Share

ตอนที่10

last update Last Updated: 2025-09-08 13:13:17

ตอนที่10

ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา 

“ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น

“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” 

สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว 

“พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้ไขด้วยตนเอง” 

เขาร่ายยาวถึงแผนการที่ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว หลังจากที่อ่านข้อความลับจากคนผู้นั้นที่ขยันหางานมาให้เขาออกหน้าได้ทำไม่หยุด ขนาดวันแต่งงานก็ไม่ได้เข้าหอให้เต็มอิ่ม แต่คิดอีกที เป็นเช่นนี้ย่อมดีเพราะ ‘ครั้งแรก’ ของคนตัวน้อยดูจะ ‘บาดเจ็บ’ สาหัสไม่น้อย เช่นนั้นเขาจึงสมควร ‘ออมมือ’ ให้หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินสักหน่อยจึงนับว่า ‘ถนอม’ สตรีของตนเองแล้วเพราะสำหรับเขาแล้วไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของให้อยู่ในมือของเขาแล้วล้วนต้องได้อยู่ดีมีสุขเท่านั้น 

ดังนั้นพอเช้าวันใหม่มาเยือนจางเยว่เซียงนั้นจึงตื่นนอนขึ้นมาอย่างสดชื่นแจ่มใสไม่น้อย ต่อให้ ‘ช่วงล่าง’ จะทั้งแสบทั้งขัดเดินไม่สะดวกไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเป็นไข้ดังนางเอกในนวนิยายที่เคยอ่านเพื่อศึกษาแนวทางการแสดงของตนเองในอดีต นางยังคงเดินเหินด้วงท่วงท่าสง่างาม ไม่ได้เดินเช่นเป็ดแก่ให้อับอายขายขี้หน้าแม้แต่น้อย 

“น้องเซียงมาหวีผมให้พี่เฟิ่งสักหน่อยจะได้หรือไม่?” 

เสียงร้องเรียกดังมาจากหน้าคันฉ่องทองเหลืองซึ่งบัดนี้มีเรือนกายสูงใหญ่ผู้เป็นเจ้าของเสียงนั่งอยู่ ห้องนอนกว้างใหญ่ยามที่มีอีกฝ่ายร่วมอาศัยคล้ายจะหดเล็กลงดังเช่นห้องของตุ๊กตาก็มิปาน เมื่อได้ยินเสียงเรียกจางเยว่เซียงจึงเร่งมือจัดที่นอนบนเตียงให้เรียบร้อยเพราะคาดว่าสามีของนางคงไม่ชอบเป็นแน่หากนางทิ้งขว้างเตียงนอนม้วนเป็นกองเช่นเมื่อครั้งที่นางยังเป็นนางร้ายเงินล้าน และอาศัยอยู่เพียงลำพัง ก่อนจะหันไปช่วยสามีหวีผมแล้วจึงสวมกวานให้แก่เขาด้วยน้ำหนักมือแผ่วเบาแต่ก็คล่องแคล่วจนสวีฉีเฟิ่งยังอดจะแปลกใจเสียมิได้ 

“น้องเซียงดูคล่องแคล่วยิ่งนัก” 

“น้องเคยเห็นท่านแม่ดูแลท่านพ่อมาตั้งแต่ยังเล็กพอเติบโตขึ้น ท่านแม่จากไปหลายครั้งจึงเคยช่วยท่านน้าหลินดูแลท่านพ่ออยู่บ้างจึงทำได้คล่องมือเจ้าค่ะ” 

คำพูดนี้ไม่ใช่โกหกทั้งหมด เพราะความทรงจำเมื่อครู่ครั้นจับหวีภาพในอดีตที่จางเยว่เซียงช่วยดูแลผู้เป็นบิดาก็ผุดขึ้นมา ถึงอีกส่วนจะเป็นเพราะอดีตของตะวันฉายเคยช่วยช่างทำผมในกองถ่ายอยู่บ่อยครั้งจนชำนาญด้วยเช่นกัน “เช่นนั้นต่อไปทุกวันเจ้าช่วยดูแลพี่เฟิ่งน้องเซียงจะลำบากใจเกินไปหรือไม่” คนที่นั่งจ้องหน้าของนางผ่านกระจกทองเหลืองนั้นถึงไม่กดดันก็เหมือนกดดันอยู่ในที ด้วยสายตาสงบนิ่งสีดำสนิทที่สะท้อนอยู่ในคันฉ่องทองเหลืองอยู่ในขณะนี้ช่างชวนหวาดหวั่นผสานไปกับความยากแท้จะหยั่งถึงแล้วนางจะบังอาจไป ‘ลำบากใจ’ ได้อยู่หรือ? 

“มิลำบากเจ้าค่ะ น้องเซียงล้วนยินดี” 

นางตรวจสอบความเรียบร้อยให้ผู้เป็นสามีอีกครั้งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นเดินนำหน้านางเตรียมออกไปกินมื้อเช้าแรกร่วมกันระหว่างสามีภรรยา ซึ่งตามธรรมเนียมปกติของชาวต้าเหลียงนั้น หลังจากสามีภรรยาคู่แต่งงานใหม่ตื่นนอนออกจากห้องหอ จะต้องไปยกน้ำชาคารวะบิดามารดา และญาติผู้ใหญ่ทางฝั่งสามี จากนั้นมารดาสามีก็จะแนะนำสะใภ้ใหม่ให้แก่พ่อบ้าน เหล่าสาวใช้ ทั้งบ่าวชาย และหญิงทั้งหมดในจวนให้รู้จักอย่างเป็นทางการเอาไว้ จากนั้นจึงเป็นการร่วมกินข้าวมื้อแรกหลังพิธีแต่งงานระหว่างสะใภ้ใหม่กับครอบครัวทางฝ่ายสามี 

“เดี๋ยวเราไปยกน้ำชาให้ท่านแม่ของข้าที่เรือนนวลจันทร์เสียก่อนจึงค่อยไปกินข้าวที่ศาลาชื่นจิตนะน้องเซียง” 

เพราะบิดา และมารดาของสวีฉีเฟิ่งนั้นล่วงลับไปหลายสิบปี ส่วนญาติผู้ใหญ่นั้นก็คงมีแค่เพียงไทเฮา และฮ่องเต้เท่านั้นที่เขาให้ความเคารพ นอกจากนั้นต่อให้เป็นพี่ และน้องร่วมบิดาเดียวกันเขาก็นับเป็น ‘คนอื่น’ ทั้งไม่เคยมีครอบครัวใดอีกนอกจากคนสนิท และพ่อบ้านเช่นเหล่าซูกับเสือทั้งสองตัวเท่านั้น 

“อาเซียงขอเสียมารยาทถามเจ้าค่ะ” 

พอเห็นว่าสามีนั้นเขาก็ไม่ได้โหดร้ายดังคำเล่าขานของชาวบ้านชาวเมืองเท่าใดนักจึงค่อยกล้าหาญชาญชัยที่จะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่าเหตุใดกันป้ายวิญญาณของมารดาของเขาจึงมาอยู่ในจวนรองที่แคว้นฉู่ แทนที่จะอยู่ที่จวนหลักในเมืองหลวงเช่นสกุลอื่น 

“อยากถามสิ่งใดก็จงถามมิต้องมากพิธีไป บัดนี้เจ้าคือคนของข้าแล้ว” 

จางเยว่เซียงหันไปกระซิบสั่งความกับฟางปี้เหลียนให้ไปจัดเตรียมถุงเงินเอาไว้มอบให้ท่านพ่อบ้านใหญ่กับบ่าวทั้งชาย และหญิงในจวนตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียง พอนึกถึงถุงเงินที่ท่านแม่เลี้ยงจัดเตรียมมาให้ คนรักเงินยิ่งกว่าชีวิตก็ปวดร้าวหัวใจไปทั้งดวงแล้ว ดังนั้นเมื่อนางเตรียมหันมาสอบถามสามีใบหน้าจึงมีแววร้าวรานติดมาให้สวีฉีเฟิ่งได้มองเห็นจนเขาต้องขมวดคิ้วแน่น 

“ที่จะถามคงมิได้คิดว่าข้ามีสาวใช้อุ่นเตียงกระมัง?” 

สตรีจะมีสิ่งใดทำร้ายนางได้นอกจากเรื่องสามีนั้นมีสตรีอยู่ในจวนมากมาย ดังนั้นสวีฉีเฟิ่งจึงคิดว่าภรรยาคงสงสัยว่าเขานั้นมีสตรีเอาไว้อุ่นเตียงมากมายหรือไม่ก็มีกี่นาง หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหรินเช่นนางนั้นจะได้เตรียมถุงเงินเอาไว้ได้ถูก ซึ่งเขานั้นช่างเข้าใจสตรีส่วนใหญ่ได้ถูกต้องแต่.... 

...จางเยว่เซียงนั้นเป็นสตรีส่วนน้อย... 

“หามิได้เจ้าค่ะ อาเซียงเพียงสงสัยว่า เหตุใดพี่เฟิ่งจึงให้ท่านแม่สามีนั้นมาอยู่ที่จวนรองเช่นนี้เจ้าคะ ปกติพี่เฟิ่งเป็นผู้นำสกุลสวีก็มิใช่ว่าท่านแม่สามีนั้นต้องอยู่ในห้องบรรพชนใหญ่ที่จวนหลักหรอกหรือเจ้าคะ” 

“...” 

คนที่ตั้งรับภรรยาเอาไว้เต็มที่จนเหงื่อกาฬแตกซ่านอย่างไม่รู้ตัวถึงกับเสียหลักเพราะมิคาดว่าจางเยว่เซียงนั้นมิได้มีความคิดถึงสิ่งที่เขากังวลสักนิด ทว่านางกลับไปสงสัยในอีกสิ่งไปเสียได้ 

“...???” คนรอฟังคำตอบก็จ้องกลับตาแป๋วแลเห็นแล้วสวีฉีเฟิ่งก็ทั้งขบขันทั้งขัดเคือง แต่สุดท้ายพอนึกได้ว่าภรรยาผู้นี้ของเขานั้นปัญญาทึบ แถมยังอ่อนแอเป็นคุณหนูห้าที่ไร้ค่าที่สุดในแคว้นฉู่แห่งนี้ เขาก็เลิกสงสัยในกิริยาแปลกประหลาดไม่สนใจเรื่องที่สตรีเพิ่งแต่งงานใหม่เขาสนใจกันไปในทันที 

“ท่านแม่ของข้าเป็นชาวแคว้นฉู่ นางเกิดที่นี่ พอตายถึงศพมิอาจกลับมาฝังยังบ้านเกิดได้ แต่นางเอ่ยขอร้องท่านพ่อเอาไว้ว่าขอให้ป้ายวิญญาณได้กลับมาอยู่บ้านเกิด ดังนั้นพอท่านแม่สิ้นใจท่านพ่อจึงสร้างจวนรองแห่งนี้ขึ้นมา และจวนแห่งนี้ยังสร้างขึ้นบนจวนเก่าของท่านตาอีกด้วย” 

เขาอธิบายไปพลางก็พานางเดินไปยังห้องเก็บป้ายวิญญาณไปพลาง ฟังแล้วอดีตนางร้ายเงินล้านที่ชอบอ่านนวนิยายมาตั้งแต่เด็กก็ถึงกับมโนไปไกลกับความรักโรแมนติกของบิดา และมารดาของบุรุษที่เดินอยู่ด้านหน้า 

...เอ??? ... 

อย่าบอกนะว่าเพราะมารดาของเขาเป็นชาวแคว้นฉู่เขาก็เลยคิดแต่งภรรยาเป็นคนบ้านเดียวกับมารดาเช่นนาง แต่คงไม่หรอกกระมังอาจจะเป็นเหตุผลอื่นรวมเข้าด้วยกันหลายประการ เพราะลักษณะของสวีฉีเฟิ่งมิใช่คนจะทำสิ่งใดเพราะอารมณ์พาไป คนเช่นสามีของนางดูจะเป็นคนซึ่งหากจะทำอันใดสักสิ่งเขาจะต้องคิดแล้วคิดอีก คิดหาเหตุ และผลเปรียบเทียบจนแน่ใจว่าเขาจะได้กำไรที่สุดนั่นแหละ สวีฉีเฟิ่งผู้นี้เขาจึงจะลงมือ 

เรือนนวลจันทร์นี้ดูสงบร่มเย็นอย่างมาก เท้าเรียวเล็กเดินตามกายสูงใหญ่ไปด้วยกิริยาระมัดระวังทุกฝีเท้า “ท่านแม่ข้าพาสะใภ้มาฝากเนื้อฝากตัวขอรับ นางแซ่จาง มีนามว่า เยว่เซียง เป็นชาวแคว้นฉู่เช่นท่านแม่ หวังว่าท่านแม่นั้นจะเอ็นดูนางนะขอรับ” 

เขาคุกเข่าลงหลังจากจุดธูป และเทียนเรียบร้อยแล้วจึงรินสุราลงจอกก่อนจะเทราดลงไปในแท่นบรรจุต้นไม้ประดับด้านข้าง จางเยว่เซียงจึงทำตามบ้างแล้วก็ถอยลงมาอยู่ด้านซ้ายมือของสามีอีกครั้ง 

“อาเซียงคารวะท่านแม่สามีเจ้าค่ะ” 

นางขยับไปรินน้ำชาที่ท่านพ่อบ้านซูนั้นจัดเตรียมเอามาส่งให้แล้วนำไปวางไว้ตรงหน้าป้ายวิญญาณที่ตั้งอยู่โดดเด่นเพียงหนึ่งเดียวในห้องขนาดกลางนี้สีของไม้กับกลิ่นควันธูปทำให้นางรู้สึกสงบภายในใจ ยิ่งเสียงน้ำตกจำลองที่ด้านนอกดังเข้ามาแผ่วเบาชวนให้บรรยากาศภายในห้องนี้กลับยิ่งสงบอย่างอธิบายได้ยากยิ่ง 

“ไปกินข้าวกันเถิด” 

จัดเรียงเครื่องเซ่นไหว้เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งจึงชวนภรรยาออกไปกินข้าวเช้าด้วยกัน บรรยากาศในยามเช้าหลังฝนตกหนักช่างชุ่มฉ่ำ และหอมกลิ่นดินกลิ่นหญ้าชวนให้สดชื่น ทำให้มื้อนี้จางเยว่เซียงเจริญอาหารอย่างยิ่ง 

“ประเดี๋ยวพี่เฟิ่งมีงานต้องไปสะสาง เจ้าก็จัดการธุระในจวนไปผู้เดียวนะน้องเซียง” 

เรื่องจัดการภายในนี้เขาจะอยู่ดูแลนั้นย่อมได้ แต่เพราะในจวนนี้ หรือจวนของสกุลสวีที่ใด นางที่เป็นภรรยาเอกของผู้นำสกุลจะต้องจัดการทุกสิ่งให้จงได้ หากเขาเอาแต่คอยประคับประคอง จะมีผู้ใต้ปกครองคนใดเกรงใจ ‘หนานเฉิงกั๋วกงฟูเหริน’ กันเล่า ดังนั้นวันนี้นางจะต้องเข้าไปแนะนำตนเองกับทุกคนในจวน เขาเลยปล่อยให้นางจัดการไปด้วยตนเองเท่านั้น 

“พี่เฟิ่งอย่าได้ว้าวุ่นใจไปเจ้าค่ะ อาเซียงอยู่ที่จวนจะมิทำให้ทุกสิ่งบังเกิดความยุ่งยากเจ้าค่ะ” 

เรื่องเหล่านี้ท่านแม่เลี้ยงได้แนะนำกับนางแล้วเมื่อสองวันก่อน ซึ่งนั่นก็เพราะนางสอบถามว่าเหตุใดจึงต้องจัดเตรียมถุงใส่เงินมากมายร่วมสองร้อยถุง แต่ที่มากหน่อยมีเพียงไม่กี่ถุง สอบถามจึงได้ทราบความว่าสิ่งเหล่านี้จำเป็นยิ่งนักสำหรับนายหญิงคนใหม่ของ ‘นายท่านสวี’ รุ่นนี้ที่สามีของนางครอบครองอยู่ 

“เอาละก่อนออกไป ข้าจะพาน้องเซียงไปรู้จักกับ ‘น้องชาย และน้องสะใภ้’ ของพี่สักหน่อย เผื่อเจ้าเดินไปด้านหลังจะตกใจเอาได้” 

จางเยว่เซียงถูกจับจูงให้เดินไปทางด้านข้างของเรือนเอื้อมจันทร์ซึ่งเป็นเรือนหอของนางเมื่อราตรีที่ผ่านมา จากกลิ่นดินกลิ่นหญ้าหอมสดชื่นกลับกลายเป็นกลิ่นคาวแปลก ๆ ไม่คุ้นชินชวนอยากคายอาหารเช้าที่เพิ่งจะกินลงไปเมื่อครู่อย่างยิ่ง 

...น้องชาย และน้องสะใภ้? ... 

จางเยว่เซียงกำลังคาดเดาไปว่าที่สามีนับเป็น ‘ครอบครัว’ ของนายท่านสวีนั้นจะต้องเป็น ‘สัตว์’ ประเภทใดกันแน่ เพราะเท่าที่นางสืบทราบและได้ประสบพบเจอมา คนมีเงินมักมีสัตว์เลี้ยงเป็นพี่เป็นน้องเป็นถึงลูกก็ยังมีเลยไม่แปลกใจหากสามีของนางนั้นจะมี ‘สัตว์เลี้ยง’ เป็นน้องชายและน้องสะใภ้ แต่ที่สงสัยก็เพียงคนเช่นหนานเฉิงกั๋วกงที่มีกิจการสีเทาค่อนไปทางดำทะมึนนั้นเขาจะเลี้ยงสิ่งใดกันแน่ 

“อาลี่ อาฟ่ง” 

...กึก!... 

“สะ...เสือดำ!...” 

แข้งขาของจางเยว่เซียงพลันสั่นเทา ก็ทำใจเอาไว้อยู่แล้วว่าน้องชาย และน้องสะใภ้ของสามีนั้นคงจะมิธรรมดาเป็นแน่ แต่พอพบเจอเข้ากับเสือดำเพศเมียหนึ่งตัว และเพศผู้หนึ่งตัวพลันก็กระชากดวงใจ กระชากต่อมความกลัวของอดีตนางร้ายเงินล้านได้มากมิใช่น้อย 

“มานี่สิน้องเซียง” 

จางเยว่เซียงกลืนน้ำลายอึกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปหาผู้เป็นสามีที่กระดิกนิ้วเรียวเรียกนางอยู่ตรงด้านข้างกรงของเสือดำตัวใหญ่ยักษ์ถึงสองตัวด้วยเท้าที่ไม่มั่นคงดังเดิม แต่สุดท้ายครั้นดึงสติกลับมาได้ นางก็คิดว่ามีเขาอยู่ด้วย และนางไม่ทำเขาโกรธ ชีวิตนางย่อมปลอดภัยจากคมเขี้ยวพี่เสือดำแน่นอน 

“อาลี่ อาฟ่ง มานี่มา มาทำความรู้จักกับต้าซ้อเร็วเข้า” 

สวีฉีเฟิ่งเรียกเจ้าแมวยักษ์สองตัวให้มันลุกขึ้นมาทำความรู้จักกับคนตัวเล็กดวงตากลมแป๋วที่ยืนอยู่ด้านข้าง ซึ่งอาลี่ และอาฟ่งก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนกายลุกขึ้นมาอย่างเกียจคร้านไม่น้อย 

“อาลี่กำลังตั้งครรภ์อยู่” 

เขาอธิบายว่าเหตุใดท้องของอาลี่จึงกลมเช่นนั้น เจ้าแมวยักษ์สีดำสองตัวนำปลายจมูกดันไปที่ฝ่ามือของสวีฉีเฟิ่ง เขาเรียกให้ติงฮ่าวนั้นนำเนื้อไก่สดมายื่นให้แก่จางเยว่เซียง ก่อนที่เขาจะพยักหน้าให้นางรับไปส่งให้อาลี่ที่ยังนอนอยู่ ซึ่งเจ้าแมวยักษ์สีดำท้องโตก็รับเอาเนื้อไก่ไปฉีกกินอย่างสุขุมเรียบร้อย ไม่ได้กินแบบมูมมามเช่นที่นางเคยเห็นมาไม่น้อย 

“มาลองลูบหัวพวกเขาดู” 

สวีฉีเฟิ่งจับมือเรียวเล็กของคนเป็นภรรยาไปลูบศีรษะของอาลี่ก่อน จากนั้นจึงไปพาแตะที่ปลายจมูกของอาฟ่งบ้าง “อาฟ่งเขาไม่ชอบให้สตรีถูกกายของเขา เจ้าแตะเพียงจมูกได้ก็นับว่าเขายอมรับ ‘ต้าซ้อ’ แล้วละน้องเซียง” 

...ถึงจะยอมรับแต่หากนางอยู่เพียงลำพัง ให้ตายนางย่อมไม่บังอาจเฉียดใกล้กรงของน้องชาย และน้องสะใภ้ของเขาเด็ดขาด!... 

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่11

    ตอนที่11หลังจากได้ทำความรู้จักกับ ‘ญาติ’ ของสวีฉีเฟิง และส่งเขาไปทำกิจธุระแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวที่นางจะต้องไปทำความรู้จักกับเหล่าข้าทาสบริวารของสามีที่แน่นอนว่าต่อไปนี้คนเหล่านั้นจะต้องเป็นข้าทาสบริวารของนางด้วยเช่นกัน “นายหญิงเชิญที่เรือนกลางขอรับ” ท่านพ่อบ้านซูโค้งกายชี้นำทางให้แก่นางอย่างนอบน้อม และให้เกียรติ แต่เพราะเด็กสาววัยสิบเจ็ดหนาวตรงหน้านั้นครอบครองตำแหน่ง ‘นายหญิงสวี’ เขาที่เป็นพ่อบ้านใหญ่ย่อมต้องแสดงให้บริวารทั้งหลายได้เห็นเป็นตัวอย่างเอาไว้ มิให้คนใต้ปกครองได้กำเริบเสิบสานไม่เคารพผู้เป็นนายได้ในภายภาคหน้านั่นเอง “รบกวนท่านพ่อบ้านซูแล้ว” จางเยว่เซียงเองนั้นก็ต้องรู้จักวางตัวเช่นกัน มาถึงวันนี้ความทรงจำร่างนี้แทบไม่มี แต่ความทรงจำของ ‘ตะวันฉาย’ นั้นก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เพราะในยุคนี้นอกบ้านสามียิ่งใหญ่ ทว่าในบ้านภรรยาต้องควบคุมให้สงบ สามีจะแต่งอนุภรรยาอีกกี่นาง จะมีบุตรต่างภรรยาอีกกี่คน ผู้ที่เป็นภรรยาเอกเฉกเช่นนางจะต้อง ‘จัดการ’ ให้ได้ และมิใช่เพียงต้อง ‘ได้’ แต่จะต้องดีที่สุดอีกด้วย “พวกนางเหล่านี้คือสาวใช้ทั้งหมดที่จวนรอง ส่วนทางฝั่งนี้คือบ่าวชายกับคนงานทั้งห

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่10

    ตอนที่10ช่วงต้นยามอิ๋นสายฝนก็เทกระหน่ำลงมาราวกับท้องฟ้าพิโรธ อากาศเย็นสาดเข้ามากระทบคนไม่ชอบอากาศหนาวจนนางต้องตื่นขึ้นมา ก็พอดีกับที่ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา “ข้าทำเจ้าตื่นหรือ?” คนตัวโตที่เพิ่งปิดประตูลงด้วยกิริยาระวัง แต่คนบนเตียงนางก็ยังขยับกายตื่นลุกขึ้นมานั่งได้อยู่ดีเอ่ยถามขึ้น“มิได้เจ้าค่ะ ข้าตื่นเพราะเสียงฟ้าฝนด้านนอกที่แรงยิ่งนักนั่น ซ้ำละอองเย็นจากน้ำฝนก็สาดเข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดทิ้งเอาไว้เมื่อช่วงหัวค่ำเจ้าค่ะ” สวีฉีเฟิ่งหันไปก็เห็นจริงจึงเดินไปปิดมันลงเสียแล้วกลับมาปลดอาภรณ์ตัวนอกออกจนหมดเปลี่ยนมาเป็นเสื้อคลุมสวมใส่ในยามนอนเพียงตัวเดียว จากนั้นเขาก็เก็บนั่นเก็บนี่จนเรียบร้อยจึงเดินตรงไปที่เตียงสอดกายสูงใหญ่นั้นเบียดเข้ามาในผ้าห่มผืนเดียวกับนาง ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้จางเยว่เซียงจับสังเกตได้แล้ว ว่าสวีฉีเฟิ่งผู้นี้เป็นบุรุษที่มีระเบียบจัดอย่างที่สตรีบางคนยังต้องอับอายผู้หนึ่งเลยทีเดียว “พรุ่งนี้มีเวลาให้เจ้าพักผ่อนหนึ่งวัน มะรืนหลังจากกลับไปยกน้ำชาให้แก่ท่านพ่อของเจ้าแล้ววันต่อไปพวกเราคงต้องเดินทางไปยังชายแดนแคว้นอี้ด้วยกัน เพราะการค้าที่นั่นมีปัญหาให้ข้าต้องไปดูแลแก้

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่9

    ตอนที่9ผ่านไปครู่หนึ่งสภาพของ ‘นายท่าน’ ที่ปรากฏต่อหน้าติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนนั้นกลับช่างน่าอนาถอย่างยิ่ง ทว่าจะน่าอนาถเพียงใดพวกเขาก็ทำได้เพียงก้มหน้ากลืนความขบขันลงท้องเท่านั้น “มิต้องตามหมอแน่นะเจ้าคะ?” จางเยว่เซียงนั้นที่ยังแตกตื่นเอ่ยถามคนที่นอนหงายหนุนตักของนางอยู่ด้วยความกังวลที่เจ้าบ่าวของตนเองนั้นเลือดกำเดาพุ่งออกมาราวกับน้ำพุเมื่อครู่ไม่หาย อากาศที่แคว้นฉู่นี้ต่อให้ช่วงนี้เป็นฤดูฝนแต่ก็หนาวจนคนที่มาจากยุคที่อยู่ได้ด้วยเครื่องปรับอากาศยังรู้สึกเย็นสบายไม่ต้องเปิดหน้าต่างนอนเลยสักคืน แต่บางทีหนานเฉิงกั๋วกงผู้นี้เขาคงเป็นโรคร้อนในเป็นแน่จึงเลือดกำเดาออกง่ายเช่นนี้ “ไม่ต้องหรอกพวกเจ้าก็ไปนอนกันได้แล้วข้านอนพักสักครู่ก็หายดีแล้ว” ขืนต้องไปตามหมอกันกลางดึกด้วยสาเหตุผู้เป็นเจ้าบ่าวนั้นเลือดกำเดาไหล เห็นทีชื่อเสียงเลวร้ายที่สะสมมาถึงสิบปีคงได้มลายหายไปจนสิ้นเป็นแน่ สวีฉีเฟิ่งคิดในใจด้วยความทดท้อไม่หายเพราะเพียงต้องขายหน้าท่านพ่อบ้านใหญ่กับอีกหนึ่งสาวใช้กับหนึ่งคนสนิทนี้เขาก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ใดกันแล้ว “ขอรับนายท่าน อาเหลียน อาฮ่าวตามข้ามา” ซูจิ้งเหยาเรียกคนรับใช้ชาย

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่8

    ตอนที่8ดังนั้นเมื่อสวีฉีเฟิ่งเห็นว่าได้เวลาสมควรแล้วเขาจึงขอตัวจากแขกที่คุ้นเคย เตรียมตัวไปหาเจ้าสาวในห้องหอจึงพบว่าเจ้าสาวคนงามของตนเองนอนหลับสนิทหมดสภาพไปเสียแล้ว “นายท่าน/นายท่าน” ติงฮ่าว และฟางปี้เหลียนเห็นผู้เป็น ‘เจ้าบ่าว’ ถูกเพื่อนฝูงโดยแกนนำคือคุณชายตู้พากันมาส่งจนถึงหน้าประตูเรือนหอ ทว่าเจ้าสาวกลับยังนอนหลับได้ไม่ไหวติงเสียแล้วพวกเขาจึงทำได้เพียงโค้งกายให้แก่ ‘นายท่าน’ จนศีรษะแทบโขกพื้นเท่านั้น ไม่มีใครกล้าไปปลุก ‘เจ้าสาว’ ที่หลับประหนึ่ง ‘ซ้อมตาย’ เลยสักคน “ติงฮ่าวไปเตรียมน้ำ เจ้าปี้เหลียนสินะไปจัดเตรียมอาภรณ์ให้ข้า” ทว่าสวีฉีเฟิ่งนั้นมิได้เดือดร้อนในเมื่อนางอยากจะหลับก็ให้หลับไปเขาไม่รีบร้อนอยู่แล้ว กายกำยำปลดอาภรณ์ชุดเจ้าบ่าวเนิบนาบโดยมีติงฮ่าวคอยช่วยเหลือผ่านไปครู่ได้ เขาจึงเดินออกมาด้วยเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่เพียงเท่านั้นไม่มีอาภรณ์ใดอยู่ภายในอีกเลย “พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว ติงฮ่าวเจ้าพาปี้เหลียนไปส่งที่ห้องพักของนางด้วย พรุ่งนี้หากข้าไม่เรียกก็ไม่ต้องเร่งเข้ามาที่เรือนนี้อีก” “ขอรับ/เจ้าค่ะ” สองคนสนิทจัดการงานหน้าที่เสร็จแล้วรับคำสั่ง จากนั้นก็เร่งจากไปไม่อยู่ข

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่7

    ตอนที่7และแล้ววันวิวาห์ยิ่งใหญ่ระหว่างคุณหนูห้าของท่านนายอำเภอจางและหนานเฉิงกั๋วกงสวีฉีเฟิ่งก็บังเกิดขึ้นในวันที่ท้องฟ้าของต้นเดือนหกนั้นแสนจะแจ่มใจเป็นใจต่อฤกษ์มงคลนี้เสียเป็นยิ่งนัก ชาวบ้านเองต่างร่ำลือกันไปทั่วถึงการที่เจ้าสาวถูกเปลี่ยนไป แต่เพราะอำนาจและเงินทองของฝ่ายเจ้าบ่าวผู้ใดเล่าจะกล้าสงสัยความต้องการของเขา ดังนั้นพิธีต่าง ๆ จึงเริ่มดำเนินไปตามธรรมเนียมของชาวต้าเหลียงอย่างเคร่งครัดนั่นก็คือ ฝ่ายเจ้าสาวที่จะต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวนั้น จะต้องเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ ติดตัวไปด้วย รวมทั้งสิ่งของที่ต้องใช้ในงานพิธี ร่วมไปกับสินเดิมซึ่งมีดังต่อไปนี้ หนึ่งนั่นก็คือเอี๊ยมแต่งงาน เป็นเอี๊ยมผ้าแพรสีแดง มีกระเป๋าเล็ก ๆ ตรงหน้าอกเสื้อ ปักคำว่า ‘แป๊ะนี้ไห่เล่า’ ซึ่งมีความหมายสื่อว่า อยู่กินกันจนแก่เฒ่าซึ่งจางเยว่เซียงนางก็เพิ่งได้ทดลองสวมดูว่าต้องแก้ไขหรือไม่ไปเมื่อวันก่อนนี้นี่เอง ชิ้นที่สองคือเชือกแดงผูกเอี๊ยม ติดตัวหนังสือ และมีแผ่นหัวใจสีแดงสำหรับติดเครื่องประดับเช่นไข่มุกหรือทองคำแท้ แล้วแต่ว่าฐานะของเจ้าบ่าว และเจ้าสาวจะร่ำรวยเพียงใด ซึ่งในกรณีของจางเยว่เซียงนับว่าเจ้าบ่าว แ

  • เมื่อนางร้ายข้ามภพ   ตอนที่6

    ตอนที่6...จวนรองสกุลสวียังแคว้นฉู่... “นายท่าน” ซั่วเจามาพร้อมถุงผ้าเปื้อนเลือดวางลงตรงหน้าคนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตวัดพู่กันอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ทั้งที่ก็เข้าสู่ต้นยามจื่อแล้วโดยแท้ สวีฉีเฟิ่งตวัดพู่กันลงไปบนตัวอักษรสุดท้ายแล้วจัดการพับเรียบร้อยเป็นจดหมายลับส่งออกไปกับพิราบสื่อสารสีขาวตัวอ้วนพี “เรียบร้อยดีทุกสิ่งใช่หรือไม่อาเจา” “เป็นไปตามบัญชาของนายท่านขอรับ” “ดี!” เรียวปากสวยเกินบุรุษแย้มยิ้มงดงามแล้วหยิบถุงผ้ามาเปิดออกเห็นสิ่งที่อยู่ภายในก็ไม่พูดสิ่งใด เดินออกจากห้องหนังสือในคฤหาสน์ของสกุลสวีแล้วมุ่งตรงไปยังสวนด้านหลังเรือนดอกท้อก็พบกับกรงขนาดใหญ่ที่มีเสือดำตัวใหญ่นอนอย่างเกียจคร้านอยู่ภายในถึงสองตัว “อาลี่” เจ้าตัวที่ใหญ่กว่าขยับหัวขึ้นดูแต่ไม่ได้ลุกขึ้นมา กลับเป็นตัวที่เล็กกว่าที่ลุกขึ้นมาแล้วบิดตัวราวปวดเมื่อยอย่างยิ่ง แล้วเดินยักย้ายส่ายสะโพกมารับเอามือของมนุษย์คาบไปนอนแทะเล่นยังอีกมุมหนึ่งของกรงราวกับกินของว่างมื้อดึก ซึ่งพอส่ง อาหาร ‘ขบเคี้ยว’ ยามดึกให้เสือดำกำลังตั้งครรภ์เรียบร้อยสวีฉีเฟิ่งก็เดินไปล้างมือในอ่างด้านข้างที่บ่าวชายถือรอเอาไว้ “นายท่านจะกลับเรือนนอน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status