LOGIN"หยาหยา พวกเราไปล้างหน้าแปรงฟันกันเถอะ"
ซูหย่าฉินมองดูท่าทีของเด็กชายที่แม้จะไม่ก้าวร้าว ต่อต้าน แต่ก็ชัดเจนว่ายังไม่ยอมรับในตัวเธอ สิ่งเดียวที่ทำให้เขายอมถอยและผ่อนปรนก็คือเซียวอี้หยาน้องสาวของเขา ทว่าตามบทบาทเดิมที่นักเขียนได้สร้างไว้ หลังจากที่เจ้าของร่างเดิมผู้นี้ขายเด็กทั้งสองให้กับกลุ่มค้ามนุษย์เซียวอี้หยาก็ถูกขายต่อไปยังสถานเริงรมย์ใช้ชีวิตเป็นทาสอารมณ์ของบุรุษวิปริตที่นิยมการมีความสัมพันธ์กับเด็กผู้หญิง ทรมานราวกับตายทั้งเป็นจนกระทั่งอายุสิบห้าเซียวอี้เหยาที่ผันตัวกลายเป็นคนค้าอาวุธใต้ดินที่ทรงอิทธิพลได้ตามหาตัวเธอจนพบและช่วยออกมา ทว่าทุกอย่างก็สายเกินแก้ไข เซียวอี้หยาที่บอบช้ำมายาวนานถึงสิบปีได้เลือกจบชีวิตของตนเองภายใต้อ้อมแขนของพี่ชาย และนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เส้นความอดทนเซียวอี้เหยาขาดลง ความคิดบิดเบี้ยว กลายเป็นตัวร้ายที่โหดเหี้ยม ไม่เพียงจับซูหย่าฉินไปทรมารจนตกตายอย่างอนาถไม่ต่างจากเซียวอี้หยา ยังเป็นตัวร้ายที่ต่อกรกับเซียวอี้หยางพระเอกของเรื่องได้อย่างแยบยล สร้างความชื่นชอบและชื่นชมจากนักอ่านว่า นักเขียนวางปมหลังของตัวร้ายอย่างเซียวอี้เหยาได้ดีมาก
ดีมากอะไรกัน ชีวิตคนคนหนึ่ง มารดาไม่รัก บิดาทอดทิ้ง น้องสาวถูกทำร้ายจนต้องตายอย่างทรมาน จิตใจของเขาต้องพังทลายถึงเพียงไหนกัน
ซูหย่าฉินคิดแล้วก็ขบกรามแน่นอย่างแค้นใจในตัวผู้เขียน ในเมื่อตอนนี้เธอยังไม่มีหนทางกลับไปโลกเดิม เด็กแฝดชายหญิงทั้งสองคนนี้เธอจะปกป้องเอง
คิดแล้วก็หันไปทางประตูบ้านที่มีเพียงผ้าเก่าผืนหนึ่งกั้นบังลมแทนประตู มองดูเด็กทั้งสองเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่มั่นคง แววตาฉายชัดถึงความหวาดระแวง
"มานั่งที่นี่สิ"
ซูหย่าฉินเอ่ยเรียกเด็กทั้งสอง เท้าเล็กก็ค่อยๆ ก้าวเดินมาที่นาง ทว่ากลับไม่ยอมนั่งลงบนเก้าอี้ ดวงตาหงส์พลันตวัดมองอย่างไม่พอใจ เซียวอี้หยาจึงรีบขยับตัว แต่กลับถูกพี่ชายรั้งแขนเล็กส่งสายตาห้ามปราม
"แม่เคยบอกว่า พวกเราต่ำต้อยไม่คู่ควรนั่งรวมโต๊ะ เธอลืมไปแล้วหรือ"
แม้จะเป็นน้ำเสียงกระซิบบอกกันระหว่างเด็กน้อยทั้งสอง แต่ซูหย่าฉินก็ได้ยินอย่างชัดเจน มือที่ถือตะเกียบพลันเกร็งแน่น ในตอนนี้หากใช้ไม้อ่อนคงยากจะทำให้พวกเขายอมโดยง่าย ดังนั้นก็คงต้องใช้ไม้แข็งต่อไปก่อน
"อย่าให้แม่ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง"
เมื่อเห็นแววตาและน้ำเสียงที่ดุดันของมารดา เด็กทั้งสองก็หวาดกลัวจนไหล่สั่น รีบขยับตัวนั่งลงบนเก้าอี้ในทันที
"ยื่นมือมา"
เซียวอี้หยาค่อยๆ แบมือเล็กของตนยื่นออกไปเบื้องหน้า ดวงตากลมหลับแน่นเกร็งจนตัวสั่น ด้วยคาดเดาในใจว่ามารดาคงต้องลงมือตีตนเองที่เมื่อครู่ไม่เชื่อฟังอย่างแน่นอน เซียวอี้เหยาเห็นดังนั้นก็รีบยื่นมือของตนเองออกไปหมายจะรั้งมือของน้องสาวกลับมา ทว่ากลับช้ากว่าหญิงสาวตรงหน้าที่วางซาลาเปาลงบนมือเล็กของเด็กหญิง
"แม่นะ... นี่... หยาหยากินไม่ได้ หยาหยา..."
"ของอยู่ในมือเธอหากไม่กินก็ทิ้งไป"
พูดจบซูหย่าฉินก็หยิบซาลาเปาอีกลูกวางลงบนมือของเซียวอี้เหยา ก่อนจะตักโจ๊กไข่ส่งให้ทั้งสองคนอีกคนละหนึ่งชาม เซียวอี้เหยาขมวดคิ้วหนา เขาจำได้ว่าวันนัดหมายขายพวกเขายังต้องรออีกสองวัน เหตุใดมารดาจึงเร่งลงมือตั้งแต่วันนี้ หรือว่าจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ซูหย่าฉินเมื่อเห็นพวกเขาไม่กล้ากินก็แสร้งทำเสียงดุ
"วันนี้แม่จะพาพวกเธอขึ้นเขา หากกินไม่อิ่ม ทำงานได้ไม่เต็มที่ก็อย่าหาว่าแม่ใจร้าย"
พูดจบก็ตักโจ๊กไข่ใส่ชามตนเองแล้วตักกินต่อหน้าเด็กทั้งสอง ความหวาดระแวงในใจของเซียวอี้เหยาจึงเบาบางลง หากในอาหารมีพิษ หญิงร้ายกาจตรงหน้าจะกล้ากินได้อย่างไร คิดได้เช่นนั้นแล้วก็ส่งสายตาให้น้องสาวกินอาหารตรงหน้า เซียวอี้หยาพลันยิ้มกว้าง ตักอาหารกินด้วยแววตาเปล่งประกาย
"อาหารฝีมือแม่อร่อยที่สุดเลยค่ะ"
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้วเซียวอี้เหยาก็หยิบถ้วยชามไปเก็บล้าง ซูหย่าฉินมองดูเด็กชายที่รู้ความแล้วลอบยิ้มอย่างชื่นชม ก่อนจะหันมาทางเซียวอี้หยาเช็ดปากที่เปื้อนอาหารให้อย่างใส่ใจ สัมผัสอ่อนโยนที่มารดาแตะลงบนใบหน้ากลับสร้างความอบอุ่นในใจให้เด็กหญิงอย่างแปลกประหลาด เพียงแต่เซียวอี้หยายังไม่ทันซึมซับความอบอุ่นนี้ใหัเต็มที่ มารดาก็ลุกเดินจากไปเสียก่อน
แม่จะใจดีต่อเธอได้อย่างไร ทั้งหมดก็แค่ตัวเธอที่คิดไปเอง
ดวงตากลมใสค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ น้ำตาเอ่อคลอ ในใจสั่นสะท้านเศร้าหมอง อย่างที่ไม่อาจหักห้าม ทว่ายามที่น้ำตากำลังจะไหลอาบแก้ม ไหล่เล็กก็สัมผัสได้ถึงฝ่ามืออุ่น
"นั่งลง แม่จะหวีผมให้ใหม่"
หวีผม เซียวอี้หยาตกตะลึง เธอเติบโตมาห้าปี ไม่เพียงมารดาไม่เคยหวีผมให้เธอ แม้แต่ปรายตามองด้วยสายตาอ่อนโยนก็ยังไม่มี หัวใจของเด็กน้อยพลันสั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นทอดสายตามองภาพที่อ่อนโยนของมารดาในกระจกด้วยหัวใจที่อิ่มเอม
"เสร็จแล้วชอบไหม"
เรื่องอาหารซูหย่าฉินอาจจะไม่เก่งมากนักแต่เรื่องการแต่งหน้า ทำผม เลือกชุด เธอที่เป็นดาราแถวหน้าระดับตัวแม่ รับรองว่าไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
เซียวอี้หยาเลื่อนสายตาจากใบหน้าของมารดามองไปที่เงาสะท้อนของตนเองแล้วตกใจจนเบิกตากว้าง
"นะ... นี่ หยาหยาหรือคะ"
"แน่นอนว่าต้องเป็นหยาหยาของแม่"
หยาหยา ของแม่ หัวใจของเด็กหญิงฟูฟ่องอีกครั้ง หมุนตัวโผเข้ากอดเอวเล็กของมารดาอย่างลืมตัว ซูหย่าฉินไม่เคยถูกกระทำเช่นนี้ก็ตกใจจนยืนตัวแข็งทื่อ เซียวอี้หยาที่ได้สติว่าเผลอทำเรื่องไม่ควรก็รีบคลายอ้อมแขนขยับตัวถอยห่าง สติที่ตื่นตกใจของซูหย่าฉินพลันหวนกลับมา ตอนนี้เด็กหญิงเริ่มเปิดใจให้เธอแล้ว หากไม่รีบคว้าไว้ก็คงยากที่จะหาโอกาสทองเช่นนี้อีก
"มะ... แม่"
เซียวอี้หยาไม่คิดว่ามารดาจะกอดตอบตนเอง ความดีใจพลันตีตื้นจนน้ำตาไหลพราก กระชับแขนเล็กกอดคนเป็นแม่แน่น ในที่สุด หยาหยาก็สามารถกอดแม่ได้แล้ว
...........................................
"แม่ หยาหยากลัวแล้ว แม่ปล่อยหยาหยากับพี่ชายเถิด ต่อไปพวกเราจะไม่ดื้อ จะเชื่อฟัง"เซียวอี้หยาร้องไห้ น้ำตาอาบแก้มราวกับหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในตอนนี้จริงๆ หากแต่เมื่อสบตากลมใสของเด็กสาวกลับพบว่าไร้ความกังวล อีกทั้งยังลอบยิ้มเล็กๆ ให้มารดาและพี่ชาย เพื่อบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นการแสดงของเธอ ทำเอาพี่ชายอย่างเซียวอี้เหยาถึงกับถอนหายใจยาวตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่น้องสาวของเขารู้จักการเสแสร้งเช่นนี้"เงียบเดี๋ยวนี้ หากทำให้ฉันโมโห ฉันจะตีแกให้ขาหักเลย"ซูหย่าฉินแสร้งตวาดดุ เซียวอี้หยาก็ตอบรับบทด้วยการเม้มริมฝีปาก ไหล่สะท้านราวกับกำลังกั้นก้อนสะอื้น หวาดกลัวสุดหัวใจ ไห่เยี่ยนเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาแม่ลูกเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกพอใจ ส่งสายตาให้คนที่แอบดูอยู่ออกมารับคน"นายท่าน นี่คือเด็กสองคนที่ฉันบอกว่าจะเอามาขายให้คุณ"ซูหย่าฉินมองกลุ่มค
หลังจากนำผักป่าและไข่ไปส่งให้จางเสวี่ยนอิง เซียวอี้เหยาก็กลับมาที่บ้าน เขาตรงไปที่เล้าไก่เพื่อนำแม่ไก่ทั้งสองตัวออกไปหาอาหาร ทว่าเมื่อไปถึงเล้าไก่กลับพบเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กหนาขมวดเข้าหากันแน่น นี่แสดงว่าแม่ไก่ที่หายไปเมื่อคืนก่อนยังไม่กลับมา เช่นนั้นไข่ไก่ที่แม่ใช้ทำอาหารให้พวกเขากินมาจากที่ใดกัน เด็กชายคิดด้วยความสงสัยแต่เมื่อนึกถึงเงินที่คนเป็นพ่อจะส่งมาให้ทุกเดือนในใจของเขาก็คลายความสงสัยลง บางทีมารดาอาจจะซื้อไข่ไก่กลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อวันก่อน เมื่อได้ข้อสรุปให้กับความสงสัยของตนเองแล้ว เด็กชายก็เดินไปหยิบถังน้ำเมื่อวานเขาไม่ได้ไปตักน้ำ หากมารดาเกิดต้องการใช้น้ำแล้วพบเพียงถังน้ำที่ว่างเปล่าต้องโมโหขึ้นมาอีกแน่ๆ ทว่ายังไม่ทันเดินออกจากประตูรั้วบ้านเสียงของน้องสาวก็ดังขึ้น"พี่ชายจะไปไหนหรือ""หยาหยา เธอไปเล่นในบ้านก่อน เดี๋ยวพี่ชายตักน้ำเสร็จค่อยพาเธอออกไปเดินเล่นข้างนอก"
ซูหย่าฉินเดินกลับเข้ามาในห้อง มองดูเด็กสองคนที่นอนอยู่บนผ้านวมผืนหนา แล้วย่อตัวลงหยิบผ้ามาห่มให้พวกเขาอย่างใส่ใจ เดิมทีเธอต้องการหาทางกลับโลกเดิมของตน เมื่อไม่สามารถกลับไปได้สิ่งที่ต้องทำก็คือการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเจ้าของร่างเดิม ที่ต้องตกตายอย่างทรมานเพราะแรงแค้นของเซียวอี้เหยา ดังนั้นเพื่อหยุดเส้นเรื่องเหล่านี้สิ่งที่เธอต้องจัดการเป็นอันดับแรกก็คือเปลี่ยนชะตาของเด็กทั้งสองเซียวอี้เหยาฟังเสียงฝีเท้าของมารดาที่เดินห่างออกไป ก็ลืมตาขึ้นมองดูผ้าห่มบนตัว ด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยสัมผัส หากทั้งหมดที่มารดาของเขากำลังกระทำในตอนนี้เป็นเรื่องเสแสร้งแกล้งทำ ต้องทำอย่างไรเธอจึงจะยินดีเสแสร้งแกล้งทำไปทั้งชีวิตจวบจนเช้าวันใหม่มาเยือนซูหย่าฉินที่ตื่นก่อนเด็กๆ ก็รีบเดินไปในห้องครัวเพื่อเข้าไปในระบบเพาะปลูก ดวงตากลมเบิกกว้าง มองดูลูกไก่สี่ตัวที่ฟักออกมาจากไข่แล้วยิ้มกว้าง ตอนนี้ในระบบมีแม่ไก่ที่พร้อมออกไข่สามตัว ลูกไก่ที่กำล
หลังจากบอกชัดเจนถึงเจตนาของตนเองแล้ว ซูหย่าฉินก็จับเด็กทั้งสองคนให้นั่งเผชิญหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง"ครั้งนี้ที่แม่ตกลงกับคนบ้านไห่ว่าจะขายลูกๆ ก็เพราะต้องการจัดการพวกค้ามนุษย์เหล่านี้ให้หมด ลูกๆ ยินดีช่วยแม่ไหม""หยาหยา ยินดีค่ะ"เด็กสาวเอ่ยบอก ขณะที่เด็กชายมีท่าทีลังเลอีกครั้ง"แม่ต้องการให้พวกเราทำอะไรครับ""แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย"แกล้งทำเป็นถูกบังคับไปขาย ถึงแม้เมื่อครู่เขาจะเข้าใจเจตนาของมารดาแล้ว แต่ส่วนลึกในใจก็ยังคงหวาดระแวง หลายปีมานี้มารดาของเขาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนเป็นอันดับหนึ่ง และรังเกียจการมีอยู่ของพวกเขาสองคนเสมอ เพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่เธอเปลี่ยนไปจึงยากจะเชื่อใจ"หยาหยาขี้กลัว เช่นนั้นให้ผมไปคนเดียวได้ไหม"ซูหย่าฉินย่อมมองความคิดของเด็กชายออก เดิมทีที่แจ้งกับไห่
"พี่ชาย มีเรื่องอะไรหรือ ทำไมพี่ถึงไม่ให้หยาหยากินข้าวกับแม่"เซียวอี้เหยาไม่ตอบคำถามของน้องสาว แต่นำอาหารสองจานบนโต๊ะไปเททิ้งในทันที มือเล็กทั้งสองข้างสั่นเทา ความกลัวเข้ากอบกุมในจิตใจจนไม่อาจต้านทานทิ้งตัวลงนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวสั่นโยง"ในเมื่อตัดสินใจลงมือแล้วจะเสียใจทำไม"น้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงความเจ็บปวด ผิดหวังที่ชัดเจนดังขึ้นอยู่เบื้องหน้า เซียวอี้เหยากลืนก้อนสะอื้นลงท้อง แล้วเงยหน้าที่อาบไปด้วยน้ำตาขึ้นสบตาที่แดงก่ำของมารดาผู้หญิงคนนี้ เธอเพิ่งร้องไห้มาหรือ"อย่างน้อยตอนนี้เธอก็ควรบอกเหตุผลสักหน่อยไหม ว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้"เซียวอี้เหยาขบกรามกำหมัดแน่น ก่อนจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งเป็นคุกเข่า ก้มหน้า"แม่... ขายผมแค่คนเดียวได้ไหม"ขาย คำพูดที่หนักแน่นมั่นคงของเซียวอี้เหยาทำให้ซูหย่าฉินขมวดคิ้วแน่น"ใครบอกว่าฉัน... แม่จะขายพวกเธอ"เซียวอี้เหยาเม้มริมฝีปากเล็ก หากเขาบอกว่าบังเอิญได้ยินมารดาสนทนากับไห่เยี่ยนเธอจะโกรธจนเร่งขายเขากับน้องสาวออกไปหรือไ
ซูหย่าฉินกลับมาถึงบ้านก็พบว่าเด็กทั้งสองที่ควรนอนพักอย่างที่เธอสั่งความเอาไว้ก่อนขึ้นเขาไป ตอนนี้กลับกำลังช่วยกันทำงานบ้าน เซียวอี้หยากำลังซักผ้า ในขณะที่เซียวอี้เหยากำลังกำขวานฝ่าฟืนจนฝ่ามือแตกเป็นแผล ซูหย่าฉินมองภาพตรงหน้าแล้วน้ำตาเอ่อคลอ ได้แต่คิดอย่างสงสัยว่า เจ้าของร่างเดิมคนนี้เป็นพวกเกิดมามีแต่ตัวไม่มีความคิดหรืออย่างไร ทั้งมีลูกที่น่ารัก ทั้งมีญาติที่เอื้อเฟื้อ เหตุใดยังไม่รู้จักใช้ชีวิตให้ดีๆ ร้องหาแต่สามีเฮงซวย ไร้ความรับผิดชอบผู้นั้นอยู่ได้!!"หยาหยา เหยาเหยา""แม่กลับมาแล้ว"เป็นเซียวอี้หยาที่ร้องเรียกแล้ววางผ้าในมือ ก่อนจะวิ่งมาหามารดาเป็นคนแรก ซูหย่าฉินย่อตัวลงนั่งให้ระดับสายตาอยู่ในแนวเดียวกับเด็กหญิง ปลดตะกร้าบนบ่าออกวางแล้วอ้าแขนโอบคนตัวเล็กเข้าแนบอก เซียวอี้หยายิ้มกว้างซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของมารดาด้วยความสุขอ้อมกอดของแม่อบอุ่นที่สุดเลยเซียวอี้เหยามองภาพตรงหน้าแล้ว







