LOGIN“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”
“พรู๊ด!”
“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”
ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย
‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’
“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”
“คือว่า”
“หืม”
ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่า
กลางดึกสงัดของคืนนี้
ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้
‘ไม่เอาน่าข้าเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ’
ไป๋ฉางอวี้โอดครวญในใจเพราะความอยากรู้เรื่องที่พ่อบ้านสือบอกเล่าทำให้นางเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์บางอย่างนี้เอาไว้
“เฮ้อ ไม่เอาแล้ว”
เมื่อหันหลังกลับเพื่อจะไปเปลี่ยนชุดออกนั้นก็พบเข้ากับเหวินเซียวเย่ที่ยืนขวางทางนางเอาไว้
“ทะ ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเจ้าคะ”
“เมื่อครู่นี้แล้วเจ้าจะไปไหนหรือ”
“คือว่าข้าจะไปเปลี่ยนชุด”
“เปลี่ยนชุดงั้นหรือ”
สายตาคมเข้มของเขาจ้องมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้ากลิ่นอายของคนที่เพิ่งอาบน้ำมาหมาดๆ ทำเอานางรู้สึกตัวสั่นไม่น้อย
“ท่านช่วยหลบไปทางนี้นะเจ้าคะ ข้าจะเดินไปทางนี้”
นางจับแขนของเขาเบี่ยงออกไปด้านซ้ายทว่าร่างเล็กยังเดินไม่พ้นทางก็ถูกมือหนาโอบเอวเอาไว้แล้วจับนางหันกลับมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกน่าถึงอย่างไรก็ไม่ได้ใส่อยู่ดี”
“ห๊ะ!”
ไม่ทันได้ถามสิ่งใดออกไปก็ถูกริมฝีปากหนานั้นจู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว รสจูบที่เนิบนาบตอนแรกนั้นเริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไป๋ฉางอวี้ครั้นอยากจะถอยตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว นางยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มบทรักร้อนแรงตลอดทั้งคืน
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยาม [1]
“ท่านพี่พอเถอะข้าเหนื่อยแล้วนะ”
“แต่ข้าไม่เหนื่อยนี่นา”
“พอได้แล้วหากว่าอาหยวนตื่นขึ้นมาเห็นจะอายลูกแย่เลยนะเจ้าคะ”
“วันนี้ข้าใช้งานเขาเก็บของทั้งวันเช่นนั้นคงนอนหลับสนิทไปแล้วไม่ตื่นขึ้นมาง่ายๆ หรอกน่าเจ้าอย่ากังวลไปเลย พวกเราห่างหายจากเรื่องนี้มานานแล้วข้าขอต่ออีกนิดนะฉางเอ๋อ”
“แต่ว่า อื้อออ…”
คืนนั้นทั้งคืนนางถูกเหวินเซียวเย่ก่อกวนไม่หยุดหย่อนทุกสัมผัสของเขาช่างเร่าร้อนอะไรเช่นนี้ ฝ่ามือหนาร้อนของเขาเคลื่อนสัมผัสไปทุกๆ จุดในเรือนร่างนั้นทำเอาไป๋ฉางอวี้กระสับกระส่ายนอนไม่ได้แทบทั้งคืน
-เช้าวันถัดไป-
ไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็นร่างของผู้เป็นสามีแล้วนางรีบจัดการตนเองจนเรียบร้อย เปิดระบบวิเศษเพื่อนำสีสำหรับลงงานวาดออกมาแล้วค่อยๆ เดินลงไปชั้นล่างของร้านทีละก้าว ก้าวเดินที่เชื่องช้าทำให้ผู้เป็นลูกชายอดที่จะสงสัยไม่ได้
“ท่านแม่ไม่สบายหรือขอรับ”
“มะ ไม่ใช่เสียหน่อยข้าสบายดี”
“ก็เห็นเดินแปลกๆ”
“อะ เอ่อ”
นางจับจ้องไปยังใบหน้าของผู้เป็นสามีที่กำลังนั่งปั้นดินเผาอยู่นั้น มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
‘น่าโมโหเสียจริง ก่อกวนข้าทั้งคืนเหตุใดตื่นเช้ามาหน้าตาถึงเบิกบานเช่นนั้นกันเล่าทั้งยังทำงานได้แบบไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยไม่สะทกสะท้านใดๆ อีก’
“เจ้าตื่นแล้วเช่นนั้นก็มากินข้าวกัน”
“นี่กี่โมงกี่ยามกันแล้วเจ้าคะ”
“ยามเฉิน [2] แล้ว”
“ห๊ะ นี่ข้าตื่นสายเพียงนี้เลยหรือแล้วทำไมท่านถึงไม่ปลุกข้าเล่า อีกอย่างเหตุใดไม่พาอาหยวนกินไปก่อนข้าล่ะปล่อยให้ลูกหิวทำไมกัน”
“ข้าจะรอกินพร้อมท่านแม่ขอรับ”
“เช่นนั้นข้าไปเข้าครัวสักครู่นะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องหรอกขอรับท่านแม่ ท่านพ่อทำอาหารไว้รอท่านแล้ว”
“ท่านพ่อของเจ้านี่น่ะหรือ”
“อืม”
อาหยวนพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัวนำอาหารออกมาวางบนโต๊ะอาหารทีละอย่าง ไป๋ฉางอวี้เดินเข้าไปใกล้ๆ จ้องมองเมนูอาหารเช้าของวันนี้
“น่าตาน่ากินเสียจริงท่านทำเองหรือเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว น้ำแกงนี้เป็นสูตรของข้าเองลองชิมดูสิ”
เขายื่นช้อนที่มีน้ำแกงอยู่ในนั้นให้นางท่ามกลางรอยยิ้มอันอบอุ่นชวนให้คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้ง ไป๋ฉางอวี้หลับตาลงเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั้นออกไป
“ท่านแม่ไม่สบายหรือขอรับ”
“ไม่ แม่สบายดี”
นางพูดจบก็อ้าปากรับน้ำแกงที่ผู้เป็นสามีปรุงขึ้นมา รสชาติที่อร่อยนี้ทำเอานางอดไม่ได้ที่จะยกมากินอีกรอบ
“ท่านทำอาหารได้อร่อยเสียจริงนะเจ้าคะ ฝีมือใช้ได้เลย”
“ก็เพราะเครื่องปรุงที่เจ้าเตรียมเอาไว้อย่างไรเล่า รสชาติใช้ได้เลยนะข้าไม่ต้องใส่เครื่องเทศใดๆ เพิ่มเลย”
“อ่อ อย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
อาหยวนที่มองดูพ่อกับแม่ของเขาป้อนข้าวกันอยู่นั้นก็ยิ้มจนตาหยีฟันเรียงตัวสวยงามยิ่งนัก
“นั่นอะไรหรือ”
“หืม”
“ที่เจ้าถือลงมาด้วยน่ะ”
“อ้อ สีที่จะใช้ลงลวดลายกระเบื้องน่ะเจ้าค่ะข้าเปิดร้านเพื่อขายสุราและกระเบื้องเคลือบด้วย มีเครื่องปรุงที่ข้าทดลองทำขึ้นมาด้วยนะเจ้าคะบ้านของเราจะมีรายได้เหมือนเมื่อก่อนไม่อดอยากอีกแล้วอีกอย่างจะได้เก็บเงินไว้ส่งอาหยวนไปเรียนหนังสืออีกด้วย”
“เรียนหนังสือ! ข้าจะได้ไปโรงเรียนแล้วหรือขอรับท่านแม่”
“อืม”
“เย่ๆ”
ทั้งสองมองตากันอีกครั้งความสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ที่ไม่เข้าใจกันเวลานี้ก็พังทลายลงเหลือเพียงความเข้าอกเข้าใจและความรักที่นับวันยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ทั้งวันไป๋ฉางอวี้นั่งวาดลวาดลายลงบนกระเบื้องเคลือบชิ้นแล้วชิ้นเล่าเหวินเซียวเย่ที่นั่งเฝ้าฮูหยินของเขาไม่ห่างคอยแหงนหน้าขึ้นมามองนางเป็นระยะๆ เหมือนกับกลัวว่านางจะหนีหายเขาไปอย่างไรอย่างนั้นจนไป๋ฉางอวี้ต้องหันไปมองผู้เป็นสามีแล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในการกระทำของเขา
‘มองเหมือนเห็นข้าอย่างไรอย่างนั้น แต่คงไม่ใช่หรอกกระมัง’
แต่แล้วนางก็ต้องสะบัดหน้าเพื่อไล่ความคิดบ้าๆ นั่นออกไปก่อนจะลงมือวาดลวดลายต่อโดยไม่สนใจเขาอีก
- - - - - -
[1] ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วโมง
[2] ยามเฉิน = 07.00-08.59 น.
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส




![ภรรยาเช่นข้าหาได้ยากยิ่ง [นางร้าย]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)


