"ฮันนีมูน?"
"คุณแม่ถามมาว่าเรามีแพลนจะไปที่ไหนกัน" รพีภัทรเอื้อมมือตักอาหารตรงหน้าไว้ในจานคนที่นั่งตรงข้าม ในขณะที่คนตัวเล็กยังนั่งกะพริบตามึนงง
"เราต้องไปด้วยเหรอคะ"
"ผมก็คิดแบบนั้น" รพีภัทรถอนหายใจเล็กน้อย ลำพังตัวเองงานก็ยุ่งอยู่แล้ว แต่คุณหญิงรจณีคุณแม่ของเขาโทรมาคุยเรื่องนี้เมื่อหลายวันก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุให้เขาต้องกลับมาที่เพนท์เฮ้าส์เพื่อคุยกับเธอเรื่องนี้ "แต่ถ้าคุณไม่สะดวกผมจะคุยกับคุณแม่ดู"
"ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันก็ได้ แค่ในประเทศพอ" เธอไม่อยากทำให้ผู้ใหญ่ไม่สบายใจ อีกอย่างไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงมาก เธอก็ยินดีจะทำ
"ผมขอโทษด้วย ไม่คิดว่าจะต้องดึงคุณมาลำบากใจ" ความคิดทีแรกแค่ตั้งใจให้มารดาเลิกวุ่นวายเรื่องจับคู่ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นต้องไปฮันนีมูนรบกวนเวลางานดาราสาว
"สบายมากค่ะ" ลัลนายกยิ้มน้อยๆ ตอบเขาอย่างไม่คิดมาก ถือว่าไปพักผ่อนด้วย ตัวเธอเองทำงานมาตั้งหลายปี เรียกได้ว่าชีวิตสุขสบายกว่าเมื่อก่อนก็จริง แต่ก็แทบไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวจริงจัง มีอาศัยเวลาไปทำงานหรือถ่ายละครแวะเที่ยวบ้างในบางครั้ง
"คุณกินก่อนเถอะแล้วค่อยมาตกลงกัน"
หลังจากที่ทั้งเธอและเขารับประทานอาหารเรียบร้อย ลัลนาเป็นฝ่ายขอรับหน้าที่ในการล้างจาน ส่วนคุณหมอหนุ่มก็ไม่ขัดอะไรเข้าใจว่าคนตัวเล็กคงไม่อยากเอาเปรียบ จึงออกไปนั่งรอที่โซฟาในห้องนั่งเล่น หยิบเอกสารเรื่องงานมาอ่านรอเวลา ลัลนาเมื่อล้างจานเก็บโต๊ะเรียบร้อยจึงเดินตามเข้ามาในห้องบ้างตั้งใจคุยเรื่องที่ค้างไว้
"คุณว่างช่วงไหนคะ" มะนาวเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นบ้าง ไม่อยากจะรบกวนเวลาเขา แต่อยากรีบคุยให้จบจะได้ขึ้นไปพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้เธอมีคิวถ่ายละครแต่เช้า
"อาทิตย์หน้าผมมีไปสัมมนาแค่นั้น หลังจากนั้นคุณนัดผมล่วงหน้าก็พอ" เขาเอ่ยตอบเหมือนคิดแผนการไว้หมดแล้ว ในขณะที่เธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเห็นว่าช่วงอาทิตย์หน้าเธอมีไปถ่ายละครที่เขาใหญ่เช่นเดียวกัน
"ถ้าเป็นสักปลายเดือนหน้าดีไหมคะ"
"ครับ" เขาตอบรับสั้นๆ ไม่คิดมาก
"ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อน" เมื่อเห็นว่าไม่น่าจะมีอะไรแล้วเธอจึงเอ่ยขอตัว ตั้งใจขึ้นไปพักผ่อนข้างบน แต่รพีภัทรเอ่ยรั้งไว้ก่อน
"เดี๋ยวก่อน"
"คะ?"
เขาไม่ตอบอะไรแต่เอื้อมมือหยิบไอแพดขึ้นมา ก้มหน้าเหมือนหาอะไรนิดหน่อยก่อนจะเบี่ยงหน้าจอให้เธอดู ลัลนาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตนเองปรากฏอยู่ ที่นั่งข้างๆ มีอชิระที่รับบทพระเอกในละครที่ตนเองกำลังถ่ายทำอยู่
"พอดีฉันมีธุระกับอชิค่ะ" เธอเริ่มต้นอธิบายกว้างๆ บอกได้เพียงแค่ว่าตนเองไปธุระกับพระเอกหนุ่ม "ความจริงตอนนั้นมีอีกคนด้วยค่ะ แต่เขาแค่ยังมาไม่ถึง อชิมีทำงานต่อ..."
"ที่นี่โรงแรมของที่บ้านผมคุณรู้ใช่ไหม" เขาพูดแทรกก่อนที่เธอจะอธิบายจบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ลัลนาพยักหน้าตอบรับเมื่อเขาพูดขึ้น ทำไมจะไม่รู้ว่าธุรกิจของสามีตนเองมีอะไรบ้าง "แล้วถ้าไม่ใช่โรงแรมของครอบครัวผม คุณคิดว่าภาพนี้จะถูกเผยแพร่ไปขนาดไหน"
ลัลนาก้มหน้าลงรู้สึกผิดเล็กน้อย ในภาพไม่ได้มีอะไรที่สื่อให้เห็นว่าเธอกับอชิมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน แต่สถานที่ที่เธอและอชิระไปทำธุระกันดันเป็นห้องอาหารโรงแรม เพราะอชิระมีงานต่อที่ห้างสรรพสินค้าที่อยู่ติดกับโรงแรม ถึงแม้เธอจะพยายามพรางตัวแล้วแต่ก็มีสิทธิ์ที่จะมีคนจำได้ ถึงเวลานั้นหากมีข่าวออกไปแล้ว ก็ย่อมทำความเสียหายให้หลายๆ ฝ่ายจริงๆ
สมควรแล้วที่เขาจะตำหนิ เธอทำอะไรไม่คิดเอง
"ฉันขอโทษจริงๆ" ลัลนาก้มหน้าตอบอย่างสำนึกผิด
"ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร...แต่อย่างที่เคยบอกไว้ คุยจะทำอะไรก็ระมัดระวังหน่อย" ลัลนาเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างของเขา ที่กำลังอ่านเอกสารในมืออยู่ เขาพูดตำหนิโดยไม่มองหน้าเธอสักนิด และดูเหมือนจะไม่ได้ฟังสิ่งที่เธออธิบายไปด้วยซ้ำ ราวกับเชื่อมั่นในสิ่งที่ตนเองคิดแล้ว สิ่งที่เธออธิบายเป็นเพียงแค่ลมปากที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านออกไป
เมื่อเห็นเป็นแบบนั้นลัลนาจึงลุกขึ้นจากโซฟาเดินเปิดประตูออกจากห้องไปไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ หัวเราะน้อยๆ กับตัวเอง ที่พูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ สัมภาษณ์บอกความจริงก็ไม่เชื่อ ไม่พูดอะไรก็หาว่าเงียบกลบเกลื่อน แม้แต่สามีตนเองแท้ๆ ก็ไม่คิดจะฟังสักนิด ที่กลับมาวันนี้ก็คงตั้งใจมาคุยเรื่องวันนี้นั่นแหละ ไม่ได้เป็นห่วงอะไรอย่างที่เธอแอบคิดสักนิด
เธอก็ยังคงเป็นลัลนาคนเดิม คนที่มีแต่คนอยากทอดทิ้งนั่นแหละ
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้