บนโปรเจคเตอร์มีแบบแปลนตึกระฟ้า แผนงานในปีนี้ โปรเจกต์ยักษ์ที่คลิสเตียนทุ่มทุนสร้าง ชายหนุ่มเหลือบมองก่อนจะหันไปยิ้มให้ทุกคนที่นั่งอยู่บริเวณเดียวกัน เขาปลดรังดุมสูทช่วงเอว ทรุดนั่งบนเก้าอี้หัวโต๊ะ “เริ่มได้เลย” เสียงกังวานแหบห้าวทรงอำนาจร้องสั่ง
การประชุมที่แสนเคร่งเครียดจึงเริ่มต้นขึ้น กว่าจะสรุปลงตัวใช้เวลากว่า1ชั่วโมง 1ชั่วโมงที่ถกกันแบบเอาเป็นเอาตาย ไม่ไว้หน้า แม้จะเป็นคลิสเตียนเองก็ตาม เพื่อความสำเร็จของ รอสซีคอร์ปอเรชั่น งานหลักของคลิสเตียนคือการสร้างอาคาร เขามีสัญญาว่าจ้างสร้างอาคารใหญ่ในประเทศมหาอำนาจหลายสิบประเทศ ดังนั้นไม่แปลกหรอกที่ชายหนุ่มจะติดโผคนร่ำรวยอันดับต้นๆ เมื่อแต่ละโครงการที่คลิสเตียนทำ ทุนจดทะเบียนมากกว่าพันล้าน...
รอสซีพร็อพเพอร์ตี้น้องใหม่ไฟแรง บริษัทลูกที่เป็นอีกหนึ่งบริษัททำเงินของคลิสเตียน เขาหน้าใหญ่ มีเงินทุนสูง หลายประเทศจึงขอกู้ และคลิสเตียนก็ใจป้ำพอที่จะอนุมัติให้ เขามีลูกหนี้เป็นประเทศใหญ่ๆ แทบเอเชียมากกว่าสี่ประเทศ หนึ่งในนั้น คือประเทศไทย...ที่หลบซ่อนตัวของหวันยิหวาด้วย...
รอสซีเป็นตระกูลทรงอิทธิพลในอิตาลี อำนาจที่ส่งต่อจากรุ่น สู่รุ่น และเวลานี้อยู่ในมือคลิสเตียน
ตระกูลเก่าแก่ที่อยู่เบื้องหลังรัฐบาล เป็นคนคอยให้คำแนะนำ และส่งเสริมให้ผู้นำประเทศมีอำนาจ รอสซีส่งเสริมเรื่องเงินทุน เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง เขาเอาปลาเล็ก แลกปลาใหญ่ เพื่อให้ผู้นำประเทศปิดหูปิดตา หากเรื่องที่รอสซีทำเรื่องล้ำเส้นใครไปบ้าง...ธุรกิจมืดนั้น มาเฟียส่วนใหญ่พยายามจะล้างมือ รวมทั้งตระกูลของคลิสเตียนด้วย ไม่จำเป็นต้องทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ต้องทำเรื่องชั่ว ด้วยการค้ายาเสพติด มันหมดยุคที่ต้องทำเงินด้วยวิธีต่ำๆ เนื่องจากเงินสะสมที่คนรุ่นพ่อ รุ่นปู่สะสมไว้มีมากเกินพอ คลิสเตียนจึงพารอสซีออกมายืนท่ามกลางแสงสว่าง ทำธุรกิจถูกกฎหมายสร้างรายได้ที่ไม่ต้องเกรงกลัวใคร เงินลงทุนมากมาย แถมยังมีคนใต้ปกครองอีกเป็นจำนวนมาก ไม่แปลกที่ชั่วเวลาไม่ถึง10ปี รอสซีใสสะอาด จนไม่ต้องระแวงหลัง สมาชิกทุกคนกินอิ่มนอนหลับ เดินหน้าชนกับคนทั่วไปได้ โดยไม่ต้องหลบต้องซ่อน
ด้วยความฉลาดของคลิสเตียน...เขาทำให้เงินจำนวนมากที่ได้มาแบบไม่สะอาด กลายเป็นเงินที่มีที่มาที่ไป ถูกกฎหมาย...
เสียงปรบมือดังๆ จากคนรอบตัว คลิสเตียนกระพริบเปลือกตาปริบๆ ดึงสติของตนเองกลับมาจดจ่อกับงานตรงหน้า แทนการคิดถึงคนที่จากไปไกล...
การประชุมจบลงด้วยดี...โปรเจกต์ยักษ์ที่ค้างอยู่บนจอโปรเจคเตอร์ อาคารสูงระฟ้า กลางเมืองใหญ่...โครงการใหญ่ที่จะช่วยส่งเสริมให้รอสซีคอร์ปอเรชั่นดังกระหึ่ม หลังการปลูกสร้างจบลง...
หลายคนเดินเข้ามาจับมือแสดงความยินดีกับคลิสเตียน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นหลักๆ หรือทีมงานวิศวกร
คลิสเตียนยกมือเกาคาง...เขามองแปลนตึกที่กางอยู่ตรงหน้า “ตึกนี่ สร้างที่ไหนวะ?”
คงเป็นเพราะตลอดช่วงเวลาที่เจ้าของโปรเจกต์พรีเซ้นต์ คลิสเตียนอยู่ในภวังค์ตลอด
เซเก้กลอกตามองบน เขาไม่กล้าตำหนิเจ้านาย การ์ดหนุ่มกึ่งเลขาฯ ส่งเอกสารบางอย่างให้ แทนคำตอบ
เจ้านายหนุ่มฉวยเอกสารนั่นขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ “ประเทศไทย...” ตึกระฟ้าสูงกว่า40ชั้นนั่น กำลังจะปลูกสร้างในประเทศแถบเอเชีย โดยบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่ง และรอสซีคอร์ปอเรชั่นประมูลได้มา เงินลงทุนมหาศาล และผลกำไรก็มหาศาลเช่นกัน...
“ฉันขอไปดูสถานที่ได้มั้ย?”
เสียงเปรยของเจ้านายดังเบาๆ เซเก้หลุบเปลือกตาลง ปิดบังแววตาเต้นระริก มือของการ์ดหน้าดุกุมอยู่ที่เป้ากางเกง “ครับ”
“เคลียร์งานให้ด้วย...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องด่วน ทำให้ฉันต้องวุ่นวายใจ”
คลิสเตียนผุดลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดริมพนังกระจกใส ทอดสายตามองทิวทัศน์ด้านนอก ด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อความคิดภายในสมองกำลังถกเถียงกันให้วุ่นวาย
‘นายกำลังจะไปหาแม่นั่นซินะ’
‘ไม่...คนอย่างฉัน ทำไมต้องสนใจหล่อนด้วย ฉันไปดูงาน ไม่เกี่ยวกับแม่นั่นเลย’
‘อย่าปากแข็งเลยคลิส...แกมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ แกหลงแม่นั่นจนยอมกลืนน้ำลายตัวเอง’
มือแข็งแรงกำแน่น เถียงเจ้าความคิดวุ่นวายในใจนั่นดัง ‘ไม่! ฉันคือคลิสเตียน รอสซี ฉันไม่เคยสนคนอย่างแม่นั่นเลย’ ใช่...ชายหนุ่มพยักหน้ากับตนเอง เขาคือใคร!! ทำไมต้องสนใจผู้หญิงอย่างหวันยิหวาด้วย ผู้หญิงแบบหล่อนแค่เขี่ยๆ ก็เจอ หล่อนไม่ได้โดดเด่น ไม่มีความสำคัญ แค่บังเอิญผ่านมาในชีวิตของเขา หากหล่อนจงใจจะจากไป ทำไมเขาต้องยื้อไว้
เซเก้มองด้านหลังเจ้านาย เขาเป็นห่วงคลิสเตียน ท่าทีเงียบขรึมที่เจ้านายพยายามแสดงออกให้ทุกคนรอบตัวมองเห็น ความเฉยชาหลังได้รับรู้เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อหวันยิหวา มันคือหน้ากากที่อำพรางความจริงในใจ
นับ10ปี ที่เซเก้ยืนอยู่ด้านหลังของคลิสเตียน และเกือบ10ปีที่อยู่ในฐานะเพื่อน เวลาทั้งหมดนั่น ทำให้เขารู้จักนิสัยใจคอของเจ้านายเป็นอย่างดี ชั่วชีวิตผู้ชายชื่อคลิสเตียน เขาไม่เคยรู้จักความผิดหวัง อะไรก็ตามที่เจ้านายอยากได้ คลิสเตียมสมปรารถนามาตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ชายหนุ่มเหมือนถูกตบหน้า ผู้หญิงของตัวเอง หอบผ้าหนีตามลูกน้องคนสนิทตอนที่เขาเผลอ...ความไว้ใจ กลายเป็นความเคียดแค้น... ภายใต้สีหน้าเฉยเมย ผู้ชายคนหนึ่งกำลังคุ้มคลั่งเพราะความโกรธที่เกาะติดอยู่ในหัวใจ
ผู้หญิงธรรมดาคนนั้น ผู้หญิงที่ความบังเอิญชักพามาให้รู้จักคนอย่างคลิสเตียน แต่ผู้หญิงคนนั้นพิเศษเหนือใคร เพราะหล่อนเป็นคน คนเดียวที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของคลิสเตียนใต้ชายคาปราสาทรอสซี สถานที่ที่แม้แต่ เจนน่าคู่หมายของเจ้านายหนุ่ม... ยังไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปได้เลย
เซเก้โครงศีรษะ ความวุ่นวายนี่เพิ่งเริ่มต้นเอง...คลิสเตียนจะต้องผจญกับความวุ่นวายนี่ไปอีกนาน ในเมื่อเขาจงใจผูกปม...คนที่คลายปมนั่นได้ ก็น่าจะเป็นตัวเขาเอง...เซเก้อยากพบเจออัลเบโต้ที่สุดเวลานี้ เขาอยากได้ยินจากปากเพื่อน สิ่งที่อัลเบโต้กระทำนั้น...คือความจงใจ หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง?
การ์ดหนุ่มค้อมตัวให้เจ้านาย เดินถอยหลังออกไปด้านนอก...ปล่อยให้คลิสเตียนอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง
ประเทศไทย...กรุงเทพฯ บรรยากาศยามค่ำบนตึกสูง มองเห็นแสงไฟบนถนนคล้ายๆ เส้นเชือกที่พาดโยงไปมาน่าปวดหัว คลิสเตียนยืนนิ่ง สายตามองภาพนั้น แต่กลับคิดถึงใครบางคน ผู้หญิงคนหนึ่งสดใสเหมือนดอกไม้ป่า รอยยิ้มเต็มหน้า กับแววตามีชีวิตชีวา รอบตัวของเธอคือความสดชื่นที่คลิสเตียนไม่เคยเจอ สังคมของเขาทำให้ชายหนุ่มกลายเป็นคนเย็นชา เมื่อมีแต่คนที่เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ สวมหน้ากากคนใจดี แต่ลับหลังคือหมาป่าผู้หิวโซ จ้องจะตะปบเหยื่อหากตนเองเพลี่ยงพล้ำ ‘คลิส...ลองทานฝีมือของหวาหน่อยค่ะ หวาทดลองทำเองเลยน๊า’ กลิ่นขนมอบลอยตลบอบอวล เป็นกลิ่นที่เพิ่งเคยมีเป็นครั้งแรกในรั้วบ้านรอสซี บ้านที่เหงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวาฟื้นคืนมาอีกครั้ง บ้านกลายเป็นบ้านตั้งแต่หวันยิหวาเหยียบย่างเข้ามาอาศัยอยู่ด้วย หล่อนเหมือนแมวน้อย ที่ขยันมาคลอเคลียเจ้าของ มือนุ่มนิ่มนั่น แตะต้องสัมผัสเขาด้วยความอบอุ่นจริงใจ รอยยิ้มของหล่อนก็เช่นกัน ไม่ต่างอะไรกับความสดชื่นยามรุ่งอรุณ หล่อนคือความสุขที่เขาไม่เคยได้สัมผัสมานานหลายปี นับตั้งแต่บิดา-มารดาลาลับไป คลิสเตียนสะบัดใบหน้าแรงๆ ความทรงจ
“ผมกำลังดูข่าวอยู่” แล็ปท็อปที่ชายหนุ่มเหวี่ยงทิ้ง หล่นอยู่ไม่ไกล คลิสเตียนเปรยเบาๆ เขาลุกไปหยิบแล็ปท็อปนั่นขึ้นมาจากพื้น และมันยังค้างอยู่หน้าเดิม สาวสวยอึ้งไปเล็กน้อย กว่าจะปรับความรู้สึกให้นิ่งได้ คลิสเตียนก็จับได้เสียแล้ว “ผมว่า ไอ้รถบรรทุกคันนั้นน่ะ ของเซมิโอเน่ไม่ใช่เหรอ ผมคุ้นๆ ตราสัญญาลักษณ์ที่ติดอยู่หน้ารถนะ” “ไม่รู้ซิคะ เจนไม่ค่อยสนใจกิจการของพ่อ...คุณอยากรู้ต้องถามพ่อเองค่ะ” หญิงสาวแสร้งไขสือ แต่การบอกปัดเร็วไปซักนิด เธอไม่แม้แต่จะขอดูรูปเพื่อหาข้อแก้ต่างเลย เจนน่ารีบปฏิเสธทันที เหมือนรูปข่าวนั้น เธอเคยเห็นมาก่อน... “เจนน่า!” คลิสเตียนเรียกเจนน่าเสียงเย็นๆ “เจนขอตัวค่ะ พอดีนึกได้ว่ามีธุระ...ไว้ว่างๆ เจนจะมาหาใหม่นะคะคลิส” เจนน่าร้อนตัว เธอทนนั่งอยู่ต่อหน้าคลิสเตียนไม่ไหว เกรงว่าตนเองจะเผลอเผยพิรุธให้ชายหนุ่มจับได้ แต่สิ่งที่เจนน่าทำ หล่อนแทบจะแบให้คลิสเตียนเห็นจนถึงไส้ถึงพุง แค่อาการที่หล่อนร้อนตัว ก็ทำให้คลิสเตียนเดาทางถูก คลิสเตียนไม่ได้รั้งไว้ เขาปล่อยเจนน่ากลับไป...เพราะชายหนุ่มมีหนทางสืบได้แบบไม่อยาก
“พูดมา ฉันรอฟังอยู่” ชายหนุ่มเปรย สายตาไม่ได้ละไปจากเอกสารในมือ เขาแน่ใจว่าเซเก้ต้องการสื่อสารเรื่องอะไร “มีตั๋วจากโรมไปไทย แต่ที่นั่งเป็นแบบชั้นประหยัดครับ ถ้าเจ้านายจะไปพรุ่งนี้” คลิสเตียนเหลือบมอง “เรื่องแค่นี้จัดการไม่ได้ ฝีมือนายตกไปนะเซเก้ หรือจะต้องให้ฉันซื้อทั้งสนามบินมาเสียเลย” เซเก้กลืนน้ำลายฝืดๆ คำประชดประชันของเจ้านายเล่นเอาเขาเหงื่อตก “ทุกอย่างจะเรียบร้อยครับ” การ์ดหนุ่มรับคำเสียงหนักแน่น คงไม่ต้องถึงขั้นซื้อสนามบิน แต่คงต้องรีบก่อนที่เจ้านายจะระเบิดตูม “ดี” เซเก้ถอยหลังกลับ เขาคงต้องไปกว้านหาซื้อตั๋วเครื่องบิน ก่อนที่เจ้านายจะพิโรธ...ชายหนุ่มยกมือปาดเหงื่อ...ทุกวันแทบจะร้างราผู้โดยสาร ทำไมต้องจำเพราะเจาะจงเป็นวันที่คลิสเตียนต้องการเดินทาง ตั๋วชั้นเฟิร์สคลาสเต็มทุกที่นั่ง...และนั่นคือสาเหตุให้เขาวิ่งวุ่นอยู่ตอนนี้... หลังลูกน้องคู่ใจหายลับไป คลิสเตียนหยิบแล็ปท็อปส่วนตัวขึ้นมาค้นหาอะไรบางอย่าง ข่าววันเกิดอุบัติเหตุใหญ่ เป็นข่าวครึกโครมอยู่เกือบเดือน... แต่กลับเงียบหายไปดื้อๆ เหมือนมีใครบางคนปกป
หญิงสาวลงจากรถประจำทางเดินเข้าซอยแคบๆ หนึ่งอึดใจต่อมาเธอก็เดินถึงบ้านหลังน้อย ซีรีนขมวดคิ้ว ในบ้านมืดสนิท เหมือนไม่มีคนอยู่ หญิงสาวไขกุญแจรั้ว เดินผ่านประตูหน้าจัดแจงล็อครั้วด้านนอกเหมือนเดิม ก่อนจะเดินไปไขประตูบ้าน ไฟฟ้าสว่างพรึ่บ!! เมื่อเธอกดสวิทซ์เปิด แสงสว่างจัดจ้าขึ้นมา หญิงสาวกราดตามองไปรอบๆ ตัวสมบัติน้อยชิ้นยังอยู่ที่เดิม หญิงสาวแอบขำตัวเอง หากผู้ชายคนนั้นเป็นคนร้าย เขาก็โง่เต็มทน เมื่อเขาให้เธอไปเอาเงินจำนวนมากจากคน คนหนึ่งแลกกับการยกเค้าบ้านเธอ ซึ่งเปรียบกันไม่ได้เลย “เป็นไงบ้างคุณ?” หญิงสาวโผล่หน้าเข้าไปถาม อัลเบโต้ปรือตามอง เขาปวดแผลอย่างมากเลยใช้วิธีนอนหลับ เพื่อให้ลืมๆ ความเจ็บปวดนั่น ถุงไก่ทอด กับอาหารอ่อนอีกหนึ่งอย่าง ซีรีนวางไว้ข้างตัวคนป่วย เธอยกมืออังหน้าผากชายหนุ่ม “ตัวร้อนนี่ ปวดแผลไหม? โทษทีนะ ฉันมัวแต่หาบ้านหลังนั้น ใช้เวลานานกว่าจะเจอใครจะไปคิดล่ะ บ้านที่คุณให้ไปหลังใหญ่ยังกับปราสาท” หญิงสาวพูดไปเรื่อย เพื่อไม่ให้เงียบเกินไป เธอฉวยผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก เดินไปชุบน้ำมาหมาดๆ ก่อนจะเดินกลับมาเพื่อจัดการเช็ดตัวคนป่วยให้อุณหภูมิในร่
บทที่4.แก้ปม... หลังพบหมอ...หวันยิหวาไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลย คำแนะนำของท่าน ไม่ช่วยให้เธอจำอะไรได้มากขึ้น สิ่งที่คอยแวบเข้ามาในสมอง ก็ยังเป็นอยู่เช่นเดิม ความทรงจำเหล่านั้น คงพยายามโผล่มาให้เธอนึกออก แต่มันรวดเร็วเสียจนคว้าเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวถอนใจแรงๆ นึกเบื่อตนเองที่กลายเป็นภาระของบิดา มารดา เธออยากรู้นักอะไรทำให้เธอกดความทรงจำนั้นไว้ มันเป็นเรื่องสะเทือนใจหรืออย่างไร?!! กลไกในร่างกายของเธอจึงปกปิดไว้...ช่วยปกป้องเธอจากความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้น หากเธอจำสิ่งเหล่านั้นได้ทั้งหมด หวันยิหวาเดินทอดน่องริมทะเลที่มีคลื่นลูกเล็กๆ พัดเข้าหาชายฝั่ง เธอคิดอะไรเพลินๆ ปล่อยให้กระแสลมพัดต้องผิวกาย พวงผมสลวยด้านหลังถูกสายลมพัดใส่จนผมเส้นเล็กไหวไปมาเหมือนดั่งระลอกคลื่นในท้องทะเลก็ไม่ปาน กลิ่นไอทะเลที่มีความเค็มปะปนมาด้วย ช่วยให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย สภาพอากาศที่แสนคุ้นเคย เธอแน่ใจ... สิ่งรอบตัวนี้ เธอพบเจอมาตั้งแต่เด็ก หญิงสาวตัดใจ เดินย้อนขึ้นไปด้านบน เธอมองหารถรับจ้าง เพื่อโดยสารกลับบ้าน แต่มาเปลี่ยนใจตอนหลัง หวันยิหวาเบื่อที่จะอยู่คนเดียว การมีเพื่อนช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ
“เจน...หนูเอาคนของพ่อไปใช้ แล้วทำไมพ่อจะไม่รู้ล่ะว่าหนูเอาพวกมันไปทำอะไรมา” เสียงของเปาโลทุ้มนุ่ม เขากำลังหาทางช่วยบุตรสาว เมื่อคนที่เจนน่าต่อกรด้วย น่ากลัวกว่าเสือร้ายหลายสิบเท่า หญิงสาวสบถออกมาเบาๆ “เชี่ย!” นึกขัดใจความภักดีของคนเหล่านั้น ไม่ว่าจะยังไงบิดาของเธอก็ยังเป็นเจ้าชีวิต ที่พวกมันไม่คิดจะหักหลัง ทั้งๆ ที่เธอกำชับกำชาหลายสิบรอบ พวกมันก็ยังคาบข่าวมาบอกบิดาของเธอจนได้ “อย่าไปว่าพวกเขาเลย...บอกพ่อน่ะดีแล้ว พ่อจะได้หาทางช่วย...หนูเล่นผิดคนแล้วล่ะเจน...เพราะถึงอนาคตของเราจะเป็นดองกับฝ่ายนั้น...แต่คนอย่างคลิสเตียนคงไม่ยอมให้ใครมาลูบคมง่ายๆ” เปาโลเตือน คลิสเตียนน่ากลัว เขาเป็นคนดูยาก ขนาดมีสัญญาใจผูกมัด ชายผู้นั้นยังยืดระยะเวลาออกไปจนได้ ไม่แน่ว่า...ความฝันระหว่างผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายจะเป็นหมั้น เพราะหากคลิสเตียนตกลงปลงใจจริง...เขาน่าจะยอมนานแล้ว ไม่ใช่ยื้อเวลาไว้เช่นนี้ ในเมื่อบุตรีของท่านก็ไม่ได้ด้อยกว่าผู้หญิงคนไหนในโรมเลย “อีนั่นสมควรตายค่ะพ่อ มันฉกคลิสไปกก หนูยอมไม่ได้!!” ความหึง หวงฉายชัดออกมาทางแววตา หวันยิหวาสมควรตาย หล่อนเป็นใครมาจากไหน