“คุณทัต พอดีใจ๋จะมาถามเรื่องเด็กขายตอนนี้มีมาบ้างไหมคะ” เสียงของคุณใจ๋ผู้จัดการคลับหรูพ่วงด้วยตำแหน่งผู้จัดการบ่อนพนันและสถานที่เริงรมย์ถามเจ้าของอย่างคุณทัตขึ้นทันที
“ผมพึ่งเช็คของไปไม่ผ่านสักคนไม่อยากรับเข้ามาเดี๋ยวจะเสียเครดิต” ด้านเจ้าของอย่างคุณทัตก็ตอบกลับไปเช่นกัน
ถ้าถามว่าเช็คของยังไงก็ต้องบอกตรงนี้ว่าคือการทำเรื่องอย่างว่านั่นก็คือ การมีเซ็กซ์ เพราะสำหรับเด็กที่จะรับเข้ามาทำงานบริการประเภทนี้ต้องมีประสบการณ์และร่างกายดูดีซึ่งเจ้าของอย่างคุณทัตก็จะเป็นคนเช็คของเองก่อนรับเข้าทำงานทุกครั้ง
“ทางลูกค้าของเรารีเควสมาว่าอยากได้เด็กใหม่ๆบ้างเพราะวีวีไอพีของเรางานดีก็จริงแต่ซ้ำหน้าเขาเบื่อแล้ว” ผู้จัดการสาวอย่างคุณใจ๋พูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณใจ๋เปิดรับสมัครได้เลยครับ” แน่นอนว่าเจ้าของสถานที่ก็เห็นด้วยเป็นอย่างมากเพราะเดือนนี้ทั้งเดือนเขาก็ยังไม่ได้รับเด็กเข้ามาสักคนและสถานที่เริงรมย์ของเขาก็เป็นสถานที่ทำเงินมหาศาลให้กับตัวเขาและเด็กที่มาทำงาน
“ได้ค่ะ ถ้าได้เรื่องยังไงใจ๋จะนัดให้เข้ามาหาคุณทัต”
อาจจะสงสัยว่าทำไมเขาต้องเช็คของเองเพราะนั่นคือการที่เขาจะมั่นใจได้ว่าเด็กที่จะมาทำงานมีประสบการณ์ที่ดีพอที่จะทำให้ลูกค้าติดใจได้และที่เขาเลือกเฉพาะคนที่มีประสบการณ์เพราะเขาเองไม่อยากเปิดบริสุทธิ์ผู้หญิงคนไหนต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะมาสมัครด้วยความเต็มใจก็เถอะและคนที่มีประสบการณ์มักจะทำงานได้ดีไม่มีอิดออดนั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญ
“มีอะไรอีกหรือเปล่าคุณใจ๋” คุณทัตถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้จัดการสาวยังยืนอยู่ที่เดิม
“พอดีว่าคนที่ใจ๋รู้จักเขาอยากจะพาเด็กมาสมัครงาน ใจ๋เลยจะถามว่าถ้าเขาไม่ได้มาสมัครเองโดยตรงแต่มีคนแนะนำมาคุณทัตจะรับไหม”
“เขาเต็มใจที่จะมาทำใช่ไหมเด็กคนนั้น” เขาถามออกไปทันทีเพราะเขาเองก็กลัวว่าเด็กคนนั้นจะถูกหลอกมา
“เห็นบอกว่าเต็มใจทำเอง แต่เหตุผลเพราะอะไรใจ๋ก็ไม่แน่ใจ” คุณใจ๋ผู้จัดการสาวพูดขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าเขาพร้อมก็ให้เข้ามา ผมไม่เลือกอะไรมากหรอกเด็กหายากแล้วช่วงนี้” เขาตอบกลับไปทันทีพร้อมกับก้มหน้าลงสนใจกับเอกสารตรงหน้าต่อ
ไม่ว่าใครจะแนะนำหรือใครจะพามาแต่ถ้าท้ายที่สุดแล้วเจ้าตัวเต็มใจเองเขาก็ไม่ขัด
หลังจากนั้นก็ค่อยมาดูกันอีกทีว่ามีประสบการณ์ดีพอที่จะรับเข้าทำงานหรือเปล่า
หลังจากเสร็จจากงานตรงหน้าร่างสูงเจ้าของสถานที่อย่างคุณทัตก็ลุกออกจากที่ทำงานตรงกลับมาที่บ้านเพราะวันนี้คุณแม่ของเขานัดทานข้าวและคงมีเรื่องอะไรอีกสักอย่างที่ไม่พ้นเรื่องแต่งงานให้เขาปวดหัว
“สวัสดีครับ” ร่างสูงใหญ่ของคุณทัตเอ่ยปากขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในบ้านก่อนจะนั่งลงบนโซฟากลางบ้านตรงข้ามคนเป็นพ่อเป็นแม่ทันที
“รู้ใช่ไหมที่แม่เรียกลูกมาจะคุยเรื่องอะไร” เจ้าของน้ำเสียงนุ่มนวลของคนเป็นแม่ถามขึ้น
“รู้ครับแต่ผมไม่แต่งไม่ว่ากับใคร” แน่นอนคนเด็ดเดี่ยวอย่างเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมให้ใครมาบังคับได้ง่ายๆ
“ตาทัตลูกอายุสามสิบแล้วทำไมถึงไม่ยอมแต่งงานสักที” คนเป็นแม่ถามขึ้นอีกครั้ง
คนเป็นแม่เองก็อายุมากขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกับลูกชาย เขาเพียงแค่อยากเห็นลูกชายแต่งงานมีครอบครัวก็เพียงเท่านั้นแต่เหมือนลูกชายหัวดื้อจะไม่ยอมสักที
“อย่าไปบังคับลูกเลยคุณเดี๋ยวอยากแต่งตอนไหนก็แต่งเอง” คนเป็นพ่อพูดขึ้นอีกครั้งเพราะตัวเองก็เข้าใจลูกชายไม่น้อยว่าคงอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่และยังสนุกกับงาน
“หยุดเข้าข้างกันเสียทีเพราะยังไงแม่ก็จะให้ทัตแต่งงาน” คนเป็นแม่พูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดเพราะถ้าหากไม่ใช้ไม้ตายลูกชายเพียงคนเดียวของเธอก็ไม่มีทางยอมแต่งงานเป็นแน่
“ผมไม่แต่งครับ แม่ก็รู้ว่าแม่ไม่มีทางบังคับผมได้” เขาตอบกลับไปอีกครั้ง
เขายอมสานต่อธุรกิจของพ่อก็ดีเท่าไหร่แล้ว ใจจริงแล้วเขาไม่ชอบงานบริหารธุรกิจอะไรพวกนี้เลย ความฝันจริงๆของเขาอยากเป็นเชฟแต่ที่บ้านดันมีธุรกิจและเขาเป็นลูกชายคนเดียวมันจึงทำไม่ได้หากเขาไม่สารต่อและดูแลธุรกิจเหล่านี้
“เราบังคับให้ลูกดูแลธุรกิจแล้วคุณจะอะไรอีก เรื่องคู่ชีวิตปล่อยไปเถอะ ทัตมันโตแล้วเดี๋ยวก็หาคนรักได้เอง” คนเป็นพ่อเข้าใจลูกชายอย่างสุดซึ้งเพราะเขาเองก็รับปากลูกชายไว้แล้วว่าจะขอบังคับเรื่องงานเพียงอย่างเดียว
“ทัตจะไม่ยอมแต่งใช่ไหม” คนเป็นแม่ถามขึ้นอีกครั้ง
“ครับ ผมไม่แต่ง” แน่นอนว่าเขาเองก็ยังยืนคำเดิมและยืนยันคำนี้มาตั้งแต่อายุยี่สิบห้าจนตอนนี้อายุสามสิบแล้วก็ยังยืนยันคำเดิม
“ถ้าตาทัตไม่แต่งแม่ก็จะหาคนมาแต่งกับลูกให้ได้ ลูกคุณหญิงคุณนายเพื่อนแม่เยอะแยะ” คนเป็นแม่พูดขึ้นอีกครั้งซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่เธอพูดเธอทำจริงแน่เพราะลูกชายเพียงคนเดียวไม่ยอมแต่งงานเธอก็ไม่มีทางได้อุ้มหลาน
“ถ้าแบบนั้นแม่ก็แต่งเองเถอะครับเพราะผมจะแต่งก็ต่อเมื่อผมเจอคนที่ใช่” สำหรับเขาแล้วการหาใครสักคนมาอยู่ด้วยตลอดชีวิตมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่สำคัญเขาก็ยังไม่เจอเธอคนนั้น
“แล้วคนที่ใช่ของลูกจะมาตอนไหนละแม่ให้เวลามาห้าปีแล้วยังไม่มีคนรักเลยสักคน”
“เดี๋ยวมันก็มีมาเองนั้นแหละครับ”
“คอยดูเถอะไม่เกินสามวันนี้แม่จะหาเอาลูกสาวคุณหญิงคุณนายมาดูตัวกับลูก”
❤️
คุณแม่รอหน่อยจ้า
“เฮ้อ ! กลัวจะไม่ได้สัก” นะโมพูดขึ้นเมื่อช่างสักนทีเอาแต่ขยำก้นกลมของเธอ พอรู้นะว่าตัวเองก็หุ่นดีและแซ่บมากแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้คิดว่าช่างสักนทีจะขนาดนี้“ได้สักแน่เพราะฉันอยากเติมชื่อของฉันลงบนก้นของเธอจะแย่อยู่แล้วนะโม” เหนือนทีตอบกลับไปตามตรงก่อนจะเริ่มใส่ถุงมือและวางแผ่นกระดาษลอกลายที่เป็นชื่อตัวเองตรงหน้าคำว่า Fuck meแน่นอนว่าการสักครั้งนี้เหนือนทีเบามือกว่าครั้งไหนๆเพราะมันเป็นครั้งแรกที่เหนือนทีสักให้นะโมในฐานะแฟน สองครั้งก่อนหน้านี้นะโมเป็นเพียงลูกค้าที่มาอ่อยเขาแต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่อีกต่อไป“มือเบากว่าครั้งก่อนเยอะเลย” นะโมที่รับรู้ก็ได้แต่พูดขึ้น ครั้งก่อนมันก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกแต่ครั้งนี้กับแตกต่างออกไปจนนะโมรู้สึกได้“ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันแล้ว ฉันก็อยากอ่อนโยนกับเธอ” เหนือนทีไม่อยากทำให้นะโมเจ็บ อะไรเบาได้เบาก็จะเบาเพราะเพียงแค่เข็มจิ้มลงบนเนื้อมันก็เจ็บมากพอแล้ว“ตอนทำกันไม่เห็นอ่อนโยน”เมื่อไหร่ที่มีเซ็กซ์กันช่างสักนทีไม่เคยอ่อนโยน ทุกสัมผัสของเขามันหนักหน่วงและรุนแรงรวมถึงดิบเถื่อน“อย่างเธอน่าจะชอบแบบแรงๆนะ”ที่ไม่ทำแบบอ่อนโยนเพราะรู้ดีว่านะโมเป็นคนยังไง รสนิยมเซ็กซ์ของน
จากที่คิดว่าการมานครนายกเที่ยวน้ำตกคือการพักผ่อนหย่อนใจปราศจากเรื่องเซ็กซ์แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เพราะทั้งเหนือนทีและนะโมก็ใส่กันจนเช้าจากที่วางแผนจะไปเที่ยวแถวที่พัก หาอะไรกิน ตามประสาคู่รัก แพลนที่วางไว้ก็ล่มหมดเพราะบทรักที่เริ่มขึ้นกว่าจะจบลงก็ตอนเช้าของอีกวัน“นะโม นะโม” เสียงเข้มของเหนือนทีเอ่ยเรียกคนรักของตัวเองที่นอนอยู่บนเตียงเพราะตอนนี้ใกล้เวลาเช็คเอ้าท์ออกแล้วแต่พวกเขาพึ่งตื่นเพราะความเหนื่อยจากบทรักที่เกิดขึ้นตั้งแต่เย็น จวบจนเช้าของอีกวัน ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีเซ็กซ์กันจนเช้าแต่พวกเขาก็หาอะไรเล่นไปเรื่อย ไม่ว่าจะผลัดกันยั่วและผลัดกันทำและทุกอย่างก็ใช้เวลาล่วงเลยมาถึงอีกวัน“อื้อ…พี่นที” น้ำเสียงงัวเงียดังขึ้นพร้อมการบิดตัวที่เป็นท่าประจำของนะโมก่อนที่ร่างเล็กจะลุกขึ้นนั่งยกมือขยี้ตาเบาๆ“อย่าขยี้ตา” คนห้ามอย่างเหนือนทีที่คอยห้ามในทุกๆวันก็ได้แต่พูดขึ้นเพราะนะโมติดนิสัยขยี้ตาไปแล้ว ส่วนตัวของเหนือนทีก็ติดนิสัยห้ามไปแล้วเช่นกัน“กี่โมงแล้วคะ” เมื่อปรับสายตาได้แล้วนะโมก็ถามขึ้นอีกครั้งเพราะวันนี้คือวันที่เธอและช่างสักนทีจะต้องกลับกรุงเทพเพราะเรามาพักกันแค่หนึ่งคืนเท่านั้น“เก้
“ไม่ได้สิ หนูชอบทะเลมากนะ” นะโมทำหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด แน่นอนว่าเหนือนทีใจเสียเพราะไม่คิดว่าอีกคนจะดูเศร้าขนาดนี้“ฉันหวง” เหนือนทีตอบกลับไปตามตรงที่อยากแบนออกจากการเที่ยวในอนาคตเพราะนะโมต้องแต่งตัวแบบนี้แน่ๆแค่ตอนนี้ไม่มีคนเขาก็หวงจนตัวเองแทบทนไม่ไหว ไม่อยากคิดถึงตอนนั้นเลย ตอนที่มีโอกาสไปเที่ยวทะเลด้วยกัน“จะหวงทำไมคะ คนอื่นได้แต่มองแต่พี่นทีได้ทั้งตัวของหนูเลยนะ” นะโมพูดขึ้นพร้อมสวมกอดเหนือนทีเอาไว้ก่อนจะแหงนหน้ามองและลูบเบาๆไปที่ริมฝีปากหนา“อยากจูบ” นะโมพูดขึ้นอีกครั้งเพราะเธออยากจูบจริงๆเธอรับรู้และรู้ดีว่าช่างสักนทีหวงเธอแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วต่อให้เธอแต่งตัวยังไงไม่ว่าจะโชว์ส่วนไหน ทุกคนที่มองมาก็ทำได้เพียงแค่มองต่างกับช่างสักนทีที่ได้ลิ้มลองและสัมผัสไปทุกส่วนของร่างกายเธอ“ไหนบอกจะไม่อ่อย” เพราะที่นะโมทำอยู่ตอนนี้คือการอ่อย“แค่จูบจริงๆ” นะโมพูดขึ้นพร้อมกับเขย่งขาและเป็นฝ่ายประกบจูบก่อนเหนือนทีที่ถูกต้อนก็ไม่รอช้า เขาประคองใบหน้าสวยขึ้นก่อนจะเริ่มดูดดึงริมฝีปากเล็กอย่างอ่อนโยน ไหนๆตอนนี้ก็ไม่มีเรื่องเซ็กซ์เข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว เหนือนทีจึงเลือกที่จะจูบด้วยความอ่อนโยนเพื่อ
“อยากได้อะไรไหม ฉันจะได้ซื้อให้เธอบ้าง” เพราะตอนนี้เหนือนทีกำลังอิจฉาคุณป๋ากับหม่าม้ามาก รู้แบบนี้ซื้อรถคันนี้ให้ยัยเด็กนะโมเองจะดีกว่า ก็เล่นดีใจซะขนาดนี้อะ“ว่าไปก็มีอยู่นะสิ่งที่หนูอยากได้” นะโมพูดขึ้นทันทีเพราะสิ่งที่เธออยากได้มันก็ยังมีอยู่“อะไรก็พูดมา ฉันซื้อให้เธอได้ทุกอย่าง” เหนือนทีเองก็รวยและมีเงินไม่ต่างจากคุณป๋ากับหม่าม้าหรอกนะ ถึงจะรวยไม่เท่าแต่ก็มีอยู่บ้างพอประมาณหนึ่งและเพื่อเมียแน่นอนว่าเหนือนทีหามาให้ได้ทุกอย่างอยู่แล้ว“อยากได้พี่นทีตอนนี้ จะให้กันได้ไหมคะ” คำพูดของนะโมทำเหนือนทีคิ้วกระตุกให้ตายเถอะ ! ยัยเด็กคนนี้ ไม่รู้ครั้งนี้พูดเล่นหรือเอาจริงเพราะโทษของเหนือนทีมันพึ่งผ่านไปไม่กี่วันเอง“ให้ได้ถ้าเธอให้ทำ” เหนือนทีเองก็สามารถมีเซ็กซ์กับนะโมได้ทุกวัน ถ้าไม่ติดว่ายัยเด็กคนนี้ยื่นคำขาดไว้ สาบานเลยว่านะโมไม่รอดแน่“ให้ทำได้นะแต่ลืมไปพี่นทีมีโทษอยู่นี่หน่า” นะโมแสร้งทำเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้แต่แท้จริงเธอยังจำได้ดี เธอเพียงแค่อยากแกล้งช่างสักนทีก็เท่านั้น“ถ้าไม่ให้ไปก็อย่ามาพูดให้ความหวัง”เพราะแค่คำพูดของนะโมก็ทำให้เหนือนทีรู้สึกอยากทำ ถ้าให้กันไม่ได้จริงๆก็อย่าให้ความ
“ตรงไหน” เหนือนทีถามขึ้นเพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่ายัยเด็กนะโมจะสักตรงไหนเพิ่มอีก“ตรงก้น” คิ้วหนาขมวดทันทีเมื่อได้ยินคำตอบเพราะตรงก้นมันก็มีอยู่แล้ว“ก้นหรอ” เหนือนทีถามย้ำขึ้นอีกครั้งเพราะไม่ค่อยมั่นใจกับคำตอบที่ยินก่อนหน้านี้“เติมคำว่าเหนือนทีตรงก้นให้หน่อยสิ”แน่นอนว่านะโมคิดมาดีแล้ว ทุกอย่างผ่านการคิดทบทวนและไตร่ตรองมาอย่างดีว่าตอนนี้นะโมอยากเติมคำว่าเหนือนทีไว้ด้านหน้าของรอยสักที่เคยสักไป“เอาจริงดิ” เหนือนทีตกใจไม่น้อยเลยเพราะเขาไม่คิดว่านะโมจะสักตรงนี้และเติมชื่อของเขาลงไป“เอาจริงค่ะ” เมื่อเห็นท่าทางของนะโม เหนือนทีก็ยิ่งประหม่าทำตัวไม่ถูกเพราะอะไรกันยัยเด็กแสบถึงมีท่าทางมั่นใจและจริงจังแบบนี้“หนูคิดมาดีแล้วและมั่นใจมากด้วยว่าพี่นทีจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตกับหนูไปตลอด”เพราะจากที่คุยกันช่างสักนทีก็มั่นใจในตัวของนะโมไม่น้อยเลยจนถึงตอนนี้นะโมก็มั่นใจในตัวของช่างสักนทีเช่นกัน ถึงความรักมันจะเริ่มต้นได้ไม่นานแต่นะโมก็กล้าพูดได้เต็มปากว่าเธอมั่นใจแล้วจริงๆกับคนคนนี้“สักแล้วมันลบไม่ได้นะ เฮ้อ ! ได้นั่นแหละแต่มั่นใจจริงๆหรอ” เพราะทุกวันนี้เทคโนโลยีไปไกล การลบรอยสักไม่ใช่เรื่องยาก
“อยากได้อะไรบอกไปเต็มที่ ระดับคุณทัตกับคุณจันทร์เจ้าเขาพร้อมให้ลูกสะใภ้อยู่แล้ว” เหนือนทีพูดขึ้นเพราะทั้งคุณป๋ากับหม่าม้าเป็นแบบนี้จริงๆไม่ว่านะโมจะขออะไรเห็นทีก็คงให้หมดแบบไม่คิดอะไร“พูดแบบนี้ค่อยสบายใจหน่อยแต่ถ้าไม่มากเกินไปช่วยออกรถให้หนูสักคันได้ไหมคะเดี๋ยวหนูผ่อนเองเพราะคุณแม่ไม่อนุมัติสักที” นะโมพูดขึ้นทันทีความจริงแล้วเธอร้องขอรถคันใหม่กับคุณแม่มานานแล้วตั้งแต่ก่อนจะเจอคุณแม่ครั้งล่าสุดอีกแต่คุณแม่ไม่อนุมัติเพราะรถที่เธอใช้อยู่มันก็ยังโอเคและหากใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายก็ไม่ใช่กุลสตรีไทยก่อนหน้านี้ก็มีเคยคิดจะให้ไหว้วานช่างสักนทีให้ช่วยทำเรื่องให้แต่เพราะมีหลายเรื่องมากมายเกิดขึ้นหลังจากที่ตกลงคบกันทำให้นะโมไม่ได้คุยเรื่องนี้กับช่างสักนทีเลยในตอนนี้โอกาสก็มาถึงตรงหน้า มีหรอคนอย่างนะโมจะไม่รับไว้เพราะในเมื่อทั้งคุณป๋ากับหม่าม้าบอกว่าขอได้ เธอก็จะขอแต่ขอให้ท่านทั้งสองเพียงทำเรื่องให้เท่านั้นเพราะหากถึงขั้นซื้อให้เลยมันคงมากไป“อยากได้รถหรอ” คุณป๋าถามขึ้น“หนูอยากได้ค่ะ” แน่นอนว่านะโมตอบกลับไปตามตรงเธออยากได้จริงๆและราคามันค่อนข้างจะเกินตัวไปหน่อยแต่หากทำเรื่องผ่อนนะโมก็พอจะผ่