บทที่ 4 ลมหายใจสุดท้าย
เฟิงมี่เดินเร่งเท้าให้ถึงบ้านอย่างรวดเร็วเพราะตอนนี้ท้องฟ้าความมืดเริ่มปกคลุมลงมา เธอเดินมาได้สักพักรู้สึกเหมือนมีคนเดินตามมา ทางไปบ้านตระกูลมู่จะมีทางที่เปลี่ยวอยู่ระยะยาวพอสมควร เฟิงมี่เริ่มวิตกกังวลไม่กล้าหันหลังไปมอง เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้เธอเริ่มใจเต้นแรงระรัวภาวนาให้เป็นเพียงแค่คนผ่านทางเช่นเดียวกับเธอ
มับ!!!
จู่ ๆ คนที่เดินข้างหลังเธอได้จับมือของเธอคว้าเอาไว้เธอหยุดเดิน “กรี๊ด ๆ ปล่อยฉันนะ!!” เฟิงมี่ตกใจกลัวเธอหันมามองเห็นว่าชายที่มาจับมือเธอคล้ายกับชายที่อยู่กับผู้หญิงใกล้ซอยร้านของเล่นนี่น่า อย่าบอกนะว่าเขาตามเธอมา
“จะร้องส่งเสียงดังทำไมกัน ฉันแค่จะสอบถามทางเท่านั้นเอง” ฉู่อี้ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพราะจะลองโยนกินถามทางว่าเธอจะจำเขาได้หรือไม่ว่าเขาอยู่กับซูหรงเมื่อครู่ เขาปล่อยมือออกจากแขนของเธอ เฟิงมี่หวาดกลัวชายที่อยู่ตรงหน้ารีบเอ่ยถามเขาขึ้นมาจะได้รีบตอบและรีบกลับ
"แล้วคุณจะไปที่ไหนเหรอคะ” ฉู่อี้จ้องมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าเธอจะสวมใส่เสื้อผ้าที่ดูมอมแมมอีกทั้งยังเก่ามากแต่มิอาจจะปกปิดส่วนโค้งเว้าของร่างกายของเฟิงมี่ได้เลย เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะแสยะยิ้มออกมา ในตอนแรกคิดแค่จะลองถามดูให้แน่ใจแต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนใจแล้ว คนชาติชั่วมัวเมากับกามอย่างเขาเห็นสาวงามอย่างเฟิงมี่มีหรือจะหักห้ามใจไหว ยิ่งได้ยินมาจากซูหรงมาว่าเฟิงมี่หญิงสาวคนนี้ไม่ได้นอนกับสามีของเธอมานานหลายปีเพราะสามีเป็นทหารอีกอย่างแม่สามีไม่ชอบใจคิดว่าเธอมีชู้ เขายิ่งชอบใจเพราะต่อให้ลงมือทำอะไรกับเธอคงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอแน่นอน
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะมีใบหน้าที่สวยขนาดนี้ ทางที่ฉันจะไปคือพาเธอไปสวรรค์นะสิ ฉันได้ยินมาว่าคนในตระกูลไม่มีใครรักและสนใจเธอเลย มานี่สิฉันจะมอบความรักความอบอุ่นให้เธอเอง” ใจของเฟิงมี่สั่นคลอนไปหมด เธอตั้งสติต้องพาตัวเองหนีออกจากที่นี่ให้ได้ แต่ทว่าร่างกายที่ป่วยของเธอมิอาจจะพาเธอไปได้ไกลก็ถูกเขาตามได้ทัน
“จะหนีไปไหน เมื่อกี้เธอคงเห็นหมดแล้วฉันจะทำให้เธออยู่อย่างสงบปากสงบคำเอง ฮ่า ฮ่า” พูดจบฉู่อี้จ้องมองเฟิงมี่พลางเลียปาก ตอนนี้เฟิงมี่เธอรู้แล้วว่าคนคนนี้ต้องการอะไร เธอคิดถึงเพียงแต่ฮว๋าเย่ทำยังไงให้รอดพ้นและกลับไปหาลูกสาวอย่างปลอดภัย เฟิงมี่ใช้เท้าเตะเข้าที่ระหว่างขาของเขาตอนที่เขาไม่ทันระวังตัว เมื่อฉู่อี้ถูกขาของเธอเตะเข้าเต็มแรงเขาปล่อยมือจากเธอร้องออกมาเสียงหลง
“โอ๊ย!! นังบ้าฉันอุตส่าห์จะทะนุถนอมแต่เธอกลับมาใช้ความรุนแรงได้ ในเมื่อชอบความรุนแรงฉันจะจัดให้ตามที่เธอต้องการ” ฉู่อี้แววตาเปลี่ยนไปทันทีเขาโมโหและโกรธที่เฟิงมี่เตะเข้ากลางเป้า เขาจ้องมองเธอที่กำลังวิ่งหนีเขาอย่างสุดกำลัง เขาวิ่งตามก่อนจะกระชากผมของเธอเอาไว้ให้หันมาหาตนเอง พร้อมง้างมือตบเข้าที่ใบหน้าของเธอเต็มแรง และต่อยเข้าที่ท้องน้อยของเธออย่างไร้ความเมตตา
เพี้ยะ!! พลั่วะ!
“โอ้ย! อึก ปล่อยฉันไปเถอะฉันไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” เสียงแหบพร่าร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด อ้อนวอนคนตรงหน้าให้ปล่อยตนไป แต่ทว่าชายคนนี้ชั่วร้ายเกินกว่าจะเห็นใจ เขาแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะแบกร่างของเฟิงมี่เข้าไปในป่าที่ไกลหูไกลตาคน
“ได้ฉันจะปล่อยเธอได้แต่ว่าต้องรอให้ฉันเสร็จสมพาเธอขึ้นสวรรค์เสียก่อน” เฟิงมี่ทั้งเจ็บทั้งจุกมิอาจจะสู้ชายร่างโตได้ ในใจของเธอคิดถึงแต่ใบหน้าของฮว๋าเย่ ขนมที่คุณยายให้มาหล่นลงพื้นแต่มือของเธอยังกำของเล่นลูกเอาไว้แน่น ใจเริ่มหวาดหวั่นทำอย่างไรถึงจะหยุดการกระทำของคนชั่วคนนี้ได้
เมื่อเขาพาเธอเข้ามาไกลจากถนน เขาวางเฟิงมี่ลงพื้นตอนนั้นนั่นเองที่เฟิงมี่หันไปเห็นท่อนไม้ที่วางอยู่ใกล้ ๆ เธอค่อย ๆ หยิบไม้ตอนที่ฉู่อี้เผลอเพราะเขากำลังจะถอดกางเกงตัวเองคิดว่าเฟิงมี่ไม่มีแรงที่จะตอบโต้ตนเองได้แล้ว
เขานั่งลงขึ้นคร่อมร่างของเฟิงมี่ครั้นนั้นเองเฟิงมี่ใช้แรงที่มีทั้งหมดจับท่อนไม้ในมือฟาดเข้าที่หัวของฉู่อี้เต็มแรง
พั่วะ!!
“อ๊ากกกก!!! เลือด...นังบ้าแกอยากตายหรือไงกัน”
ฉู่อี้ใช้มือแตะที่หัวของตัวเองด้วยความเจ็บกลิ่นคาวเลือดเริ่มคละคลุ้ง ไหลออกมาจากหัวของเขาแดงฉานดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นอำมหิตเมื่อถูกเธอทำร้าย เขาเปลี่ยนใจจากที่จะทำให้เธอเป็นของเขาแต่ทว่าตอนนี้ความโมโหครอบงำเขาจนหมด เขาใช้สองมือบีบที่คอของเฟิงมี่ที่นอนอยู่ด้านล่างตัวของเขา
“ค่อก ๆ ปล่อยฉันนะ” เฟิงมี่ใช้มือทุบตีดึงมือของฉู่อี้ออกจากคอตัวเองแต่ทว่าชายคนนี้กลับบีบมันแรงกว่าเดิม ลมหายใจของเธอเริ่มติดขัดร่างกายดิ้นทุรนทุรายอย่างทรมานสายตาของเธอจ้องไปที่ใบหน้าของคนโหดร้ายคนนี้เธอไปทำอะไรให้ทำไมต้องมาทำเธอด้วย ตอนนี้สติของเธอเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เรี่ยวแรงเริ่มไม่มีเพราะขาดอากาศหายใจ น้ำตาเริ่มไหลออกมาเห็นใบหน้าของฮว๋าเย่เลือนลางอยู่ตรงหน้า ร่างกายของเธอกระตุกเกร็งสายตาของเธอค่อย ๆ หันไปมองของเล่นที่หล่นอยู่บนพื้นเธอเจ็บปวดและเป็นห่วงลูกสาวจับใจ เธอรู้แล้วว่าตอนนี้เธอคงไม่ได้พบเจอลูกสาวตัวน้อยของเธออีก ค่อย ๆ ขยับมือไปจับของเล่นของฮว๋าเย่เอาไว้ ความมืดเริ่มปกคลุมลมหายใจเฮือกสุดท้ายของเธอได้หมดลง ครั้นนั้นเธอได้ยินเสียงสุดท้ายแว่วดังเข้ามา
“คุณแม่ต้องรีบกลับมานะคะ หนูจะรอ” เฟิงมี่น้ำลายไหลออกมาอย่างช้า ๆ จิตสุดท้ายของเธอคือลูกสาวตัวน้อยที่เฝ้ารอเธอกลับบ้าน
“ฮ่า ฮ่า เป็นยังไงกล้าทำให้ฉันเจ็บปวดต้องเจอแบบนี้ เอ๊ะ! ทำไมแน่นิ่งไปล่ะ” ฉู่อี้หัวเราะออกมาอย่างสะใจ แต่สีหน้าของเขาเริ่มซีดเซียวเมื่อเห็นอีกฝ่ายแน่นิ่งตาค้างจ้องมองไปยังของเล่นที่อยู่ในมือ ตอนนั้นเขาเริ่มตงิดในใจค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากคอของเฟิ่งมี่อย่างช้า ๆ และใช้มือขยับเข้าไปใกล้จมูกของเธอ ทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาได้ลงมือฆ่าเธอเสียแล้ว เขาตกใจผงะออกจากร่างของเฟิงมี่ทันที
“อะ..อะไรกันว่ะ ฉันแค่จะทำให้เธอกลัวเท่านั้นเองไม่ได้คิดจะฆ่าจริง ๆ สักหน่อย โธ่เว้ยเอาไงดีว่ะ” ฉู่อี้นั่งคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบลุกหนีกลับบ้านปล่อยร่างของเฟิงมี่เอาไว้อย่างนี้คงไม่มีใครพบเจอง่าย ๆ เพราะเขาพาเธอเข้ามาในป่าลึก
ร่างของเฟิงมี่นอนตายตาค้างอย่างเวทนา วิญญาณของเธอจ้องมองร่างกายของตัวเองร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“ทำไม… ทำไมต้องเกิดเรื่องอย่างนี้กับฉันด้วย ไม่ยุติธรรมเลยสักนิด ป่านนี้ฮว๋าเย่คงจะนั่งเฝ้ารออยู่ ฮว๋าเย่ลูกแม่ตอนนี้ลูกจะรู้มั้ยนะว่าแม่ไม่อยู่แล้ว ลูกคงรอแม่ที่หน้าประตูห้องอย่างใจจดใจจ่อ อึก อึก ทำไม..ทำไมสวรรค์ถึงเล่นตลกกับชีวิตของคนอย่างฉันด้วย ฮื้อ ฮือ” เฟิงมี่ร้องห่มร้องไห้ทุบมือลงที่พื้นอย่างน้อยใจในวาสนาของตัวเองครั้นนั้นเองเสียงของหญิงชราได้ดังขึ้น
“เธอเป็นคนดี และนี่ยังไม่ถึงเวลาที่เธอควรจะจากไปฉันจะให้ความปรารถนาเธออย่างหนึ่งบอกมาสิว่าเธอต้องการอะไร” เฟิงมี่เงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง หญิงชราแต่งตัวด้วยชุดสีขาวแต่ทว่าใบหน้าเธอจำได้ดีนั่นคือคุณยายที่เธอช่วยไว้ ราวกับเธอเห็นแสงสว่างเพราะสิ่งเดียวที่เธอปรารถนาคือการกลับไปหาฮว๋าเย่และทวงคืนความยุติธรรม ในเมื่อชาตินี้เธอเป็นคนดีแต่กลับถูกรังแกจนถึงแก่ความตาย หากเธอได้ย้อนกลับไปอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเธอกับลูกได้อีก
“ฉันอยากกลับไปหาลูกสาว หากเป็นไปได้ฉันอยากมีชีวิตอีกครั้ง”
“ได้สิ ฉันจะให้ตามที่เธอต้องการแต่ว่าการกลับไปครั้งนี้ฉันอยากให้เธอรักตัวเองให้มาก อย่าเป็นคนดีจนทำให้ความดีมาทำร้ายเธอได้อีกหลับตาซ่ะสิ” สิ้นเสียงของคุณยายเฟิงมี่รีบหลับตาลงทันทีเธอไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เธอพบอยู่ จะจริงหรือไม่แต่ถ้าไม่ลองก็ไม่รู้เช่นเดียวกัน หากได้กลับไปครั้งนี้เธอสัญญาว่าจะทำทุกอย่างและจัดการคนที่มาทำร้ายเธออย่างนี้ด้วย
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ