แพรวพราวไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอนั้นมันช่างมหาศาลจนสามารถสะกดหมอผีที่หยิ่งยโสคนนั้นได้จนอยู่หมัด เขาที่เธอนั่งคร่อมอยู่เหนือกว่าด้านบนนั้นมองคนตัวเล็กกว่าด้วยแววตาสั่นไหว วันนี้มันคืนเดือนมืด ดวงตาของหล่อนส่องแสงราวกับทับทิมสีแดงก่ำ
“มึง... หยุดประเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นกูจักออกคำสั่งให้พวกผีมาฆ่ามึงอีกครา”
“เอาสิ ฉันไม่กลัวผี สู้แรงกันให้ได้ก่อนเถอะ คุณในตอนนี้เสร็จฉันแน่” แต่หล่อนไม่ได้ใส่ใจน้ำเสียงสั่นคลอนนั่นแม้ใจความจะขู่กรรโชกอยู่ก็ตาม ไม่รู้ทำไมรู้สึกเหมือนคืนนี้หล่อนจะเร่าร้อนเป็นพิเศษ กำหนัดจนไม่สนอะไรทั้งนั้นแม้แต่ความกลัว ยิ่งกว่ากินยาปลุกเซ็กซ์เสียอีก มันต้องการสูบพลังชีวิตใครบางคนในยามที่มีความอยากอันร้อนแรง
หมับ!
ไหล่หนาเปลือยเปล่าแข็งแกร่งถูกมือเล็กจ้อยมือเดียวผลักให้กระแทกกับพื้นหญ้าเปียกชื้นอันเย็นชืด มันไม่สบายตัวเอาเสียเหลือเกิน แต่เขาไม่สามารถสู้แรงหล่อนได้เลย อีแพรวในตอนนี้พละกำลังมหาศาลจนใช้สองมือกดเขาไว้แน่นไม่ต่างกับผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่ง
นังนี่มันมิใช่มนุษย์ธรรมดาแน่ๆ เรากำลังจักเสร็จมัน
“ปล่อยกู!”
“มาให้ฉันกินเสียดีๆ เถอะค่ะพ่อหมอ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว และมันต้องเป็นคุณเท่านั้น” ดวงตากลมโตที่แปรเปลี่ยนเป็นสีทับทิมนั้นแวววาวด้วยความกำหนัดอันมหาศาล ฝ่ามือเล็กจิกผิวเนื้อขาวของพ่อหมอแรงขึ้น หล่อนโน้มใบหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอของชายหนุ่มวัยกลัดมันโดยไร้ยางอายอย่างสิ้นเชิง ใช้ปลายลิ้นไล่โลมเลียตั้งแต่ปลายคางจรดไหล่ที่มีหนั่นแน่นกล้ามเนื้อแข็งแรง แม้เขาจะพลิกหน้าหนีก็ไม่สำเร็จ
“แฮ่ก...” เสียงหอบหายใจของหล่อนนั้นดังชิดเป่ารดซอกคอจนขนลุกซู่ พ่อครูคันศรรู้สึกเหมือนตัวเองนั้นกำลังโดนอะไรบางอย่างที่ด้วยกำลังหรืออวิชชาก็ไม่สามารถกำจัดหรือสะกดได้เข้าแล้ว อีแพรวในคืนเดือนดับนี้ไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดกระหายเลือด ดวงตาสีทับทิมนั้นผละออกมาสบตากับเขา พร้อมกับฉีกยิ้มหวาน
“ฉันขึ้นคร่อมเช่นนี้ วิชาเสื่อมหรือยังนะ?”
“ออกไปประเดี๋ยวนี้ กูมิตลกกับมึงด้วยหนา อีแพรว มึงเป็นตัวกระไรกันแน่!”
“ก็เหมือนกับในตอนแรกที่พ่อหมอล่อลวงฉันเพื่อให้เลิกยุ่งกับผัวแฟนของคุณไม่ใช่เหรอ ถ้าคราวนี้ฉันจะล่อลวงคุณบ้าง ถือว่าเจ๊ากันเนอะ”
พลันนั้นสาวเจ้าก็ถลกผ้าซิ่นของตนเองขึ้นจนเห็นสามเหลี่ยมความงามผุดผ่องที่มีเส้นแพรไหมแซมเล็กน้อย ความนุ่มนวลและเปียกชื้นนั้นทาบทับอยู่ตรงความใหญ่โตของเขา ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนเขากำลังจะพ่ายให้กับผู้หญิงที่ชิงชังที่สุดในชีวิตนี้ หญิงคนนี้ปลดปมผ้ารัดเอวของเขาด้วยมือเดียว และใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างอยู่กดไหล่เขาไว้ไม่คิดจะปล่อยให้ติดกับพื้นหญ้าเย็นชืดจนไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้
เรี่ยวแรงมหาศาลนี่มันกระไรกัน แม้แต่ผีกะกับผีโพงที่เลี้ยงเอาไว้ยังไม่กล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ จักท่องคาถา เรียกมันเท่าไหร่มันก็ไม่มาดั่งใจนึก
ความใหญ่โตผงาดชูชันขึ้นมาเหนือปมผ้าเมื่อถูกถลกลงอย่างรีบร้อน ความใหญ่โตนั้นทำให้หล่อนตาวับวาว แลบลิ้นเลียกลีบปากบนด้วยความกระหาย ความเปียกฉ่ำที่กลางร่องสวาทนั้นมากพอที่จะให้หญิงสาวฉาบท่อนจันทน์ของเขาด้วยกลิ่นสาปสาว เคลือบน้ำสีใสมันวาวเลื่อมไปทั่วลำท่อนทั้งหมดยามเมื่อใช้สะโพกกดถูไถอย่างร่านราคี
แพรวพราวไม่สนใจว่าเขากำลังกดสายตามองหล่อนที่ร่อนสะโพกอยู่ด้านบนด้วยสีหน้าที่ทั้งเสียวซ่านกอปรกับความอาฆาตแค้นที่สู้แรงไม่ได้สักเพียงใด ก่อนหน้านั้นเขายังกล้ามีเซ็กซ์กับหล่อนได้ แถมยังกระทำอย่างรุนแรงเสียด้วย ด้วยเหตุผลที่เอาตัวเองมาขวางการรักกันของหล่อนกับผัวของคนที่เขารัก คราวนี้เป็นตาของเธอบ้างล่ะ เธอจะกดเขาให้จม บดขยี้เขาให้ทุกข์ทรมานอยู่ใต้ร่างเสียเลย
แค่คิดว่าหลังจากเธอตายนับสิบอาจจะเสียใจจนไปซบอกผู้หญิงสักคน ก็เดือดดาลมากพออยู่แล้ว คนที่หน้าเหมือนนับสิบในภพนี้ดันเป็นชายที่หมายตาหญิงคนอื่นและเกลียดชังหล่อนอีกต่างหาก
เขาจะอ่อนแอลงเพราะอะไรก็ช่าง หรือเธอจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลมาจากที่ไหนก็ช่าง
นี่ถือเป็นโอกาสของเธอแล้ว
“ฉันจะทำให้คุณจำชื่อฉันไม่มีวันลืมแน่”
ตอนที่เธอยังเป็นแพรวพราว ใครๆ ที่มีเซ็กซ์กับเธอต่างกลับมารีเทิร์นร้องขอความรักซ้ำสองเสมอ แม้แต่นับสิบยังบูชาเธอไม่ต่างกับผู้หญิงที่สำคัญที่สุดของเขา
เธอมั่นใจในตัวเองมากพอว่าจะสงบปากและสงบกายของพ่อหมอปากดีคนนี้ได้แน่นอน
เอ้าท์ดอร์งั้นหรือ? หล่อนไม่สนเท่าไหร่หรอก กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันในกองถ่ายก็เคยมาแล้ว
“อีแพรว ปล่อยกูประเดี๋ยวนี้นะ!” ฝ่ามือใหญ่นั้นพยายามปัดป่ายควานหาเรียวแขนเล็กของหล่อนที่กดไหล่แกร่งของเขาไว้แน่นหนา ดวงหน้าคมคายสะบัดหนีเมื่อหญิงสาวไล้โลมเล้าไปทั่วเรือนกาย สิ่งเร้าเหล่านี้มันคือสิ่งที่เย้ายวนชวนให้เราลุ่มหลงในมารยาสตรี หญิงงามหน้าเช่นนี้ มีสวาทด้วยคราเดียวก็เกินพอ
เขาไม่ได้ต้องการสานสัมพันธ์เลยสักนิด เขารู้ตัวดีว่าจงเกลียดจงชังนางมากเพียงใด หากแต่อีกฝ่ายไม่ยั้งมือและไม่ยั้งใจเอาเสียบ้าง นางเอาแต่พร่ำเพ้อว่าเขาหน้าตาเหมือนกับคนที่รักในชาติก่อน พล่ามบ้าพล่ามบอกระไรไม่รู้เรื่อง อย่างไรเขาก็ไม่ใช่คนรักของนางอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นภพชาติไหน
สวาทเพียงคราเดียวกับโสเภณี ก็ไม่ต่างกับน้ำแตกแล้วแยกทางนั่นล่ะ แต่เขาจักไม่ยอมให้นางแยกทางไปแบบเป็นๆ แน่นๆ เเ็น
พยายามฆ่าก็แล้ว ใช้กลอุบายลวงให้หลงก็แล้ว นางดันพาตัวอันตรายในชีวิตที่เขาไม่อยากมองหน้ามันอีกครั้งมาด้วย
อดีตสหายที่เคยเป็นเสี้ยนหนามหัวใจ
เขาชิงชังมันนัก ชิงชังเหลือเกิน ที่ถึงแม้ว่าครานั้นหล่อนจักเลือกเขาก็จริง แต่เขามันได้แต่ตัวเท่านั้น ใจของนางเป็นของมัน พร่ำเพ้อหาในยามที่ความตายกำลังมาพรากไป
พรานสมิงไม่เคยรู้ตัวว่า ‘ดอกรัก’ นั้นหลงรักมันหัวปักหัวปำเพียงใด แต่เพราะเขาเป็นคนแรกของนาง พรานสมิงจึงแยกทางไป นางเสียใจแต่ก็ยอมอยู่กินกับเขาจนมีลูกสาวด้วยไม่มีทางเลือก หล่อนอ่อนแอเหลือเกินจนต้องการคนดูแล ยิ่งท้องยิ่งไส้ยิ่งต้องการใครสักคนให้พึ่งพิง ซึ่งพ่อครูคันศรยินดีเป็นคนนั้นแม้จะรู้ว่าดอกรักไม่เคยรักเขา พ่อครูนั้นเลี้ยงดูเธออย่างดี ก่อนที่จักจากไปโดยทิ้งวาดรักให้ดูต่างหน้า
ในช่วงเวลาที่อยู่กินร่วมกัน ทุกคราที่หลับนอนกัน ใจของดอกรักไม่เคยมีเขาอยู่ในนั้นเลยสักนิด
กระไรก็ไอ้พรานสมิง ไอ้นั่นมันมีดีกว่าเขาอย่างไร!
แม้แต่ในวันนี้... เขากลับต้องมาเสร็จสมโดยนังปีศาจร้ายเช่นอีแพรว มันที่หวังพรากลูกสาวที่เป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของดอกรักและหลานของเขาในครรภ์ไป แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ารักทั้งที่เพิ่งเจอหน้างั้นหรือ
มารยาหญิงงามเมืองนี่มันน่าอุบาทว์เสียจริง
ชีวิตนี้มันชิบหายเหลือเกิน หญิงที่รักไม่เคยรักเขา แต่หญิงที่เกลียดชังสุดดวงใจกำลังครอบครองเขา
แถมเขายังเผลอตน เสร็จสมกับแรงยั่วสวาทของปีศาจ
ความเปียกลื่นถูไถลงกับความยาวของลำท่อนจันทน์ที่เมื่อเธอผละออกมันก็ดีดผึงขึ้นตั้งลำเตรียมกระทำการศึกทันที สีหน้าของแพรวพราวนั้นหยาดเยิ้ม หล่อนต้องการให้มันเข้ามาอยู่ในกายของตัวเองเดี๋ยวนี้เลย และตอนนี้เขาน่าจะแข็งตัวได้ที่แล้ว แถมยังมีจังหวะสั่นกระตุกเหมือนกำลังจะแตกอีกด้วย
ฮึ... ปากก็ว่าเกลียดงั้นงี้ แต่สุดท้ายก็จะแตกเพราะเธอสินะ
ปากดีแบบนี้นี่ล่ะ แพรวพราวชอบนัก เพราะเสร็จเธอมาไม่รู้กี่รายแล้ว
เมื่อสุดท้ายเขาต้องจากกับเธอ ทั้งความตายที่เคยเป็นคำสาปแช่งที่มาจากอคติ ทั้งความรู้สึกชิงชังในวันนั้น ที่ในวันนี้มันกลายเป็นเพียงคำหลอกลวง เพราะเขานั้นหลงรักอีแพรวตั้งแต่แรกเจอแรกเริ่มอาจจะเป็นเพราะดวงหน้าที่คล้ายคลึงกับดอกรัก จนรู้สึกไปเองว่านั่นอาจเป็นความชิงชังที่ดูคล้ายกับยาพิษอันหอมหวาน ความรู้สึกในตอนที่ร่วมรักกับเธอ นั่นราวกับการมอบพรหมจรรย์ให้กับโอกาสสุดท้ายที่ก้าวเข้ามา ไม่ว่าหล่อนจะเป็นใครแปลงกายมากันแน่ทุกวันเขาบอกตนเองว่า ดอกรักไม่มีจริง คนที่คล้ายคลึงกับดอกรักเองก็ไม่มีจริงเช่นเดียวกัน ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านั้น ไม่ใช่ดอกรัก เธอเป็นเพียงสัตว์ประหลาด ที่หน้าตาคล้ายกับคนอัครที่เขาเคยรักเท่านั้นการปฏิบัติตัวที่ผ่านมากับแพรวพราวนั้น ราวกับเป็นการชดเชยในสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำกับดอกรักมาโดยตลอด ที่เธอเคยปฏิเสธเขา ที่เธอทำท่ารังเกียจรังงอนเขา ที่เธอไม่แม้แต่จะมอบดวงใจให้เป็นของเขา เขาใช้ความรู้สึกน่ารังเกียจด้านมืดเหล่านี้ ส่งต่อให้กับแพรวพราวซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับไร ในเรื่องราว ระหว่างเขา และอดีตคนที่เขาแอบรักมาโดยตลอดเลยสักนิดแต่เมื่อรู้ว่าหล่อนไม่ใช่มนุษย์ อคตินั้นยิ่งบ
“แพรว ข้า...” ฝ่ามือหยาบหนานั้นกำหมัดแน่นจนสั่นเทิ้ม เขาแค้นใจและนึกอาฆาตเธอมาตลอดทั้งเรื่องราว แต่ทันทีที่เธอยอมรับความคิดนั้นของเขาและยอมที่จะตายโดยไม่มีข้อแม้ เขากลับรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ “ข้า... ไม่กล้าพอที่จักฆ่าเจ้า ข้าจึงใช้สังวรีราพณ์เป็นข้ออ้างเท่านั้น”“แล้วมันต่างกันตรงไหน?”“วันนี้ข้ารู้แล้วว่าเจ้าคือสิ่งสำคัญ ข้าไม่ได้อยากขอโอกาสจากเจ้า ข้ารู้ว่ากำลังถูกหลอกใช้ แต่ข้า... กลับใช้สิ่งนั้นเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงเพื่อที่จะกำจัดเจ้า เจ้าจักไปจากข้าก็ได้ แต่ขออย่างเดียวให้ข้าได้แก้ไขในสิ่งที่ข้าเคยทำผิดพลาดไปด้วยเถิด” พ่อหมอไม่ได้เข้าใจความรู้สึกของตนเองอย่างถ่องแท้หรอก เขาก็แค่กลัวว่าจะเสียเธอไปทั้งอย่างนี้เท่านั้น เพราะความรู้สึกในตอนที่เห็นว่าไม่มีเธออยู่ตรงนั้น และห้องอันว่างเปล่านั่นทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตอนที่ดอกรักตายจากไปในอ้อมแขนของเขาเสียอีกอาจจะเพราะหล่อนหน้าตาคล้ายกับเมียที่ตายจากไปแล้วก็ได้ ผู้หญิงที่เขาจะไม่มีวันได้ครอบครอง ผู้หญิงที่ทั้งหัวใจมีเพียงแค่พรานสมิงเท่านั้น ผู้หญิงที่แม้แต่ลูกที่เขาเฝ้าดูแล ยังไม่ใช่ลูกที่เกิดมาจากเลือดเนื้อของเขาด้วยซ้ำเขาทำลา
คำพูดของพรานสมิงทำให้แพรวพราวได้ฉุกคิด ที่ผ่านมาเธออาจไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าที่เธอรักนับสิบ และคิดว่าเขาคือคนที่อยู่เคียงข้างเธอ แสนดีกับเธอมาโดยตลอด อาจจะเป็นความรู้สึกถึงชัยชนะที่เธอมีต่อฟ้าลดา ผู้หญิงที่เป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอ เมื่อเธอตั้งท้องและคันศรไม่ต้องการกัน ทำให้แพรวพราวรู้สึกเหมือนถูกปฏิเสธอีกครั้ง เธอเสียใจ และเมื่อเขาพาวาดรักเข้ามา เธอจึงรู้สึกเหมือนถูกเหยียบย่ำตัวตนของตนเองจนลบเลือนหายไปที่บอกว่าการไม่มีแม่ก็ไม่เห็นเป็นไรที่จริงแล้วเธออาจจะโกหกตัวเอง การที่เธอบอกว่าเธอรักนับสิบอาจจะเพราะว่ามันคือชัยชนะที่โหยหามาโดยตลอด กับผู้ชายที่ฟ้าลดาหลงรัก แพรวพราวไม่มีวันลืมวันที่เธอก้าวเข้าหาเขา เพราะว่าข่าวลือที่ฟ้าลดาคนนั้นชอบพอกับคนในวงการเดียวกันที่เล่นละครด้วยกันเป็นคู่พระนางตลอดมาเหมือนที่ฟ้าลดาเป็นที่ต้องการของแม่มากกว่าเธอผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด เธอไม่รู้เรื่องราวการมีอยู่ระหว่าง DNA ของแม่กับแพรวพราวด้วยซ้ำ นับสิบเองก็ไม่ได้ผิดที่หลงรักเธอ มันก็แค่ความเห็นแก่ตัว และต้องการเรียกร้องความรักจากแม่ของเธอเท่านั้นมันก็แค่ความอิจฉาที่น่ารังเกียจของเธอเอง... ค
“นึกสงสัยขึ้นมาได้แล้วหรือแม่หญิงของข้า?”แต่ทว่าในขณะที่กำลังจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ท่ามกลางร่างใหญ่มหึมาของกานพลูนั้นปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งโผล่ตัวขึ้นมาเหนือกายยักษ์ของช้างเชือกนั้น“... พรานสมิง” แพรวพราวยอมรับตามตรงว่าตกใจ ก็ไหนว่าเขาหนีหายออกไปแล้วยังไงล่ะ เพราะว่ารับไม่ได้ที่เธอตั้งท้องกับคันศร หรือว่าผัวเธอโป้ปดกันอีกแล้ว?“คิดถึงข้าหรือไม่” เขาไถ่ถาม โดยไม่ดูสถานการณ์ว่าหล่อนกำลังเข้าตาจนอยู่เลยสักนิด“นะ... ไหนพี่ศรบอกว่านายหนีไปแล้ว?”“ข้าแค่แวะไปหาลูกเท่านั้นแล” ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงยักไหล่ปัดป้องและบอกความเป็นจริง “โดนทิ้งมาอีกแล้วสินะ”หากแต่ประโยคต่อมากลับทำให้เธอรู้สึกเจ็บที่หัวใจดวงน้อยๆ โดยไม่มีสาเหตุ จะว่าอย่างนั้นก็ไม่เชิง หรือจะยอมรับว่ามันไม่ใช่ก็ได้ เพราะเธอเป็นคนตัดสินใจหนีออกมาด้วยตัวเองต่างหาก… แต่นั่นก็เพราะว่าคนๆ นั้นแสดงออกว่าไม่ต้องการกันแล้วไม่ใช่หรือยังไง ก็เลยเจ็บใจเหมือนโดนแทงใจดำกันอย่างช่วยไม่ได้“พูดบ้าๆ ฉันต่างหากที่อุ้มท้องหนีออกมาเพราะเขาพาคุณวาดรักกลับมาที่เรือนนั่น” หญิงสาวคิดว่าเธอไม่จำเป็นต้องโกหกผู้ชายตรงหน้าหรอก เขาเห็นสภาพน่าสมเพชน
อยู่ดีๆ เมื่อรู้ว่าหล่อนได้หนีหายออกไปหลังจากที่เขาได้พาวาดรักกลับมาและปลดแอกทุกอย่าง คันศรที่เคยมั่นอกมั่นใจว่าเขาเกลียดชังหล่อนเหลือเกิน และต้องการจะฆ่าหล่อนมากที่สุด กลับรู้สึกเจ็บปวดกับการที่ไม่มีเธออยู่ในห้อง และได้รับรู้ว่าเธอหนีออกไปแล้วเพราะทนอยู่ร่วมกันไม่ได้อีกต่อไป การตามหาเธออาจจะยากเย็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แถมยังเป็นอสุรกายในตำนานอีกต่างหาก ยิ่งอีกฝ่ายต้องการจะหนีหน้าเขาด้วยแล้ว คงสามารถลบกลิ่นอายของเดรัจฉานได้จนไม่เหลือร่องรอยเป็นแน่ทำไมเขาถึงได้เพิ่งมารู้สึกตัวเอาป่านนี้?ทำไมถึงเพิ่งมารู้สึกได้ว่าเธอและลูกสำคัญกับเขาเพียงไหน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าลูกในท้องนั้นอาจจะไม่ใช่เด็กคนหนึ่ง แต่จะเป็นยาพิษเสียด้วยซ้ำ“ภูติผีทุกตนที่กูมีอยู่ในขณะนี้ จงออกไปตามหานางแลพานางกลับมาหากูให้ได้ ไม่ว่าจะเจอนางในสภาพไหน ก็จงบอกนางว่ากู...” ท้ายประโยคเขากลืนน้ำลายเพียงอึกเดียวด้วยความยากเย็นที่จะกล้าก้าวผ่านทิฐิที่สูงเสียดฟ้า เผลอลืมตัวไปว่าเคยพูดว่าเกลียดเธอขนาดไหน ก่อนที่จะกลั้นใจโพล่งขึ้นประกาศิตออกมา “ต้องการนาง”เงามืดจำนวนมากหลุดพ้นออกไปจากเขตอาคมของเขา และออกตามหาหญิงสาวที่เ
“อย่างไรลูกก็รู้สึกไม่ดีเจ้าค่ะ ที่ราวกับว่าจะเข้ามาคั่นกลางระหว่างพ่อกับเมียของท่านเช่นนี้”วาดรักโพล่งขึ้นมาหลังจากที่คันศรเข้ามาดูแลเธอด้วยการนวดปลายนิ้วเท้าที่ชาวางลงกับขันรองน้ำอุ่น คอยนวดส่วนไม่งามและอาจผิดครูให้ลูกที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของตนทั้งที่ไม่จำเป็นเลยด้วยซ้ำแน่นอนว่าเขาเองไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ถึงเข้ามาทำเช่นนี้โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลังเห็นว่าลูกสาวที่พากลับมาที่บ้านกำลังพยายามนวดปลายนิ้วเท้าของตนเอง อาการชาน่าจะมาจากท้องที่ใหญ่โตเกินร่างกายไปกระมังแม้นิสัยจะไม่ใช่คนที่มีความละเอียดอ่อนอะไรนัก แต่เขาเองก็พอเคยดูแลเมียท้องแก่ที่ไม่ได้รักเขาเลยอยู่บ้าง จะให้มาดูแลลูกเลี้ยงที่ไม่มีแม้แต่เลือดเนื้อของตนเองเลยอีกก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่ก็แค่... อาจเพราะว่าดวงของเขาดึงดูดมาแต่คนที่ไม่ได้เป็นของตัวเองมาทั้งชีวิตก็ได้ล่ะมั้งหากแต่สิ่งเดียวที่ชัดเจนในวันนี้... คือหลังจากที่วาดรักได้กลับมาที่นี่ ความรู้สึกสงบในจิตใจจึงได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง อาจเพราะได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นชีวิตที่ผ่านมาจึงปั่นป่วนรวนเร ทั้งความรู้สึกแย่ๆ จิตใจอันคิดลบและความฟุ้งซ่านเกี่ยวกับอดีตที่เลวร