เข้าสู่ระบบ“หุบปากน่า”
“!”
น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที
“มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”
ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันที
เมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก
-เช้าวันถัดไป-
รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้
พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว
“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”
ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขา
คืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่างเห็นได้ชัด
บ้านหลังนี้แม้จะมาอาศัยอยู่เพียงไม่นานแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เป็นนางที่ปรับปรุงซ่อมแซมมันขึ้นมาใหม่
ใจหายเล็กน้อยที่จะต้องจากไปแต่เพราะได้ฝากฝังเอาไว้กับคนที่ไว้ใจเช่นน้องชายของสามีเท่านี้นางก็พอใจมากแล้ว
“ไม่นอนทั้งคืนขอบตาของเจ้าคงดำหมดแล้วกระมัง”
ไป๋ฉางอวี้รีบเอามือน้อยๆ ของนางขึ้นมาจับดวงตาของตนเองก่อนจะหยิบคันฉ่องที่อยู่ใกล้ที่สุดขึ้นมาส่องดูด้วยความรวดเร็ว
“พูดเหมือนเห็นอย่างนั้นล่ะแต่ก็คล้ำจริงๆ ด้วย”
ไป๋ฉางอวี้หันขวับไปมองผู้เป็นสามีก่อนจะจ้องเขาเอาเป็นเอาตาย
“ท่านหายตาบอดแล้วหรือ”
“พะ พูดอะไรข้ายังไม่ได้ไปรักษาที่ไหนเสียหน่อย”
“ก็เพียงแค่พูดเล่น ตกใจไปทำไมกันเล่าท่านเก็บของเสร็จแล้วงั้นหรืออีกไม่นานพ่อบ้านซือก็คงมารับพวกเราแล้วนะเจ้าคะ”
“อืม เสร็จแล้วล่ะ”
“ท่านแม่ ท่านอากับน้องๆ มาถึงแล้วขอรับ ท่านตาคนนั้นก็มาถึงแล้วเช่นกันขอรับ”
“งั้นหรือ”
อาหยวนที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านรีบวิ่งมาบอกพวกเขาทั้งคู่ด้วยความรวดเร็ว ทั้งคู่เดินออกไปรับพวกเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขยิ่งนัก
“อยู่ที่นี่หากมีอะไรให้พวกข้าช่วยก็ไปตามทางที่ข้าเขียนเอาไว้นะ”
“ขอบคุณพี่รอง พี่สะใภ้รองมากนะเจ้าคะ”
“อืม พวกข้าไปล่ะนะ”
ไป๋ฉางอวี้ขนสัมภาระทั้งหมดขึ้นไปบนรถม้าจนครบแล้ว เมื่อทุกคนขึ้นรถม้าจนครบพ่อบ้านซือก็สั่งให้สารถีควบม้าไปยังตัวเมืองทันทีไป๋ฉางอวี้กับเหวินเซียวหยวนยื่นใบหน้าออกมาจากหน้าต่างแล้วโบกมือลาทั้งสี่คนจนลับสายตาไป
พวกเขาทั้งหมดใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองเพียงหนึ่งก้านธูป (ครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง) ก็ถึงตัวเมืองลั่วหนาน
รถม้าจอดเทียบตรงหน้าร้านค้าของนางเมืื่อหยุดนิ่งสนิทแล้วไป๋ฉางอวี้ก็ค่อยๆ ประคองเหวินเซียวเย่ลงมาโดยมีพ่อบ้านซือที่เข้ามาช่วยนางประคองเขาอีกแรง
“ค่อยๆ ก้าวลงนะขอรับคุณชาย”
“ขอบใจท่านมาก”
เมื่อท้าวแตะพื้นพ่อบ้านซือก็ปล่อยมือจากเขาก่อนจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลานั้นไม่วางตา
“ช่างคล้ายมากเหลือเกิน”
“คล้ายอะไรหรือเจ้าคะ”
“เอ่อ ไม่มีอะไรขอรับฮูหยินข้าจะขนของเข้าไปในร้านให้ ท่านพาคุณชายเข้าไปนั่งพักเถอะขอรับ”
“ขอบใจพ่อบ้านซือมากเจ้าค่ะ”
เขาพยักหน้าก่อนจะสั่งให้ลูกน้องอีกคนช่วยกันขนของลงจากรถม้าเข้าไปวางไว้ในร้านจนครบ
“หากแม่นางไป๋มีสิ่งใดขาดเหลือท่านให้คนไปตามข้าที่บ้านสกุลเว่ยได้เลยนะขอรับ”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณพ่อบ้านซืออีกครั้งนะเจ้าคะ”
พ่อบ้านซือส่งยิ้มให้นางก่อนจะขึ้นไปนั่งบนรถม้าด้านข้างสารถี รถม้าออกวิ่งไปยังเส้นทางบ้านสกุลเว่ยแล้วแต่สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่สามีของนางอย่างไม่วางตา
“เป็นอะไรของเขานะ”
“ท่านแม่ที่นี่คือบ้านใหม่ของเราจริงๆ หรือขอรับ”
“จริงสิ”
“ใหญ่โตมากเลยอาหยวนชอบที่นี่”
“เช่นนั้นก็เข้าไปเก็บของกันเถอะ”
“ขอร้าบ”
เหวินเซียวหยวนทั้งวิ่งทั้งกระโดดเข้าไปในร้านไป๋ฉางอวี้ตั้งใจจะเดินตามแต่ก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อผู้เป็นสามียังคงนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม จ้องมองป้ายหน้าร้านอย่างไม่วางตา
“ท่านพี่เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ”
“เจ้าเช่าร้านค้าหลังนี้ในราคาหนึ่งตำลึงแน่หรือ”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“มันกว้างใหญ่มากเกินกว่าจะได้ราคาถูกเช่นนี้หรือไม่”
“ก็ที่นี่เป็นของ…เมื่อครู่ท่านว่าอะไรนะ”
“อะ เอ่อก็ข้าได้ยินที่อาหยวนบอกว่าที่นี่ใหญ่โตมาก ร้านรวงต่างๆ ที่อยู่ในตัวเมืองใช่ว่าจะเช่าได้ในราคาที่แสนถูกเพียงนี้ ฉางเอ๋อข้าตาบอดมาได้เพียงปีเดียวเองนะไม่ใช่ตาบอดตั้งแต่เกิดข้าย่อมรู้เรื่องราวและเคยเห็นทุกอย่างมาก่อนแล้ว บอกมาว่าที่นี่เป็นของใครกันแน่”
“ท่านจำเรื่องที่ข้าเคยเล่าให้ฟังได้หรือไม่”
“เรื่องอะไร”
“ก็ที่ข้าพบฮูหยินผู้หนึ่งที่กลางตลาดอย่างไรเล่านางเป็นเจ้าของร้านค้าแห่งนี้ ข้าต้องการความช่วยเหลือเพราะไม่รู้จักใครในเมืองนี้เลยจึงได้ไปขอให้นางช่วย”
“เท่านั้นเองหรือ”
“ก็ ความจริงก็ไม่ใช่ของนางเสียทีเดียวหรอกเจ้าค่ะ โรงเคลือบดินเผาที่ท่านเคยไปทำงานน่ะ”
“ทำไมหรือ”
“ร้านค้านี้ก็เป็นของเขาเช่นกัน”
“คุณชายเว่ยนั่นน่ะหรือ”
“ท่านรู้จักเขาหรือเจ้าคะ”
“เคยเห็นอยู่ไม่กี่ครั้งแต่ว่าฉางเอ๋อคนผู้นั้นใช่ว่าจะเข้าไปที่โรงเผาง่ายๆ หรอกนะ ช่างบังเอิญอะไรเช่นนั้นที่เจ้าไปพบเจอเขาที่นั่น”
“ก็คงบังเอิญกับที่ข้าเพิ่งรู้ว่าเขาคือบุตรชายของฮูหยินเว่ยสตรีที่ข้าทำการค้ากับนางอย่างไรเล่า”
ไป๋ฉางอวี้จ้องมองดวงตาของผู้เป็นสามีแววตาไหววูบของเขารู้ได้เลยว่าเขากำลังหึงนาง
“ท่านหึงข้าหรือ”
“พูดอะไร”
“ฮึๆ ท่านพี่ข้ามีสามีและลูกชายแล้ว คุณชายใหญ่เว่ยผู้นั้นไม่มีทางสนใจสตรีที่มีครอบครัวเช่นข้าหรอกเจ้าค่ะ”
“ให้มันเป็นเช่นนั้น ฮูหยินของข้างดงามเพียงนี้ใครๆ ก็อยากรู้จักเจ้า”
“แต่ข้าไม่สนใจนี่นาข้ารักเพียงสามีของข้าคนเดียวเท่านั้นคนอื่นๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของข้าเสียหน่อย”
“จะ เจ้าว่าอะไรนะ”
ไป๋ฉางอวี้อมยิ้มก่อนจะเข้าไปควงแขนเขาเอาไว้แน่น
“ข้าบอกว่าข้ารักท่านเพียงคนเดียวเลิกพูดเรื่องนี้เสียทีเถอะเจ้าค่ะ เข้าไปด้านในกันเถอะข้าหิวจะตายอยู่แล้ว”
“ก็ได้ๆ”
ใบหูและแก้มของเหวินเซียวเย่เริ่มแดงระเรื่อขึ้นมาน่่าจะเพราะเขินนางเป็นแน่
“อาหยวนมานวดขาให้ท่านพ่อเร็วเข้าแม่จะไปทำอาหารมาให้พวกเจ้า”
“เจ้าไม่ต้องทำหรอกน่า!/ท่านแม่ไม่ต้องทำหรอกขอรับ!”
อะไรจะพร้อมเพียงกันขนาดนี้กันนะ
สองวันถัดไปเครื่องเคลือบดินเผาก็ถูกส่งตรงมาที่ร้านของนาง ถ้วยชาม จานและแก้วน้ำสีขาวหยกงดงามยิ่งนัก
“คุณชายแต่ว่าที่ข้าสั่งมีเพียงแค่ชุดเดียวเองนะเจ้าคะ”
“ข้าแค่เอามาเผื่อไว้หากสินค้าตกหล่นเสียหายระหว่างทางก็ใช้ชดเชยกันไป อย่าคิดมากน่าไว้คราวหน้าค่อยจ่ายข้าก็ยังได้”
“เช่นนั้นก็ขอบคุณคุณชายมากนะเจ้าคะ”
คุณชายใหญ่เว่ยยิ้มและรับคำขอบคุณนั้นท่ามกลางการจ้องมองของเหวินเซียวเย่ที่มองตรงมาทางที่นางยืนอยู่
คุณชายใหญ่เว่ยเองก็รู้สึกได้ว่าถูกเขาจับจ้องมองอยู่จึงได้ขอตัวกลับไปที่บ้านทิ้งไว้เพียงพ่อบ้านซือที่คอยอยู่กำชับคนงานลำเลียงเครื่องเคลือบเข้าไปในร้าน
ไป๋ฉางอวี้ละสายตาจากผู้เป็นสามีก่อนจะเดินเข้าไปหาพ่อบ้านซือที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ในมือของเขาก็ถือจอกน้ำชาขึ้นมาดื่มเป็นระยะๆ คอยสั่งการเหล่าคนงานอย่างไม่หยุดหย่อน
นางนั่งลงก่อนจะรินน้ำชาให้ตนเองไปจอกหนึ่ง
“พ่อบ้านสือข้าขอถามอะไรท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“มีอะไรหรือขอรับ”
“เหตุใดก่อนหน้านี้ท่านถึงเอาแต่จ้องมองสามีของข้างั้นหรือ”
“อะเอ่อ”
“ว่าอย่างไรท่านอย่าปิดบังข้าเลยข้าเห็นท่านเหมือนพ่อคนหนึ่งเลยนะ แววตาที่ท่านจ้องมองเขาเหมือนมีอะไรบางอย่างในใจที่อยากจะเอ่ยถามออกมาแต่ท่านก็เลือกจะเงียบ”
“ก็ได้ขอรับแม่นางไป๋แต่ว่าข้าขอถามท่าน สามีของท่านแซ่เหวินจริงๆ น่ะหรือขอรับ”
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ”
“ท่านแน่ใจจริงๆ งั้นหรือ”
“ข้าก็…ไม่รู้สิครั้งหนึ่งข้าเคยเกิดอุบัติเหตุจนจดจำเรื่องราวบางอย่างไม่ได้แล้ว ท่านถามทำไมหรือ”
“เช่นนั้นข้าขอถามท่านอีกเรื่อง อาจจะ เอ่อ…ลับยิ่งนักท่านอย่าโกรธข้าเลยนะ”
“ว่ามาเถอะเจ้าค่ะ”
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”
“พรู๊ด!”
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส







