อนลืมตานั้น
“เจ้านายให้กำจัดมันว่ะ”
หากยังมัวนอนนิ่งๆ อยู่เช่นนี้ ลมหายใจของเขาคงปลิดปลิว มันยังไม่ใช่เวลาที่เขาควรตาย หากยังช่วยเหลือหวันยิหวาไม่สำเร็จ สิ่งที่ทำให้อัลเบโต้กัดฟันทนอยู่ได้ คือหวันยิหวา ผู้หญิงของเจ้านายนั่นเอง
โชคดีที่คนเหล่านั้นไม่ได้มัดเขาให้แน่นหนา...มันอาจจะเป็นเพราะว่าสภาพร่างกายของเขาสะบักสะบอม เกินกว่าจะหลบหนีได้ คนพวกนั้นคาดผิด เพราะต่อให้เจ็บหนักกว่านี้ อัลเบโต้ก็สามารถหนีรอดได้...เขามันพวกหนังหนา ไม่ตายง่ายๆ ให้คนที่ต้องการให้เขาตายเจ็บใจเล่น
“รอให้กูหนีออกไปได้เถอะ กูจะกลับมาเอาคืนพวกมึงให้สาสม”
ชายหนุ่มกัดฟันพูด ค่อยๆ คลานลงจากโต๊ะตัวใหญ่ โผเผเดินโซซัดโซเซ พาตัวเองเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวเจ็บจนน้ำตาเล็ด โชคดีที่แขนขาไม่ได้หัก แม้จะมีบาดแผลกระจายไปทั่วตัว แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากจนถึงขนาดขยับตัวไม่ได้ ชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองหาทางรอดตามสัญชาตญาณ
เวลาเดินเร็วเหมือนลมพัด อัลเบโต้ยืนจนขาแข็ง พยายามเพ่งมองฝ่ารอยแตกของเนื้อไม้ เพื่อมองหาทางรอดของตัวเองจากด้านใน แต่ที่เขาเห็นก็มีแค่เพียงแสงไฟที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น อัลเบโต้เดาเอาเอง จากสิ่งที่มองเห็น ไอ้อาคารที่ขังเขานี้น่าจะอยู่ใกล้กับแม่น้ำไทเบอร์ ชายหนุ่มคำนวณระยะทาง...หากฝ่าออกไปได้ เขามีแรงพอจะวิ่งให้ถึงแม่น้ำหรือไม่? ทางรอดทางเดียวที่พอมองเห็น เขาต้องไปถึงตรงนั้น ใช้สายน้ำกำบัง และหลบหนีไปจากคนใจหยาบเหล่านี้
อัลเบโต้ถอยหลังกลับ เขาเดินกระโผกกระเผกกลับไปนั่งที่เดิม วางแผนการในใจเงียบๆ...
“มันฟื้นยังวะ? ได้เข้าไปดูมั่งมั้ย!” เสียงกรรโชกโฮกฮาก ดังอยู่ด้านนอก
อดีตหน่วยซีลเก่า กระเด้งตัวลุกจากที่นอน รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเดินไปยืนที่หลังประตู ในมือของอัลเบโต้มีเศษไม้ ซึ่งมันเคยเป็นขาโต๊ะ แต่อะไรบางอย่างทำให้ขาโต๊ะนั่น กลายเป็นแค่เศษไม้หักๆ ชิ้นหนึ่ง มือแข็งแรงกำไม้ท่อนนั้นจนแน่น จ้องมองประตูข้างตนเอง รอเวลาให้คนด้านนอกดันเข้ามา
ล้อเหล็กครูดกับรางดังครืดคราด ก่อนที่ประตูเหล็กหนาๆ จะถูกดันให้เปิดออก
โผ๊วะ!
อัลเบ้โต้ฟาดไม้ในมือของตนเองไปข้างหน้า เขากะให้ถูกส่วนหัว แต่คนมาใหม่ตัวใหญ่กว่าที่คาด ไม้ชิ้นนั้นจึงฟาดเขาไปเต็มแรงที่บ่าด้านซ้าย “โอ้ย!” เสียงมันอุทาน เขามีเวลาไม่มาก ต้องรีบทำให้มันหุบปาก ก่อนที่คนอื่นๆ จะแห่กันมาจนตนเองสู้ไม่ไหว ชายร่างใหญ่ที่เจ็บหนัก กระโจนเข้าใส่ เขาใช้ปลายเท้าเตะสกัดช่วงขา จนคนตัวโตกว่าเสียหลัก ล้มลงไปบนพื้น อัลเบโต้จับศีรษะของมันกระชากเขาหาตัวแรงๆ เขาได้ยินเสียงกระดูกคอเคลื่อน “กร็อบ!” ก่อนที่คนตัวใหญ่จะล้มลงบนพื้น อัลเบโต้หอบหายใจจนตัวโยน เพ่งสายตามองตรงไปข้างหน้า นอกจากไอ้คนที่นอนแบ็บอยู่ตรงนี้ ด้านนอกมีใครอีก เขาไม่อาจคาดเดา แต่...จำเป็นต้องเสี่ยง เพราะหากอยู่เฉยๆ เช่นนี้ เขาคงไม่รอด...
กว่าคนอื่นๆ จะรู้ตัว อัลเบโต้ก็หย่อนกายลงน้ำ เขาลอยคอเกาะสวะริมน้ำ จนไปพาตัวเองไปไกลจากโกดังร้างแห่งนั้น
ชายหนุ่มนั่งมองความโกลาหลด้านหลัง ด้วยสายตาเหยาะหยัน คนโง่เหล่านั้น ส่องไฟหาเขาไปทั่ว ไฟฟ้าสว่างจ้า พอให้มองเห็นคนเหล่านั้นได้ทั้งหมด...อัลเบโต้เหนื่อยแทบขาดใจ แต่การฝึกเก่าๆ ในอดีต ช่วยให้เขาประคองตัวจนรอดมาได้ ชายหนุ่มหงายหลังนอนแผ่บนพื้นไม่สนความสกปรก เขาเหนื่อยเกินกว่าจะประคองตัวเองให้นั่งได้นานๆ หลังมองเห็นคนหน้าตาคุ้นๆ มุมปากดจนโค้ง เหยาะหยันตัวเองในใจ เขาไม่น่าโง่หลงกลพวกมันเลย...และป่านนี้ หวันยิหวาเป็นเช่นไร? เขาไม่เห็นเธอเลยตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา...สิ่งแรกที่เขาควรทำ...คือการหาที่พักรักษาตัว และสืบข่าวเรื่องหวันยิหวา เขาแน่ใจผู้หญิงคนนั้นคงรอด เมื่อก่อนที่สติเขาจะดับวูบ!! อัลเบโต้ได้ยินเสียงหวอรถพยาบาล...คงมีใครช่วยหล่อนไป...
เบื้องหลังการหนีของหวันยิหวาครั้งนี้ คนชักใยไม่ใช่อื่นไกล!!
เจนน่า เซมิโอเน่...คู่หมายของเจ้านาย ว่าที่มาดามรอสซี
เปาโลถอนใจเฮือกใหญ่ๆ สายตาคมดุทอดมองบุตรสาวคนเดียวด้วยความหนักใจ
“ทำไมพ่อมองหนูแบบนี้คะ?” เจนน่าเอ่ยปาก เธอรู้สึกถึงการมองจากบิดามาซักครู่ใหญ่ๆ
ชายร่างใหญ่ ใบหน้าดุดันพยายามฝืนยิ้ม “หนูจะสารภาพกับพ่อตอนนี้ หรือจะรอให้ไอ้หนุ่มนั่นมาเค้นคอพ่อกับหนูคราวหลัง” ท่านไม่อยากคาดคั้น เพราะรู้ดีว่าบุตรสาวมีนิสัยเอาแต่ใจเช่นไร ความที่เป็นลูกคนเดียวที่เกิดจากผู้หญิงที่ท่านรัก เธอด่วนจากไปไวกว่าที่คิดโดยฝากฝังเจนน่าไว้ในความดูแลของเขา เปาโลจึกถนอมเจนน่าเป็นพิเศษ รักและตามใจเธอตั้งแต่เด็ก ครั้นจะเอาจริงขึ้นมา เจนน่าก็เป็นไม้แก่ดัดยากเสียแล้ว
เจนน่าสะดุ้งวูบ! เธอแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เลิกหัวคิ้วขึ้นสูงแล้วย้อนถามบิดากลับไปแบบหน้าซื่อตาใส “เรื่องอะไรกันคะพ่อ หนูไม่เห็นเข้าใจเลย”
ประเทศไทย...กรุงเทพฯ บรรยากาศยามค่ำบนตึกสูง มองเห็นแสงไฟบนถนนคล้ายๆ เส้นเชือกที่พาดโยงไปมาน่าปวดหัว คลิสเตียนยืนนิ่ง สายตามองภาพนั้น แต่กลับคิดถึงใครบางคน ผู้หญิงคนหนึ่งสดใสเหมือนดอกไม้ป่า รอยยิ้มเต็มหน้า กับแววตามีชีวิตชีวา รอบตัวของเธอคือความสดชื่นที่คลิสเตียนไม่เคยเจอ สังคมของเขาทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนเย็นชา เมื่อมีแต่คนที่เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ สวมหน้ากากคนใจดี แต่ลับหลังคือหมาป่าผู้หิวโซ จ้องจะตะปบเหยื่อหากตนเองเพลี่ยงพล้ำ ‘คลิส...ลองทานฝีมือของหวาหน่อยค่ะ หวาทดลองทำเองเลยน๊า’ กลิ่นขนมอบลอยตลบอบอวล เป็นกลิ่นที่เพิ่งเคยมีเป็นครั้งแรกในรั้วบ้านรอสซี บ้านที่เหงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวาฟื้นคืนมาอีกครั้ง บ้านกลายเป็นบ้านตั้งแต่หวันยิหวาเหยียบย่างเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย หล่อนเหมือนแมวน้อย ที่ขยันมาคลอเคลียเจ้าของ มือนุ่มนิ่มนั่น แตะต้องสัมผัสเขาด้วยความอบอุ่นจริงใจ รอยยิ้มของหล่อนก็เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับความสดชื่นยามรุ่งอรุณ หล่อนคือความสุขที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายปี นับตั้งแต่บิดา-มารดาลาลับไป คลิสเตียนสะบัดใบหน้าแรงๆ ความทรงจ
“ผมกำลังดูข่าวอยู่” แล็ปท็อปที่ชายหนุ่มเหวี่ยงทิ้ง หล่นอยู่ไม่ไกล คลิสเตียนเปรยเบาๆ เขาลุกไปหยิบแล็ปท็อปนั่นขึ้นมาจากพื้น และมันยังค้างอยู่หน้าเดิม สาวสวยอึ้งไปเล็กน้อย กว่าจะปรับความรู้สึกให้นิ่งได้ คลิสเตียนก็จับได้เสียแล้ว “ผมว่า ไอ้รถบรรทุกคันนั้นน่ะ ของเซมิโอเน่ไม่ใช่เหรอ ผมคุ้นๆ ตราสัญญาลักษณ์ที่ติดอยู่หน้ารถนะ” “ไม่รู้ซิคะ เจนไม่ค่อยสนใจกิจการของพ่อ...คุณอยากรู้ต้องถามพ่อเองค่ะ” หญิงสาวแสร้งไขสือ แต่การบอกปัดเร็วไปซักนิด เธอไม่แม้แต่จะขอดูรูปเพื่อหาข้อแก้ต่างเลย เจนน่ารีบปฏิเสธทันที เหมือนรูปข่าวนั้น เธอเคยเห็นมาก่อน... “เจนน่า!” คลิสเตียนเรียกเจนน่าเสียงเย็นๆ “เจนขอตัวค่ะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระ...ไว้ว่างๆ เจนจะมาหาใหม่นะคะคลิส” เจนน่าร้อนตัว เธอทนนั่งอยู่ต่อหน้าคลิสเตียนไม่ไหว เกรงว่าตนเองจะเผลอเผยพิรุธให้ชายหนุ่มจับได้ แต่สิ่งที่เจนน่าทำ หล่อนแทบจะแบให้คลิสเตียนเห็นจนถึงไส้ถึงพุง แค่อาการที่หล่อนร้อนตัว ก็ทำให้คลิสเตียนเดาทางถูก คลิสเตียนไม่ได้รั้งไว้ เขาปล่อยเจนน่ากลับไป...เพราะชายหนุ่มมีหนทางสืบได้แบบไม่อยาก
“พูดมา ฉันรอฟังอยู่” ชายหนุ่มเปรย สายตาไม่ได้ละไปจากเอกสารในมือ เขาแน่ใจว่าเซเก้ต้องการสื่อสารเรื่องอะไร “มีตั๋วจากโรมไปไทย แต่ที่นั่งเป็นแบบชั้นประหยัดครับ ถ้าเจ้านายจะไปพรุ่งนี้” คลิสเตียนเหลือบมอง “เรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้ ฝีมือนายตกไปนะเซเก้ หรือจะต้องให้ฉันซื้อทั้งสนามบินมาเสียเลย” เซเก้กลืนน้ำลายฝืดๆ คำประชดประชันของเจ้านายเล่นเอาเขาเหงื่อตก “ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ” การ์ดหนุ่มรับคำเสียงหนักแน่น คงไม่ต้องถึงขั้นซื้อสนามบิน แต่คงต้องรีบก่อนที่เจ้านายจะระเบิดตูม “ดี” เซเก้ถอยหลังกลับ เขาคงต้องไปกว้านหาซื้อตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่เจ้านายจะพิโรธ...ชายหนุ่มยกมือปาดเหงื่อ...ทุกวันแทบจะร้างราผู้โดยสาร ทำไมต้องจำเพราะเจาะจงเป็นวันที่คลิสเตียนต้องการเดินทาง ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสเต็มทุกที่นั่ง...และนั่นคือสาเหตุให้เขาวิ่งวุ่นอยู่ตอนนี้... หลังลูกน้องคู่ใจหายลับไป คลิสเตียนหยิบแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาค้นหาอะไรบางอย่าง ข่าววันเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เป็นข่าวครึกโครมอยู่เกือบเดือน... แต่กลับเงียบหายไปดื้อๆ เหมือนมีใครบางคนปกป
หญิงสาวลงจากรถประจำทางเดินเข้าซอยแคบๆ หนึ่งอึดใจต่อมาเธอก็เดินถึงบ้านหลังน้อย ซีรีนขมวดคิ้ว ในบ้านมืดสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่ หญิงสาวไขกุญแจรั้ว เดินผ่านประตูหน้าจัดแจงล็อครั้วด้านนอกเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปไขประตูบ้าน ไฟฟ้าสว่างพรึ่บ!! เมื่อเธอกดสวิทซ์เปิด แสงสว่างจัดจ้าขึ้นมา หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ ตัวสมบัติน้อยชิ้นยังอยู่ที่เดิม หญิงสาวแอบขำตัวเอง หากผู้ชายคนนั้นเป็นคนร้าย เขาก็โง่เต็มทน เมื่อเขาให้เธอไปเอาเงินจำนวนมากจากคน คนหนึ่งแลกกับการยกเค้าบ้านเธอ ซึ่งเปรียบกันไม่ได้เลย “เป็นไงบ้างคุณ?” หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปถาม อัลเบโต้ปรือตามอง เขาปวดแผลอย่างมากเลยใช้วิธีนอนหลับ เพื่อให้ลืมๆ ความเจ็บปวดนั่น ถุงไก่ทอด กับอาหารอ่อนอีกหนึ่งอย่าง ซีรีนวางไว้ข้างตัวคนป่วย เธอยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนนี่ ปวดแผลไหม? โทษทีนะ ฉันมัวแต่หาบ้านหลังนั้น ใช้เวลานานกว่าจะเจอใครจะไปคิดล่ะ บ้านที่คุณให้ไปหลังใหญ่ยังกับปราสาท” หญิงสาวพูดไปเรื่อย เพื่อไม่ให้เงียบเกินไป เธอฉวยผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เดินไปชุบน้ำมาหมาดๆ ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อจัดการเช็ดตัวคนป่วยให้อุณหภูมิในร่
บทที่4.แก้ปม... หลังพบหมอ...หวันยิหวาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย คำแนะนำของท่าน ไม่ช่วยให้เธอจำอะไรได้มากขึ้น สิ่งที่คอยแวบเข้ามาในสมอง ก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ความทรงจำเหล่านั้น คงพยายามโผล่มาให้เธอนึกออก แต่มันรวดเร็วเสียจนคว้าเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวถอนใจแรงๆ นึกเบื่อตนเองที่กลายเป็นภาระของบิดา มารดา เธออยากรู้นักอะไรทำให้เธอกดความทรงจำนั้นไว้ มันเป็นเรื่องสะเทือนใจหรืออย่างไร?!! กลไกในร่างกายของเธอจึงปกปิดไว้...ช่วยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น หากเธอจำสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด หวันยิหวาเดินทอดน่องริมทะเลที่มีคลื่นลูกเล็กๆ พัดเข้าหาชายฝั่ง เธอคิดอะไรเพลินๆ ปล่อยให้กระแสลมพัดต้องผิวกาย พวงผมสลวยด้านหลังถูกสายลมพัดใส่จนผมเส้นเล็กไหวไปมาเหมือนดั่งระลอกคลื่นในท้องทะเลก็ไม่ปาน กลิ่นไอทะเลที่มีความเค็มปะปนมาด้วย ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย สภาพอากาศที่แสนคุ้นเคย เธอแน่ใจ... สิ่งรอบตัวนี้ เธอพบเจอมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวตัดใจ เดินย้อนขึ้นไปด้านบน เธอมองหารถรับจ้าง เพื่อโดยสารกลับบ้าน แต่มาเปลี่ยนใจตอนหลัง หวันยิหวาเบื่อที่จะอยู่คนเดียว การมีเพื่อนช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ
“เจน...หนูเอาคนของพ่อไปใช้ แล้วทำไมพ่อจะไม่รู้ล่ะว่าหนูเอาพวกมันไปทำอะไรมา” เสียงของเปาโลทุ้มนุ่ม เขากำลังหาทางช่วยบุตรสาว เมื่อคนที่เจนน่าต่อกรด้วย น่ากลัวกว่าเสือร้ายหลายสิบเท่า หญิงสาวสบถออกมาเบาๆ “เชี่ย!” นึกขัดใจความภักดีของคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะยังไงบิดาของเธอก็ยังเป็นเจ้าชีวิต ที่พวกมันไม่คิดจะหักหลัง ทั้งๆ ที่เธอกำชับกำชาหลายสิบรอบ พวกมันก็ยังคาบข่าวมาบอกบิดาของเธอจนได้ “อย่าไปว่าพวกเขาเลย...บอกพ่อน่ะดีแล้ว พ่อจะได้หาทางช่วย...หนูเล่นผิดคนแล้วล่ะเจน...เพราะถึงอนาคตของเราจะเป็นดองกับฝ่ายนั้น...แต่คนอย่างคลิสเตียนคงไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ” เปาโลเตือน คลิสเตียนน่ากลัว เขาเป็นคนดูยาก ขนาดมีสัญญาใจผูกมัด ชายผู้นั้นยังยืดระยะเวลาออกไปจนได้ ไม่แน่ว่า...ความฝันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเป็นหมั้น เพราะหากคลิสเตียนตกลงปลงใจจริง...เขาน่าจะยอมนานแล้ว ไม่ใช่ยื้อเวลาไว้เช่นนี้ ในเมื่อบุตรีของท่านก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้หญิงคนไหนในโรมเลย “อีนั่นสมควรตายค่ะพ่อ มันฉกคลิสไปกก หนูยอมไม่ได้!!” ความหึง หวงฉายชัดออกมาทางแววตา หวันยิหวาสมควรตาย หล่อนเป็นใครมาจากไหน