LOGINซูหย่าฉินใช้เวลาร่วมสองชั่วโมงจึงสามารถจัดการขยะ และข้าวของที่ใช้การไม่ได้ภายในบ้านออกไปจนหมดได้สำเร็จ มือเรียวยกขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้า เพิ่งรู้ชัดในวันนี้ว่าการทำงานบ้านนั้นเหน็ดเหนื่อยเสียยิ่งกว่าการออกกำลังกาย แขนเรียวยกขึ้นเพื่อดูเวลาตามความเคยชิน แต่เมื่อพบความว่างเปล่าบรข้อมือก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้
ชีวิตที่ไม่รู้เวลาก็เหมือนการเดินทางที่ไร้เข็มทิศ วันหน้าเธอต้องซื้อนาฬิการาคาเบาๆ สักเรือนแล้ว
ทว่าแม้ไม่มีนาฬิกา แต่กะประมาณด้วยสายตาตอนนี้ก็คงใกล้สว่างแล้ว ดังนั้นเธอจึงวางมือจากงานทำความสะอาดเข้าครัวไปก่อเตาอย่างทุลักทุเล โชคดีที่ครั้งหนึ่งเธอเคยถ่ายทำรายการวาไรตี้ชีวิตในชนบทมา ถึงแม้ว่าเบื้องหลังจะมีทีมงานจัดการอำนวยความสะดวกสบายและดำเนินการแทนแบบลับๆ แต่เธอก็พอได้รู้ได้เห็นมาบ้าง สุดท้ายก็สามารถก่อไฟหุงข้าวได้สำเร็จ โดยที่ระหว่างรอข้าวสุก ซูหย่าฉินก็ปลีกตัวไปเช็ดทำความสะอาดพื้น และเครื่องใช้ที่พอจะใช้งานได้เป็นการค่าเวลา
จนกระทั่งข้าวในหม้อสุกได้ที่ หญิงสาวก็จัดการตั้งน้ำ มองซ้ายมองขวาเห็นว่าเด็กๆ ยังไม่ตื่นนอนก็เปิดระบบมิติ เข้าสู่พื้นที่เพาะปลูก พลันดวงตาก็เบิกกว้าง ไม่คิดว่าเธอจะสามารถเข้ามาในระบบได้ ที่สำคัญแม่ไก่สี่ตัวที่เธอส่งเข้ามาก่อนหน้า ตอนนี้ทั้งอวบทั้งอ้วน ยังออกไข่อีกตัวละสี่ฟองอย่างไม่น่าเชื่อ เบื้องหน้ามีแปลงข้าวโพดขึ้นเรียงเป็นแถวยาว ต้นข้าวโพดขนาดสองคืบมือชูชันงอกงามเติบโตราวกับผ่านการปลูกมาแล้วถึงยี่สิบวัน
ช่างเป็นระบบที่ดีจริงๆ ไม่เพียงเพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ได้ ยังสามารถฟื้นฟูและเร่งการเติบโตเพิ่มผลผลิตได้อีกด้วย เช่นนี้ภายหน้าเธอก็ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องอีกแล้ว
ซูหย่าฉินเก็บไข่สามฟองออกมาจากระบบมิติ จากนั้นก็นำข้าวที่หุงสุกแล้วตักส่วนหนึ่งลงใส่น้ำที่กำลังเดือด กดบดและคนจนเข้าที่ รอจนเนื้อข้าวละเอียดจึงใส่ไข่สามฟองลงไป ปรุงรสอีกเล็กน้อยก็ได้โจ๊กไข่หอมกรุ่นหนึ่งหม้อ
ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ฝีมือการทำอาหารของเธออาจจะสู้ ถังมี่มี่ ดาราสาวตัวแม่ระดับทอปคู่แข่งของเธอไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่จนต้องอายใคร
ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงโจ๊กไข่ง่ายๆ หนึ่งหม้อ กับซาลาเปานึ่งที่ซื้อมาเมื่อวานก็อุ่นแล้วเสร็จ ซูหย่าฉินกลับไปทำความสะอาดบ้านอีกเล็กน้อย ก็ยกอาหารวางตั้งบนโต๊ะตัวเก่า จากนั้นก็ออกไปอาบน้ำล้างคราบเหงื่อไคลออกจากตัว
กลิ่นของอาหารหอมฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน ทำเอาเด็กแฝดทั้งสองที่นอนหลับสนิทเป็นคืนแรกปรือตาตื่นอย่างงัวเงีย แต่เมื่อตระหนักได้ว่าตนอยู่ที่ใด ก็รีบพากันดีดตัวลุกขึ้น มองไปยังเตียงที่ว่างเปล่า
มารดาไม่อยู่บนเตียง เท่ากับพวกเขาตื่นสาย ครั้งนี้คงถูกตีหนักอีกแน่ๆ แต่ที่พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากเก็บผ้าห่มที่นอนแล้วเปิดประตูออกมา บ้านที่เคยเป็นดั่งกองขยะก็กลายเป็นบ้านที่สะอาดสะอ้านผิดหูผิดตาจนเซียวอี้หยาต้องขยี้ตาซ้ำๆ อยู่หลายหน
"พี่ชาย นี่คือที่ไหน หรือว่าพวกเราสองคนตายแล้ว จึงได้ขึ้นมาบนสวรรค์"
เซียวอี้หยาเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา ขณะที่เซียวอี้เหยาขมวดคิ้วกวาดตามองรอบๆ แน่นอนว่าที่นี่คือบ้านของพวกเขา เพียงแต่เป็นบ้านที่เปลี่ยนไปแล้วนั่นเอง
"พี่ชาย น่ะ... นั่น... โจ๊กไข่กับซาลาเปา สวรรค์ช่างดีจริงๆ"
เด็กหญิงร้องอย่างดีใจ มั่นใจถึงสิบส่วนเต็มว่าตอนนี้ตนได้ตายแล้ว ทว่าในจังหวะที่เธอกำลังพุ่งเข้าไปหาอาหารด้วยความยินดีตื่นเต้น ต้นแขนก็ถูกพี่ชายดึงรั้งเอาไว้
"อย่าแตะต้องอาหารของผู้หญิงใจร้ายคนนั้น"
ผู้หญิงใจร้าย เป็นสรรพนามที่เซียวอี้เหยาใช้กล่าวถึงมารดาอยู่เสมอ ดังนั้นเท้าเล็กๆ ของเซียวอี้หยาจึงหยุดชะงักขยับตัวไปหลบหลังพี่ชายแต่สายตายังคงมองอาหารบนโต๊ะตรงหน้าด้วยแววตาเสียดาย ลำคอเล็กยังกลืนน้ำลายไปหลายอึกจนเซียวอี้เหยาอดที่จะสงสารไม่ได้
"หยาหยา ไปนั่งที่หลังบ้าน พี่ชายจะขึ้นเขาไปเก็บผักป่าแล้วก็ตามหาแม่ไก่ด้วย"
ปกติแล้วในยามกลางวันที่เซียวอี้เหยาขึ้นเขา เพื่อป้องกันไม่ให้เซียวอี้หยาเผลอทำเรื่องร้ายจนถูกมารดาดุด่าทุบตี เขาจึงให้เธอไปนั่งที่ใต้โคนไม้ที่หลังบ้าน รอจนเขากลับมาก็จะแวะรับคนเข้าบ้านพร้อมกัน
ทว่าครั้งนี้ยังไม่ทันได้ออกจากบ้าน ร่างสูงเพรียวของมารดาก็เดินเข้ามาเสียก่อน
"ตื่นแล้วเหรอ นอนหลับสบายไหม"
"แม่! หยาหยาขอโทษ ต่อไปพวกเราจะไม่นอนตื่นสายอีกแล้ว แม่อย่าโมโหพวกเราเลยนะคะ"
คิ้วเรียวของซูหย่าฉินขมวดเข้าหากันแน่น ทั้งที่เธอเอ่ยทักทายด้วยความหวังดี เหตุใดจึงกลายเป็นท่าทีโมโหไปได้เล่า คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาว หันไปทางแก้วน้ำและแปรงสีฟันที่วางเอาไว้มุมบ้าน
"ไปล้างหน้าแปรงฟันให้สะอาด แล้วรีบกลับมากินข้าว"
เซียวอี้เหยาเห็นท่าทางใส่ใจอย่างผิดปกติของหญิงสาวตรงหน้าก็กำมือแน่น สตรีผู้นี้เพื่อให้ขายพวกเขาได้ราคาดีๆ ไม่เสียดายที่จะสิ้นเปลืองเงินทอง ซื้อเสื้อผ้า ของใช้ และอาหาร เช่นนั้นเขาก็จะตอบสนองใช้ของเหล่านี้ให้เต็มที่ก็แล้วกัน
"หยาหยา พวกเราไปล้างหน้าแปรงฟันกันเถอะ"
................................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







