Masuk
Prologue
“มึงจะร้องไห้คร่ำครวญอะไรนักหนาวะ กูนี่สิควรจะร้อง เพราะกูเป็นผู้หญิงและเพิ่งเสียจิ้นให้มึงนะ!” ฉันตวาดขึ้นอย่างเหลืออดเมื่อมองไปยังเตียงนอน ร่างเปลือยเปล่าสมสัดส่วนของผู้ชายที่สูงถึง 184 เซนติเมตร ที่ถูกคลุมด้วยผ้านวมแค่ท่อนล่าง โชว์ให้เห็นรอยสักรูปสิงโตที่แผงอกด้านขวา และขาที่โผล่พ้นชายผ้านวมช่วงเหนือเข่าก็เห็นรอยสักนกเหยี่ยวกางปีก
กำลังร้องไห้น้ำตาเปื้อนหน้าตี๋หล่อของมัน
ใช่ ไอ้ตรี มันทั้งหล่อ เท่ รูปร่างดี ภาพลักษณ์ของมันคือดูแบด เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นสาวหวานหรือสาวแซบ
แต่มันก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันตั้งแต่เรียนประถม กระทั่งวันนี้เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนที่สนิทกันเหมือนเดิม สนิทขนาดนอนเตียงเดียวกันได้โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยกเว้นเมื่อคืน...
ในขณะที่ฉันนั้นแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ด้วยเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนขาดๆ นั่งอยู่ข้างเตียงด้วยสภาพอิดโรยอย่างหนัก เพราะเมื่อคืนผ่านสมรภูมิพิศวาสจนเตียงแทบพัง คิดแล้วก็อยากจะกระโดดระเบียงชั้นเก้าลงไปให้รู้แล้วรู้รอด
“ก็มึงไม่ใช่ผู้หญิง แต่มึงเป็นทอม แล้วมึงคิดดูสิ กูนอนกับทอม รู้ถึงไหนอายถึงนั่น ฮือๆ!”
“เออ ทอมมันไม่ใช่ผู้หญิงหรือไงวะ มึงหยุดร้องเลยนะไอ้ตรี ถ้าไม่อยากเจอตีน กูยิ่งเครียดๆ อยู่!” ฉันพูดพร้อมกับเสยผมสั้นเคลียหูตัวเองอย่างหงุดหงิดที่ไอ้ตรี มันขยันย้ำว่าฉันเป็นทอม
ทั้งที่ฉันเพิ่งคบเพศเดียวกันได้เพียงสามเดือนเท่านั้น ที่ผ่านมาฉันก็คบกับผู้ชายทั้งนั้น กระทั่งเลิกคบเมื่อผู้ชายที่รักมากหักอก ไปเอากับเพื่อนผู้หญิงในกลุ่มที่เขาบอกฉันว่าเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด สุดท้ายกลายเป็นเพื่อนกัน นอนกัน มันส์ดีซะงั้น
คงไม่ต่างจากฉันเวลานี้ เพียงแต่ฉันไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น
“มึงปล้ำกู ทั้งๆ ที่กูเป็นเพื่อนซี้ของมึงแท้ๆ!” มันยังคร่ำครวญไม่เลิก
“ไอ้สัส มึงคิดว่ากูอยากปล้ำมึงหรือไง ถ้ามึงอยากจะโทษใครสักคนในเรื่องนี้ มึงโทษอีหมวย กิ๊กร่านของมึงดิวะ เสือกมาวางยากูทำไม สงสัยเอากับมึงมันไม่ถึงใจไง ถึงอยากจะมาแรดกับทอม
อย่างกู อุตส่าห์ไม่อยากยุ่งกับผู้หญิงคนเดียวกับเพื่อนตัวเอง แต่อีเลวนั่นดันมาทำแบบนี้กับกูอีก ถ้ากูเจอมันนะจะเตะให้กระดูกเชิงกรานหัก ไม่ได้ไปเอากับใครได้เลย!”“เออๆ กูผิดเองที่ดันชวนมันมางาน ก็ใครมันจะไปรู้ว่ามันอยากจะเล่นดนตรีไทยกับมึง!”
“เพราะงั้นมึงก็เลิกร้องฟูมฟายเหมือนเพิ่งเสียพรหมจรรย์เสียที กูรำคาญ!”
“มึงไม่เข้าใจ กูนอนกับทอมนะ”
“แล้วมึงเข้าใจมั้ย กูก็นอนกับผู้ชายเป็นครั้งแรกในชีวิต แถมไอ้ผู้ชายเวรนั่นดันเป็นเพื่อนสนิทของกูด้วย ที่สำคัญกูมีแฟนแล้ว นี่ถ้าน้องรินรู้จะเกิดอะไรขึ้น!” เพราะเสียงที่สั่นเครือของฉันแน่ๆ ทำให้ไอ้ตรีมันหยุดคร่ำครวญ
“มึงก็ไม่ต้องบอกน้องรินสิ”
“เออสิ กูไม่มีทางบอกน้องรินหรือใครทั้งนั้นแหละ มึงเองก็เหมือนกันห้ามบอกใครเด็ดขาด ไม่ยังงั้นกูจะฆ่ามึงด้วยมือของกูเอง!”
“มึงคิดว่ากูจะกล้าบอกใครได้ล่ะ!”
ไอ้ตรีย้อนเสียงแข็ง ทำท่าจะน้ำตาไหลอีกครั้ง
มองแล้วก็อดโมโหไม่ได้ เรื่องฉิบหายวายป่วงครั้งนี้ มันเกิดขึ้นเมื่อคืนนี่เอง
“งั้นมึงกับกูก็ถือเสียว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น ลืมๆ มันไปซะ”
“แต่กูลืมภาพที่มึงแก้...”
“ไอ้เหี้ยหุบปากเลยนะ!” ฉันผุดลุกยืนขึ้นแล้วยันโครมเข้าที่สีข้างของไอ้ตรีจนมันตกเตียง ผ้านวมก็หลุดจากท่อนล่างมัน จนฉันรีบปิดตาทันที แต่ก็ช้าไปเพราะดันไปมองเห็นเจ้าตรีน้อยของมันเต็มตา ชวนให้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง
จริงๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นไอ้จ้อนของมัน เพราะฉันกับไอ้ตรีแก้ผ้ากระโดดเล่นน้ำริมคลองที่บ้านเกิดมาด้วยกันตั้งเรียนเด็ก แม้แต่ตอนโตเข้าเรียนมหาลัยแล้ว ไอ้ตรีมันก็ไม่เคยระวังตัว วันดีคืนดีมันก็เดินโท่งๆ ออกมากจากห้องน้ำ ทั้งที่ฉันก็อยู่ด้วย ยิ่งเวลาเมาไม่ต้องพูดถึง มันเมาแล้วชอบแก้ผ้านอนตลอด เห็นจนเบื่อ แต่ตอนนี้เวลาเห็นแล้ว ใจมันไม่เหมือนเดิม
“โอ๊ย ไอ้เก้า มึงอย่าตีนไวได้มั้ย กูเจ็บนะ!”
“มึงก็อย่าพูดพล่อยๆ อีก!”
“เออ จำไว้นะ เรื่องเมื่อคืนมันคือฝันร้าย ลืมๆ มันไปซะ!”
“เออ กูลืมแน่!”
“งั้นกูกลับ!”
“เออ แล้วแต่มึง!”
ฉันหันไปมองไอ้ตรีที่ยังนั่งเปลือยอยู่บนพื้นข้างเตียงเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะเดินไปหยิบเป้ของตัวเอง แล้วเดินออกจากห้องของเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้เพิ่มอีกตำแหน่งคือ ‘ผัวข้ามคืน’ ให้มันด้วย
ฉันคิดด้วยความขื่นขม พร้อมกับน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัวเมื่อเดินเข้ามาในลิฟต์เพียงลำพัง
เสียดายพรหมจรรย์นั้นน้อยกว่า ที่ผู้ชายคนนั้นดันเป็นเพื่อนสนิท ที่เราเคยสัญญากันมาตั้งแต่เด็กว่าเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป จะอยู่ข้างๆ กัน ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ แต่ตอนนี้ฉันไม่แน่ใจแล้วว่าจะรักษาสัญญานั้นได้ตลอดไปหรือเปล่า
แม้จะบอกว่าให้ลืมมันไป แต่ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจะทำได้ง่ายๆ แต่ยังไงก็ต้องทำให้ได้ เพราะฉันก็ไม่อยากเสียเพื่อนสนิทไปเช่นกัน
สาบานเลยว่าถ้าเจออีหมวยร่านอีกครั้ง ฉันจะฆ่ามันให้ตายคามือ ไม่ใช่แค่ให้กระดูกเชิงกรานมันหักอย่างที่บอกไอ้ตรีไว้
เมื่อคืนเลี้ยงฉลองวันเรียนจบกับไอ้ตรีและเพื่อนในกลุ่มเดียวกันอีกสามคน ส่วนน้ำรินคนรักของฉันนั้นไปเที่ยวเมืองนอกกับครอบครัว มันเกิดเรื่องขึ้นเพราะไอ้ตรี ดันชวนกิ๊กคนใหม่ล่าสุดของมันมางานด้วย
ไอ้ตรี มันไม่ได้คบใครจริงจังมาตั้งแต่ไหนแต่ไร มันจึงมีผู้หญิงผลัดเปลี่ยนเวียนหน้ามาไม่ได้ขาด เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับอีหมวยมหาภัย ให้ท่าฉันจนออกนอกหน้า จริงๆ รูปร่างหน้าตามันก็ออกแนวที่ไอ้ตรีชอบ หน้าไม่ต้องสวยมาก แค่อย่าเป็นสิวก็พอ แต่รูปร่างต้องอวบอึ๋ม นมใหญ่ก็ใช้ได้แล้ว
แต่อีหมวยมันดันมาให้ท่าฉัน ทั้งที่ฉันบอกว่ามีแฟนแล้ว ไม่นอกใจแฟนแน่นอน ยังจะพยายามทอดสะพาน คลอเคลียไม่ห่าง
กระทั่งดึก เพื่อนคนอื่นๆ ขอตัวกลับไปหมด ไอ้ตรีก็เมาหลับ เหลือแค่ฉันกับอีหมวยที่ยังดื่มกันต่อ สักพักฉันก็เกิดอาการแปลกๆ วูบวาบ อยากแก้ผ้า และอยากถูกสัมผัส รู้เลยว่าโดนวางยาแน่นอน
รู้ว่าเป็นฝีมืออีหมวยอย่างไม่ต้องสงสัย ฉันเลยผลักมันออกไปจากห้องพักของไอ้ตรี จากนั้นก็ปลุกไอ้ตรี แล้วบอกให้มันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
...................
“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมันพอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถ
ในนาทีนั้นเองฉันแกะมือไอ้ตรีออกข้อมือ แล้วหมุนตัวแล้วจระเข้ฟาดหางไปบนลำตัวไอ้ปากหมาให้ไปนอนบนพื้นทรายอีกรอบก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายจับข้อมือไอ้ตรี และยัยนุ่นเดินลิ่วไปจากตรงนั้นทันทีฉันยังไม่ปล่อยมือจากไอ้ตรี ตั้งใจจะพามันไปซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสงสัย แต่ไอ้ปีกับไอ้พัทวิ่งตามหลังมา“เฮ้ย พวกมึงจะไปไหนเนี่ย ไม่เล่นน้ำกันหรือไง”“พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีมัน พวกมึงไปเล่นก่อนเหอะ นุ่นด้วย ไปเล่นกับไอ้สองคนนี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลากแขนไอ้ตรีกลับไปยังบ้านพัก“ตกลงมึงกับไอ้ปากหมานั่นคือ...” พอมานั่งในห้องโถงบ้านพักฉันก็ตั้งคำถามที่พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่อยากฟังชัดๆ จากปากไอ้ตรี“มันคือลูกบุญธรรมของพ่อกูเอง”“ตกลงมันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อมึง”“ไม่ใช่ มันเป็นหลานของแม่เลี้ยงกู ที่เขารับมันเป็นลูกบุญธรรมน่ะ กับเมียใหม่ เขาไม่ได้มีลูกด้วยกันหรอก”“อือ...แบบนี้เอง แล้วเรื่องที่ไอ้นั่นพูด มันคืออะไร เร่ร่อนที่ลอนดอน แล้วแฝดคนละแม่คืออะไร ชื่อไรนะ โทเหรอ ลงนรกคือหมายความว่าไงอะ” ฉันจำคำพูดของไอ้ปากหมานั้นได้อย่างแม่นยำ“ตายไง ไอ้โท พี่ชายกูเอง”“เฮ้ย มึงไม่เคยบอกเลยนะว่ามีพี่ชาย และเป็นแฝดคนละแม่คื
ไม่กี่นาทีต่อมาฉันกับยัยนุ่นก็เดินลงมาหาด หาดกว้างก็จริง แต่ผู้คนก็เยอะมาก ไม่รู้พวกมันเดินไปถึงไหน หรือลงเล่นน้ำกันไปแล้ว ฉันกับยัยนุ่นจึงถ่ายรูปกันสองคนไปก่อน“มึงถอยหลังไปอีก ไม่ต้องถ่ายโฟกัสหน้ากู ถ่ายให้เห็นทั้งตัว และให้เห็นทะเลกว้างๆ”ยัยนุ่นบอก“อือ...” ฉันครางรับ แล้วถอยหลังตามที่ยัยนุ่นบอก กระทั่งฉันชนกับร่างใครบางคน“เชี่ย!” ได้ยินเสียงสบถอย่างอารมณ์เสีย ฉันจึงรีบหมุนตัวเพื่อจะขอโทษ เห็นหน้าผู้ชายตัวสูงกว่าฉันแค่นิดหน่อย หน้าตาดีแบบกลางๆ ที่สำคัญดูหัวเสียมาก“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันลนลานขอโทษ คิดว่าจะโดนด่าหรืออะไรมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายมองกวาดร่างฉันอย่างสำรวจ จ้องขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นของฉันแล้วยิ้มออกมา“โอ๊ะ ไม่เป็นไรน้อง คนเราไม่ได้มีตาหลังนี่เนาะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ฉันชื่อเก้าค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง ไม่ได้ชอบสายตาของหมอนี่นักหรอก แต่เห็นว่าฉันผิดที่ไปชนเขาก่อน เลยไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปให้มาก“พักอยู่ที่ไหน”“เอ่อ แถวนี้แหละค่ะ”“บ้านพักของพี่ก็อยู่แถวนี้ บ้านหลังนั้นน่ะ ตึกสีขาวตรงนั้น เห็นมั้ย” เขาชี้มือไปยังบ้านพักเป็นตึกสีขาวทรงโมเด
Chapter 3: กลางทะเลรุ่งเช้าเราเช็กเอ๊าท์แบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางไปหัวหิน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน เราจึงไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน กินเสร็จก็ใกล้เวลาเช็กอินจึงเดินทางไปบ้านพักติดชายทะเล บรรยากาศดีมาก จนฉันกับนุ่นร้องกรี๊ดอย่างถูกใจ เพราะเราค้างคืนที่นี่สามคืน“ไอ้ตรีแม่งจองบ้านพักถูกใจมาก”“บ้านดี ติดทะเลขนาดนี้ คืนละสามพันโคตรถูกเลย” ฉันพึมพำขณะเดินชมบ้าน ที่ห้องนอนถึงสามห้อง“นั่นสิ อย่างต่ำมันน่าจะห้าพันเปล่าวะ” ยัยนุ่นพึมพำ ก่อนจะเอ่ยต่อ“ช่างเถอะ เราจ่ายเงินไอ้ตรีไปแล้วนี่ มันก็คงราคาแค่นั้นแหละ”“อือ...” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนเราสองคนจะได้เป็นคนเลือกห้องก่อน แน่นอนเลือกห้องที่วิวดี มองเห็นทะเลจากหน้าต่างข้างห้องพอเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวเรียบร้อย ยัยนุ่นก็หันมาทางฉัน มองตามันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”“วันที่กินเลี้ยงวันนั้น” ฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยนุ่นฟังเรื่องที่อีหมวยมันวางยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วเหล้าฉัน“เวรจริงๆ” ฟังจบยัยนุ่มก็พูดเหมือนไม่รู้อะไรมากกว่านั้น“แต่เมื่อคืนจูบกัน หมายความว่าไงวะ”“เอ่อ กูไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ตรีมันบ้าว่ะ จู่ๆ ก
“ไอ้เก้าเริ่มเมาเปล่า แก้มแดงเป็นตูดลิงแล้ว” ไอ้พัทหันเป้ามาทางฉันแล้ว“เออ ก็นิดหน่อย” ฉันตอบรับอย่างไม่ต้องโต้เถียงมัน ทำให้ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอของใครบางคนอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาดุๆ ให้มัน แต่มันกลับยิ้มหวานตอบ อยากจะปากระป๋องเบียร์ใส่หน้าหล่อๆ ของมันนัก ก็ได้แต่คิดนั่นแหละและมันก็เสหยิบกีตาร์มาเล่น ขึ้นอินโทรลก็รู้ว่าเป็นเพลง stay with me ของ Sam Smits ในสไตล์ฟิกเกอร์สไตล์ ฉันมองนิ้วที่ทั้งเกาและสะบัดปลายนิ้วลงบนทั้งหกสายอย่างเพลิดเพลินเพลงเพราะ หรือคนเล่นเก่งก็ไม่รู้ แต่อาจทั้งสองอย่าง ไอ้ตรีเป็นคนที่เล่นกีตาร์ได้มีเสน่ห์มาก ฉันก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันสามารถเล่นกีตาร์ได้เก่งขนาดนี้ มันเล่นได้หลายแนว ทั้งเล่นคอร์ดปกติ ฟิกเกอร์สไตล์อย่างที่เล่นอยู่ตอนนี้ และสไตล์คลาสสิกด้วย มันเหมือนคนที่ร่ำเรียนสายดนตรีมา มากกว่าเรียนจบนิเทศฯตอนที่เราอยู่บ้านนอก ตอนนั้นไอ้ตรีมันไม่เคยเล่นกีตาร์ หรือดนตรีใดๆ ให้ฉันเห็น แต่มันเคยบอกว่าพ่อให้มันเรียนเปียโน เรียนภาษาตั้งแต่ยังเรียนอนุบาล อันหลังนี้ฉันจึงไม่แปลกใจเวลาที่ไอ้ตรีมันร้องเพลงสากล สำเนียงมันเหมือนเจ้าของภาษา หรือแม้แต่มันพูดคุยกับชาวต่าง
แม้เพื่อนๆ จะยุว่าเป็นดาราได้เงินเยอะ ถึงขั้นร่ำรวยถ้ามีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ มันก็ไม่สนใจ ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็ร้องเพลงเล่นดนตรีในผับเพื่อหาเลี้ยงชีพ การได้เข้าวงการน่าจะดีกับอาชีพของมัน มันก็ไม่สนใจอีกดูมันเป็นคนไม่กระตือรือร้นกับเรื่องพวกนี้ ทั้งที่ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าหอด้วยซ้ำ แต่...ดันมีเงินซื้อของกินมาเต็มโต๊ะ ไหนจะเบียร์กระป๋องตั้งหลายแพ็กมันชักจะยังไงอยู่นะเราออกไปถ่ายรูปกับคลื่นและชายหาด จากนั้นก็อัปภาพลงโซเซียลฯ ต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม แต่ไม่วายมีคนบ่น คนที่ทำหน้าที่แท็กเพื่อนๆ นั่นแหละ“แท็กทุกคนแล้วนะ ยกเว้นไอ้คนไม่เล่นโซเชียลฯ ทั้งหลายแหล่” แล้วมันไปมองไอ้ตรีอย่างหมั่นไส้“ถ้ากูหล่อเท่ามันนะ จะโพสรูปวันละร้อยรูป จะเป็นยูทูบเบอร์ จะได้มีช่องทางหาเงิน” ไอ้ปีไม่วายบ่น คงเพราะเสียดายความหล่อ เท่ของเพื่อนที่ไม่เคยใช้ประโยชน์จากความหน้าตาดีของตัวเอง นอกจากโปรยเสน่ห์ใส่สาวๆ ไปวันๆ“บ่นแต่เรื่องเดิมๆ มึงไม่เหนื่อยหรือไงวะ” ไอ้ตรีพูดเสียงเนือยๆ เหมือนเบื่อหน่าย เพราะได้ยินไอ้ปีบ่นทำนองนี้มานานแล้ว ตอนแรกทุกคนก็ต้องสงสัยเป็นธรรมดา แต่คบกันไปนานๆ ก็รู้นิสัยมันที่







