รถไฟหยุดลงที่สถานีเล็กๆ แห่งหนึ่งกลางชนบทของสกอตแลนด์ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ผู้โดยสารทุกคนถูกอพยพลงจากขบวนรถ เพื่อให้ทีมสืบสวนลับสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศภายในตู้โดยสารที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยความเงียบสงบที่น่าขนลุก มีเพียงเสียงรองเท้าของเจ้าหน้าที่และเสียงกล้องถ่ายรูปเท่านั้นที่ดังก้องไปมา
หัวหน้าหน่วยสืบสวนลับ หรือที่เมรี่และทีมเรียกเขาว่า "ท่านหัวหน้า" กำลังยืนคุยกับ นักสืบโธมัส อย่างเคร่งเครียด ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง "คุณแน่ใจนะครับว่านี่คือฝีมือของ 'พันธมิตรแห่งเวลา' ?" นักสืบโธมัสถาม "ผมค่อนข้างมั่นใจครับ" ท่านหัวหน้าตอบ "สัญลักษณ์ที่พบในที่เกิดเหตุนั้นเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน" เมรี่เดินเข้าไปหาท่านหัวหน้า "ท่านหัวหน้าคะ พวกเขาฆ่านักโบราณคดีคนนี้ไปเพื่ออะไรกันคะ?" ท่านหัวหน้าหันมามองเมรี่ ใบหน้าของเขาดูจริงจัง "เรายังไม่รู้แน่ชัดครับ แต่ผมเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นักโบราณคดีคนนี้กำลังค้นพบ" ปู่ทวดของเมรี่เดินเข้ามาสมทบ "ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องหาคำตอบกันเองแล้วล่ะ" เมรี่หันไปมองศพของ จอห์น สมิธ อีกครั้ง เธอรู้สึกถึงความลึกลับที่ซ่อนอยู่ในคดีนี้ "พวกเราทุกคนต้องช่วยกันค้นหาเบาะแสครับ" เมรี่กล่าว "ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม" เอดิสัน กับ เบ็น เริ่มตรวจสอบสัมภาระของผู้ตายอย่างละเอียด ส่วน อเล็กซานเดอร์ กับ เฟรเดอริค ก็ช่วยกันสอบถามข้อมูลจากพนักงานรถไฟที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของจอห์น สมิธ บันทึกการเดินทางที่ถูกซ่อนเร้น ไม่นานนัก เอดิสันก็พบกับ สมุดบันทึกเล่มเล็กๆ ที่ถูกซ่อนอยู่ในซับในของเสื้อโค้ทผู้ตาย มันเป็นสมุดบันทึกที่ดูเก่าแก่และมีรอยยับย่นจากการใช้งานอย่างหนัก "นี่ไงครับ!" เอดิสันกล่าวด้วยความตื่นเต้น "ผมเจอแล้ว!" เมรี่รับสมุดบันทึกมาเปิดดู ข้างในมีลายมือเขียนหวัดๆ เต็มไปด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีเกี่ยวกับ โบราณวัตถุบางอย่าง ที่ถูกซ่อนอยู่ในเอดินบะระ "เขาเขียนว่าเขาได้ค้นพบ 'กุญแจสู่กาลเวลา' ที่ถูกซ่อนอยู่ในเมืองเอดินบะระ" เมรี่อ่านออกเสียง "มันคือสิ่งที่สามารถควบคุมการไหลของเวลาได้!" ทุกคนถึงกับผงะ! "เป็นไปไม่ได้!" เฟรเดอริคอุทาน "มีสิ่งแบบนั้นอยู่จริงหรือครับ!" "ถ้ามันเป็นเรื่องจริง" ปู่ทวดกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด "นั่นหมายความว่า 'สงครามแห่งกาลเวลา' กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!" ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง... "พวกแกมาถึงที่นี่ได้อย่างไร!" พวกเขาหันขวับ และพบกับชายฉกรรจ์ในชุดสีดำหลายคนกำลังยืนจ้องมองพวกเขาด้วยแววตาที่เย็นชา หนึ่งในนั้นมีสัญลักษณ์ R.E.D. ที่เป็นรูปนาฬิกาบนเสื้อของพวกเขา! "พวกมันคือ 'พันธมิตรแห่งเวลา'!" อเล็กซานเดอร์คำราม "ส่งสมุดบันทึกนั่นมาให้เราซะ!" ชายคนหนึ่งตะโกน "ไม่อย่างนั้นพวกแกจะต้องตายอยู่ที่นี่!" การปะทะกลางโบกี้ การต่อสู้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันกลางตู้โดยสารที่แคบและเต็มไปด้วยข้าวของที่กระจัดกระจาย! เบ็นพุ่งเข้าใส่ชายฉกรรจ์คนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ส่วนเอดิสันก็พยายามเล็งปืนไปที่พวกเขาอย่างระมัดระวัง อเล็กซานเดอร์กับเฟรเดอริคช่วยกันปกป้องเมรี่และปู่ทวดที่กำลังถือสมุดบันทึก "เมรี่! ถือสมุดบันทึกไว้ให้แน่น!" ปู่ทวดตะโกน "มันคือความหวังเดียวของเรา!" เมรี่กอดสมุดบันทึกไว้แน่น เธอรู้ว่ามันคือหลักฐานสำคัญที่จะช่วยพวกเขาให้ไขปริศนาทั้งหมดได้ ในขณะที่การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งกระโดดลงมาจากช่องระบายอากาศที่อยู่บนเพดาน เขาแต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำสนิท และมีผ้าพันคอปิดบังใบหน้าไว้ "แกคือใคร!" อเล็กซานเดอร์ตะโกน ชายคนนั้นไม่ตอบ แต่เขากลับพุ่งเข้าใส่เมรี่ทันที! มือของเขาคว้าไปที่สมุดบันทึกในมือของเมรี่อย่างรวดเร็ว "ไม่นะ!" เมรี่ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมรี่พยายามจะยื้อแย่งสมุดบันทึกไว้ แต่ชายคนนั้นก็แข็งแรงเกินไป สมุดบันทึกหลุดจากมือของเมรี่ไปอย่างง่ายดาย "แกจะไม่มีวันได้มันไปหรอก!" ชายคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำและคุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ เมรี่มองไปที่ดวงตาของชายคนนั้น เธอรู้สึกว่าเธอเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน... "คุณคือ... มิสเตอร์คลาร์ก!" เมรี่อุทานด้วยความตกใจ เงาจากอดีต มิสเตอร์คลาร์กหัวเราะอย่างเย็นชา "ในที่สุดก็จำได้สินะเด็กน้อย" "แต่...คุณอยู่ข้างเดียวกับพวกเราไม่ใช่หรือคะ!" เมรี่ถามด้วยความสับสน "ข้าไม่เคยอยู่ข้างใคร" มิสเตอร์คลาร์กตอบ "ข้าอยู่ข้างเดียวกับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น!" "คุณหักหลังพวกเราอย่างนั้นหรือ!" เฟรเดอริคคำรามด้วยความโกรธแค้น "ข้าขอโทษจริงๆ" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว" เขาพยักหน้าให้ลูกสมุนของ 'พันธมิตรแห่งเวลา' แล้วพวกเขาก็พุ่งเข้ามาโจมตีเมรี่และทีมอย่างไม่ลดละ "เราต้องไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดครับ!" ปู่ทวดตะโกน "เราต้องหนีไปให้ได้!" แต่พวกเขาก็ไม่มีทางหนีไปได้แล้ว ตู้โดยสารถูกปิดกั้นไว้ทุกทาง และพวกเขาก็ถูกล้อมไว้หมดแล้ว "พวกแกไม่มีทางรอดไปจากที่นี่ได้หรอก!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าวด้วยรอยยิ้มที่น่าขนลุก "ข้าจะพาพวกแกไปหา 'สถาปนิกแห่งหายนะ' ด้วยตัวของข้าเอง!" ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากวิทยุสื่อสารที่ติดอยู่กับมิสเตอร์คลาร์ก "ระวังตัวไว้ให้ดี... เวลาของเจ้ากำลังจะหมดลงแล้ว!" มิสเตอร์คลาร์กเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าของเขาซีดเผือด "ใครกัน!" มิสเตอร์คลาร์กตะโกน "แกคือใคร!" "ข้าคือผู้ที่จะหยุดยั้งพวกแกทุกคน!" เสียงนั้นตอบ "และข้าคือ ผู้ส่งสารจากอนาคต!" มิสเตอร์คลาร์กมองไปที่เมรี่ด้วยความหวาดกลัว เขารู้แล้วว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลยแม้แต่น้อย "หนีไป!" มิสเตอร์คลาร์กตะโกน "หนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด!" เมรี่รู้สึกสับสน เธอไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น และใครคือ 'ผู้ส่งสารจากอนาคต' คนนี้ ในขณะที่มิสเตอร์คลาร์กกำลังยืนตกตะลึงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีแสงไฟสีฟ้าสว่างจ้าขึ้นจากด้านหลังของเขา และมีเสียงประหลาดดังขึ้น "ตูมมมมมม!" มิสเตอร์คลาร์กและเหล่า 'พันธมิตรแห่งเวลา' ถูกดูดหายไปในแสงสว่างนั้น ราวกับไม่เคยมีตัวตนอยู่ตรงนั้นมาก่อน! เมรี่และทีมมองหน้ากันด้วยความตกใจ พวกเขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ "มัน...มันอะไรกันครับ!" เฟรเดอริคอุทาน ปู่ทวดมองไปที่จุดที่มิสเตอร์คลาร์กและคนอื่นๆ หายไป ใบหน้าของเขาดูจริงจัง "ดูเหมือนว่าเรากำลังจะเข้าสู่โลกที่ซับซ้อนยิ่งกว่าที่เราคิดไว้แล้วล่ะ" เมรี่มองไปที่สมุดบันทึกที่ตกอยู่บนพื้น เธอหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง และพลิกไปที่หน้าสุดท้าย มันมีแผนผังบางอย่างที่ดูเหมือนจะเป็นของสถานที่ลึกลับแห่งหนึ่งในเอดินบะระ และมีข้อความเขียนไว้ว่า: "ประตูสู่เวลา" การผจญภัยครั้งใหม่และยิ่งใหญ่กว่าเดิมกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!รถไฟหยุดลงที่สถานีเล็กๆ แห่งหนึ่งกลางชนบทของสกอตแลนด์ ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ผู้โดยสารทุกคนถูกอพยพลงจากขบวนรถ เพื่อให้ทีมสืบสวนลับสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ บรรยากาศภายในตู้โดยสารที่เกิดเหตุเต็มไปด้วยความเงียบสงบที่น่าขนลุก มีเพียงเสียงรองเท้าของเจ้าหน้าที่และเสียงกล้องถ่ายรูปเท่านั้นที่ดังก้องไปมาหัวหน้าหน่วยสืบสวนลับ หรือที่เมรี่และทีมเรียกเขาว่า "ท่านหัวหน้า" กำลังยืนคุยกับ นักสืบโธมัส อย่างเคร่งเครียด ดวงตาของเขากวาดมองไปทั่วบริเวณราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง"คุณแน่ใจนะครับว่านี่คือฝีมือของ 'พันธมิตรแห่งเวลา' ?" นักสืบโธมัสถาม"ผมค่อนข้างมั่นใจครับ" ท่านหัวหน้าตอบ "สัญลักษณ์ที่พบในที่เกิดเหตุนั้นเป็นของพวกเขาอย่างแน่นอน"เมรี่เดินเข้าไปหาท่านหัวหน้า "ท่านหัวหน้าคะ พวกเขาฆ่านักโบราณคดีคนนี้ไปเพื่ออะไรกันคะ?"ท่านหัวหน้าหันมามองเมรี่ ใบหน้าของเขาดูจริงจัง "เรายังไม่รู้แน่ชัดครับ แต่ผมเชื่อว่ามันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่นักโบราณคดีคนนี้กำลังค้นพบ"ปู่ทวดของเมรี่เดินเข้ามาสมทบ "ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องหาคำตอบกันเองแล้วล่ะ"เมรี่หันไปมองศพของ จอห์น สมิธ อีกครั้ง เธอรู้สึกถึงควา
เบาะแสที่ถูกทิ้งไว้เมรี่เดินเข้าไปใกล้ศพของชายผู้นั้น เธอสังเกตเห็นว่าชายคนนั้นกำมือข้างหนึ่งไว้แน่น เมื่อเธอกางนิ้วมือของเขาออก เธอก็พบกับกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ถูกพับไว้อย่างดี"นี่คืออะไรคะ?" เมรี่พึมพำเธอกางกระดาษออก และพบกับสัญลักษณ์แปลกๆ ที่ถูกวาดด้วยหมึกสีแดงเข้ม มันเป็นสัญลักษณ์ที่ดูคล้ายกับนาฬิกาโบราณ แต่มีเข็มนาฬิกาชี้ไปที่เลขโรมัน XII และมีตัวอักษรภาษาอังกฤษสามตัวเขียนอยู่ด้านล่าง: R.E.D."R.E.D. อย่างนั้นหรือ?" เฟรเดอริคพึมพำ "มันหมายความว่าอะไรกันแน่?""มันอาจจะเป็นรหัสลับครับ" เอดิสันกล่าว "หรืออาจจะเป็นชื่อขององค์กรบางอย่าง""หรืออาจจะเป็นเบาะแสที่ผู้ตายทิ้งไว้ก่อนที่จะเสียชีวิต" เมรี่เสริมทันใดนั้นเอง พนักงานรถไฟก็วิ่งเข้ามาในตู้โดยสารพร้อมกับชายร่างใหญ่สองคนในชุดเครื่องแบบ"เกิดอะไรขึ้นครับ!" พนักงานรถไฟถามด้วยความตกใจ"มีคนตายครับ!" ผู้โดยสารคนหนึ่งตอบ "เขาถูกฆาตกรรม!"พนักงานรถไฟมองไปที่ศพด้วยความตกใจ แล้วเขาก็หันมามองที่เมรี่และทีม"พวกคุณเป็นใครกัน!" พนักงานรถไฟถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด"เราเป็นนักสืบครับ" ปู่ทว
หลังจากที่ปู่ทวดของเมรี่กลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง ชีวิตของทุกคนก็พลิกผันไปอย่างสิ้นเชิง พวกเขาย้ายเข้าไปยังบ้านพักลับของปู่ทวดที่ตั้งอยู่ในชนบทอันห่างไกล เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตามล่าจาก 'เงาที่หลงเหลือ' และเตรียมพร้อมรับมือกับ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ที่ปู่ทวดกล่าวถึง ภายในบ้านหลังนั้น ปู่ทวดได้เปิดเผยความลับมากมายเกี่ยวกับตระกูลแบล็ควู้ด องค์กร 'กาลเวลา' และบุคคลลึกลับที่ชื่อว่า 'สถาปนิกแห่งหายนะ' รวมถึงวิธีการต่อสู้กับพลังเหนือธรรมชาติบางอย่างที่พวกเขากำลังจะต้องเผชิญ"เราจะต้องไปที่ เอดินบะระ ครับ" ปู่ทวดกล่าวในวันหนึ่ง "มีเบาะแสสำคัญที่นั่น ที่จะนำเราไปสู่ความจริงเกี่ยวกับ 'สถาปนิกแห่งหายนะ' และ 'สงครามแห่งกาลเวลา' ""เราจะเดินทางอย่างไรครับ?" อเล็กซานเดอร์ถาม"เราจะไปโดยรถไฟ" ปู่ทวดตอบ "มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในตอนนี้"แม้จะยังคงหวาดระแวงจากเหตุการณ์บนรถไฟครั้งก่อน แต่พวกเขาก็เชื่อใจในการตัดสินใจของปู่ทวด พวกเขาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เรียบง่าย เพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกต และขึ้นรถไฟที่มุ่งหน้าสู่เอดินบะระ เมืองหลวงของสกอตแลนด์ ทันทีที่รถไฟเคลื่อนขบวนออกจากสถานี ความรู้สึกตื่นเต้นและกังวล
เมรี่วิ่งไปตามตรอกซอกซอยที่แคบและซับซ้อนของลอนดอน โดยมีเสียงปืนและเสียงกรีดร้องของผู้คนดังไล่หลังมาอย่างไม่หยุดหย่อน เธอพยายามหาที่หลบซ่อนที่ปลอดภัยสำหรับเด็กหญิงในที่สุด เธอก็มาถึงโรงละครเก่าๆ แห่งหนึ่งที่ถูกทิ้งร้าง มันเป็นที่ที่เธอเคยใช้เป็นฐานลับในการสืบสวนคดีต่างๆ ในอดีต"เราปลอดภัยแล้วนะหนู" เมรี่กล่าวพร้อมกับวางเด็กหญิงลง "ไม่ต้องกลัวแล้วนะ"เด็กหญิงยังคงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง เมรี่กอดเธอไว้แน่นเพื่อปลอบประโลมในขณะที่เธอกำลังกอดเด็กหญิงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นมาจากด้านหลัง..."น่าประทับใจจริงๆ ที่เจ้ายังจำที่แห่งนี้ได้"เมรี่หันขวับ และพบกับชายชราคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น แต่ดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยแววตาที่เฉลียวฉลาด และแววตาที่คุ้นเคยอย่างน่าประหลาดใจ"คุณเป็นใครคะ!" เมรี่ถามด้วยความสงสัยชายชราคนนั้นยิ้ม "ข้าคือคนที่เฝ้ารอเจ้ามานานแล้ว"เขาก้าวเข้ามาใกล้เมรี่ แล้วยื่นมือมาสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ เมรี่รู้สึกถึงกระแสไฟฟ้าบางอย่างที่ไหลผ่านร่างกายของเธอ"เจ้าคือความหวังสุดท้ายของข้า" ชา
สองสัปดาห์ผ่านไปนับตั้งแต่การล่มสลายของ 'กาลเวลา' องค์กรลับที่เคยบงการโลกเบื้องหลังฉาก เมรี่และทีมกลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกครั้งในลอนดอน แม้จะมีชื่อเสียงในฐานะวีรบุรุษผู้กอบกู้ แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเก็บตัวและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ หมอเจเน็ตยังคงดูแลคลินิกใต้ดินของเธอ มิสเตอร์คลาร์กได้กลับไปใช้ชีวิตในฐานะผู้จัดการสำนักพิมพ์ที่ซื่อสัตย์ ส่วนนักสืบโธมัสก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งและเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในวงการตำรวจเช้าวันหนึ่งที่สดใส เมรี่กับเฟรเดอริคตัดสินใจออกมาเดินเล่นที่ตลาดนัดคอเวนต์การ์เดน ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน เสียงดนตรีจากนักแสดงข้างถนนดังคลอเคลียกับเสียงหัวเราะของผู้คนที่เดินจับจ่ายซื้อของ บรรยากาศดูผ่อนคลายและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา"นี่แหละชีวิตที่แท้จริง!" เฟรเดอริคกล่าวพร้อมกับสูดหายใจลึกๆ "ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวาย ไม่ต้องมีองค์กรลับมาตามล่า"เมรี่ยิ้ม เธอเห็นด้วยกับพี่ชายอย่างเต็มที่ แต่ในใจลึกๆ เธอก็ยังรู้สึกถึงความว่างเปล่าบางอย่าง...ราวกับว่าชีวิตที่ไร้ความตื่นเต้นมันไม่ใช่สิ่งที่เธอโหยหาอีกต่อไปขณะที่พวกเขากำลังเลือกซื้อดอกไม้อยู่ จู่ๆ ก็มีเสียงระเ
เสียงสัญญาณเตือนภัยดังลั่นไปทั่วศูนย์บัญชาการลับขององค์กร 'กาลเวลา' แสงไฟสีแดงกะพริบไปมา สร้างบรรยากาศที่ตึงเครียดและอันตรายยิ่งกว่าเดิม เมรี่และทีมต้องเผชิญหน้ากับท่านลอร์ดวิลเลียมส์และเหล่า 'ยมทูต' ที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง"พวกแกไม่มีทางทำลาย 'แกนกลาง' ของข้าได้หรอก!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำราม "ข้าได้เตรียมการทุกอย่างไว้แล้ว!"เขากดปุ่มบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในข้อมือของเขา และทันใดนั้นเอง กำแพงเหล็กขนาดใหญ่ก็เลื่อนลงมาปิดกั้นทางเข้าออกทุกทาง ทำให้พวกเขาติดอยู่ในห้องควบคุมแห่งนี้"ไม่นะ!" เฟรเดอริคอุทาน "เราติดกับแล้ว!""ไม่ต้องห่วงครับ!" มิสเตอร์คลาร์กกล่าว "ผมรู้ทางออกครับ!"เขาชี้ไปที่ช่องระบายอากาศขนาดเล็กที่อยู่บนเพดาน "เราต้องเข้าไปในนั้น!"แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ท่านลอร์ดวิลเลียมส์ก็พุ่งเข้ามาโจมตีพวกเขาอย่างรวดเร็ว เขามีพละกำลังและความว่องไวที่เหนือกว่ามนุษย์ทั่วไปราวกับว่าเขามีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็นคอยเสริม"แกจะต้องเป็นคนแรกที่ตาย!" ท่านลอร์ดวิลเลียมส์คำรามใส่เมรี่เมรี่หลบการโจมตีของเขาได้อย่างหวุดหวิด เธอใช้มีดสั้นป้องกันตัวเองจากคมมีดของท่านลอร์ดวิลเลียมส์ที่พุ่งเ