จะว่าเขาลวนลามก็ไม่ใช่ เพราะการทำอย่างนั้นผู้หญิงต้องไม่ยินยอม แต่นี่ไม่ใช่ ด้วยเธอดันให้ความร่วมมือกับเขาด้วยนะซิ คิดแล้วก็อายเหลือเกิน ที่ตัวเองกลายเป็นคนไวไฟ ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เผลอร่วมมือร่วมใจไปกับคนก่อการที่ชักนำเอาอารมณ์แปลกๆ วาบหวามเกินจะยับยั้งชั่งใจได้ แต่กันติชาก็รู้ดี จะปล่อยให้อารมณ์เหล่านั้นอยู่เหนือหน้าที่การงานไม่ได้
ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าพ่นออกจากริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มและเป็นสีชมพูระเรื่อ พร้อมรีบสลัดความคิดที่ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองทิ้งและหันไปสนใจกับงานที่กองอยู่ตรงหน้า สองมือจัดเก็บกวาดกับอาหารที่ไม่บอบช้ำจากการตักกินอย่างกระมิดกระเมี้ยน เขี่ยแล้วเขี่ยอีกไม่รู้จะเขี่ยหาพระแสงอะไร ถ้าเขี่ยมากแล้วมีทองออกมากองตรงหน้าเธอจะไม่ว่า แต่นี่อะไรได้ พอเขี่ยเสร็จก็เบะปากและปล่อยลมพิษเหม็นๆ ชวนปวดเศียรเวียนเกล้าออกมา
‘อันนี้มันมาก กินไม่ได้เดี๋ยวอ้วน อันนั้นก็ไม่มีผัก กินไม่ได้เหมือนกันเดี๋ยวอ้วน’ ริมฝีปากอวบอิ่มขมุบขมิบล้อเลียนสาวๆ ที่มาเป็นแขกในงานบ้านราชันย์
แม่เจ้าประคุณเอ๊ย หุ่นอย่างกับมดโย่งย่าง ผอมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก ยังจะกลัวอ้วนอีก คนอะไรช่างไม่มองตัวเองเลย แต่ก็เป็นอย่างนี้จริงๆ นั่นแหละ คนรวยดันเลือกที่จะกินทิ้งกินขว้างอย่างไม่เสียดาย ทีคนจนบางคนแทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อด้วยซ้ำ
กันติชาเก็บอาหารที่มีเหลืออยู่น้อยนิดใส่กล่องนำไปใส่ตู้เย็นไว้ให้เจ้าของบ้านได้ทานในวันพรุ่งนี้ ส่วนที่ใช้การไม่ได้ก็เททิ้งกวาดทุกอย่างใส่ถุงดำใบใหญ่นำไปวางไว้มุมหนึ่งของห้อง และหันเก็บภาชนะทุกอย่างไปล้างเก็บให้เข้าที่
“บ้าแล้วยายว่าว คิดอะไรอยู่ ประมาณตัวเองหน่อยยายเบอะ” บ่นว่าตัวเองที่ไม่ว่าจะทำอะไรความคิดก็มักจะคอยวนเวียนไปที่ราชันย์ ใบหน้าคอยแต่ชะเง้อ ตากวาดมองไปยังห้องโถงที่ตอนนี้มีหนุ่มสาวจับกันเป็นคู่ เลือกมุมที่นั่งกันเป็นการส่วนตัว บางคู่เริ่มคลอเคลียลูบไล้กันอย่างไม่คิดว่าผีบ้านผีเรือนจะเป็นตากุ้งยิง เห็นแล้วกันติชาก็รู้สึกว่าความรังเกียจและขยะแขยงแล่นพล่านไปถึงสมอง
ศีรษะทุยส่ายเบาๆ หนุ่มสาวสมัยนี้ช่างหน้าไม่อายกันบ้างเลย หลายคนที่มาร่วมงานในวันนี้คาดเดาอายุแล้วน่าจะไม่เกินยี่สิบปีด้วยซ้ำ ไม่รู้พ่อแม่เขาเลี้ยงลูกประสาอะไรถึงได้ปล่อยให้เป็นเด็กใจแตกแบบนี้ ถ้าอนาคตเธอเป็นแม่คนจริงๆ คงจะต้องอบรมสั่งสอนให้ลูกรู้สึกถึงสำนึกดีชั่วมากกว่านี้ ให้รู้ว่าอย่าปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชาย เพียงเพราะคำหวานที่พร่ำบอก สุดท้ายแล้วก็ต้องมานั่งเสียใจเพราะผู้ชายพวกนั้นไม่แลและยังเอามาพูดใส่หน้าได้อีกว่าทำตัวง่ายด้วย
“เออ...ไปว่าคนอื่น เราเองก็...ไม่ต่างกันเท่าไหร่เลย” เอ่ยเสียงเศร้า เมื่อย้อนคิดถึงตัวเองอย่างอับอายจนหน้าชา เพราะทำตัวไม่ต่างจากผู้หญิงพวกนั้นสักเท่าไหร่
เพียงเจอหน้าราชันย์ครั้งแรกก็ยอมปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาแนบชิด โดยลืมนึกถึงเหตุผลความถูกต้อง ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด ขอบตาร้อนผ่าว เมื่อคิดถึงความหน้าไม่อายของตัวเอง
กันติชาผ่อนลมหายใจออกจากปอด อย่างคนที่ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว นับจากค่ำคืนนี้และเสร็จสิ้นงานนี้ เธอคงจะต้องอดรับงานที่บ้านหลังนี้แล้วล่ะ แม้จะเสียดายเงินจำนวนมากโขที่จะได้รับ แต่กับการต้องเสียตัวให้ผู้ชายเจ้าเล่ห์ที่ฟันแล้วทิ้ง เธอยอมทิ้งเงินเรือนหมื่นที่จะดีกว่า
คิดได้ดังนั้นวงหน้าสวยก็ผ่อนคลายขึ้น ไหล่เล็กยกขึ้นซับเหงื่อที่ผุดขึ้นบนมุมหนึ่งของใบหน้า พร้อมนำถาดใส่อาหารในมือไปวางคว่ำไว้ในที่ของมันเป็นชิ้นสุดท้ายของการปิดงานในค่ำคืนนี้ของเธอ กับลมหายใจร้อนๆ ที่เป่าพ่นออกจากริมฝีปาก
“เสร็จซะที” มือเล็กที่ยกขึ้นซับเหงื่อบนใบหน้าอีกครั้ง ทั้งที่เวลาตอนนี้ก็ดึกดื่นเลยเที่ยงคืนแล้ว อากาศน่าจะเย็นลงเหมือนกับทุกๆ คืน กลับกลายเป็นว่ายิ่งดึงลมก็ยิ่งพัดแรงขึ้น และอากาศก็ยิ่งร้อนเป็นเท่าทวีคูณ และมีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้กันติชาถึงกับเบะหน้าด้วยความไม่ชอบใจเป็นอย่างยิ่งนั่นคือ บรรยากาศด้านนอกที่มีเสียงฟ้าร้องครืนๆ บวกกับสายฟ้าที่สาดแสงแข่งกันอยู่เป็นระยะเหมือนกับว่าคืนนี้จะมีพายุใหญ่
“ยังมีอะไรเหลือให้กินอีกบ้างไหมคุณแม่ครัว” นภดลเอ่ยทักแม่ทำอาหารที่เขาเห็นราชันย์เหลียวมองครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยน้ำเสียงที่ทอดยาวหวานเชื่อมและกรุ้มกริ่ม
กันติชาสะดุ้งกับเสียงหวานทุ้มและอ้อแอ้ที่ดังมาจากด้านหลัง น้ำเสียงที่เรียกขนกายให้ลุกชันด้วยความรังเกียจและสะอิดสะเอียนได้ไม่ยากเลย น้ำเสียงบ่งบอกว่าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังดื่มน้ำสีสวยที่มีฤทธิ์เปลี่ยนนิสัยคนดีๆ ให้กลายเป็นคนร้ายๆ มากเอาการแล้วด้วย
สาวน้อยสองจิตสองใจว่าจะหันไปตามเสียงเรียกดีหรือเปล่า แต่ไอเย็นๆ ที่แผ่ซ่านมาครอบคลุมเรือนกาย ทำให้กันติชาคิดไปอีกทาง ไอ้บ้าที่ยืนด้านหลังเธอไม่น่าจะมาหาเรื่องกินตอนดึกๆ แบบนี้ มันน่าจะมีความต้องการอะไรอย่างอื่นเสียมากกว่า ชิ...นึกว่าเธอรู้ไม่ทันหรือไงไอ้บ้า
ไหนจะคำพูดของป้าจันทร์ที่ลอยกลับเข้ามาในหูอีกละ ทำเอาสาวน้อยวัยแรกผลิถึงกับกลัวจนตัวสั่น ริมฝีปากอวบอิ่มขบเม้มเข้าหากันอย่างสะกดอารมณ์ ทั้งหวาดกลัวและหงุดหงิดกับเสียงฟืดฟาดซึ่งดังอยู่เบื้องหลัง ราวกับเสือกำลังคำราม
ท้ายสุดกันติชาก็ข่มกลั้นความกลัว ละความคิดที่มุ่งไปในทางร้ายๆ หันไปเผชิญหน้ากับคนที่บุกรุกล่วงล้ำที่ส่วนตัวของเธอ...ก็นี่มันครัวของเธอนี่นา คุณราชันย์เป็นคนอนุญาตเอง ถ้ามาไม่ดีเธอก็ตอกกลับไปได้ซิ รอยยิ้มแห่งความหวาดกลัวแปลเปลี่ยนเป็นฮึดสู้
นภดลหงุดหงิดใจที่ยายแม่ครัวตัวดียังไม่หันหน้ามาสักที ตั้งแต่เห็นราชันย์เริ่มมีอะไรแปลกๆ เขาก็คอยจับตา มองอยู่ตลอดว่ามีสิ่งใดเรียกความสนใจเจ้านายกึ่งเพื่อนคนนี้ จนได้รู้เมื่อเห็นสายตาคมคอยตวัดมองไปยังร่างโปร่งบางของสาวน้อยแม่ครัวที่ขนถ่ายอาหารอยู่ไม่ได้ขาด เขาเลยจับตามองกลับบ้าง แล้วก็ดูเหมือนว่ายายเด็กนี่ก็รู้ตัวด้วย เลยพยายามที่จะหลบหน้าหลบตาอยู่ตลอดเวลา
‘เหอะ...ทำเป็นเล่นตัว เรียกร้องความสนใจนะซิ’
เขาอยากเห็นหน้ายายแม่ครัวจอมหยิ่ง ตั้งแต่ตอนที่ทุกคนแยกย้ายกับมาสุมตัวอยู่ในห้องโถงใหญ่ของบ้านแล้ว แต่ดันมีอุปสรรคเป็นแม่บ้านของราชันย์ที่คอยมาวนเวียนถามไถ่อยู่ตลอดเวลา เพิ่งจะหายตัวเมื่อไม่นานนี้เอง แต่ก็ยังติดที่เขาต้องอยู่กล่อมแม่สาวน้อยใจแตกที่พามาด้วยให้หลับสนิท ก่อนจะมาแอบดูยายแม่ครัวจอมหยิ่งให้ชัดเจนหน่อย
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว