LOGINเหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวน
ทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลย
ฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้ว
ลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง
“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”
“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป็นเหมือนคนที่ต่อชีวิตให้ข้าเมื่อรู้ว่านางจากไปข้านั้นเสียใจอย่างที่สุดแต่เมื่อรู้ว่าเจ้าที่เป็นบุตรชายของนางยังมีชีวิตอยู่เจ้าจะให้ข้าละเลยเจ้าไปได้อย่างไรกัน”
“แต่ว่าฮูหยิน”
“เซียวเย่ข้าไม่ได้คิดรังเกียจเจ้าอีกอย่างข้าเองก็ไม่ได้รักใคร่ไป๋ฉางอวี้ฉันชายหญิง ข้าเอ็นดูนางดั่งน้องสาวตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอนางแล้ว เจ้าก็อย่าได้ตัดน้ำใจของท่านแม่เลย”
เหวินเซียวเย่ที่ได้ยินดังนั้นก็หันไปมองหน้าภรรยารักของเขา ไป๋ฉางอวี้พยักหน้าให้เขาเล็กน้อย
“ก็ได้ขอรับ…ท่านแม่”
ฮูหยินเว่ยได้ยินดังนั้นก็น้ำตาไหลรื่นออกมาทันทีก่อนจะเข้าไปสวมกอดเขาเอาไว้แน่น
‘อย่างน้อยบุตรชายที่เป็นดั่งลูกเลี้ยงของนางนั้นก็ตามหากันจนเจอแล้วได้ตายตาหลับเสียที’
เหวินเซียวเย่ที่ขาดแม่มาตั้งแต่เด็กถูกผู้เป็นพ่อเลี้ยงอุ้มชูมาแต่ก็ปากกัดตีนถีบด้วยตนเองมาตั้งแต่ยังเล็กกว่าจะเติบโตมาได้ถึงเพียงนี้ก็ลำบากมาไม่น้อย เมื่อได้รับอ้อมกอดที่อบอุ่นจากสตรีผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาคลอเช่นกัน
ไป๋ฉางอวี้ยืนจับมือลูกชายตัวน้อยของเขาเอาไว้แน่นเด็กน้อยดูเหมือนจะไม่รู้เรื่องราวใดๆ เอาแต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงงไปหมด
“อาหยวนมาหาย่าเร็วเข้า”
“ย่า?”
“นางเป็นท่านแม่ของพ่อเจ้า ก็คือย่าของเจ้าอย่างไรเล่าไปหาท่านย่าเร็วเข้า”
เหวินเซียวหยวนที่ได้ยินคำที่มารดาพูดก็ดูเหมือนจะเข้าใจอยู่บ้าง เขาพยักหน้าก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาสตรีสูงวัยผู้นั้นเมื่อเจ้าตัวเล็กใกล้ถึงตัวนางก็อุ้มเข้าไปกอดเอาไว้แน่น
“หลานย่าในที่สุดย่าก็มีหลานเป็นของตัวเองเสียที”
เว่ยลั่วหยางที่ได้ยินดังนั้นก็หุบยิ้มทันทีก่อนจะเอ่ยปากต่อไปว่า
“คือว่าข้ามีเรื่องต้องไปทำ น้องชายไว้วันหลังข้ามาเยี่ยมเจ้าใหม่”
“เดี๋ยวเถอะพอข้าพูดเรื่องนี้ก็ทำเป็นไม่รู้ร้อนหนาวเลยนะ”
“โถ่ท่านแม่ก็ข้ายังไม่มีคนรู้ใจเหมือนน้องชายของข้าคนนี้อย่างไรเล่า ข้าอายุแค่ยี่สิบห้าท่านจะรีบร้อนไปทำไมกัน”
“ยี่สิบห้า ลูกชายบ้านอื่นมีลูกเป็นโขยงแล้วหรือไม่เล่า”
“แต่ข้าไม่รีบข้ารอได้”
“แต่ข้ารอไม่ได้ นี่เจ้าน่ะอย่าเดินหนีเช่นนี้สิกลับมาเดี๋ยวนี้นะ”
คุณชายใหญ่เว่ยที่ทำหูทวนลมเดินออกจากร้านค้าของผู้เป็นน้องชายอย่างไม่รู้ทุกร้อนใดๆ ของผู้เป็นมารดาเลยสักนิด
‘ทำอย่างไรได้เล่าข้ายังไม่ถูกใจใครสักคนเลยนี่นา’
-เช้าวันถัดไป-
ฮูหยินเว่ยเดินทางมาที่ร้านของไป๋ฉางอวี้ตั้งแต่เช้าตรู่นางเดินสำรวจความเรียบร้อยของร้านพร้อมๆ กับเหวินเซียวเย่ ชี้นิ้วสั่งให้คนงานปรับปรุงร้านแต่ละจุดเพิ่มไปด้วย
“ท่านป้า”
“ป้าอะไรของเจ้า ข้าเป็นแม่ของเซียวเย่นะต้องเรียกว่าท่านแม่สิถึงจะถูก”
“อ่อ เอ่อเจ้าค่ะท่านแม่”
“เหตุใดท่านถึงมาที่นี่แต่เช้าเลยเล่าเจ้าคะ”
“ข้าจะมารับอาหยวนไปโรงเรียน”
“โรงเรียนหรือเจ้าคะ”
“นี่เจ้าทำแต่งานจนลืมไปแล้วหรือว่าอายุอย่างอาหยวนสมควรที่จะส่งเข้าเรียนได้แล้ว”
“คือว่าข้า”
“ลืมจริงๆ สินะ”
ไป๋ฉางอวี้ยิ้มแห้งให้ฮูหยินเว่ยนางเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเอ่ยถามไปว่า
“แล้วท่านแม่จะพาอาหยวนไปเรียนที่ไหนหรือเจ้าคะ”
“นั่นอย่างไรเล่าตรงหัวมุมตรงนั้นมีโรงเรียนสอนเหล่าบัณฑิตอยู่ ข้าจะไปฝากเรียนที่นั่น”
“แต่ที่นั่นข้าได้ยินว่ามีเพียงลูกหลานจากตระกุลสูงศักดิ์เท่านั้นที่จะเข้าเรียนได้นี่เจ้าคะ”
“แล้วเจ้าลืมไปแล้วหรือว่าย่าของเขานั้นเป็นใคร”
“เอ๋ จริงด้วยลืมเสียสนิทเลย”
ว่ากันว่าสำนักบัณฑิตในเมืองแห่งนี้นั้นรับเพียงแค่ลูกหลานราชวงศ์และตระกูลสูงศักดิ์ ชาวบ้านตาสีตาสีแม้จะมีเงินส่งเรียนก็จริงแต่ก็ไม่สามารถเข้าเรียนได้ อาจารย์ที่มาสอนคืออาจารย์จากสำนักศึกษาหลวงที่ปลดเกษียรตนเองแล้วเท่านั้นจึงเป็นที่มาว่าเพราะอะไรถึงไม่รับชาวบ้านนั่นเอง
“อาหยวนมาเร็วเข้าย่าจะพาเจ้าไปโรงเรียนนะ”
“ขอรับ”
อาหยวนที่ดูจะตื่นเต้นไม่น้อยและน่าแปลกที่วันนี้เขาตื่นเช้ากว่าทุกวัน แสดงว่าคนทั้งคู่นัดหมายกันไว้เรียบร้อยแล้วงั้นหรือนี่
นางได้แต่ยืนมองคนทั้งคู่ที่จูงมือกันไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยผู้คนที่เดินกันพลุกพล่าน
“เป็นอะไรไปหรือ”
“อาหยวนดูจะคุ้นเคยกับท่านแม่เร็วยิ่งนัก”
“แปลกตรงไหนเด็กๆ เมื่อถูกใจใครก็เข้ากับคนนั้นเร็วจะตายไป”
“งั้นหรือเจ้าคะ”
“พูดแบบนี้น้อยใจอะไรอยู่หรือไม่”
“ข้าหรือ”
“อืม”
“ไม่มี๊ ไม่มีเลยอย่างข้าจะไปน้อยใจอะไรกันเล่า ไร้สาระน่า”
นางพูดจบก็หันหลังเดินเข้าไปตรวจความเรียบร้อยในร้านต่อ
‘ใช่ บ้าน่าข้าจะน้อยใจไปทำไมกัน’
หรือเพราะภาพตรงหน้าทำให้นางคิดย้อนไปถึงวัยเด็กของตนเองหรือไม่นะ
วัยเด็กที่เงียบเหงา เด็กคนอื่นๆ ต่างก็ถูกจูงมือไปกับครอบครัวที่มารอรับเลี้ยงยกเว้นเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่ไม่มีใครเหลียวแล
นางยังคิดสงสัยอยู่เลยว่านางน่าเกลียดมากนักหรืออย่างไรถึงไม่มีใครสนใจเช่นนี้
เย็นวันนั้นนางนั่งเล่นที่ศาลาท้ายสวนหลังโรงเตี๊ยมเพียงลำพัง น้ำใสที่ไหลวนอยู่ภายในสระเขียวมรกตที่แต่งแต้มไปด้วยดอกบัวขาวสลับสีชมพูดสดใส
กระโปรงสีสวยหวานถูกถลกขึ้นเล็กน้อยขาเรียวสวยของนางแตะไปกับน้ำใสสะอาดความเย็นทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาไม่น้อย เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาทำให้นางจำต้องหันหลังกลับไปมอง
“ท่านพี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคะ”
“เมื่อครู่นี้เอง อาหยวนไปนอนที่บ้านของท่านแม่นะ”
“อาหยวนนี่นะเจ้าคะ”
“ใช่แล้ว”
“แล้วไม่งอแงเลยหรือ”
“เห็นท่านแม่บอกว่าแค่เพียงเอ่ยเล่นๆ แต่เจ้าเด็กนั่นกลับวิ่งขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าเองเลย”
“ฮ่าๆๆ สงสัยจะติดท่านแม่มากแน่ๆ เลย”
“เจ้ามีอะไรอยากบอกข้าหรือไม่”
“อะไรหรือเจ้าคะ”
“ไม่รู้สิมีบางอย่างที่ทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังคิดมากอยู่ เกี่ยวกับข้าหรือไม่”
ไป๋ฉางอวี้ส่ายหน้าเบาๆ
“ไม่เกี่ยวกับท่านเลย ท่านพี่ข้าไม่รู้จะบอกท่านอย่างไรและไม่รู้ว่าควรที่เริ่มบอกตรงไหนเอาเป็นว่าจากนี้เป็นต้นไปข้าจะไม่เป็นฝ่ายทอดทิ้งท่านก่อนอย่างแน่นอน”
“ข้ารู้และข้าเองก็จะไม่มีวันทอดทิ้งเจ้าเช่นกัน”
ทั้งสองยิ้มให้แก่กันและกันก่อนที่เหวินเซียวเย่จะอุ้มนางกลับไปยังห้องนอนท่ามกลางการจับจ้องมองจากบรรดาเด็กๆ ในร้าน
“คุณชายกับฮูหยินนี่น่าอิจฉาเสียจริงเลย”
“พ่อบ้านซือไม่ใช่ว่าท่านแม่ของข้าเรียกให้ท่านมาพานายน้อยไปหรอกหรือ”
“อ่อ เอ่อขออภัยขอรับคุณชายใหญ่ข้าน้อยมัวแต่เสียมารยาทแอบดูคุณชายเล็กกับฮูหยิน ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
“อืม”
เว่ยลั่วหยางมองส่งพ่อบ้านซือพ่อบ้านที่อยู่กับครอบครัวตระกุลเว่ยมาเนิ่นนานตั้งแต่ที่ท่านพ่อของเขายังเป็นเด็กๆ เลยก็ว่าได้
เขาส่ายหัวให้ตาแก่ขี้เหงาเล็กน้อยก่อนจะมองขึ้นไปยังชั้นบนของร้านค้าแห่งนี้ร้านที่เขาเตรียมเอาไว้ให้น้องชายต่างมารดามาเนิ่นนานเพราะฝันเอาไว้ว่าสักวันหนึ่งจะได้พบเขาอีกครั้งและวันนี้ก็มาถึง
“จะรีบมีฮูหยินเป็นตนเองไปทำไมกันเล่าเลี้ยงหลานชายตัวเล็กคนนี้ก็พอแล้วกระมัง อีกไม่นานก็คงมีอีกสักสองสามคนคลานตามกันมาอย่างแน่นอนคิดแล้วก็ปวดหัวไว้ก่อนแล้วกัน”
คุณชายเว่ยเดินผิวปากออกไปจากร้านค้าท่ามกลางความวุ่นวายของตัวเมืองแห่งนี้
เหวินเซียวเย่ คือบุตรชายของหนึ่งในอนุใต้เท้าเว่ยผู้ที่หนีหายออกไปจากจวนเพราะถูกรองฮูหยินใส่ร้ายเรื่องคบชู้กับทหารในจวนทหารคนสนิทที่คอยอยู่เคียงข้างใต้เท้าเว่ยผู้นั้นถูกลงโทษโบยจนตายไป ก่อนหน้าที่จะรับโทษเขาได้วางแผนให้นางหนีออกไปจากจวนไม่ว่าใต้เท้าเว่ยจะออกตามหานางเท่าใดก็ไม่เคยได้พานพบกันอีกเลยฮูหยินเว่ยไม่คิดว่าบุตรชายที่เกิดจากสายเลือดที่แท้จริงของเขานั้นจะยังมีชีวิตอยู่ น่าเสียดายที่ใต้เท้าเว่ยไม่อาจพานพบเขาได้อีกแล้วลายปักผ้าที่ฮูหยินเว่ยยังคงทะนุถนอมมาจนถึงทุกวันนี้นั้นคือผ้าเช็ดหน้าที่มารดาของเหวินเซียวเย่เป็นคนทำขึ้นมา ลวดลายที่คล้ายคลึงกันกับของสามีไป๋ฉางอวี้เป็นเหตุให้นางโยงเรื่องราวทั้งหมดจนทั้งสองคนได้มาพบกันอีกครั้ง“ฮูหยินแม้ว่าข้าจะมีสายเลือดตระกูลเว่ยก็จริงแต่ว่าข้าก็เป็นเพียงบุตรของอนุเท่านั้นหาได้มีสิ่งใดเหมาะสมกับตระกูลของท่านไม่ ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจข้าอีกเลยขอรับ”“พูดอะไรเช่นนั้นมารดาของเจ้าเว่ยอิงเป็นเหมือนน้องสาวของข้าหากว่าไม่มีนางข้าก็คงตรอมใจเรื่องอนุคนที่พ่อของเจ้ารับเข้าจวนมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว นางเป
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าในที่สุดนางก็มาอาศัยอยู่ในตัวเมืองได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ร้านค้าของนางแรกเริ่มขายเพียงสุราและอาหารเท่านั้น ส่วนกระเบื้องเคลือบเหล่านี้นางยังคงเก็บสะสมเอาไว้บนชั้นวางเพื่อเรียกความสนใจจากลูกค้าเท่านั้นยังไม่ได้เปิดขายจริงจังเสียทีเพราะงานในร้านที่มากมายจนในแต่ละวันแทบไม่มีเวลาพักทำเอานางลืมเรื่องนั้นไปเสียสนิท ปานรูปหัวใจในที่ลับของเหวินเซียวเย่!กลางดึกคืนนั้นไป๋ฉางอวี้ตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงตะกุกตะกักด้านล่างของร้านค้าแต่เมื่อหันไปมองด้านข้างของตนกลับพบเพียงความว่างเปล่า“ท่านพี่หายไปไหนนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเมื่อครู่อาจเป็นเสียงของผู้เป็นสามีนางจึงลุกจากเตียงนอน แต่ทันใดนั้นอาการวิงเวียนหน้ามืดก็ตีตื้นขึ้นมารู้สึกได้ว่าห้องของนางหมุนได้อาการหน้ามืดเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางจะเป็นบ่อยๆ หรือเพราะนางทำงานหนักเกินไปงั้นหรือไป๋ฉางอวี้เลิกคิดฟุ้งซ่านก่อนจะค่อยๆ เดินออกจากห้องนอนแล้วลงมาที่ชั้นล่างเมื่อมาถึงก็ต้องแปลกใจที่เครื่องเคลือบที่สั่งมาก่อนหน้านี้ถูกวางตั้งเอาไว้บนโต๊ะหลายหลายชิ้นที่สำคัญลวดลายเหล่านี้ไม่ใช่
“ในที่ลับของสามีท่านมีปานรูปหัวใจหรือไม่”“พรู๊ด!”“พ่อบ้านซือเหตุใดจึงถามเช่นนี้กันเล่า”ไป๋ฉางอวี้ตกใจจนถึงกับพ่นน้ำชาออกมาใบหน้าของนางแดงก่ำเพราะความเขินอาย‘มาถามเรื่องลับๆ แบบนี้ได้อย่างไรกันนะนางใช่ว่าจะเคยร่วมหอกับเขาเสียที่ไหนกันเล่า คนที่เคยๆ ทำเรื่องนั้นมันก็ภรรยาคนเก่าของเขานี่นาใช่นางเสียที่ไหนกัน’“ก็ท่านกับเขาเป็นสามีภรรยากันย่อมรู้เห็นทุกเรื่องของกันและกันอยู่แล้ว ก่อนหน้าข้าไม่กล้าถามแต่ในเมื่อท่านเป็นคนเริ่มข้าถึงได้กล้าถามออกมาอย่างไรเล่า”“คือว่า”“หืม”ไป๋ฉางอวี้มองหน้าอีกฝ่ายอย่างจนใจตั้งแต่ทะลุมิติมานางได้นอนร่วมเตียงกันกับเขาก็จริงแต่ได้เคยร่วมรักกันที่ไหนเล่ากลางดึกสงัดของคืนนี้ไป๋ฉางอวี้หยิบเอาน้ำหอมออกมาจากระบบวิเศษ น้ำหอมที่มีกลิ่นจางๆ แต่ทำให้เพศตรงข้ามต้องการบางอย่างจากตัวของสตรีได้‘ไม่เอาน่าข
“หุบปากน่า”“!”น้ำเสียงที่กำลังตวาดผู้เป็นน้องชายของเขานั้นทำเอาสองสตรีหันมาจ้องมองพวกเขาในทันที“มีอะไรหรือเจ้าคะ”“ไม่มีอะไร/ไม่มีอะไร”ทั้งคู่รีบตอบพวกนางพร้อมกันทันทีเมื่อเวลาล่วงเลยไปพอสมควรแล้วครอบครัวของเหวินเซียวเผยก็ขอตัวกลับไปเก็บของที่บ้านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจยิ่งนัก-เช้าวันถัดไป-รถม้าจากสกุลเว่ยเข้ามารับสุราจากบ้านของนางตั้งแต่เช้าตรู่ไป๋ฉางอวี้ที่ตกลงกับผู้เป็นสามีเรียบร้อยจึงฝากความไปถึงฮูหยินเว่ยว่าวันพรุ่งนี้เช้าทั้งครอบครัวจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองตามที่ได้ตกลงกันมาก่อนหน้านี้พ่อบ้านซือที่ได้ยินดังนั้นก็ตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งรีบควบรถม้ากลับเข้าเมืองไปอย่างไว“ดีใจอะไรถึงเพียงนั้นกันนะ”ไป๋ฉางอวี้ที่ยืนส่งเขาอยู่หน้าประตูอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวให้คนแก่อย่างเขาคืนนั้นทั้งคืนนางนั่งเก็บของลงหีบเก่าๆ ความตื่นเต้นที่จะได้ย้ายบ้านทำเอานางนอนไม่หลับทั้งคืนเช้าวันนี้ขอบตาของนางจึงบวมเปล่งอย่
ไป๋ฉางอวี้ที่เดินตามสองแม่ลูกสกุลเว่ยมาจนถึงใจกลางของตัวเมืองลั่วหนานมาหยุดอยู่ตรงร้านค้าร้านหนึ่ง นางเงยหน้าขึ้นมองอาคารร้านค้าสองชั้นที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าด้วยความรู้สึกทึ่งเล็กน้อยคุณชายใหญ่เว่ยผู้นี้มากด้วยสมบัติและรูปโฉมเสียจริงหากว่านางทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีที่ไม่มีพันธะใดๆ แล้วล่ะก็ไม่แน่นางอาจจะใช้เสน่ห์ของสตรีเกี้ยวของดูสักครั้งก็เป็นได้‘ไม่ได้สิรูปร่างหน้าตาของเขาคล้ายพี่ชายของนางเมื่อชาติที่แล้วเช่นนี้ จะไปคบหาเขาได้ลงคอได้อย่างไรกัน น่าขนลุกจะตายไป’“เจ้าเป็นอะไร”“เจ้าคะ”“ข้าเห็นเจ้าทำหน้าตาแปลกๆ”“เอ่อ คือว่าข้าคิดว่ามันใหญ่โตไปหรือไม่เจ้าคะคุณชาย”“ไม่หรอกนี่เหมาะสมแล้ว อยู่ใจกลางเมืองทั้งยังมีข้าวของที่เหมาะกับการค้าที่เจ้าตั้งใจจะทำอีกด้วย”“จริงหรือเจ้าคะ”“เดิมทีร้านนี้คือร้านขายอาหารน่ะแต่เจ้าของย้ายออกไปอยู่ในเมืองหลวงจึงทิ้งร้างเอาไว้ ข้าจึงได้รับซื้อเอาไว้ไปดูข้างในกันเถอะ”“เจ้าค่ะ”นางเดินตามฮูหยินและคุณชายเว่ยเข้าไปด้านในร้าน ภายในถูกตกแต่งเอาไว้อย่างงดงามทางเด
ไป๋ฉางอวี้ที่นอนคิดมาทั้งคืนเช้าวันนี้นางจึงตัดสินใจที่จะเดินทางเข้าไปในตัวเมืองเพื่อไปพบฮูหยินเว่ยผู้นั้นอีกครั้งครั้งนี้นางนำไวน์ออกมาจากระบบมากมายหลายชนิดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถไถ่ถอนที่ดินที่เหวินเซียวเย่นำไปจำนำเอาไว้ได้ภายในบ้านสกุลเว่ย“ฮูหยินเจ้าคะแม่นางไป๋มาขอพบเจ้าค่ะ”“ไป๋ฉางอวี้มางั้นหรือ”“เจ้าค่ะ”“วิเศษเสียจริง”นางรีบกุลีกุจอออกไปต้อนรับสตรีตัวน้อยหน้าบ้านท่ามกลางการจับจ้องมองของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง“ท่านแม่จะไปไหนรีบร้อนเสียจริง”“ฮูหยินจะไปพบสตรีที่นำสุราวิเศษผู้นั้นมาขายน่ะเจ้าค่ะคุณชาย”“สุราวิเศษที่พ่อบ้านซือบอกว่าล้ำค่ามากนักน่ะหรือ”“เจ้าค่ะ”“เป็นใครมาจากไหนกันนะ”คุณชายใหญ่เว่ยจ้องมองผู้เป็นมารดาที่เดินแกมวิ่งไปยังศาลาหลังงามกลางสวนดอกไม้ ดูท่าทางที่ดีใจจนออกนอกหน้าของนางนั้นเหมือนว่ามารดาของเขาจะถูกชะตากับเด็กคนนี้เป็นอย่างมากเมื่อจ้องมองไปที่ศาลาหลังนั้นอีกครั้งก็พบเพียงแผ่นหลังตรงสวย ผมที่ยาวสยายถูกมัดรวบไว้ลวกๆ อย่างไม่ใส







