"ข้าว่าเอ็งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกข้าจะอ้วก"
กลิ่นระบายออกมาจนทั้งสองต้องเอามือปิดจมูกแล้วค่อยๆเดินออกมาห่างจากตัวแก้วตา แก้วตาที่ขี้วีนเมื่อเห็นว่าทั้งสองทำท่าทางรังเกียจเธอ เธอชี้นิ้วขึ้นมาด่ารัวๆ จนไม่รู้ว่าหายใจทางไหน "นี่พวกเอ็ง ฉันไม่ใช่ผีนะ" เสียงกระทืบเท้าเหยียบหญ้าจนง้อ ทึก ๆ? "ไอ้บ้า อย่ามามองฉันด้วยสายแบบนั้น" รังสีความไม่พอใจได้แผ่ซ่านออกมาจนไอ้สันขวานกับไอ้กระบานสะดุ้งตัวรีบวิ่งสับฝีเท้าไปให้ไกล "แหวะ " แรงดันปะทุออกมากลางหน้าอกพุ่งน้ำออกมาสาดทิ้งลงใส่หญ้าแห้งใกล้กองฟางเรี่ยวแรงเกือบ หมดฤทธิ์จนเดินหมดแรงตามองซ้ายขวาจนตาลาย "เฮ้ย ไอ้กระบาน เอ็งว่าป่ะ นางแก้วตามันแอบชอบพี่เสือหาญป่าวว่ะ" (เสียงไอ) "แค่ก ๆ " "ข้าก็คิดเหมือนเอ็ง ข้าว่าเราไปดูพี่เสือหาญเถอะ" "เออๆ" ทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กันก้าวเท้าถี่ ๆ มุ่งหน้าไปยังศาลาหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ในขณะนั้นไอ้สันขวาน/ไอ้กระบานต้องหยุดหลบซ่อนหลังต้นไม้ทันที เมื่อเห็นนางแก้วตาอยู่บนศาลากับพี่เสือหาญ และยายชราที่นั่งพิงเก้าอี้หัวเราะคุยกันอย่างมีความสุข แค่เสือหาญเอ่ยปากขยับท่าทางมันทำให้หัวใจของแก้วตาหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่ออยู่ใกล้คนที่แอบชอบ "พี่เสือหาญจ๋า นี่ขนมบัวลอยน้องตั้งใจทำมาให้พี่ลองชิม แต่เมื่อเช้าพี่ไม่อยู่เลยไม่ทันให้พี่นั้นลองจ๊ะ" แก้วตายกถาดไม้ขึ้นมารองรับบนฝ่ามือ เธอค่อย ๆ ก้าวเท้าอย่างลังเล ว่าบัวลอยที่ทำนั้นจะอร่อยไหม "พี่เสือหาญพี่ลองชิมสิ" เธอยกถ้วยแก้วพร้อมตักบัวลอยไว้ในช้อนเธอเป่าลมเบา ๆ เพื่อดับความร้อนก่อนจะยื่นไปตรงหน้าพี่เสือหาญ "แก้วตาไม่ต้อง พี่จะตักเอง" เสือหาญรีบกล่าวปฏิเสธทันทีด้วยถ้อยคำเรียบง่ายไม่พูดเชิงหักหามน้ำใจแก้วตา แก้วตาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบวางช้อนลงด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ พยายามกลั้นความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย มือหยาบ ๆ เต็มไปด้วยรอยแผลถือช้อนไว้ในมือตักบัวลอยขึ้นมาอย่างช้า ๆ ในขณะนั้นแก้วตาได้แต่จ้องมองไม่วางตา จนบัวลอยเม็ดกลมๆ ถูกเคี้ยวหนึบ ๆ แป้งนุ่ม ๆ ที่ค่อย ๆ ยุบตัวลงช้า ๆ เสือหาญกระเดือกลูกคอไปหนึ่งที "ใช้ได้เลย" จากสีหน้าที่กังวลก็แปรเปลี่ยนทันทีที่เห็น ปฏิกิริยา พี่เสือหาญนั้นแสดงออกมา "จริงหรอพี่" แก้วตาดีใจจนเผลอนั่งลงข้างๆ เสือหาญทันใดนั้นแก้วตารีบตักบัวลอยให้พี่เสือหาญอีกครั้ง ในขณะนั้นเสือหาญเริ่มรู้สึกตัวว่าแก้วตานั้นนั่งใกล้ตนเกินไปจึงรู้สึกแปลก "พี่อิ่มแล้ว" "พี่อิ่มแล้วหรอ" แก้วตาขมวดคิ้วเล็กน้อย "ใช่" ทันใดนั้นเสือหาญก็บอกว่าตนนั้นมีเรื่องต้องไปทำธุระเลยบอกให้แก้วตานั้นนำบัวลอยที่เหลือแบ่งให้ยายชรา แก้วตาได้แต่ยืนมองแผ่นหลังพี่เสือหาญที่กำลังเดินออกจากศาลา มือที่ถือถ้วยบัวลอยเริ่มคับเกร็งแน่นขึ้นเรื่อย ๆ "ทำไมกัน" ริมฝีปากเม้มเข้าหากันจนเสียดสีฟันกระทบกระพุ่งแก้มจนเลือดออกเล็กน้อย ยายชราที่เห็นว่ามือแก้วตานั้นบีบถ้วยจนเห็นเส้นเลือดนูนปูด "นางแก้วตา เป็นอะไร" เสียงแหบ ๆ ถามเบา ๆ อยู่ใกล้ ๆ "ไม่มีไรจ๊ะ" แก้วตากัดฟันตอบเพื่อให้มันจบ ๆ หลังจากนั้นแก้วตาก็ปรายตามองไปที่ของหวานบัวลอยที่เหลืออยู่ "ยายจ๊ะ ฉันให้" แก้วตานำของหวานในชามใหญ่ยื่นให้ยายชราที่กำลังจะหันหลังเดินออกจากศาลา "ให้ยาย แล้วแม่หนูละ" "ไม่เป็นไรจ๊ะ ฉันไม่หิว" ทันใดนั้นแก้วตาก็รีบเดินออกจากศาลาด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง แต่เธอนั้นก็คิดในแง่ดีอยู่เสมอว่าพี่เสือหาญนั้นคงจะยุ่งจริง ๆ นั้นแหละ "เห้อ" ถอนหายใจ เดินสับฝีเท้ากลับบ้านตัวเองในขณะนั้นอารมณ์ร้ายได้แผ่ซ่านออกมาจนเด็กๆที่วิ่งเล่น ต้องหยุดชงัคเมื่อเห็นใบหน้าที่บูดบึ้ง "มองอะไร " ดวงตาเลือกลานหันข้างกะทันหันมองไปที่เด็กแล้วเอ่ยปากถามด้วยความหงุดหงิด เด็ก ๆ นั้นเริ่มกลัวจึงเกาะกันเป็นกลุ่มกับเพื่อนเสียงร้องลั่นออกมาจนแสบรูหูก่อนที่จะวิ่งหนีไปเล่นที่อื่น "ไปสะได้ก็ดี" แก้วตาขมิบปากเบา ๆ พร้อมถอนหายใจยาวเหยียด เมื่อแก้วตานั้นออกไปพ้นบริเวณศาลาหมู่บ้านแล้ว ไอ้สันขวานกับไอ้กระบานเลิกหลบหลังต้นไม้ค่อยๆ เผยตัวออกมาจากที่ซ่อน "เฮ้ย ๆ นี่สินะนิสัยที่แท้จริง" สันขวานส่ายหน้าไปมาเพราะรู้อยู่แล้วว่าพี่เสือหาญนั้นคิดกับแก้วตาแค่น้องสาวอย่างอื่นคงเป็นไปไม่ได้ " เออ ๆ แก้วตามันคงไม่รู้" ไอ้กระบานกล่าวเสริม เมื่อสินสุดประโยคยังไม่ทันไรก็มีเสียงตะโกนร้องเรียกเหมือนตกใจอะไรสักอย่าง ไม่นานนักเสียงฆ้องหมู่บ้านก็ดังขึ้น ปึ่ง ๆ...ๆ ทันใดนั้นทุกคนในหมู่บ้านก็ออกมารวมตัวที่ลานวงกลมต้นไม้ยักย์ใหญ่ ไม่มีใครต้องบอกใครทุกคนรู้หน้าที่ตัวเอง ในระหว่างรอชาวบ้านที่เหลือ เสือหาญนั้นรีบเข้ามาทักทายผู้ใหญ่บ้าน "เกิดอะไรขึ้น ลุงแหวน" เสือหาญหันซ้านหันขวามองไปรอบ ๆ ชาวบ้านแต่ละคนต่างชุบชิบไปต่างๆนาๆ แต่บางคนก็รู้อยู่แล้วจึงเริ่มเล่าต่อ ๆ กันไปในขณะนั้นลุงแหวนก็เอ่ยเพียงสั่นๆ ว่า... "คนในหมู่บ้านเสียชีวิต...." ลุงแหวนเงียบนิ่งไม่พูดอะไรต่อแต่สีหน้าแสดงออกมาอย่างชัดเจนจากใบหน้ามีเลือดฝาดตอนนี้กลับซีดเผือกเหมือนกำลังกังวลอะไรสักอย่าง "ลุงแหวน " เสือหาญเรียกชื่อสั้น ๆ ลุงแหวนที่ยืนอยู่ข้างเสือหาญก็รู้ว่าต้องการคำตอบที่เหลืออยู่ "เอาละ" ฝ่ามือตั้งยกขึ้นเหนือหัวส่งสัญญานให้ทุกคนเงียบแล้วตั้งใจดูสิ่งที่ลุงแหวนจะเปิดเผย ลุงแหวนขมวดคิ้วสั่งลูกน้องนำศพที่ปกคลุมไปด้วย เสื่อใบใหญ่ นำมาวางไว้ลานกลางแจ้ง"จ๊ะ วันหน้าฉันจะมาอุดหนุนป้าอีก" สิ้นสุดประโยคเสือหาญกำลังจะเดินออกจากหน้าร้านแต่ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเสียงปืนดังลั่นปัง ๆ ปัง ๆ กระสูนยิงขึ้นสู่ท้องฟ้ากลางตลาด ผู้คนทั้งตลาดชะงักไปชั่วขณะ ทันใดนั้นเสียงร้องกรีดก็ดังขึ้นผู้คนรีบหมอบลงกับพื้น บ้างคนก็ล้มระเนระนาดเพราะเบียดกันหนี "ไม่อยากตาย ก้มหัวลงแล้วนำของมีค่าออกมา" โจรข่มขู่ดังขึ้นพร้อมปืนในมือที่ยกสูงเหนือศรีษะ มันสวมหมวกไอ้โม่งสีดำท่าทายทุกคนอย่างไม่เกรงกลัว"แย่แล้ว " หญิงสาวที่ยืนชื้อขนมเปี๊ยะต้องหมอบลงอย่างว่าง่ายเธอนั้นมีความหวาดกลัว จนแววตาอยู่ไม่นิ่งเสือหาญไม่รอช้ารีบเดินมาบังคนแก่และหญิงสาวไว้"ไม่ต้องกลัวหลบอยู่หลังฉัน"น้ำเสียงที่ราบเรียบบอกหญิงสาวให้หลบหลัง หญิงสาวรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อมีชายแปลกหน้าออกมาปกป้อง ไอ้โจรที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะเยาะเย้ยเสือหาญ"ฮ่า ๆ ไอ้หนุ่มหน้าอ่อน" มันอ้าปากลั่นกลางตลาดอย่างสะใจราวกับกำลังท้าทายทุกคนที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกมัน"ฉันเตือนแกแล้วนะ!" เสือหาญค่อยๆก้าวเท้าเดินไป
ลูกน้องลุงแหวนค่อย ๆ ใช้ไม้เขี่ยเสื่อที่เต็มไปด้วยเลือดออกอย่างช้า มืออีกข้างอุดจมูกไว้แล้วหันหน้าหนีมองออกไปทางอื่น"ศพ นี่ประหลาดมาก" เสือหาญกล่าวในใจเมื่อเห็นศพชาวบ้านตาโตเท่าไข่ไก่ พะอืดพะอมคดตัวลงเหมือนกำลังจะอาเจียนมือยกขึ้นปิดปากปิดจมูกแน่น"โอ๊ย จะไม่ไหวแล้ว" ชาวบ้านเซถอยหลังปากสั่นงึกงักทรุดนั่งลงกับพื้นพยายามกลั้นอาเจียนสุดชีวิต ทันใดนั้นชาวบ้านนางกลุ่มนั้นทนไม่ไหวกับสภาพศพที่น่ากลัวและกลิ่นเหม็นที่ทนไม่ได้จึงทยอยออกจากลานประชุม สภาพศพรอยมีดบาดลึกหลายจุด เสื้อผ้าขาดวินจนแทบไม่เหลือสภาพเดิมบางจุดเห็นผิวหนังที่ฟกซ้ำและไหม้เกรียมเหมือนถูกทรมานก่อนเสียชีวิต"ใครกันฆ่าแม้กระทั่งคนสติไม่ดี" เสือหาญกล่าวในขณะที่เสือหาญนั้นยืนสำรวจศพอยู่ห่างๆ สายตาได้ไปสะดุดกับบางสิ่งบางอย่าง เขาสวมถุงมือแล้วค่อยๆ ดึงฝ่ามือที่กำแน่นเอาสิ่งของในนั้นออกมาลุงแหวนกับลูกน้องที่ว่ามันคือเศษเสื้อทำมาจากด้ายที่หายากมีเฉพาะผู้มีฐานะครอบครัวที่มีเงินชาวบ้านตาดำทั่วไปคงไม่มีปัญญาชื้อได้"ลุงแหวน ลุงจะทำอย่างไรต่อไป " "ฉันว่าต่อให้ไปฟ้องตำรวจก็ไม่มีประโยชน์"ลุงแหวนได้แต่ส่ายหน้าจนปัญญาที่จะติดตามผู้ร้ายต
"ข้าว่าเอ็งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ พวกข้าจะอ้วก" กลิ่นระบายออกมาจนทั้งสองต้องเอามือปิดจมูกแล้วค่อยๆเดินออกมาห่างจากตัวแก้วตา แก้วตาที่ขี้วีนเมื่อเห็นว่าทั้งสองทำท่าทางรังเกียจเธอ เธอชี้นิ้วขึ้นมาด่ารัวๆ จนไม่รู้ว่าหายใจทางไหน"นี่พวกเอ็ง ฉันไม่ใช่ผีนะ" เสียงกระทืบเท้าเหยียบหญ้าจนง้อ ทึก ๆ? "ไอ้บ้า อย่ามามองฉันด้วยสายแบบนั้น" รังสีความไม่พอใจได้แผ่ซ่านออกมาจนไอ้สันขวานกับไอ้กระบานสะดุ้งตัวรีบวิ่งสับฝีเท้าไปให้ไกล"แหวะ " แรงดันปะทุออกมากลางหน้าอกพุ่งน้ำออกมาสาดทิ้งลงใส่หญ้าแห้งใกล้กองฟางเรี่ยวแรงเกือบ หมดฤทธิ์จนเดินหมดแรงตามองซ้ายขวาจนตาลาย "เฮ้ย ไอ้กระบาน เอ็งว่าป่ะ นางแก้วตามันแอบชอบพี่เสือหาญป่าวว่ะ" (เสียงไอ)"แค่ก ๆ ""ข้าก็คิดเหมือนเอ็ง ข้าว่าเราไปดูพี่เสือหาญเถอะ" "เออๆ" ทั้งสองลุกขึ้นยืนพร้อม ๆ กันก้าวเท้าถี่ ๆ มุ่งหน้าไปยังศาลาหมู่บ้านที่อยู่ไม่ไกลมากนัก แต่ในขณะนั้นไอ้สันขวาน/ไอ้กระบานต้องหยุดหลบซ่อนหลังต้นไม้ทันที เมื่อเห็นนางแก้วตาอยู่บนศาลากับพี่เสือหาญ และยายชราที่นั่งพิงเก้าอี้หัวเราะคุยกันอย่างมีความสุขแค่เสือหาญเอ่ยปากขยับท่าทางมันทำให้หัวใจของแก้วตาหัวใจแทบ
ไม่นานนักรถที่กำลังเร่งคันเร่งเข้ามาก็ได้มาหยุดอยู่ที่เกิดเหตุ ชายสูงโปรงกำลังเปิดประตูลงจากรถพร้อมกับเพื่อนอีกคน ในมือถือปืนอยู่ตลอดสายตากวาดมองไปรอบ ๆ ทุกทิศทาง เมื่อเห็นว่ามีตำรวจพวกเดียวกันนั้นกำลังนอนจมกองเลือดตนไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปช่วยเหลือ "ตำรวจคนนั้นฉันไม่เคยเห็นมาก่อน" ไอ้สันขวานขยิบปากพลางพูดขึ้นด้วยความสงสัย"เงียบ ๆ เอ็งอย่าพูดมาก" "หืม ! "เสือหาญถอนหายใจสั่งเป็นนัยว่าอย่าเพิ่งคุยกันตอนนี่. แล้วแอบดูสถาณการณ์ต่อไป อย่างเงียบๆ จนตำรวจผู้นั้นนำตัวลูกน้องขึ้นรถขับออกจากชายแดนทั้งสามจึงเผยตัวอออกมา "พี่เสือหาญ ตำรวจคนนี้ดูท่าจะเป็นตำรวจน้ำดี" สันขวานถามด้วยความสงสัย ในขณะนั้นเสือหาญก็พยักหน้า แต่เหมือนอยากจะพูดอะไรออกมา กระบานอยากรู้เพราะอยากฟังความคิดเห็น"พี่เสือหาญ พี่รู้อะไรมา" "ตำรวจคนนี้ข้าพอได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาบ้างเป็นตำรวจน้ำดี เพิ่งย้ายมาอยู่ที่ราชบุรีได้แค่หกเดือน มีนามว่าจ่าแฉล้มถูกสั่งการจากย้ายที่ประจำการเพื่อมาที่นี่ " สันขวานและกระบานที่ได้ฟังเช่นนั้นก็พอเข้าใจ แต่ทั้งสองนั้นคิดว่าจ่าแฉล้มนั้นคงจะอยู่ได้ไม่นานเหมือนตำรวจคนก่อน ๆ จึงไม่ได้สนใจอะ
รูปร่างสูงใหญ่กำยำคิ้วเข้มพาดเฉียงจมูกโด่งเป็นสันในชุดคราบราชการ เอียงหน้าอย่างช้าๆ แล้วเอ่ยว่า"ข้ามีนามว่า จ่าแฉล้ม" สิ้นสุดเสียงประโยคสุดท้ายทุกอย่างรอบตัวเงียบงันไปชั่วคราวรูหูหลายคู่มันตันไปชั่วขณะ"จ่าแฉล้ม? " ทันใดนั้นทุกคนนึกได้ขึ้นมาพร้อมกันว่า นั้นคือตำรวจที่เขาเล่าลือว่าเก่งกาจไม่แพ้โจรไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ "ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็น ๆ ท่าทางสุขุมพูดน้อยต่อยหนักแต่ทว่าจ่าแฉล้มนั้นมีบุตรสาวเพียงผู้เดียวไม่มีบุตรชายเลย" ชาวบ้านพูดถึงจ่าแฉล้มนานนับเป็นชั่วโมงเล่าเรื่องราวในอดีตที่เคยเป็นที่จดจันไปทั่วราชบุรี แต่มีฝีมือขนาดนี้โจรชั่วก็ไม่เคยลดลงมีแต่เพิ่มขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเรื่องราวต่อจากนี้มันกำลังจะเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง "ว.9 มีเหตุฉุกเฉิน...ว.2 ได้ยินหรือไม่ได้ยินแล้วตอบด้วย " เสียงวอวิทยุสื่อสารติดขัดดังขึ้นในขณะที่จ่าแฉล้มกำลังเดินทางกลับไปยังที่ประจำการอำเภอสวนผึ่ง ดูท่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจ่าแฉล้มได้ติดต่อกลับไปทันที "ว.2 ได้ยินหรือไม่ " " ว.2 เกิดเหตุการขนยาบ้าที่ชายแดนพม่าให้ส่งกำลังเสริมเข้ามาด่วน" น้ำเสียงลูกน้องดังจนแสบหูได้ติดต่อกลับมาด
ในสมัยราชการที่ 8 พ.ศ 2477-2494 ช่วงเวลานั้นประเทศไทยมีความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมสูงมาก ทำให้ชุมโจร หรือผู้ร้ายมือฉมังโดยเฉพาะ ชนบท หุบเขา หรือพื้นที่ทุรกันดาร ในยุคปราบโจรย่อมมีตำรวจน้ำดีค่อยปกป้องประชาชนต่อสู้กับอำนาจมืดที่อยู่เบื้องหลัง เช่นนั้นการจะปราบโจรนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พล. ต.อ เผ่า ศรียานนท์ จึงมีคำสั่งให้ จ่าแฉล้ม หรือพันตำรวจตรีแฉล้มลงพื้นที่ประจำการอยู่ที่ อำเภอสวนผึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของจังหวัดราชบุรีติดกับชายแดนพม่า มีภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ ทำให้เป็นพื้นที่ ที่ชุมโจรใช้เป็นที่หลบซ่อนพลางตัวปังๆ....เสียงลูกปืนดังปะทะกันดังก้องไปทั่วป่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน"หยุดก่อน" ชายวัยกลางคนลั่นออกคำสั่งให้หยุดกะทันหันในระหว่างที่กำลังต่อสู้กับโจรชั่ว ผู้นั้นคือพันตำราจจ่าแฉล้มถูกขนานนามว่าเป็นตำรวจน้ำดี ไม่มีใครไม่รู้จักเขาแม้กระทั่งในหมู่กลุ่มโจร "จ่า ทำไมถึงไม่ตามพวกมันเข้าไป" ลูกน้องมือปืนตำรวจถามด้วยความสงสัย จ่าแฉล้มยังไม่ได้เอ่ยอะไรตนนั้นเดินออกจากจุดที่ไม่คุ้นเคยกลับไปตั้งหลักยังที่ปลอดภัย เมื่อตนนั้นมาถึงจุดที่จอดรถจึงเอ่ยปากออกมาทันที "พวกนายไม่ร