"หนัก ควรลุกได้แล้วปะ" ไอติมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น มือเรียวดันอกแกร่งออกห่าง ส่งผลให้จุดเชื่อมต่อหลุดออกจากกันทันที
สายตาเจ้าเล่ห์ที่เขาใช้มองเธอมันไว้ใจไม่ได้เลย! "ยังไม่ได้พูดนี่ว่าจะพอ" "ขอเหอะ อย่าตะกละนักได้ปะ" ภูพิงค์จ้องหน้า เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนพูดกับเขาแบบนี้เลยเช่นกัน "อย่าทำเหมือนอดอยาก นี่ก็ไม่ได้อยากจะคิดหรอกนะว่านายกำลังติดใจ" "คิดเองเออเองแบบนี้ก็ไม่ได้ไหม" หนุ่มหล่อตีหน้ายุ่งพลางหยัดตัวลุก มือหนารูดถุงยางอนามัยออกจากลำรัก ไม่ได้สนใจว่าใครบางคนจะกำลังด่าเขาในใจเพราะความประเจิดประเจ้อนี้ก็ตาม ครืด~ ครืด~ โทรศัพท์ของไอติมร้องอยู่ในกระเป๋า หญิงสาวได้จังหวะนั้นปลีกตัวออกไปทันที เบอร์ของเพื่อนรักที่โชว์หราอยู่บนนั้น หญิงสาวเดินไปคว้าผ้าขนหนูมาห่อร่างกายอำพรางเรือนร่างขาวผ่องจากสายตาของคนบางคนก่อนจะกดรับสายคนที่กำลังคอย "ว่าไงกะเพรา" [ สร่างเมายัง? ] "ไม่ได้ขนาดนั้นปะ ขวัญล่ะ?" [ อยู่นี่แหละ ไม่ต้องมาถามเรื่องอื่น เอาเรื่องของแกก่อน กับหนุ่มหล่อคนนั้นนี่ยังไงอ่ะ บอกว่าเป็นเพื่อนไม่ใช่ผัว แต่ลากแกกลับได้เหมือนผัว พวกฉันงงเนี่ย! ] "ค่อยคุยกันได้ปะ ง่วงอ่ะ" [ อยู่ไหนยะ ก่อนหน้านี้พึ่งปรึกษาปัญหากับพวกฉัน แต่ไปๆ มาๆ กลับมีผู้ชายมาลากกลับ ฉันงงไปหมดแล้วนะ ] ภูพิงค์กดปลายลิ้นกับมุมปากพลางปรายตามองคนที่คุยโทรศัพท์ เพื่อนเธอบอกว่าเธอมีปัญหา! ปัญหาอะไรวะ? "ไลน์มาเดี๋ยวฉันตอบ" ไอติมหรี่ตามองอีกคนในห้อง ขณะที่อีกคนไม่ได้คิดที่จะหลบตา และเลือกที่จะจ้องเธอแบบตรงไปตรงมา ซวยแล้วไหมล่ะ เรื่องบางเรื่องก็ไม่อยากให้ใครรู้ แต่เท่าที่ดูๆ มีคนอยากรู้แน่นอน! "คืนนี้ฉันนอนนี่ละกันนะภู ขี้เกียจกลับ" ไอติมเปลี่ยนเรื่องกระทันหัน หญิงสาวยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋า ภายในหัวคิดหาต่างออกต่างๆ นานา "เมื่อกี้ได้ยินว่าเธอมีปัญหา" ว่าล่ะ หมอนี่ไม่เคยปล่อยผ่านอะไรสักอย่างเลยจริงๆ "ปรึกษาเรื่องของผู้หญิง" "ฉันก็กำลังถาม" แค่สบตาก็เป็นอันว่ารู้ทุกอย่าง เธอต้องบอกแหละ เพราะเท่าที่เห็น แม้เป็นเรื่องของผู้หญิงภูพิงค์ก็จะฟัง "เมนส์ไม่มา!" คนฟังเบิกตาโพลงก่อนจะกดตามองต่ำทันที "ใส่ถุงตลอดนี่" "ก็นั่นอ่ะดิ อยู่ดีๆ เมนส์ก็ไม่มา เครียดอ่ะก็เลยปรึกษาเพื่อน" "จริงปะเนี่ย!" ภูพิงค์ตั้งท่าครุ่นคิด เดือนที่แล้วประจำเดือนของไอติมมาเมื่อไหร่วะ เพียงแค่เสี้ยววินาทีที่หลุดเข้าไปคิดเรื่องนั้น หนุ่มหล่อถึงกับรีบสะบัดศีรษะโดยไว "ช่างเถอะ เดี๋ยวก็คงมา จะอาบน้ำก่อนปะ" "นี่เครียดจริงปะ ดูชิวอยู่นะ แน่ใจเหรอว่าคุยเรื่องนี้กับเพื่อนจริงๆ" "สาระแนแบบเพื่อนดิภู อย่าถามเยอะเหมือนผัว ขออาบน้ำก่อนละกันนะ เหนียวตัว" ไอติมเก็บกระเป๋าให้เป็นที่เป็นทาง ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว คิ้วสวยขมวดยุ่งอย่างคิดหนัก หญิงสาวปล่อยให้สายน้ำชโลมลงมาบนเรือนร่าง ปัญหาหนักอึ้งในหัว เธอไม่สามารถปล่อยผ่านได้จริงๆ "เสร็จละ เข้าไปอาบต่อดิ" ไอติมร้องบอกเมื่อเดินออกมาจากห้องน้ำ ภูพิงค์หันมามองที่เธอเพียงนิด ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เลือกที่จะเดินผ่านหน้าเธอไปเข้าห้องน้ำแทน ไอติมรีบหาชุดนอนมาสวมใส่ลวกๆ ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองแล้วตรงไปที่ระเบียง "ฮัลโหลมิ พ่อเป็นไงบ้าง" [ บอกไปแล้วนี่ พ่อต้องผ่าตัดซ้ำ ต้องหาเงินมาจ่ายค่าผ่าตัด จากนั้นก็ต้องรับการคีโมหรือฉายแสงอะไรสักอย่าง เราจำเป็นต้องใช้เงินนะไอ ] "เงินก้อนแรกไอกำลังหา คิดว่าจะได้เร็วๆ นี้ มิเซ็นยินยอมให้ผ่าตัดพ่อเลยนะ ค่าใช้จ่ายเดี๋ยวไอหาเอง" [ เอาจากภูเหรอ? ] น้ำเสียงของมิราอ่อนลง รู้อยู่เต็มอกว่าไม่ใช่แค่เธอที่เครียดเพราะเรื่องพ่อ แต่ไอติม พี่สาวฝาแฝดของเธอก็เครียดและห่วงพ่อไม่ต่างกัน ตั้งแต่เกิด ร่างกายของมิราไม่แข็งแรงเท่าไหร่นัก แม้จะเป็นแฝดจากท้องแม่เดียวกัน แต่มิราตัวเล็กมาก ต้องอยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ไม่เหมือนไอติมที่แข็งแรงและได้กลับบ้านพร้อมแม่ทันที มิราเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่วมาตั้งแต่เกิด เหนื่อยง่าย หอบบ้าง ใจสั่น เจ็บหน้าอกบ้าง เพราะแม่ตายจากตั้งแต่เด็ก ครอบครัวมีกันแค่สามคน พ่อป่วย มิราไม่สบาย หลังเรียนจบ ภาระทุกอย่างตกมาอยู่ที่ไอติมทันที "ไอกับภูไม่ได้เป็นอะไรกันนะมิ เราเป็นแค่เพื่อน ยืมเงินเพื่อนเป็นแสนๆ เราจะเอาที่ไหนไปคืนเขา" [ ไอจะยอมรับว่ารักภูฝ่ายเดียวสินะ ] มิราเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน พี่น้องกันย่อมรู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกกับใคร และรู้สึกแบบไหน ความใกล้ชิดทำให้ไอติมหวั่นไหว แต่เพราะรู้จักกันมานาน การปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงจึงสามารถทำได้ไม่ยากนัก ภูพิงค์ ติวเตอร์ ธาม เพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนของไอติม มิรารู้จักคนทั้งสามอยู่บ้าง เหตุผลก็เพราะสามคนนั้นเป็นเพื่อนกับพี่สาวฝาแฝดของเธอ เหตุผลอีกอย่างที่ทำให้มิราจำคนกลุ่มนี้ได้ดี นั่นเป็นเพราะเรียนจบมานานแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงติดต่อกัน "ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าเรื่องเงินเดี๋ยวไอโอนไป หมอบอกว่าหากญาติยินยอมให้ผ่า ผ่าได้วันศุกร์ใช่ปะ" [ อืม แย่จังเลยนะ ทั้งที่เราก็เป็นลูกของพ่อเหมือนกัน แต่เหมือนว่าไอได้พยายามอยู่แค่ฝ่ายเดียวโดยที่มิช่วยอะไรไม่ได้เลย ] "อย่าคิดแบบนั้นสิ เรามีกันสองคนคนหนึ่งดูแลพ่อ คนหนึ่งหาตังค์น่ะถูกแล้ว เอาเป็นว่าอีกสองวัน ไอจะรีบโอนเงินไปให้ก็แล้วกัน" [ ดูแลตัวเองด้วยนะไอ มิไม่มีอะไรจะพูดนอกจากคำนี้ ] "ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจแล้ว ไอวางสายนะ" [ อือ ] มิราขานรับกลับมาเบาๆ ก่อนที่ไอติมจะเป็นฝ่ายวางสายด้วยตัวเอง เงินแสนก้อนแรกเธอจำเป็นต้องใช้วันศุกร์นี้ และต่อจากนั้นก็คงจะต้องจำเป็นอีกหลายต่อหลายครั้ง คงต้องสู้แหละไอติม เธอเกิดมาเพื่อสู้ สู้เพียงอย่างเดียว! ------- รับสมัครสายเปย์แบบด่วนๆ พ่อป่วย เงินในกระเป๋าก็น้อย คนรวยๆ ข้างๆ ก็ดันเป็นแค่เพื่อนกัน เอาไงดีล่ะไอติม!"ขอคบแบบเถื่อนๆ นายนี่มันเถื่อนสุดๆ ไปเลย" "ฉันก็อาจจะมีมุมดิบๆ เถื่อนๆ แบบนั้นบ้าง แต่คนอย่างฉันมันก็ใจดีเป็นเหมือนกันนะ" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มจริงจังขึ้นมา ไอติมจึงวางของในมือ เผชิญหน้ากับภูพิงค์ตรงๆ"คิดดีแล้วเหรอที่ขอฉันคบ" หนุ่มหล่อยักคิ้วเป็นการตอบรับ ไอติมถึงกับกัดปากตัวเองด้วยความตื่นเต้นระคนดีใจ"ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ จะให้ไปทำตัวหวานๆ เลี่ยนๆ ฉันทำไม่เป็นหรอกนะ" "รู้น่า ฉันก็ไม่ได้ขอให้เธอเปลี่ยนแปลงตัวเอง" "ทุกวันนี้ฉันก็มีแค่นาย ทำตัวไม่ได้ต่างจากกำลังคบกัน ตามนั้นก็ได้" รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่มุมปากหนา ภูเอ๋ยภู! ทำไมหัวใจมึงเต้นแรงแบบนี้วะ เบาสิเบา เบาบ้างเถอะน่า! "นี่หัวใจนายเต้นแรงเกินไปปะ ดีใจที่ได้คบกับฉันเหรอ?""ตื่นเต้นอะไร หัวใจเต้นไม่เป็นปกติ มีแววว่าจะเป็นโรคหัวใจต่างหาก!" "เหอะ ไอ้ขี้โรคเอ้ย!" "งานเนี่ยเมื่อไหร่จะเสร็จวะ ง่วงฉิบ" หนุ่มหล่อตีหน้ายุ่ง อยู่ดีๆ ก็รู้สึกคันยุบยิบที่คางบ้าง ท้ายทอยบ้าง อะไรกันวะเนี่ย มือเนี่ยก็ไม่รู้จะวางไว้ตรงไหน เสียการควบคุมฉิบหายเลยเว้ย!"ง่วงก็ไปนอนก่อนไหมภู ที่นอนจัดให้แล้ว เตรียมหมอนให้แล้ว ผ้าห่มก็ใช้ผืนเดียวกันนั่นแหล
"คิดว่าฉันจะหนักไหม" ไอติมยกมือดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่างเสร็จกิจเป็นที่เรียบร้อย แทนที่เขาจะถอย เขากลับเลื่อนใบหน้าเข้ามาซุกบนอกเธออย่างออดอ้อนการกระทำของหมอนี่มันอันตรายต่อความรู้สึกเธอเกินไป"แก้มแดงนี่คือไร อย่าบอกนะว่าความใกล้ชิดของเรามันทำให้เธอหวั่นไหวได้เหมือนกัน" ภูพิงค์ยกยิ้มมุมปากตอบรับถ้อยคำที่คิดเอาเองก็เขาเห็นแบบนั้น แก้มเนียนเปลี่ยนเป็นสีระเรื่อ จมูกแดง หูเองก็แดง ถ้าไม่ได้เป็นเพราะเขินแล้วจะเป็นเพราะอะไร?"ถ้าเลอะซื้อให้ใหม่ด้วยนะโซฟาอ่ะ" ไอติมปัดมือหนาตามด้วยการดันหน้าท้องแกร่งแรงๆคอยดูเถอะ หากเลอะจะให้ถอยโซฟาชุดใหม่เอาให้ใหญ่และปังกว่าเดิมไปเลย!"ขี้งกว่ะ เอะอะหาเรื่องให้เสียตังค์ตลอด" "ฉันคงแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่นายเป็นฝ่ายเปย์ให้เองด้วยความเต็มใจสินะ" คนฟังไหวไหล่ ไม่เคยเปย์ใครเลยต่างหาก! อย่างมากก็แค่จ่ายค่าเหล้าค่าอาหาร กับเพื่อนอย่างเธอนั่นแหละที่เขาต้องเสียเป็นล้าน ขนาดไม่มียังต้องไปหายืมมาให้เลยหากมีใครรู้เรื่องนี้ก็คงแปลกใจไม่น้อย อย่าว่าแต่คนอื่นเถอะ ตัวเขาเองยังแปลกใจกับการกระทำของตัวเองเช่นกัน"อุ้มหน่อยสิภู" คำขอที่อยู่ดีๆก็ดังออกมาอย่างไม่มีปี่ม
"ห้องสวยดีนะ หอมมากด้วย" ภูพิงค์เอ่ยออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทั้งที่จริงเขาควรยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่ทุกอย่างมันค่อนข้างได้ดั่งใจเธอไม่กลับไปคอนโดฯ ของเขา แต่ยอมให้เขามานอนค้างที่นี่ด้วยได้ แล้วเขาจะเคลียดไปทำไม สุดท้ายแล้วนอนที่ไหนก็ได้เหมือนกันสาเหตุที่ควรยิ้มแต่ยิ้มไม่ออก ยอมรับว่าแอบหงุดหงิดเมื่อก้าวเข้ามาในห้องเสื้อของไอติมแบบจริงจัง เขากลับพบว่ารอยต่อระหว่างห้องเสื้อขนาดใหญ่หรูหราสามารถก้าวผ่านเข้ามาในโซนส่วนตัวได้ในนี้มีห้องนอน มีของใช้ที่เป็นของส่วนตัวของเธอ เขารู้สึกว่าที่ทำงานและที่พักมันอยู่ใกล้กันเกินไป มันสะดวกจนแอบหงุดหงิดเขาคงหงุดหงิดไม่น้อย หากมีใครคนอื่นได้มาอยู่ตรงจุดนี้ จุดที่เขากำลังยืน!"โอ๊ยภู! ให้มันน้อยๆ หน่อยเถอะ เดี๋ยวข่วนหน้าให้""อะไรวะ ก็แค่ช่วยถอดชุดปะ""ฉันพึ่งก้าวขาเข้ามาในห้องปะ ใจร้อนอะไรขนาดนั้นวะ" "เออ อยากเว้ย อยากมาก บอกตรงๆ แบบนี้จบไหม" ไม่ว่าเปล่า ภูพิงค์ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตก่อนจะกระชากออกจากลำตัวตามด้วยการโยนมันออกไปให้พ้นทางร่างสูงขยับเข้าเบียดร่างเล็ก มือหนาตั้งท่าจะรั้งขาสวยขึ้นมาเกี่ยวเอวสอบท่าเดียว"ภู!" "เตียง ระเบียงหรือโซฟาดีไอ" "เป็
แสงไฟในเวลากลางคืนโดดเด่นจนไอติมต้องล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า กดวิดีโอถ่ายภาพในระหว่างที่กำลังเดินทาง"ไอ" "อืม ว่า""ไหนๆ ก็นั่งรถมาด้วยกันแล้ว กลับด้วยกันเลยได้ปะ" มือหนาวางหมับที่ต้นขาขาว ไอติมปรายตามองคนข้างๆ ทันที"ความถึงเนื้อถึงตัวเนี่ยไม่เคยแผ่วเลยนะ""เมื่อคืนนอนไม่หลับเลยว่ะไอ" "เพราะ?""เธอไม่อยู่มั้ง" หัวใจดวงน้อยเต้นแรงอย่างบ้าคลั่งท่องไว้ไอติม หมอนี่มันเจ้าเล่ห์ มันเกินใครแบบที่ไม่เคยมีใครเกินมัน! "ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลยนะ" "กำลังหลอกล่อให้ฉันติดกับดักนายอยู่สินะ" "ไม่ทำแบบนั้นหรอกน่า ไว้ใจฉันบ้างได้ปะ ตอนนี้ฉันไม่มีใครนอกจากเธอเลยนะ" "ตลกว่ะภู เรารู้จักกันมากี่ปี ใกล้ชิดกันมาก็ตั้งเท่าไหร่ คิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอว่าตอนที่นายจะหลอกล่อผู้หญิงที่สวยสะดุดตาให้มาติดกับดัก นายมักใช้คำพูดแบบไหน ฉันรู้ทันหรอกย่ะ" "คิดมากเกินไปปะ ถ้าไม่ติดว่าขับรถอยู่จะจับจูบแม่ง" "หยุดความคิดไว้แค่นั้นเถอะ รีบขับรถไปเลย" ภูพิงค์ทำหน้างอ ถึงอย่างนั้นการวิ่งทางตรงมันก็ทำให้เขาวางมือที่ต้นขาขาวของเธอได้ต่อเอาวะ วินาทีนี้ได้แค่ลูบกับคลำก็เอา!"เมื่อกี้ว่าไงนะ มันเป็นกับดักที
"บอกแล้วไหมว่าฉันไม่เคลิ้ม ถอยดิ ปล่อยหลานไว้คนเดียวไม่ใช่เรื่องดี" ไอติมปัดท่อนแขนแกร่งออกห่างก่อนจะเดินนวยนาดผ่านหน้าหนุ่มหล่อไปทันที"เขินอ่ะดิ"ภูพิงค์ระบายรอยยิ้มออกมาอย่างชอบใจ กลิ่นหอมๆ บนตัวเธอ ไหนจะรสจูบหวานๆ นั่นยังคงติดตรึงคิดถึงว่ะ รู้สึกว่าคิดถึงเธอฉิบหาย งงเหมือนกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง คนอย่างภูพิงค์ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย!ในเวลาหกโมงพอดิบพอดีที่ภูพิงค์พาหลานกลับมาส่งที่บ้าน ครั้งนี้เขาไม่คิดที่จะปล่อยให้ไอติมรอในรถแบบตอนแรก น่าแปลกที่เขาอยากให้เธอลงไปด้วย และเขาก็ตั้งใจจะทำให้สำเร็จแบบที่หวังจริงๆ"อุ้มหลานช่วยหน่อย เดี๋ยวฉันถือกระเป๋า" "อ้าว ทำไมตอนแรกทั้งอุ้มหลานและถือกระเป๋าได้ล่ะ" "ฉันยอมรับว่าเธอสวยก็ได้นะ แต่คนสวยไม่ควรใจดำนะ" ไอติมกัดปากตัวเองเบาๆ รอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากของเขามันทำให้เธอคิดว่าเขากำลังมีแผน แผนอะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าน่าจะมีแน่ๆ"อยากชวนฉันเข้าบ้านเหรอ?""ถ้าตอบว่าใช่ล่ะ" คำตอบที่ตรงไปตรงมาสร้างความงุนงงมากกว่าเก่า ไอติมมองเข้าไปในบ้าน รู้สึกหวาดระแวงยังไงชอบกล"กลัวฉันทั้งที่อยู่ด้วยกันทั้งคืนออกบ่อยนี่นะ?""อย่าพูดเยอะได้ปะ หน้านายใน
"อย่ามาพูดจาหวานๆ ฉันไม่หลงคารมของนาย" "เหอะ..." ภูพิงค์ถึงกับเค้นเสียงหัวเราะ พอพูดอะไรที่เหมือนจะเข้าท่าหน่อยก็ทำทีเป็นไม่สนใจแม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะทำสาวๆ คนอื่นหวั่นไหวได้ สุดท้ายก็ไม่ใช่กับผู้หญิงที่ชื่อว่าไอติม! ภูพิงค์ขับรถเข้ามาในคอนโดมิเนียมหรูในเวลาที่ช้ากว่าปกติเล็กน้อย ดีหน่อยที่องศาชื่นชอบเวลาที่แด๊ดดี้กับหม่ามี๊พานั่งรถไปที่บริษัทด้วย เด็กที่ชอบนั่งรถและมองสิ่งอื่นที่แปลกตาด้วยความสนใจ ซ้ำยังคุ้นหน้าคุ้นตาเพราะผู้เป็นอากลับไปเล่นกับหลานที่บ้านทุกวัน จึงไม่แปลกที่องศาจะอยู่กับอาภูได้โดยไม่งอแง"จะอุ้มเองหรือจะให้ฉันอุ้ม" "ฉันอุ้ม" แขนเรียวเกี่ยวร่างน้อยๆ ตัวหอมๆ เข้ามาแนบอกแสดงออกถึงความหวงแหน องศามองไอติมตาแป๋ว บ่อยครั้งที่มองสลับกันกับใบหน้าหล่อๆ ของอาภู"อืม งั้นเอากระเป๋าเธอมาเดี๋ยวถือให้""ไม่เป็นไร ฉันสะพายได้" "ลีลาตลอด" ว่าจบ ภูพิงค์ขยับเข้าปลดกระเป๋าสะพายข้างของคนตัวเล็กก่อนจะเอาไปคล้องบ่าของตัวเอง"ทำไมงอแงแบบนี้ล่ะภู บอกอะไรไม่เคยฟัง" หนุ่มหล่อไม่ได้คิดที่จะสนอะไรทั้งนั้น เลือกที่จะโอบบ่าเล็กเพื่อให้เดินเข้าไปด้านในพร้อมกันภาพนี้มันเหมือนสามคนพ่อแม่ลูกชะมัด