"แกหายไปไหนมา ทำตัวเหลวไหลแบบนี้ผู้ชายที่ไหนเขาจะชอบ"
"โอ๊ย โมนาเจ็บนะแม่"
"แล้วนี่ไปเอาชุดใครมาใส่" แค่มองก็รู้แล้วว่ามันเป็นชุดผู้ชาย
"ชุดของ..เออ" เธอหยิบชุดในตู้เสื้อผ้าห้องนั้นออกมาเปลี่ยน เพราะถ้าใส่เกาะอกเดินทางคงไม่ปลอดภัยแน่
"ใครเขารู้คงว่าแม่ไม่สั่งสอน! อย่าให้เห็นว่าทำตัวเหลวแบบนี้อีก" ถ้าเป็นแต่ก่อนแพรวพราวไม่สนใจหรอกว่าลูกจะกลับบ้านหรือไม่กลับ แต่ตอนนี้กำลังจับใส่ตะกร้าล้างน้ำ เพื่อประเคนให้กับผู้พันกองทัพ
แพรวพราวเป็นอีกคนที่ไม่คิดว่าลูกจะยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะคิดว่าทุกคนคงไม่แตกต่างจากตัวเอง ยิ่งวันนี้เห็นลูกสาวใส่ชุดผู้ชายมาแล้วด้วย คงไปมั่วสุมกับใครมา แต่เรื่องนั้นแพรวพราวไม่สนใจอยู่แล้ว สนใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการ
มโนราห์แอบน้อยใจ ไม่มีแม้คำถามที่ดูจะเป็นห่วงเป็นใยออกจากปากคนเป็นแม่เลย มีแต่คำที่ดูถูก
"ไปเข้าคอร์สเจ้าสาว รู้ไหมว่าคืนพรุ่งนี้ก็เป็นงานแต่งเราแล้ว"
"คืนพรุ่งนี้หรือคะ?"
"ใช่..ตอนนี้ทางฝั่งนั้นเริ่มจัดห้องกินเลี้ยงแล้ว"
"จริงเหรอคะ"
"แกจะสงสัยอะไรนักหนา ไปทำตัวให้สวยเข้าไว้ ถ้าแกจับผัวไม่อยู่อย่ามาเรียกฉันว่าแม่!"
"แม่ก็เป็นซะแบบนี้"
"อย่ามาดราม่าใส่ฉัน ให้ทำอะไรก็รีบไปทำ"
กลับมาถึงบ้านเหนื่อยๆ ว่าจะนอนพักแต่ต้องได้พาร่างกายอันเหนื่อยล้าออกจากบ้านมาอีก
ตายแล้วลืมถามเอาเงินจากแม่เลย ..ถ้ากลับเข้าไปต้องถูกแม่ด่าอีกแน่ แบบนี้แหละกว่าที่มโนราห์จะกลับมาถึงบ้านได้ เพราะต้องขออาศัยรถคนอื่นมาตลอดทาง ไม่ใช่ว่าเธอไม่มีเงินหรอก ตอนลงจากรถของเขามโนราห์ไม่ได้หยิบกระเป๋าลงมาด้วย และตอนนี้มันก็คงจะยังอยู่บนรถคันนั้น
เดินออกมาถึงหน้าปากซอย ก็เห็นป้ายรถเมล์ที่มีม้านั่ง ..อยู่ที่นี่จนค่ำแล้วกันค่อยเข้าบ้านดีกว่า โชคดีที่รถเมล์ป้ายนี้ไม่ค่อยมีคน มโนราห์ก็เลยของีบเอาแรงหน่อย ที่สาธารณะแบบนี้คงไม่มีใครทำอันตรายเธอหรอกมั้ง
ใครสัญจรผ่านไปมาต่างก็มองดูผู้หญิงหน้าตาดี นอนหลับอยู่ม้าที่ใช้สำหรับนั่งรอรถประจำทาง
อากาศประเทศไทยใครก็รู้ว่ามันร้อนแค่ไหน ถ้าไม่เหนื่อยจริงคงหลับไม่ได้แน่ หญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกทีเพราะความหิว ไม่ได้กินข้าวมาก็หลายชั่วโมงแล้ว โชคดีตอนเดินทางมีคนใจดีให้กินด้วย
มโนราห์เห็นว่าตะวันคล้อยลงมากแล้ว กลับเข้าไปตอนนี้แม่คงไม่สังเกตเห็นเธอนะ หญิงสาวก็เลยเดินกลับมาที่บ้าน
โชคดีที่เข้ามาแล้วทางสะดวก มโนราห์รีบขึ้นไปบนห้องนอน
เช้าวันต่อมา..
"ทำไมปวดหัวจัง" หญิงสาวค่อยๆ ดันกายลุกขึ้น สงสัยไม่สบายแน่เลยเรา ..ถ้าสบายน่ะสิแปลก เจออากาศร้อนขนาดนั้น
คิดว่าอีกสักพักแม่คงให้คนมาตาม แต่จะลุกไปอาบน้ำก็ไม่ไหว มโนราห์ก็เลยทิ้งตัวลงนอนที่เดิม ถ้าแม่เห็นว่าไม่สบายคงไม่กวนมั้ง
ก๊อกๆ "แกรู้ไหมว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว เปิดประตู" ทีแรกคิดว่าแม่จะให้คนขึ้นมาตามแต่ที่ไหนได้ขึ้นมาด้วยตัวเอง
"แม่คะโมนาขอนอนอีกสักพัก"
"บอกให้เปิดประตูไง"
ถ้าเธอไม่เปิด แม่ก็เปิดเข้ามาได้อยู่ดี แต่ถ้าแม่เป็นคนเปิด เธอก็เจ็บตัว มโนราห์จึงได้พาร่างกายที่เหนื่อยล้ามาเปิดประตูให้
"ทำไมหน้าแกโทรมแบบนี้ รู้ไหมว่าวันนี้เป็นวันแต่งงาน"
"รู้ค่ะ แต่เหมือนโมนาไม่สบาย"
"แกจะไม่สบายวันไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่วันนี้ ไปอาบน้ำเตรียมตัวแต่งหน้า"
"ยังเหลือเวลาอีกเยอะขอโมนานอนหน่อยนะคะแม่"
"นี่แก!"
"โอ๊ย ก็ได้ค่ะ" อารมณ์ของแม่ช่วงนี้หนักกว่าตอนที่อยู่ต่างประเทศเยอะ แต่มโนราห์ก็ไม่ได้ถือสา เพราะคิดว่าแม่คงเสียใจเรื่องที่หย่ากับพ่อ
กึก! ของในมือผู้กองฉลามหล่นลงพื้น เมื่อได้ยินคำสั่งจากเจ้านาย
"เมื่อสักครู่ท่านผู้พันพูดว่าอะไรนะครับ"
"คืนนี้ไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้หน่อย"
"เพื่อนเจ้าบ่าวของใครครับ"
"ของกู"
"ท่านผู้พันจะแต่งงานหรือครับ"
"ไม่ต้องรู้หรอกน่า" หึ..บางทีมันอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่บุตรสาวของท่านพลเอกเรวทัต งานนี้คงไม่ถูกจัดขึ้นแน่ แต่เขามั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่างานนี้คงไม่มีเจ้าสาว ผู้หญิงที่ไหนถูกทำขนาดนั้นแล้วยังจะยอมแต่งงานกับผู้ชายคนนั้นอีก
จนถึงช่วงบ่ายของวันเดียวกัน..ที่กรม
"แกยังไม่กลับไปแต่งตัวอีกเหรอ"
"ทำไมต้องรีบด้วย"
"นี่แกเป็นเจ้าบ่าวนะ"
"พ่อไม่ต้องย้ำหรอกน่ารู้แล้ว"
"แกรู้ไหมว่าตอนนี้ท่านเรวทัตเดินทางมาแล้ว"
"ท่านมาด้วยเหรอ?"
"จะไม่มาได้ยังไงก็ลูกสาวแต่งงานทั้งคน"
"จริงด้วย" เจ้าบ่าวทุกคนอาจจะกลัวว่างานแต่งจะล่มถ้าไม่มีเจ้าสาว แต่กับกองทัพแล้ว ถ้ามีเจ้าสาวเขาอาจจะกลัวก็ได้
แอะ เสียงนี้ดังขึ้นขนาดที่ช่างกำลังแต่งหน้าเจ้าสาว
"คุณจะไหวไหมคะเนี่ย"
"ไม่ไหวก็ต้องไหวแหละค่ะ" นี่ขนาดช่าง ยังถามแบบเป็นห่วงเลย แต่กับแม่ของตัวเองแท้ๆ หญิงสาวมองไปดูแม่ที่กำลังแต่งสวยเหมือนกัน เพราะแพรวพราวรู้ว่าสามีมางานนี้ด้วย ก็เลยอยากจะแต่งตัวสวยให้สามีรู้สึกเสียดายตัวเอง
จนถึงเวลาที่แขกทยอยกันเข้ามาในงาน..
"เชิญด้านในได้เลยค่ะ" พุดตาลยืนรับแขกอยู่ด้านหน้ากับสามี ส่วนลูกๆ กำลังช่วยกันอยู่ในงาน
"ยินดีด้วยนะครับท่าน"
"ขอบคุณมากครับ เชิญเข้าไปข้างในกันก่อนเลยครับ"
"ใกล้จะได้ฤกษ์แล้ว ทำไมผู้พันยังไม่มาอีกล่ะคะ"
"เดี๋ยวผมโทรตามดีกว่า"
"ไม่ต้องโทรแล้วค่ะมาโน้นแล้ว" พุดตาลมองไปด้านนอกเห็นว่ากองทัพกำลังเดินมากับลูกน้องคนสนิท
จากใบหน้าที่ยิ้มอยู่ก็หุบลงเมื่อมองไปด้านหลังกองทัพเห็นว่าใครที่เดินมา
"มาสักทีนะ พ่อกลัวว่าจะมาไม่ทันฤกษ์"
"พูดเหมือนว่าเจ้าสาวมาแล้วอย่างนั้นแหละครับ"
"ตอนนี้มาแล้ว รอเจ้าบ่าวไปรับอยู่ห้องข้างๆ"
"อะไรนะครับ?!" ขณะที่กองทัพกำลังจะพูดอะไรอีก ต้องได้หยุดลงเมื่อเห็นว่าพ่อของฝ่ายหญิงเดินมาหยุดด้านหลังตัวเอง
"ฉันดีใจที่นายมา" คนที่เอ่ยพูดก่อนก็คือเกษมราษฎร์
"อืม" เรวทัตตอบรับแค่เปล่งเสียงออกมาจากลำคอเล็กน้อย "แล้วนี้เจ้าสาวเราล่ะ" แล้วเรวทัตก็หันมาพูดกับว่าที่ลูกเขย
"อยู่ห้องใกล้ๆ นี่แหละครับ ได้ยินว่าใกล้ได้ฤกษ์แล้ว ผมขอตัวไปรับเธอก่อนนะครับ"
แต่กองทัพยังไม่ได้ไปจากตรงนั้นเลยด้วยซ้ำ ก็เห็นเจ้าสาวเดินออกมาพร้อมกับแม่ของเธอ
"??" คนที่แปลกใจ จะเรียกว่าแปลกใจก็คงไม่ใช่แล้ว ต้องเรียกว่าตกใจก็คือผู้กองฉลาม เพราะคนที่เป็นเจ้าสาว ก็คือผู้หญิงคนที่ไปเที่ยวกับเขาในคืนนั้น
"พ่อคะ" มโนราห์มีรอยยิ้มขึ้นมาเมื่อเห็นว่าพ่อมาร่วมงานแต่งของเธอด้วย
"พ่อ?!!" จากที่ฉลามแปลกใจตกใจ ตอนนี้แทบจะเรียกว่าช็อก เพราะคนที่เจ้าสาวเรียกว่าพ่อก็คือท่านพลเอก
เรวทัตเอื้อมมือไปจับมือเจ้าสาวเพื่อที่จะส่งให้กับเจ้าบ่าว และกองทัพก็ต้องได้ยื่นมือไปรับเจ้าสาวต่อจากพ่อของเธอ
"ฝากเราด้วยนะ"
"ครับ" จะไม่ตอบรับก็ไม่ได้
"พ่อจะไปไหนคะ"
"พ่อส่งเราได้แค่นี้ ขอให้เรามีความสุขนะ" จากที่กำลังจะเดินไปเรวทัตหันกลับมาลูบผมลูกสาวเบาๆ
"คุณพ่อไม่อยู่ร่วมงานก่อนหรือคะ"
"อย่าให้พ่ออยู่เลย"
"พ่อคะ พ่อ.." จะร้องไห้ออกมาก็ไม่ได้ เพราะถ้าร้องไห้แม่ต้องไม่ชอบใจมากแน่
"ถึงแม้คุณจะไม่อยากฟัง แต่ผมก็จะพูด เพราะผมรักคุณ" เขาไม่ได้รั้งตัวเธอไว้ แต่ยังคงเดินตามไป จนตอนนี้ทั้งสองออกมาจากงานแล้ว"ฉันไม่อยากเป็นตัวปัญหา คุณกลับไปทำงานของคุณให้เสร็จเถอะค่ะ" ถึงแม้เธอจะหยุดแต่ขณะที่พูดก็ไม่ได้หันกลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลัง"ผมจะร้องเพลงต่อไปทำไม ในเมื่อคนที่ผมอยากให้ฟังไม่อยู่ในงานนั้น""คุณแน่ใจเหรอคะ ว่าคุณจะร้องเพลงนี้ให้ฉัน แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะคะ..แต่คนที่รู้กลับเป็นผู้หญิงคนนั้น" เธอพยายามจะไม่ดึงผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบทสนทนาแล้ว แต่ก็ยังคาใจเรื่องนี้อยู่"คุณหมายความว่ายังไง""คุณจะขึ้นร้องเพลงฉันยังไม่รู้เลย แต่เธอกลับรู้ว่าคุณจะร้องตอนเปิดงาน""คุณหมายถึงผู้หญิงที่ผมรับมาจากหน้ากรมน่ะเหรอ แม้แต่ชื่อเธอผมยังไม่รู้เลย และเรื่องที่ผมร้องเพลงก่อนผมสาบานได้ว่าเธอคงไม่ได้ยินจากปากผมแน่ๆ""ไหนบอกมันเป็นความลับไงคะ ขนาดฉันยังไม่รู้เลย ทำไมเธอถึงรู้" ในเมื่อเขาไม่ได้พูดแล้วเธอคนนั้นจะรู้มาจากไหน"ใช่มันเป็นความลับ แต่เธออาจจะรู้มาจากนักดนตรี หรือคนจัดเตรียมงานก็ได้นี่ครับ" เพราะทุกคนต้องวางแผนงานแสดงก่อนที่จะเริ่มงาน"ขอบคุณนะคะ สำหรับคำอธิบาย""แล้วคุณยังโก
เหมือนถูกลากมาตบกลางสี่แยกยังไงยังงั้นเลย ที่ได้ยินพวกผู้หญิงพูดถึงสามีตัวเอง"ได้ยินผู้พันบอกว่า วันนี้จะร้องเพลงช่วงเปิดงาน""อ้าว ไม่ร้องตอนปิดงานอีกแล้วเหรอ" เพราะกองทัพเลือกร้องเพลงตอนปิดงานมาหลายปีแล้ว ที่เขาร้องช่วงปิดงานจะได้มีคนอยู่ร่วมงานจนถึงช่วงสุดท้าย"เห็นบอกแบบนั้น""แหมนอกจากให้ติดรถมาแล้ว ยังบอกเรื่องจัดงานอีกนะ" ไม่มีใครไม่รู้ว่ากองทัพแต่งงานและภรรยาก็คลอดลูกเดือนที่แล้ว แต่อย่างที่รู้กันอยู่ว่าคนที่ทำอาชีพนี้ส่วนมากจะเจ้าชู้ มีหลายคนเลยแหละที่มีบ้านเล็กบ้านน้อย ยิ่งระดับลูกชายของคนใหญ่คนโตแล้วด้วย ผู้หญิงพวกนั้นก็เลยอยากไต่เต้าสบายทางลัด ยิ่งถ้าคว้าใจผู้ชายมาได้ถึงกับยอมเลิกกับบ้านใหญ่ก็เคยมีความรู้สึกของมโนราห์ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้ว จนเกิดอาการคัดเต้า โชคดีที่ใส่ที่ซับน้ำนมมาด้วย แต่ถ้ามันไหลเยอะก็คงเอาไม่อยู่เพียงไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้น หลายคนที่ร่วมงานต่างก็หันไปที่เวที และหลายคนก็พูดกันว่า ทำไมผู้พันกองทัพถึงได้ร้องเพลงช่วงเปิดเวที เพราะทุกครั้งผู้พันจะร้องตอนปิด ..นั่นแสดงว่าคนในงานยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ผู้หญิงคนนี้คงสำคัญกับเขามากจริงแหละ ถึงได้รู้ว่าเขาจ
"ฉันขอชุดที่รัดกุมหน่อยนะคะ..แต่..เออ..""แต่อะไรคะ" ช่างที่กำลังเลือกแบบชุดให้ถามลูกค้า เมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนไม่กล้าพูด"ขอแบบที่สามารถปั๊มนมให้ลูกได้ด้วย" ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะไปหรอก แต่อะไรมันก็ไม่แน่นอน เธอก็เลยขอชุดแบบนั้นไว้ เพราะถ้าน้ำนมมาต้องรีบปั๊มออก ไม่งั้นคัดเต้าทำให้ปวดมากบางครั้งเกิดการอักเสบเลย"ชุดแบบนั้นทางร้านเราไม่ได้ทำไว้ค่ะ แต่เราคิดว่า ผ้าคลุมไหล่สามารถปกปิดได้"ขณะที่คุยกันไม่มีคนในบ้านอยู่ใกล้เธอก็เลยกล้าพูดพอรู้แล้วว่าลูกค้าต้องการแบบไหนทางร้านก็รีบจัดการให้ ส่วนมโนราห์ก็เริ่มทำการเสริมสวยต่อขณะที่ทำผมอยู่ได้ยินเสียงลูกชายงอแง เธอก็ให้ช่างหยุดก่อน เพื่อไปดูว่าลูกเป็นอะไร แต่พอเห็นว่าลูกอยากเข้าเต้ามโนราห์ก็เลยจัดให้ก่อนจนแกนอนหลับเธอถึงได้กลับมาทำสวยต่อ ชีวิตแม่ลูกอ่อนถ้าใครไม่เจอกับตัวก็ไม่รู้หรอกบ่ายคล้อยวันเดียวกัน.."พ่อโทรมาบอกว่าให้แม่เข้างานเร็วหน่อย""คุณแม่ก็ไปสิคะ""แม่ว่าจะรอรับเราไปด้วยกัน""ไม่ต้องรอหรอกค่ะ โมนายังไม่รู้เลยว่าจะไปไหม""ถ้างั้นแม่รอเราที่งานนะ" พอแต่งตัวเสร็จพุดตาลก็ให้คนรถพาไป เพราะไม่อยากให้ท่านนายพลต้องกลับมารับอีกเวลาเดียวก
ลืมเลยอีกแค่ไม่กี่วันก็ถึงวันงาน พอคิดถึงเรื่องเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากับเธอยังไม่ได้รักกัน"หึ.." พอคิดถึงตอนที่กระโปรงเธอขาดก็นึกขำขึ้นมา และตอนที่เธอคิดว่าเขาร้องเพลงให้ผู้หญิงคนอื่น แต่ไม่ใช่เลย ตอนที่ร้องเพลงนั้น เขากลับคิดถึงหน้าเธอต่างหาก"ยิ้มอะไรครับผู้พัน""ยังจะเดินตามมาอีก ไม่ทำงานหรือไง""ทำสิครับ แต่ผู้พันลืมแล้วเหรอว่าที่ทำงานเราไปทางเดียวกัน" ตอนที่เป็นผู้กองอยู่เขาสังกัดหน่วยงานเดียวกับกองทัพ แต่พอเลื่อนขั้นเป็นผู้พัน ฉลามต้องเข้ารับงานใหม่ "แล้วตกลงที่ยิ้ม..ให้สาวที่นั่งรถมาด้วย..หรือคนที่อยู่บ้านครับ""ไอ้ฉลามมึงจะหางานให้กูไปถึงไหนวะ กูก็ต้องคิดถึงเมียกูสิ""ครับคิดถึงเมีย""ไอ้นี่พูดเหมือนไม่เชื่อ"สองวันต่อมา.. วันนี้เริ่มประชุมเรื่องที่จะจัดงานประจำปี ใครรับหน้าที่ส่วนไหนก็ต้องเริ่มจัดการส่วนที่ตัวเองได้รับในแต่ละหมู่เหล่าต้องร่วมแรงร่วมใจ เพราะงานประจำปีไม่ได้จัดขึ้นแค่เป็นงานเลี้ยง แต่เป็นงานที่ทำให้ในหน่วยงานรักและสามัคคีกันที่คฤหาสน์พลเอกเกษมราษฎร์"โมนาไม่รู้ว่าพ่อจะมา" เพราะพ่อเพิ่งมาตอนที่เธอคลอดลูกนี่เอง และวันนี้พ่อก็มาอีกครั้ง"สามีเราไม่บอกเหรอ ว่
"คุณอยากได้อะไรครับ ทำไมไม่เรียกผมเดี๋ยวผมหยิบให้" ฉลามรีบเดินกลับมาที่บ้าน"ฉันเรียกแล้วค่ะ แต่คุณมัวมองสาวๆ พวกนั้นอยู่""อุ๊ย.. เปล่ามองสักหน่อย""ตาฉันไม่ได้บอด""แก้วใจครับ อย่างอนนะ มันไม่ดีต่อ..""คุณไม่อยากให้ฉันงอนก็อย่าทำสิคะ""ผมแค่..""แค่อะไรคะ""แค่มองนิดเดียวเอง""แต่ที่ฉันเห็นไม่นิดแล้วนะ"กูจะถึงกับตายไหมวะ ..ฉลามรีบเดินตามแก้วใจเขาไปในบ้าน ในใจก็แอบหวั่นๆ"อย่าเดินเร็วสิครับเดี๋ยวสะดุดล้ม""ไม่ต้องตามมานะ""ผมสัญญาว่าจะไม่มองผู้หญิงคนอื่นแบบนี้อีกแล้ว"แก้วใจหยุดแล้วก็หันกลับมา แต่ฉลามที่ตามมาด้านหลังเกือบหยุดไม่ทัน"จะหยุดทำไมไม่บอกผมล่ะ""ไม่ต้องมาใกล้ฉันเลยนะ" หญิงสาวผลักสามีให้ออกห่าง "ใช่สิท้องฉันโตขนาดนี้ ก็เลยไม่น่ามองเหมือนผู้หญิงพวกนั้นใช่ไหม""ใครบอกคุณไม่น่ามอง แก้วใจของผมน่ารักที่สุดในโลก""คนปากไม่ตรงกับใจ ฉันจะกลับไปหายาย""ไม่ให้กลับ""ฉันจะกลับไปคลอดลูกกับยาย""ที่นั่นอยู่ห่างไกล เวลาคลอดก็ลำบาก เอาแบบนี้แล้วกันใกล้คลอดผมจะไปรับคุณยายมาอยู่ด้วย""จริงเหรอคะ" จากที่งอนอยู่เมื่อสักครู่ก็มีรอยยิ้มขึ้นมา ฉลามถึงกับหายใจโล่ง ดีนะที่ยังมียาย ไม่งั้นคืนนี้ต้
ญาณินกัดฟันไว้ไม่กล้าส่งเสียงคราง เพราะลูกชายเพิ่งจะนอนลงมือเรียวยื่นลงไปจับศีรษะของคนที่เมามันอยู่กับการใช้ลิ้น แทนที่จะยกศีรษะของเขาขึ้นแต่ดันกดมันลงแบบลืมตัวชายหนุ่มยิ่งได้ใจเพิ่มจังหวะความเร็วของลิ้นอีกระดับหนึ่ง จนสะโพกงามเกร็งกระตุกเขาถึงได้หยุด แล้วค่อยๆ ขยับขึ้นมา เพราะจะปล่อยให้เธอเสร็จก่อนไม่ได้สิ่งแรกที่ศิลาทำเมื่อโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มนั้นคือมองไปดูลูกชาย ว่าเขาหลับหรือยัง แต่พอเห็นลูกยังดิ้นอยู่ เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงอีกฝั่งหนึ่งของเธอแต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อย เขายังคงลูบคลำเนินอวบนูนของเธอเพื่อไม่ให้อารมณ์อีกฝ่ายหยุดลง"อือ..คุณ.."ศิลาไม่สนใจที่เธอห้าม แถมยังส่ายหน้าบอกเล็กน้อย เพื่อให้เธอรู้ว่าถึงยังไงเขาก็ไม่หยุด รอให้ลูกหลับสนิทก่อนเถอะ จะจัดการเธอให้สมกับความคิดถึง"อื้อ" พอนิ้วนั้นจมหายเข้าไปในร่อง หญิงสาวกลั้นเสียงไว้ไม่ได้อีก แต่เธอก็ไม่ได้ส่งเสียงออกมาแรง "อ่ะ อ่ะ" อารมณ์ของเธอเริ่มควบคุมไม่ได้เมื่อนิ้วนั้นขยับเร็วขึ้น"หือ" ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อถูกมือเรียวลูบคลำที่เป้ากางเกง ยิ่งเธอเป็นคนรูดซิปเองด้วยแล้วเขายิ่งพอใจมากแต่เธอทำแค่นั้นแล้วก็หยุด เพราะเริ่มรู้ส