LOGIN
เสียงปรบมือ ท่ามกลางแขกเหรื่อกำลังชื่นชมหญิงสาว ซึ่งกำลังยื่นมือให้กับคนรัก เพื่อสวมแหวนหมั้น ทว่ายังไม่ทันได้สวมมัน หญิงสาวรูปร่างสมส่วนสาวเท้าเข้ามา ในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ชายหนุ่มรูปร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าคมเข้ม ริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งเป็นสัน นามอนาวิน ประธานบริษัทไฮดีไซน์ ลุกยืนจ้องมองผู้หญิงอีกคน ที่กำลังสาวเท้า ภริดาลุกยืนตามว่าที่คู่หมั้น สับสนไม่เข้าใจ ทำไมเยาวเรศถึงได้มาที่งานนี้
“เธอมาที่นี่ทำไม!” ภูมิธรรมเอ่ยถาม น้ำเสียงแข็ง
อดีตผู้หญิงคนนี้ เคยเป็นคนรักของพี่ชายมาก่อน แต่กลับหักอกเขาจนพี่ชายเธอกลายเป็นคนสติไม่ดี ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
“ทำไมคะ ฉันมาไม่ได้เหรอ ในเมื่อแฟนของฉัน กำลังจะหมั้น”
แฟนงั้นเหรอ ภริดามองคู่หมั้น สีหน้าสับสนไม่เข้าใจ ที่เยาวเรศเอ่ยออกมา มันคืออะไรกัน
“แฟนเธอใครกัน ที่นี่มีคนกำลังหมั้นแค่สองคนเท่านั้นคือลูกสาวฉัน กับอนาวิน!” ภูมิธรรมย้อนถาม
เยาวเรศยกยิ้ม เข้าไปควงแขนอนาวินไว้ ภูมิธรรมนิ่งงัน เสียงแขกในงานเริ่มดังขึ้น ภริดาสับสนไม่เข้าใจ เหตุใดอนาวินถึงไม่พูดอะไร นอกจากยืนนิ่ง แล้วมองดู
“หมายความว่ายังไงคะวิน” เธอถามเขา
“ก็ไม่ได้หมายความว่ายังไง”
“คุณปฏิเสธสิว่ามันไม่จริง เรากำลังจะหมั้นกันนะคะ” ภริดาเริ่มเสียงสั่น ยิ่งเห็นท่าทีของคนที่ตัวเองรัก ยิ่งหวั่นใจ อนาวินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“เธอโง่หรือไงกันภริดา เธอกับอนาวินรู้จักกันมานานแค่ไหนแล้ว” เธอชี้นิ้วไปที่ตนเอง “ฉันต่างหากที่เขารัก ไม่ใช่เธอ”
“อะไรนะ?” ภริดาละเมอออกมา แล้วหันมองทางคนรัก “อธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยสิวิน”
เขายักไหล่ ราวกับเรื่องที่เกิดไม่ได้สำคัญอะไร ก่อนหยิบแหวนหมั้นออกมา ดึงมือหญิงสาวอีกคนแล้วสวมมัน
“แหวนนี้ผมให้คุณนะเยาวเรศ”
“แกทำบ้าอะไรของแกฮะวิน!” คุณหญิงอิงอรตวาด แล้วก้าวเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าหลานชาย “งานหมั้นนี่ แกเป็นคนอยากจัดเอง แล้วนี่แกกำลังทำอะไร!”
“ผมก็แค่อยากเล่นสนุกเท่านั้นเองครับคุณย่า อย่าไปคิดอะไรมากเลย”
“แกกล้าเอาผู้หญิงคนอื่นมาในงานหมั้น แล้วสวมแหวนต่อหน้าคนมากมาย แกทำลายศักดิ์ศรีหนูดาแบบนี้ได้ยังไงกัน!”
ภริดาสั่นเทา ไม่เคยมีครั้งไหนที่อับอายเท่านี้มาก่อน เขาฉีกหน้าเธอไม่มีชิ้นดี ยุ่งกับใครไม่ยุ่ง ดันไปยุ่งกับศัตรูเธอ ทำไมอนาวินถึงได้ทำร้ายกันขนาดนี้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้นเหรอ หลอกกันมาตลอดใช่ไหม
“ทำแบบนี้ทำไมวิน ดาอยากรู้ คุณทำทำไม!” หญิงสาวตวาดลั่นออกมา
อนาวินกระตุกยิ้มมุมปาก ดึงมือเยาวเรศมากุมไว้
“เพราะผมไม่เคยรักคุณเลยไงดา ผมแค่เล่น ๆ กับคุณ ผมบันดาลงานหมั้นที่คุณต้องการ เป็นไงสวยใช่ไหม ผมทำให้คุณมีความสุขใช่หรือเปล่า คุณชอบไหมดา เกมนี้ผมสนุกมากเลย”
“เกมงั้นเหรอ?”
น้ำตาไหลอาบแก้ม อนาวินมองใบหน้างดงามกำลังเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เจ็บปวดมากไหม มันก็สมแล้วกับสิ่งที่ดาริกาต้องเจอ
“ใช่ดา”
ภริดาปาดน้ำตาออก กัดริมฝีปากจนห้อเลือด พยายามข่มอารมณ์เก็บกดความเจ็บปวดเอาไว้ มองหญิงชายตรงหน้า เธอหันกายเผชิญกับแขก
“ขอโทษทุกท่านด้วยนะคะ” เธอประกาศแล้วก้มศีรษะลง “งานหมั้นต้องหยุดไว้เพียงเท่านั้น ขอทุกท่านเดินทางกลับได้เลยค่ะ”
พนักงานพากันเชิญแชกออกไปจากห้องโถง ภริดาหันมาเผชิญหน้า โดยมีคนเป็นพ่อเคียงข้าง ภูมิธรรมเองไม่รู้ว่าตนเองควรทำเช่นไร เพราะเขาเองก็ผิด ที่เห็นแกผลประโยชน์ทางธุรกิจจนทำให้ลูกสาวต้องเจอกับเรื่องแบบนี้
“ทำไม ผู้หญิงมีมากมาย ทำไมต้องเป็นเยาวเรศด้วย!” ภริดาถาม แววตาร้าวราน
เขายิ้มกว้าง “เรศกับผมรู้จักกันมาก่อนคุณเสียอีก ผมกับเรศเรารักกัน”
“คุณหลอกฉันทำไม แค่เกมงั้นเหรอ มันง่ายไปไหม คุณแค้นฉัน เกลียดฉันเพราะอะไร ทำกันขนาดนี้มันคงไม่ใช่แค่เกมหรอก!”
อนาวินเลือกเงียบแทนคำตอบ ตอนนี้ยังไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้
“ทำกับลูกสาวฉันเหมือนของเล่นแบบนี้ ก็ยกเลิกงานหมั้นตัดขาดกันไปเลย ต่อให้ฉันต้องล้มละลายหมดตัว ฉันก็ไม่แคร์หรอก!” ภูมิธรรมประกาศกร้าว
“แหม.. คุณพ่อตา ถ้าบริษัทคุณล้มละลาย มันไม่ใช่แค่คุณเดือดร้อนนะครับ อย่าลืมสิ ว่าลูกชายคุณต้องการค่ารักษาอยู่ ผมเองก็ช่วยบริษัทคุณไว้เยอะใช่ไหมล่ะครับ ยกเลิกงานหมั้นน่ะได้ แต่ภริดาไปไหนจากผมไม่ได้ทั้งนั้น!”
“เธอเครียดน่ะครับ อาจจะมีเรื่องกระทบจิตใจ เลยทำให้อ่อนเพลีย”อนาวินพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณมากครับหมอ”“หมอขอตัวก่อนนะครับ”เดินเข้าห้อง เห็นคนบนเตียงใบหน้าเขียวช้ำ ถึงหมอบอกไม่เป็นอะไรมาก แต่สภาพที่เห็นทำเอาใจหาย ถ้าภริดาเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง หย่อนกายลงข้างเตียง หยิบผ้าชุบน้ำมาเช็ดตามใบหน้า“พ่อคะ” เธอละเมอออก “วัตร”ชายหนุ่มชะงักมือ กำผ้าแน่น กรามขบเป็นสันนูน เขาไม่อยากได้ยินชื่อสองคนนี้เลย ต่อให้ภริดาไม่รู้เรื่อง กระนั้นแล้วเธอก็ยังคงเป็นลูกสาวและน้องสาวของสารเลวสองคนอยู่ดี โยนผ้าไว้ในอ่างตามเดิม แล้วเดินออกมาด้านนอก“เฝ้าเธอไว้ให้ดีด้วยป้าศรีนวล”“ได้ค่ะคุณผู้ชาย”จัดการเรื่องในบ้านเรียบร้อย อนาวินมายังรถ เพื่อเดินทางไปโรงพยาบาล รถจอดเทียบแพทย์เจ้าของไข้ออกมาต้อนรับทันที เพราะที่นี่คือโรงพยาบาลที่บริษัทของเขาจัดตั้งและสนับสนุนตลอดระยะเวลาหลายปี ชายหนุ่มมาหยุดยืนหน้าห้องไอซียู ด้านในเห็นชายวัยกลางคน กำลังใส่เครื่องช่วยหายใจ ไม่ได้สติ“อาการเป็นยังไงบ้าง” อนาวินถามเสียงเครียด“อาการทรงตัวครับ ถ้าจะให้ดีต้องผ่าตัด ถ้าเกิดญาติเซ็นต์ผมเตรียมผ่าให้ได้เลย”“ถ้าไม่ผ่าจะเป็นอะไรไหม”“ไม่ดี
หญิงสาวสะดุ้ง ยอมเอามีดให้กับอนาวิน เขาพับแล้วเก็บมันเข้ากระเป๋า ก่อนเดินไปหาร่างที่กำลังสลบกับพื้น ไม่นานนักเธอขยับกาย ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง ในสภาพที่เปลือกตาแทบปิด อนาวินขบกรามแน่นพยายามข่มใจ ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้ ชายหนุ่มย่อกายลง“เป็นยังไง ยังไม่ตายใช่ไหม” เขาเอ่ยถาม แม้ใจเป็นห่วง แต่คำพูดกลับทำร้ายอีกฝ่าย“ยังเลย ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เอามีดที่คนรักของคุณ มาเสียบคอฉันเลยดีไหม จะได้ตาย ๆ สมใจคุณเสียที”อนาวินชะงัก เก็บอาการอ่อนไหวเอาไว้“ได้ยังไงกันเล่าภริดา ฉันไม่ยอมให้เธอตายง่าย ๆ หรอก เธอต้องอยู่เป็นของเล่นของฉัน กับเยาวเรศไปอีกนาน”คนเจ็บกัดฟันกรอด ร่างกายมันปวดร้าวแทบทนไม่ไหว แต่จำต้องอดทนเอาไว้“ไอ้สารเลว!”“ด่าได้ดี เห็นไหมเธอยังด่าฉันได้ขนาดนี้ แสดงว่ายังมีแรง ไม่ตายง่าย ๆ หรอก”“น่าเสียดาย...”“เสียดายอะไร”ปรือตามอง คนที่ตนเองเคยรักมากเหลือเกิน บัดนี้ไม่หลงเหลืออะไรเลย ทุกอย่างที่ผ่านมา เป็นแค่เพียงภาพลวงตาเท่านั้น ถ้าหาก... มองให้ลึก มองให้ชัดกว่านี้ คงไม่ต้องโดนหลอก จนต้องอับอาย ทำให้พ่อต้องเป็นทุกข์“เสียดายที่ฉันตายยากไปหน่อย”ชายหนุ่มกัดฟันกรอด แล้วลุกยืนทันที ทว่าใ
เยาวเรศชักสีหน้าไม่พอใจ เมื่อเห็นเชนทร์กำลังโทรหา เปิดประตูลงจากรถ แล้วแย่งมือถือเขวี้ยงลงพื้น ก่อนเดินไปยังป้อมด้านหน้า กดเปิดประตู แล้วขับรถเข้าไป เชนทร์รีบโทรหาหัวหน้า ซึ่งตอนนี้กำลังปฏิบัติงานอยู่ข้างนอก ใช้เวลากลับมาก็คงเกือบชั่วโมง“หัวหน้าครับคุณเยาวเรศมาที่นี่ครับ!” เขารีบรายงานเสียงสั่น“อะไรนะ! รีบห้ามสิ อย่าให้ขึ้นไปบนห้องคุณภริดาได้!”“ผมห้ามแล้วครับ แต่เธอไม่ยอม”“แกเป็นผู้ชายหรือเปล่าไอ้เชนทร์ ถ้าแกไม่ห้าม หัวเราได้หลุดกันหมดแน่ รีบไปจัดการ เดี๋ยวฉันกลับไป!”“ครับหัวหน้า”เยาวเรศลงจากรถ แล้วสาวเท้าเข้าด้านใน สาวใช้วัยแรกรุ่นรีบวิ่งเข้ามาหา“มันอยู่ไหน!”“อยู่ห้องติดกับห้องคุณผู้ชายค่ะ!” บ่าวรับใช้รายงานในทันทีเธอไม่รอช้าพอมาถึงหน้าห้อง จับลูกบิดเปิดเข้าไปด้านใน เห็นหญิงสาวกำลังนอนหลับบนเตียง ตรงเข้าหากระชากแขนลากลงมาตุบ!“โอ้ย!” ภริดาร้องคลำช่วงเอว แล้วจ้องมองคนทำ เห็นยืนกอดอกตาเขียว “เยาวเรศ!”“ใช่ ฉันเอง!”ภริดาพยุงกายลุกยืน มองไปยังหญิงสาว ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิท ที่เธอรักและหวังดี คิดว่าคนคนนี้คือคนที่เชื่อใจได้ แต่สุกท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น เยาวเรศซ่อนเขี้ยวเล
ภูมิธรรหันกายกลับไปยังรถ มือจับหน้าอกไว้แน่น อาการปวดร้าวทำนิ่วหน้า เขาพยายามสูดหายใจเข้าปอด หลายวันมาแทบไม่ได้พักผ่อน เพราะหาหนทางช่วยลูก วิ่งเต้นทุกวิถีทางแต่กลับไม่มีใครยินยอมช่วยเหลือ มันคือความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ถ้าหากตอนนั้นไม่ให้ลูกคบกับอนาวินก็คงดีอาการปวดหน้าอกไม่บรรเทา มือจับพวงมาลัยไว้แน่น กัดฟันข่มความเจ็บปวด จนบอดี้การ์ดเห็นถึงความผิดปกติ เดินมาส่องผ่านกระจกรถสีดำ แล้วรีบล้วงมือถือ ติดต่อหน้าหัวหน้า“หัวหน้าครับ ภูมิธรรมอาการไม่ดีแล้วครับ”“อะไรนะ!”“ผมเห็นเขาสลบอยู่ในรถ”“เคาะเรียกสิ!”ก๊อก ก๊อกเชนทร์พยายามเคาะ แต่กลับไม่มีการตอบรับ“ไม่ฟื้นครับหัวหน้า ไม่ตอบสนองอะไรเลย”“งัดรถแล้วพาคนออกมา เดี๋ยวฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้!”“ครับหัวหน้า”รถพยาบาลเคลื่อนออกจากหน้าบ้าน หลังจากทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น จนชีพจรกลับมาแล้ว วิรุตต์ล้วงมือถือ ติดต่อหาเจ้านายในทันที“ว่าไงรุตต์” เขากรอกเสียง“ท่านครับ ภูมิธรรมช็อกหมดสติหน้าบ้านเราครับ ตอนนี้ผมให้คนพาไปส่งโรงพยาบาลแล้ว”“อะไรนะ!” ชายหนุ่มผุดลุกจากเก้าอี้สีหน้าตระหนก “แล้วตอนนี้อาการเป็นไงบ้าง”“ผมยังไม่ทราบเหมือนกันครับ อีกสักพักลู
อนาวินลุกยืน ถ้าหากไม่อยู่ในห้อง อาจพอช่วยให้คลายความเจ็บปวดลง หยิบเสื้อผ้ามาสวม แล้วหันมองเธอ ที่กำลังนั่งชันเข่า น้ำตาไหลตลอดเวลา“ฉันจะให้ป้าศรีนวลเอาอาหารมาให้ เธอต้องกินด้วยล่ะ เพราะถ้าเธอไม่กิน ฉันจะมาจัดการเธอ!” ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตู ป้าศรีนวลก้าวเข้ามา มองดูหญิงสาวบนเตียง หญิงกลางคนเดินเข้าไปหา วางถาดอาหารไว้ตรงโต๊ะหัวเตียง“คุณดาทานอาหารสักหน่อยนะคะ” เธอบอกน้ำเสียงอ่อนโยน แววตาบ่งบอกถึงความเป็นห่วงตอนคุณภริดา มาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นคนดีมาก มีน้ำใจกับบ่าวไพร่เสมอ เคยคิดว่าผู้หญิงคนนี้ คงได้เป็นนายหญิงของบ้าน แต่สุดท้ายกลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณชาย จะกระทำเช่นนี้ เห็นแล้วอดสงสารไม่ได้ เมื่อก่อนเคยคิดว่าสองท่านเป็นคู่รักที่น่าอิจฉา แต่บัดนี้ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ด้วยภริดากัดริมฝีปาก ใจอยากปฏิเสธ แต่รู้ดีว่า หากอนาวินรู้เข้า คงทำโทษตนเองอีกแน่นอน“เดี๋ยวฉันทานเองค่ะป้า ป้าออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”ศรีนวลหย่อนกายลงบนเตียงเคียข้าง แล้วดึงมือบางมากุมไว้“ป้าอยากให้คุณอดทนเข้มแข็งไว้นะคะ คุณชายไม่ใช่คนใจร้าย เรื่องที่เกิดขึ้น คงมีสาเหตุแน่”เธอยิ้มเศร้า “ไม่ว่าสาเหตุอะไร
ทว่าอีกฝ่ายไม่ฟัง แยกกลีบดอกไม้ออกจากกัน ก้มลงชื่นชม ช่างงดงามสดใหม่ จนไม่อาจทานทน ลิ้นแตะแผ่วเธอผวามือสอดเข้าเรือนผมหนา สีหน้าราวกับปวดร้าวทรมาน ความรู้เสียดเสียวพุ่งทะยาน ยิ่งลิ้นขยับตวัดหนักเบาสลับ ยิ่งทำร่างกายสั่นสะท้าน เรียวขาเกร็ง ร่างกายบิดเร้าตามแรงปรารถนา“อ๊า! อย่าทำแบบนี้ ออกไปนะ!” เธอยังคงประท้วง ฝืนตัวเองสุดกำลังเขาชะงัก เงยหน้าสบตา เห็นมองมาพร้อมน้ำตาที่กำลังเอ่อ“แต่ร่างกายเธอไม่ได้บอกแบบนั้นเลยภริดา ดูสิ” เขายกมือตัวเอง ที่กำลังมีน้ำหล่อเลี้ยงผิวแก้มคนสวยแดงขึ้น อับอายมากเหลือเกิน เธอไร้ยางอายขนาดนี้เลยเหรอ ปฏิเสธกับปาก แต่ร่างกายดันไม่เชื่อฟังเอาเสียเลย อนาวินแสยะยิ้มแล้วก้มลงหาดอกไม้งามอีกครั้ง ใช้ลิ้นตวัดลากไล้ สัมผัสเกสรดอกไม้ คนตัวเล็กสะดุ้ง หนีบเรียวขาเข้าหากัน มือกอบกุมศีรษะเขาไว้มั่น“อื้อ!” ภริดาร้องลั่น ร่างกายมันรับไม่ไหวแล้วความเสียวซ่าน ปั่นป่วนท้องน้อยเช่นนี้ “กรี๊ด!” เธอกรีดร้องออกมา ร่างกายกระตุกเกร็ง น้ำหวานไหลซึม อนาวินมองดูแล้วใช้ลิ้นตวัดกลืนมัน ก่อนผละห่างคนงามกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลดออก สะบัดออกจากเรือนร่าง แล้วตามด้วยเข็มขัด กางเกงสแลค และชั้นใ







