LOGINหลังจากได้เงินทุนมาตั้งตัวก้อนหนึ่งแล้ว ซูหย่าฉินก็วางแผนการเงินในใจ ตัวเธอในอดีตถนัดที่สุดก็คือการแสดง รองลงมาก็เป็นงานอดิเรกจำพวกการทำเครื่องสำอางค์แบบออแกนิค คิดแล้วก็ได้แต่โมโหตัวเองว่าครั้งก่อนน่าจะไปลงเรียนการทำอาหารสักหน่อย อย่างน้อยในยุคนี้ก็ยังสามารถนำมาทำอาชีพต่อยอดเงินทุนในกระเป๋าได้บ้าง
ทว่าเรื่องในอนาคตสามารถรอได้ ที่รอไม่ได้ในตอนนี้ก็คือเรื่องปากท้องของตนเอง ดวงตาเรียวกวาดมองของในตลาดมืด แม้ว่าพวกนาฬิกา ของใช้ต่างๆ จะแพงกว่าในร้านของรัฐ แต่พวกของกิน ผัก ผลไม้ ธัญพืชกลับมีราคาถูกกว่า ดังนั้นหลังจากที่ซูหย่าฉินซื้อซาลาหกลูก ข้าวสารหนึ่งถุง เมล็ดข้าวโพดหนึ่งห่อ แม่ไก่สองตัว เสื่้อผ้าสำหรับเด็กทั้งสองอีกคนละสามชุด และของใช้ทั่วไปอีกเล็กน้อย เงินในกระเป๋าก็ยังคงเหลืออีกเก้าร้อยหยวน
แขนเรียวเล็กหิ้วข้าวของพะลุงพะลังเดินออกมาจากตลาดมืด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มดวงหน้า คาดคะเนแล้วของในมือสองข้างรวมกันคงมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่าสิบกิโลกรัม เจ้าของร่างเดิมเป็นคนขี้เกียจ งานหนักไม่ทำ งานเบาไม่สู้ ถือของมาได้ไม่นานแขนเล็กๆ ก็ปวดจนสั่นสะท้าน
บ้าจริง! ในบทละครคนอื่นข้ามเวลา ทะลุมิติ เกิดใหม่ ล้วนแต่มีของวิเศษเป็นตัวช่วย หรือไม่ก็ระบบเป็นคู่หู ทำไมตัวเธอถึงไม่มีอะไรเลยเล่า
ติ๊ง! เสียงคล้ายระบบคอมพิวเตอร์ถูกกดเปิดดังขึ้น ซูหย่าฉินตกใจจนไหล่เล็กยกขึ้น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเบื้องหน้ามีตัวอักษรสีฟ้าปรากฏ
ขอต้อนรับเจ้าของร่างคนใหม่เข้าสู่ระบบเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์
ซูหย่าฉินเห็นข้อความตรงหน้า ริมฝีปากที่งอคว่ำก็เปลี่ยนเป็นยกยิ้มกว้าง หันซ้ายหันขวาแล้วรีบเดินไปหลบในจุดลับตาคน วางข้าวของในมือแล้วกดเริ่มระบบ ก่อนจะยืนยันนำของที่ซื้อมาเก็บเข้าไปด้านใน ทว่า เมล็ดข้าวโพดหนึ่งห่อ และแม่ไก่สองตัว สามารถนำเข้าระบบได้ แต่ซาลาหกลูก ข้าวสารหนึ่งถุง เสื้อผ้า และของใช้ต่างๆ กลับไม่สามารถนำเข้าระบบได้ ดูแล้วระบบนี้จะสามารถเก็บได้เพียงสิ่งมีชีวิตและเมล็ดธัญพืชที่ปลูกได้เท่านั้น
เมื่อของในมือถูกเก็บไว้ในมิติ ซูหย่าฉินก็สามารถเดินกลับบ้านได้ไวมากขึ้น แต่ถึงจะไวแค่ไหนเมื่อมาถึงบ้านท้องฟ้าก็มืดแล้ว ซูหย่าฉินวางของในมือลงบนโต๊ะไม้เก่าในครัวเล็ก ที่ขาข้างหนึ่งหักจนต้องใช้หินมารองแทนขาโต๊ะ แล้วถอนหายใจยาว หยิบเสื้อผ้าชุดใหม่และของใช้เดินกลับเข้าไปในห้องของตนเอง กวาดตามองหาเด็กแฝดทั้งสอง
ทว่าส่องดูทั่วทั้งบ้านก็ยังไม่พบแม้แต่เงาคน หรือว่าพวกเขาจะถูกไห่เยี่ยนจับตัวไป ซูหย่าฉินวางของในมือลงบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจแล้วรีบวิ่งออกไป แต่ในจังหวะที่กำลังจะก้าวออกจากรั้วบ้านหางตาก็มองเห็นบางสิ่งในเล้าไก่
ไอ้พวกเด็กสกปรก กล้าดีอย่างไรมานอนในห้องของฉัน ไสหัวออกไปนอนนอกบ้านเดี๋ยวนี้
คำพูดดุด่าที่เจ้าของร่างเดิมใช่ขับไล่เด็กทั้งสองดังก้องในความทรงจำ ทำเอาซูหย่าฉินโมโหจนดวงตาแดงก่ำ รีบสาวเท้าเดินไปยังเล้าไก่ด้านข้าง เมื่อเห็นร่างเล็กนอนกอดกันอยู่บนกองฟาง ใกล้ยังมีแม่ไก่อีกสองตัวนอนหลับนิ่ง ดวงตาที่แดงก่ำก็มีน้ำตาเอ่อคลอ อากาศหนาวขนาดนี้พวกเขาเป็นแค่เด็กน้อยห้าขวบ ไม่เพียงไม่มีผ้าให้ห่มกันหนาว แม้แต่บ้านกันลมเจ้าของร่างเดิมก็ยังไม่ยินดีให้พวกเขาได้ร่วมอยู่อาศัย ช่างเป็นสตรีที่ไร้ความเป็นมารดา เป็นคนที่ไร้คุณธรรม!!
ซูหย่าฉินเปิดระบบจับไก่สองตัวในเล้าเข้าไปในมิติ ก่อนจะเดินไปหาเด็กทั้งสองคนแตะที่ไหล่เล็กเบาๆ เพื่อปลุกพวกเขา
"หยาหยา เหยาเหยา"
เรียกเพียงครั้งเดียวเด็กทั้งสองก็สะดุ้งตื่น ดีดตัวลุกขึ้นนั่งขดตัวงอเข่าในทันที
"แม่... พวกเราไม่ได้แอบนอนในบ้าน แม่อย่าตีหยาหยากับพี่ชายเลย"
เซียวอี้หยาเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาสั่นไหว ที่ผ่านมาจิตใจของพวกเขาต้องถูกเจ้าของร่างเดิมทำให้บอบช้ำเพียงใดกัน จึงได้มีท่าทีเช่นนี้ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เธอ
"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะตีพวกเธอ"
"อาหารเย็นผมทำไว้ให้แล้ว อยู่ในครัว"
เป็นเซียวอี้เหยาที่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงมั่นคงหนักแน่น แขนเล็กๆ ยังคงโอบกอดปกป้องน้องสาวเอาไว้แนบอก แต่แม้จะพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพียงใดเขาก็ยังเป็นเพียงเด็กชายห้าขวบ ในแววตาจึงไม่อาจซ่อนความหวาดกลัวเอาไว้ได้
"พวกเธอมานอนในเล้าไก่ ทำให้แม่ไก่ตกใจจนหนีหายไปแล้ว"
ได้ยินว่าแม่ไก่ในเล้าหนีหายไป เด็กทั้งสองก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ด้วยสิ่งนี้เป็นแหล่งอาหารเดียวของบ้าน หากไม่มีแม่ไก่ ก็ไม่มีไข่ วันหน้าย่อมไม่มีอาหารให้มารดา อีกฝ่ายต้องโมโหหิวจนทุบตีพวกเขาตายคามือแน่ๆ
"หยาหยา เธอรอพี่ชายอยู่ที่นี่นะ พี่ชายจะไปตามหาแม่ไก่ก่อน"
พูดจบเซียวอี้เหยาก็ลุกขึ้นเตรียมจากไป ทว่ากลับถูกซูหย่าฉินห้ามเอาไว้เสียก่อน
"หยุดเดี๋ยวนี้! ฟ้ามืดแล้วจะไปหาเจอได้อย่างไร ดีไม่ดีอาจทำให้แม่ไก่ตกใจจนหนีไปไกลกว่าเดิม ถึงตอนนั้นนายจะทำอย่างไร"
เซียวอี้เหยาหยุดเท้าคิดตามคำของมารดาแล้วก็เห็นพ้อง หากแม่ไก่หนีไปไกลกว่าเดิมคงยากจะตามกลับมาได้จริงๆ
ทว่าที่ซูหย่าฉินเอาแม่ไก่เก็บเข้าในระบบ ไม่ใช่เพราะต้องการรังแกเด็กทั้งสอง แต่ต้องการหาเหตุผลที่เหมาะสมในการพาพวกเขาออกจากเล้าไก่ต่างหากเล่า
"เพราะพวกเธอมานอนในเล้าไก่ แม่ไก่จึงตกใจหนี ดังนั้นต่อไปห้ามมานอนที่นี่อีก!!"
...................................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







