“หนูเอาเอกสารมาส่งแทนพี่ปัณณดาค่ะ”
เจ้าขารีบเข้าไปยื่นเอกสารให้กับคนที่ท่าทางดูรีบร้อนไม่ต่างจากปัณณดาสักนิด ผิดที่คนนี้ดูยิ้มแย้มและเป็นมิตรมากกว่าเป็นไหนๆ พอเห็นหน้าเธอเข้าเจ้าตัวก็ทำท่าราวคนดีใจจนเจ้าขาแปลกใจ
“เอ้อ น้องมาพอดีเลย ช่วยพี่หน่อยได้มั้ยคะพอดีพี่ต้องรีบไปส่งเอกสารให้ท่านประธานใหญ่ หนูช่วยเอากาแฟไปให้คุณเตมินทร์แทนพี่ทีนะ ส่วนเอกสารวางไว้ได้เลยค่ะ”
“เอ่อ แต่ว่าพี่คะ”
เจ้าขาอึกอัก มองท่าทางรีบร้อนและสายตาอ้อนวอนนั่นอย่างลำบากใจ ตาสวยมองไปที่ถาดกาแฟเล็กๆถูกวางไว้บนโต๊ะที่ยังคงมีควันลอยกรุ่นอยู่
“น่า แค่เอาไปวางไว้แล้วออกมาเลย ท่านไม่ดุหรอกไม่ต้องกลัว”
คนเป็นเลขาที่บัดนี้มีงานด่วนรออยู่จำต้องเอ่ยเร่งให้รุ่นน้องตรงหน้ารับคำเพราะไม่อยากเสียเวลา เห็นท่าทางมองประตูห้องท่านรองประธานคนใหม่อย่างกังวลก็เดาได้ว่าคงจะกลัวจนไม่กล้ารับคำนั่นแหละ
“อ่า ได้ค่ะ”
เจ้าขาพยักหน้าตกลงในที่สุดเมื่อเห็นท่าทางรอลุ้นของคนตรงหน้า ก่อนจะวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะแล้วหยิบถาดกาแฟมาถือไว้จนอีกคนยิ้มออกมาอย่างดีใจและรีบกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินจ้ำหายไปทันที
เจ้าขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆทำใจอีกนิดก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปที่ประตูด้านหน้าอย่างประหม่าจนต้องปลอบใจตัวเองไม่ให้แขนสั่น สองขาหยุดหน้าประตูที่มีป้ายชื่อบอกตำแหน่งของบุคคลด้านในก่อนจะเอ่ยเคาะแล้วเอ่ยขออนุญาตผลักบานประตูเข้าไปโดยไม่ได้รอคำตอบ
“ขออนุญาตค่ะ อ๊ะ!”
เจ้าขาที่เปิดประตูชะงักค้างเมื่อเธอชนกับคนด้านในที่กำลังจะเปิดประตูสวนออกมา เป็นผลให้ตอนนี้กาแฟทั้งหมดในถ้วยมันไปราดอยู่บนเสื้อเชิ้ตขาวสะอาดจนชุ่มแทน
เจ้าขาชะงักค้างราวกับถูกแช่แข็ง สองมือที่ถือถาดสั่นเทาจนแทบทำร่วงสายตาเพ่งมองคราบกาแฟสีเข้มบนเสื้อตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะต้องเหม่อมองค้างอีกหนเมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นใบหน้าของคนที่เธอทำซุ่มซ่ามใส่
กรอบหน้าคมคายไร้ที่ติ เส้นผมสีดำที่ถูกเซ็ตเปิดหน้าผากส่งให้ใบหน้าโดดเด่นมากขึ้นกว่าเดิม แต่ยามนี้ที่ดวงตาคมกำลังมองมาที่เธอนิ่งๆนั่นช่างดูดุดันจนเจ้าขาสั่นไปกันใหญ่ ยามเห็นใบหน้านิ่งไร้อารมณ์ก้มลงดูเสื้อตัวเองเจ้าขาก็พลันได้สติขึ้นมาจนต้องรีบเอ่ยละล่ำละลักขอโทษจนแทบพูดไม่รู้เรื่อง
“ขะ ขอโทษค่ะ เจ้าขา เอ้ย! หนู หนูไม่ได้ตั้งใจ”
“หนู หนูเช็ดให้นะคะท่าน ขออภัยจริงๆค่ะ”
เจ้าขาเห็นคนตัวสูงยังคงนิ่งก็ลนลานรีบเอาถาดไปวางไว้ที่โต๊ะตัวเตี้ยใกล้ๆ ก่อนจะรีบหยิบทิชชู่บนนั้นติดมือมากำใหญ่
“เธอจะเช็ดคราบกาแฟบนเสื้อด้วยทิชชู่เหรอ”
เจ้าขาชะงักมือที่กำลังเช็ดคราบกาแฟทันทีเมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่ช่วยเรียกสติเธอขึ้นมา สองมือที่ถือวิสาสะจับเสื้ออีกคนรีบปล่อยทันที ก่อนจะเงยมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยความกลัวและรู้สึกผิดมากขึ้น นี่ถ้าเรื่องไปถึงหูพี่ปัณเข้าเจ้าขาต้องโดนด่าไปสามวันแน่ๆเลย
“ขอโทษค่ะ งั้นหนูเอาไปซักให้ ดะ ได้มั้ยคะ”
เจ้าขารีบเปลี่ยนการรับผิดชอบเป็นเรื่องที่สมควรทันทีแทนการกระทำที่โง่เง่าเมื่อครู่ ถ้าถามว่าเธอมีปัญญาซื้อจ่ายมั้ยแน่นอนว่ามีเพราะเธอไม่ได้ลำบากเรื่องเงินสักนิด แต่เธอไม่อยากทำตัวเหมือนอวดรวยแบบนั้นให้โดนเกลียด อย่างน้อยก็คงพอให้ท่านรองเห็นใจเธอบ้าง
“หมายถึงให้ฉันถอดเสื้อให้เธอไปซัก โทษนะแต่ไม่ชอบแก้ผ้าอวดใคร”
“คือไม่ใช่ค่ะ งั้น งั้นท่านจะให้หนูรับผิดชอบยังไงดีคะ”
คำตอบกับใบหน้านิ่งสนิททำเอาเจ้าขาหมดหนทางจนต้องถามอย่างจนใจ ใบหน้าหวานเคร่งเครียดจนแทบร้องไห้ติดที่เธอพยายามแข็งใจฮึดสู้กับความกลัวอยู่
“เลิกงานแล้วใช่มั้ย”
ไม่ใช่คำตอบแต่เป็นคำถามที่ทำเจ้าขางงหนัก แต่ตอนนี้เธอไม่มีสิทธิ์สงสัยอะไรทั้งนั้นนอกจากตอบไปตามจริง
“ค่ะ”
“งั้นตามมา”
----------------------------
“ลงมาสิ อยากรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ”
เสียงทุ้มเรียกสติเจ้าขาที่ยังนั่งนิ่งอยู่บนรถจนสะดุ้ง ตั้งแต่ที่บริษัทที่เจ้าขาถูกสั่งให้เดินตามก็ตามท่านรองประธานคนใหม่มาต้อยๆอย่างว่าง่าย ได้แต่สงสัยแต่ไม่กล้าถามมาตลอดทาง ว่าอีกคนจะพาเธอไปไหน ถึงจะกลัวแต่เพราะความผิดที่มีถึงได้แต่นั่งปิดปากเงียบมาตลอดทาง จนรถเข้ามาจอดที่ใต้คอนโดหรูไม่ไกลจากที่บริษัทนักเจ้าขาก็ยังมองไปรอบๆด้วยความมึนจนโดนเคาะกระจกเรียกแบบนี้
“คะ ค่ะ!”
หลังจากนั้นตีรณาก็ยังคงฝันแบบเดิมจนแทบไม่เป็นอันนอนต้องให้คนคอยอยู่เป็นเพื่อนตลอดเวลาเพราะกลัวว่าจะเครียดจนไม่สบาย ทุกอย่างดูคล้ายจะปกติจนกระทั่งผ่านไปเป็นเดือนๆและถึงกำหนดคลอดลูกเตมินทร์ถือกำเหนิดมาด้วยความสมบูรณ์ทุกอย่างไม่มีอะไรน่ากังวลอย่างที่ตีรณากลัวสักนิด จากทารกน้อยก็เติบโตขึ้นมาจนได้สามเดือน และในคืนนั้นที่พระจันทร์เต็มดวงตีรณาถึงได้อุ้มลูกไปยืนชมแสงนวลตาด้วยกันอย่างสบายใจ เตชินทร์ที่เห็นว่าภรรยาลืมเรื่องร้ายๆได้แล้วก็สบายใจขึ้นมาก่อนจะยืนมองทั้งสองคนที่รักอย่างสุขใจ“เมี๊ยว…”เสียงร้องที่ทำเอาตีรณาสะดุ้งดังใกล้จนเธอตัวสั่นหวาดระแวง เตชินทร์รีบเข้ามากอดภรรยาเอาไว้ไม่ให้อีกคนตื่นกลัวเกินไปนัก ก่อนจะพากันหันมองต้นเสียงว่ามาจากไหน“เมี๊ยว”เสียงที่ดังใกล้จนเหมือนอยู่ตรงหน้าทำเอาตีรณาต้องก้มลงดูลูกชายที่อุ้มอยู่ ก่อนที่ภาพตรงหน้าจะทำเธอช็อคจนแทบโยนลูกทิ้ง ดีที่เตชินทร์ไวกว่ารีบคว้าเอาทารกในห่อผ้ามาอุ้มไว้เองแล้วก็ต้องตกใจตามเมื่อลูกที่ควรจะอยู่ในห่อผ้า กลับกลายเป็นแมวสามสีตัวเล็กจ้อยแทน“กรี๊ด คุณคะนั่นมันอะไร”“เฮ้ย! ลูกหายไปไหน คุณๆใจเย็นๆก่อนครับ”เตชินทร์ทั้งตกใจเรื่องลูกทั้
หากจะนับว่าเตมินทร์ต้องเผชิญกับเรื่องราวแสนประหลาดและน่าเหลือเชื่อมานานแค่ไหน ก็คงต้องย้อนไปตั้งแต่เตมินทร์ยังไม่เกิดด้วยซ้ำ มันเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสวยงามและตีรณาก็ชอบนั่งมองมันทุกครั้ง เพราะท้องแก่ใกล้คลอดเต็มทีเธอจึงต้องปรับอารมณ์ตัวเองให้ผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลาแบบนี้ “เมี๊ยว…”เสียงร้องของสิ่งมีชีวิตที่ตีรณาไม่ชอบมากที่สุดดังขึ้นมาจนต้องหันซ้ายขวามองอย่างหวาดระแวงทันที เพราะตอนเด็กเธอถูกแมวกัดจนเป็นแผลและจำฝังใจมาจนโต แมวจึงเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับเธอทุกคนรู้ดี ตีรณายังไม่ทันได้ลุกเข้าบ้านก็เหลือบไปเห็นแมวสามสีตัวใหญ่ที่ขอบระเบียง มันกำลังร้องและจ้องเธออย่างน่าสงสาร ตามตัวมีร่องรอยบาดแผลจนเลือดไหลหยดลงบนพื้นไม่หยุด สร้างความหวาดกลัวให้ตีรณายิ่งกว่าเดิมจนต้องหวีดร้องออกมาเสียงดัง“กรี๊ด ออกไปนะไอ้แมวบ้า!”“เมี๊ยว!”“ออกไปนะ!”“เมี๊ยว!”ตุบ!“คุณ เป็นอะไรครับ ร้องทำไม”เตชินทร์ที่ได้ยินเสียงรีบวิ่งออกมาดูภรรยาทันทีด้วยความเป็นห่วง พบว่าตีรณากำลังยืนร้องไห้จนตัวสั่นก็รีบเข้าไปกอดปลอบใจ ตีรณาซุกเข้าหาอกสามีด้วยความหวาดกลัว ภาพแมวที่เธอผลักจนร่วงลงไปจากระเบียงจนนอนแน่นิ่งทำเอาขาสั่นจ
“พี่เต เจ้าขาเหนื่อยแล้วนะคะ”เจ้าขาโอดครวญเมื่อถูกเตมินทร์เคี่ยวกรำมานานจนแทบไม่มีแรงยืน งานแต่งแสนหวานชื่นผ่านพ้นท่ามกลางความยินดีจากคนที่รักของทั้งสองฝ่าย แม้ครอบครัวจะไม่ได้สนใจชีวิตเจ้าขาหรือแม้แต่แม่ของเตมินทร์ที่วางท่ามากไปหน่อย แต่จากท่าทางวันนี้ใครมองดูก็รู้ว่าทั้งสองครอบครัวก็มีความสุขถึงจะไม่มากเท่าบ่าวสาวก็ตามแต่เจ้าขาก็ไม่คิดว่าเตมินทร์ที่เหนื่อยมาทั้งวันยิ่งกว่าเจ้าขาจะยังเหลือแรงมารังแกเจ้าขาได้มากขนาดนี้ แถมยังดูท่าว่าจะยาวนานจนเจ้าขาชักหวั่นใจแล้วจริงๆ“แต่พี่ไม่เหนื่อย เจ้าขาหอมมากพี่ทนไม่ไหวแล้ว”“อ้ะ แต่พี่เตพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะคะ เจ้าขาจะหนีกลับบ้านจริงๆด้วย”เจ้าขาขู่ออกมาทันทีเมื่อเตมินทร์เข้ามากอดรัดร่างกายจนส่วนแข็งขืนทิ่มแทงเธอจนร้อนวูบวาบไปทั้งตัว ไม่บอกก็รู้ว่าเตมินทร์ต้องการมากขนาดไหน“ไม่เอาครับ”“งั้นก็พอสิคะ เจ้าขาง่วง”“โอเคครับ พี่ขอจูบก็ได้ แค่จูบ”เตมินทร์อ้อนวอนพลิกร่างบางหันกลับมารับจูบที่ร้อนแรงจนเจ้าขาแทบทรุด จมูกสวยได้กลิ่นที่เตมินทร์ชอบปล่อยออกมามอมเมากันทุกครั้งก็รับรู้ได้ว่าคนตัวโตขี้โกงอีกแล้ว เพราะเตมินทร์รู้ว่าเจ้าขาจะแพ้และโอนอ่อน
“สะ ใส่เข้ามา นะคะ อื้อ”“ขอร้องสิครับ”ต่อให้อยากกระแทกแค่ไหนแต่เตมินทร์ก็สนุกที่ได้แกล้งให้เด็กดีกลายเป็นเด็กใจแตกเมื่ออยู่บนเตียง เวลาเจ้าขาต้องการมากๆมันทำให้เจ้าขายั่วยวนโดยไม่รู้ตัวและเตมินทร์ก็ชอบแบบนี้เหลือเกิน“อยาก เจ้าขาอยากได้ของพี่เต ใส่เข้ามานะคะ”“ใส่ให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะคนดี”สวบ!!“อ๊าาา”“ซี้ดด อ่าส์”สองเสียงครางประสานด้วยความเสียดเสียวที่ตีตื้นทันทีเมื่อแท่งร้อนกดเข้าไปจนมิดด้าม ก่อนจะดังขึ้นต่อเนื่องผสมกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อเมื่อเอวสอบสวนกระแทกเข้าออกอย่างเร่าร้อนรุนแรงราวคนอดอยาก เตียงกว้างไหวโยกกระทบผนังจนดังแบบที่ใครผ่านมาก็รู้ได้ไม่ยากว่าคนในห้องกำลังร่วมรักกัน แต่เพราะตอนนี้ทั้งคู่อยู่ตามลำพังเลยไม่ต้องสนว่าใครจะมาได้ยิน อยากทำรุนแรงแค่ไหนหรืออยากไปทำตรงไหนในบ้านก็ทำได้ตามใจและเพราะแบบนั้นเตมินทร์เลยจัดหนักทุกครั้งที่เป็นวันหยุด ทุกที่ในบ้านถูกใช้เพื่อสนองความใคร่จนแทบไม่มีที่ไหนไม่ถูกใช้เป็นที่รองรับอารมณ์ของทั้งคู่ เหมือนยามนี้ที่เตมินทร์พาเจ้าขามาตรงระเบียงนอกห้องนอนที่มีแสงจันทร์สาดส่องจนเจ้าขาหน้าแดงตัวแดงด้วยความเขิน เหมือนระลึกถึงวันแรกที่ได้เจอกัน และเ
“พี่เต วันนี้พระจันทร์เต็มดวงนี่คะ”เจ้าขาถามขึ้นเมื่อหันไปเห็นพระจันทร์ที่ส่องแสงสว่างนวลตาอยู่บนฟ้า แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าถ้าเป็นวันแบบนี้เตมินทร์จะต้องกลายเป็นแมวเหมือนเคย ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งคู่หลงลืมเรื่องนี้ไปราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้น เป็นเวลากว่าสองเดือนแล้วที่คบกันและอยู่ด้วยกันตลอดเวลา จนลืมสังเกตว่าวันไหนที่มีพระจันทร์เต็มดวงบ้าง ที่เแน่ๆเตมินทร์ไม่ได้กลายเป็นเจ้ามูนให้เจ้าขาช่วยกลับคืนร่างสักครั้งตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา จนวันนี้ที่เจ้าขาเผลอเหม่อมองพระจันทร์ถึงเอะใจขึ้นมาได้“ใช่ครับ”เตมินทร์ที่ปีนขึ้นมาบนเตียงตอบรับด้วยสีหน้าปกติไม่ได้มีท่าทีแปลกใจอะไร เจ้าขามองอย่างงุนงงจนต้องถามออกมาอีกรอบ“แล้วทำไมพี่ถึงยังไม่เป็นเจ้ามูนล่ะคะ”“อ่า นั่นสิลืมไปเลยนะเนี่ย”เตมินทร์ที่นึกขึ้นได้ก็ชะงักก่อนจะหันมามองเจ้าขาด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน แต่พอนึกถึงเงื่อนไขที่เป็นแบบนี้ได้ก็ยิ้มกริ่ม ในใจฟูฟ่องจนแทบเก็บอาการไม่มิดแต่ก็ยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วมองเจ้าขาที่ทำหน้าสงสัยด้วยความเอ็นดูต่อไป“ไม่ตกใจเลยเหรอคะ”“แล้วหนูตกใจอะไรครับ อยากให้พี่เป็นแมวเหรอ หืม”เตมินทร์แกล้งถามกลับพลางท
“ช่วยส่งเอกสารการประเมินงานทุกอย่างของเจ้าขามาให้เลขาผมด้วยนะครับ ต่อไปผมจะป็นคนสอนและประเมินงานแฟนผมเอง เจ้าขาจะไม่ได้มาทำที่แผนกนี้แล้ว”เตมินทร์มองท่าทางหวาดกลัวนั่นอย่างพอใจก่อนจะสั่งออกมาด้วยท่าทางที่กดดันเหมือนเดิม ตอนนี้แค่อยากแสดงตัวให้ชัดเจนไปก่อนแต่ถ้ายังมีใครกล้ามาแตะเจ้าขาลับหลังอีกล่ะก็ เตมินทร์ไม่คิดจะเก็บไว้เหมือนกัน“อ้อ ค่ะ ได้ค่ะคุณเตมินทร์ จะรีบจัดการให้เลยค่ะ”ปัณณดาผงกหัวตอบรับด้วยอาการลนลาน แม้จะตกใจที่เตมินทร์ประกาศสถานะกับเจ้าขาออกมาแต่ก็เหมือนยิ่งตอกย้ำว่าตัวเองกำลังจะซวยที่แอบนินทาเจ้าขามานาน ตอนนี้หากเตมินทร์หรือเจ้าขาปล่อยผ่านไม่ว่าอะไรเธอก็ยินดีทำทั้งนั้น เตมินทร์ไม่ได้สนใจท่าทางหวาดกลัวเพราะถือว่านี่คือการเตือนให้รู้แล้วว่าสถานะเจ้าขาคืออะไร หลังจากนี้ก็ถ้ายังกล้าก็คงต้องไปหางานใหม่เอา ร่างสูงจูงมือเจ้าขาที่ตกใจกับการประกาศโต้งๆแบบนั้นของเตมินทร์กลับห้องทำงานทันที ก่อนที่เจ้าขาจะรีบถามออกมาทันทีเมื่อเข้ามาอยู่ในที่ส่วนตัวแล้ว“พี่เต ทำไมไปประกาศแบบนั้นล่ะคะ”“ก็พี่อยากให้ทุกคนรู้ว่าเจ้าขาเป็นแฟนพี่ เป็นของพี่ไงครับ นี่พี่ว่าจะขึ้นป้ายประกาศบนบอร์ดบริษัทด