"คุณแม่คะนาวว่าเยอะไปแล้วนะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงแม่สามีที่ยังหยิบชุดคอลเลคชั่นใหม่มาทาบกับตัวเธอไม่หยุด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งตกลงเหมาตัวที่แขวนอยู่ทั้งเซ็ท โดยทุกชุดให้จัดส่งที่อยู่คือเพนท์เฮ้าส์เธอนั่นแหละ
"ไม่เยอะเลยลูก ชุดพวกนี้ยังไงหนูก็ต้องใช้" รจณีตอบกลับลูกสะใภ้ก่อนจะเดินไปเมียงมองชุดเดรสสีโอลด์โรสที่ตั้งโชว์อยู่ แล้วหันไปพยักหน้าบอกเอสเอที่เดินตาม เพียงแค่นั้นลัลนาก็รู้ได้ทันทีว่าตู้เสื้อผ้าเธอจะมีชุดนี้เพิ่มเข้าไปอีกชุด
ไหนคุณรจณีบอกมาเดินดูเฉยๆ แก้เบื่อไง
เมื่อเช้าคุณหญิงรจณีโทรหาเธอด้วยน้ำเสียงดูหงอยๆ บอกว่าไม่มีเพื่อนเดินช็อปด้วย เธอที่วันนี้มีงานแค่ช่วงเช้าจึงตกปากรับคำบอกว่าจะมาเดินเป็นเพื่อน
แต่ตั้งแต่เจอหน้ากันคุณหญิงรจณีลากเธอเดินไม่หยุด เรียกได้ว่าใช้เวลาได้คุ้มค่ามาก เข้าออกแทบจะทุกช็อปในห้าง แต่ที่สำคัญคือใช้เธอเป็นหุ่นทดลอง ทีแรกคิดว่าคงตั้งใจให้เป็นแบบเพื่อซื้อให้พระพรหรือวราลี แต่ที่ไหนได้ทุกชุดที่แม่สามีได้จับ ตอนนี้กลายเป็นของเธอทั้งหมด
"คุณแม่คะนาวว่ามันเยอะจริงๆ นะคะ" ลัลนาเอ่ยท้วงอีกรอบ เมื่อเห็นคนข้างๆ ยังเลือกชุดไม่หยุด
"แม่อยากซื้อให้นาวนี่ลูก ตั้งแต่ยัยเพนท์โตก็ไม่ยอมมาเป็นตุ๊กตาให้แม่จับแต่งตัวเลย ส่วนน้ำตาลเดี๋ยวนี้ตาพัชก็ไม่ยอมให้ออกมาช็อปเป็นเพื่อนแม่" ลัลนายิ้มแหยๆ นิ่งฟังคุณแม่สามีบ่นลูกชายคนโต ที่หลังๆ มักจะหาข้ออ้างไม่ให้เมียตนเองออกมาช็อปปิ้งกับผู้เป็นแม่ เดาได้ไม่ยากว่าเมื่อก่อนวราลีคงโดนไม่ต่างกัน
"นาวเกรงใจนี่คะ" มะนาวรีบอธิบาย เมื่อเห็นคุณแม่เริ่มมีใบหน้าหงอยๆ
"ไม่ต้องเกรงใจเลยหนูนาวก็คือลูกของแม่อีกคนนะ เพราะฉะนั้นต่อไปถ้าตาพีร์รังแกอะไรหนู มาบอกแม่ได้เลย" รจณียกมือลูบศีรษะลูกสะใภ้คนเล็ก แถมยังออกปากปกป้องเต็มที่
"ขอบคุณนะคะคุณแม่" ลัลนายกมือไหว้ขอบคุณแม่สามี ที่เอ็นดูเธอมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เธอยังไม่ได้เข้ามาเป็นสะใภ้ด้วยซ้ำ
"ขอบคุณอะไรกันลูกสาวแม่ มานี่มา ไปซื้อพายกันร้านนี้ตาพีร์ชอบกิน" คุณหญิงรจณีเดินจูงมือลูกสะใภ้ออกจากร้าน เดินตรงไปยังโซนอาหารที่ปกติมักจะซื้อขนมไปฝากลูกชายทั้งสองคนอยู่บ่อยๆ
"ของตาพีร์พายสับปะรดส่วนของตาพัชกับน้ำตาลชอบกินพายข้าวโพด ส่วนยัยเพนท์ไม่ต้องพูดถึงต้องพายเผือกสมเป็นตัวเขานั่นแหละ" ลัลนาหัวเราะตามแม่สามีที่พูดถึงลูกสาวตนเองว่าชอบกินพายเผือกเหมือนนิสัยชอบเผือกเรื่องคนนู้นทีคนนี้ที ถึงจะดูเป็นการเหน็บแนมแต่ก็เต็มไปด้วยสีหน้าและน้ำเสียงเอ็นดู
มะนาวมองตามผู้ที่จัดแจงขนมของฝากของลูกๆ และสามีตนเองอย่างชื่นชม คุณหญิงรจณีถึงแม้จะอายุจะเข้าเลขหกแล้ว แต่ทั้งหน้าตารูปร่างยังดูอ่อนเยาว์ราวกับคนอายุไม่ถึงห้าสิบ ไหนจะการดูแลเอาใจใส่ ที่มีต่อครอบครัวรวมถึงลูกสะใภ้ทั้งเธอและพี่น้ำตาล ก็ยิ่งทำให้เธอเคารพชื่นชม
คิดถึงภาพครอบครัวที่เธอเคยมีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะรับประทานอาหารด้วย ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านเข้ามาภายในใจ ไม่รู้เธอจะมีโอกาสได้อยู่ในครอบครัวดีๆ ถึงเมื่อไหร่ สักวันหนึ่งหากรพีภัทรเจอคนที่อยากใช้ชีวิตอยู่ด้วยจริงๆ เธอก็คงเป็นคนอื่น แค่คิดก็หน่วงๆ ในใจ แต่ไม่รู้ว่าความรู้สึกหน่วงๆ นี้เกิดจากที่จะไม่ได้อยู่ในครอบครัวนี้ หรือเป็นเพราะกลัวสถานะที่ต้องเปลี่ยนไปกันแน่
"พี่ดาสวัสดีค่ะ"
"คุณนาว!" วิชุดาเงยหน้าจากหน้าจอคอม เมื่อเห็นว่าเป็นดาราสาวที่ตอนนี้ตนเองสมัครเป็นเอฟซีแล้วก็ยกยิ้มกว้างอย่างดีใจ
"นาวซื้อขนมมาฝากค่ะ" ลัลนายื่นถุงขนมให้วิชุดา ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้คนอื่นๆ ในแผนก "แบ่งๆ กันทานนะคะทุกคน"
"ขอบคุณนะคะคุณนาว ไม่ต้องซื้อมาพี่ดาก็จับตาดูหมอพีร์ให้อยู่แล้วค่ะไม่ต้องห่วง" วิชุดารับถุงขนมมาพลางเอ่ยแซวว่าเธอซื้อขนมมาเพื่อให้เธอช่วยเป็นหูเป็นตาให้
"ไม่เกี่ยวเลยค่ะ นาวเห็นขนมน่ากินเลยซื้อมาฝากค่ะ"
"หลักๆ คือฝากหมอพีร์ใช่ไหมคะ" ลัลนาแสร้งยิ้มขวยเขินเมื่อพยาบาลสาวชี้ไปยังถุงขนมที่เธอยังถือไว้ในมือ
"ว่าแต่หมอพีร์อยู่ไหมคะ" ลัลนาไม่ตอบ รีบถามหาสามีในนาม ตั้งใจจะเอาขนมมาให้ตามที่คุณหญิงรจณีฝากฝังให้แล้วจะกลับเลย
"หมอพีร์ติดคอนเซาท์ค่ะ แต่ไม่น่าเกินครึ่งชั่วโมงก็คงออกมาแล้ว"
"ถ้าอย่างนั้นนาวฝากขนมให้หมอพีร์หน่อยนะคะ" เธอจึงรีบยื่นถุงใบใหญ่ให้คนที่รับหน้าทันที ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเจอกัน หลังจากวันนั้นที่เธอคุยกับเขาเรื่องรูปนั่น ลัลนาก็ยังไม่ได้เจอรพีภัทรอีกเลย ถึงแม้จะรับรู้ได้ว่าเขากลับมาที่เพนท์เฮ้าส์อยู่บ่อยๆ แต่ก็เหมือนไม่มีโอกาสได้เจอกัน เธอกลับมาเขาอยู่บนห้อง ตอนเขาออกมาบางทีเธอก็ออกไปทำงานแล้ว
เรียกได้ว่าต่างคนต่างรู้ว่าอยู่ด้วยกัน แต่หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ามากกว่า นี่ไม่ติดว่าคุณแม่รบเร้าให้เธอนำขนมมาฝากให้ได้ เพราะอยากให้ลูกชายได้กินพายตอนอบใหม่ๆ เธอก็คงไม่เข้ามา เรียกได้ว่ายังนอยด์ๆ อยู่ที่โดนเขาดุวันนั้น
"คุณนาวไม่อยู่รอเหรอคะ หมอพีร์อาจจะอยากเจอคุณนาวก็ได้นะคะ" วิชุดายิ้มล้อๆ เอ่ยแซว
"ไม่เป็น..."
"นั่นสิครับคุณนาวอยู่รอก่อนสิครับ สักพักไอ้พีร์ก็มาแล้ว"
"หมอไทม์?" ลัลนาที่กำลังจะปฏิเสธหันมองตามเสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง ที่เอ่ยเรียกเธอ
"สวัสดีครับคุณนาว"
"สวัสดีค่ะหมอไทม์" มะนาวยิ้มตอบรับคนที่เดินมาทักอย่างเป็นมิตร จำได้ว่าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในวันงาน และเป็นเพื่อนที่สนิทของรพีภัทร
"อย่าเพิ่งกลับเลยครับ ดื่มกาแฟเป็นเพื่อนผมสักแก้ว" ลัลนายกข้อมือดูเวลาเมื่อเห็นว่ายังไม่เย็นมากจึงตกปากรับคำ เอ่ยปากบอกลาพยาบาลในแผนกที่เริ่มคุ้นหน้า ก่อนจะเดินเคียงไปกับคนมาใหม่ที่เข้ามาทักทาย
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้