Share

บทที่ 20 เศร้าหมอง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-02-21 20:32:25

บทที่ 20 เศร้าหมอง

หน้าหนาว...

หนึ่งในฤดูที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ ก่อนหนี้ไม่กี่สิบปีก่อนอาจจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เนื่องจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านที่ห่างไกล และมีลำธารไหลพาดผ่านหลายสายใหญ่บ้างเล็กบ้างแล้วแต่ต้นน้ำว่ามาจากจุดไหน

แต่หลังจากที่ภัยพิบัติได้เริ่มขึ้นเมื่อสิบปีก่อน จากฤดูหนาวธรรมดาๆ ที่เพียงแค่มันจะกินเวลานานบ้างเร็วบ้าง แต่มันก็เพียงแค่ต้องเตรียมพร้อมเสบียงอาหารให้มากขึ้นก็เท่านั้น กลายเป็นฤดูหนาวที่เลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ปี เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่ลดลงตามความแห้งแล้งจนแทบไม่ได้เลยในปีหลังๆ มานี้ เป็นสิ่งที่ทำให้เพิ่มจำนวนคนตายมากขึ้นในทุกๆ ปี...

สำหรับหน้าหนาวที่ค่ำคืนจะยาวนานกว่ากลางวัน ในช่วงที่นานที่สุดอาจจะกินเวลากลางวันเกินไปถึงสองชั่วยาม เป็นช่วงเวลาที่ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุยืนยาวที่ไม่มีอาหารมากเพียงพอตายไปอย่างเงียบๆ ยิ่งเป็นหน้าหนาวที่ต้องประหยัดเนื่องจากไม่สามารถหาเสบียงอาหารได้อีก จะมีแค่นานๆ สักครั้งที่พวกเขาสามารถล่าสัตว์อสูรได้บ้าง แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลผู้คนในหมู่บ้านอยู่ดี โดยเฉพาะปีที่ผ่านมาผู้เฒ่ายายชราหลายสิบชีวิตได้นัดรวมกันเพื่อแอบไปหนาวตายรวมกันอย่างเงียบเชียบ เพียงเพื่อหวังว่าอาหารที่เหลืออยู่เพียงแค่น้อยนิด จะสามารถช่วยให้ครอบครัวหลุดพ้นจากหน้าหนาวที่ยาวขึ้นกว่าทุกปีให้ใด

ซึ่งเมื่อผู้คนในหมู่บ้านได้ยินเรื่องที่เด็กๆ เล่าให้ฟัง ต่างก็พากันยินดี แม้แต่บ้านที่มีแค่เด็กน้อยหรือบ้านที่ไม่มีเด็กเล็กเลย ก็ยังไปสอบถามข่าวคราว

เพราะแบบนี้เองที่ทำให้ในวันต่อมาผู้คนแทบจะทั้งหมดในหมู่บ้านต่างก็มาช่วยกันอย่างมืดฟ้ามัวดิน ชนิดที่ขนาดที่นั่งที่ทุกๆ คนได้เรียมเอาไว้เกือบๆ สองร้อยที่นั่งยังไม่เพียงพ่อต่อจำนวนคนที่มา ยังต้องระเห็จไปนั่งรอบๆ บ้าน จนบริเวณบ้านที่เคยกว้างขาวกลับแน่นขนัดไปทันตา

ถึงอย่างไรด้วยช่วงอายุขัยที่ยาวนาน บ้านที่ยังพอมีความสามารถที่จะดูแลคนในบ้านได้ อาจจะมีประชากรได้ถึงห้าหรือหกชั่วรุ่น ทำให้บ้านที่มีจำนวนคนมากที่สุดนั้นสามารถมีได้มากถึงครึ่งร้อยเลยทีเดียว

แต่ก็ใช่ว่าทุกบ้านจะโชคดีแบบนั้น เพราะบางบ้านถึงขั้นเหลือเพียงแค่ผู้เฒ่าที่ช่วยเหลือตัวเองแทบไม่ได้อยู่แค่สองสามคนก็มี

เมื่อผู้คนมาพร้อมกันแล้วเย่หัวที่ได้ตระเตรียมกับเด็กๆ ตั้งแต่เมื่อวาน ก็ได้ให้เด็กๆ เอามันต้มทั้งสองสีไปแจกแก่ผู้คนในหมู่บ้านนับพันคน ที่กำลังรอฟังสิ่งที่นางพูดอยู่ ซึ่งในระหว่างนั้นนางก็ได้นำ ‘จางหลง’ ไปดูที่แปลงมันทั้งสองชนิด พร้อมทั้งอธิบายวิธีการปลูกคร่าวๆ ที่นางกับเด็กๆ ช่วยกัน 

โดยที่ไม่ลืมกล่าวถึงความเร็วในการเติบโตของมันทั้งสองที่มากมายมหาศาลจนแม้แต่นางเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี ทำได้เพียงแค่บอกว่าตัวนางเองยังไม่รู้เหมือนกัน

แล้วนอกจากนั้นนางก็ไม่ลืมที่จะบอกเล่าถึงสิ่งหนึ่งที่จางซิวสงสัย นั่นก็คือความชื้นและความอุดมสมบูรณ์ของดินที่เพิ่มขึ้น และที่สำคัญที่สุดก็คือลำธารที่วันแรกเคยแห้งขอดก่อนที่จะปลูกมันทั้งสอง แต่เพียงแค่สามวันให้หลัง ในลำธารก็มีน้ำไหลจนเห็นได้ชัดแม้จะอยู่ที่หน้าบ้านที่อยู่เหนือจากลำธารขึ้นมาเกือบครึ่งลี้

และก่อนที่จะกลับมาให้หัวหน้าหมู่บ้านเป็นคนกล่าวกับผู้คนในหมู่บ้าน นางไม่ลืมพากลับไปที่แปลงมันหวานอีกครั้ง และขุดลงไปในรอยปริแตกของดินที่หมายตาไว้เมื่อวานนี้

“...เป็นไปไม่ได้” แม่แต่เย่หัวก็แทบไม่เชื่อสายตา หัวมันหวานเปลือกสีม่วงอมแดงเข้มจัดที่มีขนาดเท่ากับกำปั้นของนางแล้ว มันอาจจะดูเป็นมันหัวเล็กๆ หัวหนึ่ง

แต่มันดันเป็นพืชหัวชนิดหนึ่งที่ปลูกไปเพียงแค่ไม่ถึงสามวันดีด้วยซ้ำ!

“...” ส่วนจางหลงนั้นใบ้กินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเด็กหญิงผู้นี้แทบจะไม่ต่างจากเทพธิดาในตกนาน ที่ลงมาโปรดพวกเขา แต่การที่พืชที่สามารถกินได้สักชนิด สามารถเติบโตจนสามารถที่จะเก็บเกี่ยวได้ภายในสามวันห้าวันแบบนี้ ต่อให้เขาตายแล้วเกิดใหม่สักกี่ครั้งก็ไม่รู้ว่าจะเจอไหม ที่สำคัญแม้จะเป็นมันหวานที่เพียงแค่มองก็รู้แล้วว่ายังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยวดี เพียงแค่มองมันก็รู้สึกได้ว่ามันคงจะต้องอร่อยมากแน่ๆ

“คะ...คุณหนู ไม่ทราบว่ามันจะเป็นการเสียมารยาทหรือไม่ ถ้าหากข้าจะขอเอาหัวมันหัวนี้ไปให้ทุกๆ คนดูในตอนที่ข้าอธิบายทุกอย่างให้ฟัง”

“ได้สิเจ้าคะ ทำไมหรือเจ้าคะ”

“ถึงสิ่งที่คุณหนูทำเพื่อพวกเรามันจะวิเศษและยากเกินกว่าจะอธิบายว่าพวกเราติดหนี้คุณหนูมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วในจำนวนคนมากมายก็ยังมีคนที่ไม่เชื่อเมื่อได้ยินข่าวที่เด็กๆ ไปแจ้งเมื่อวานนี้ และมีหลายคนที่ยังคลางแคลงใจ...”

“ไม่ปีปัญหาเจ้าค่ะ จะอย่างไรข้าก็เป็นเพียงแค่เด็กแปดขวบ ที่จำอะไรไม่ได้มากนัก ข้าไม่ได้คาดหวังให้ทุกๆ คนเชื่อในตัวข้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เย่หัวยิ้มออกมา แต่ถึงจะยิ้มแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่หมองลงสักสองส่วน ก่อนที่จะกลับมายิ้มอีกครั้ง เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศ “ข้าเพียงแค่หวังว่าสิ่งที่ข้าพอจะทำได้นั้นจะสามารถที่จะช่วยให้เด็กๆ มีรอยยิ้มต่อไปได้ แม้ในวันที่ข้าไม่อยู่แล้วก็ตาม...ท่านลุงจางหลงไปอธิบายให้ทุกคนฟังเถอะเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะไปดูในครัวหน่อยว่ามีอะไรขาดเหลือบ้าง”

“ขอรับ...ขอบคุณมากนะขอครับคุณหนู”

“ไม่เป็นไร...ไปเถอะเจ้าค่ะ”

กล่าวจบเด็กหญิงก็เดินก้มหน้าไปทางหลังบ้าน ที่เป็นจุดศูนย์รวมของแม่ครัว ที่กำลังเตรียมอาหารกันอย่างขะมักเขม้น โดยที่จางหลงมองไปทางเด็กหญิงอย่างรู้สึกผิด แต่เขาก็ทำอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่เขาเชื่อว่าอย่างน้อยเมื่อวันเวลาผ่านไป ผู้คนก็จะมองเห็นความตั้งใจของเย่หัวด้วยตัวของพวกเขาเอง

 .................................

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)

    บทที่ 84 แปดเซียนสองเทวะหนึ่งอรหันต์(1)จากแสงของดวงตะวันที่เริ่มอ่อนแรงลงในยามโพล้เพล้ เปลี่ยนเป็นแสงสว่างที่สาดกระทบลงมาทั่วหุบเขาในเสี้ยวพริบตา ทำให้ชาวบ้านทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปโดยเฉพาะความรู้สึกเคารพ นอบน้อม และหวั่นเกรงต่อแสงสว่างเหล่านั้น แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะไม่สามารถมองเห็นต้นเหตุของแสงสว่างเหล่านั้นได้ แต่ว่าความรู้สึกของพวกเขาทุกคน แทบจะไม่แตกต่างกันเลยและในเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนก็หันมองไปทางนางเซียนน้อยของพวกเขา ผู้ซึ่งนำพาแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์สงบร่มเย็นมายังหุบเขาแห่งนี้ ที่ตอนนี้แม้แต่ตัวนางเองก็ยังมองไปยังฟากฟ้าไม่แตกต่างจากทุกคน...ส่วนที่แตกต่างกันนั้นก็คงจะเป็นภาพ ที่ปรากฏอยู่ในดวงตาของเยว่หัวนั้น มันเป็นกลุ่มก้อนรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์โปร่งใส แต่มีขนาดและสีสันต์ที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่ตัวเล็กๆ กว่าปลายเข็ม ไปจนกระทั่งตัวโตจนสูงกว่ายอดเขาที่สูงที่สุดด้วยซ้ำ...“ไม่อยากจะเชื่อ ตกลงว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่...”เยว่หัวมองไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้าของนาง ด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะได้คิดไปไกลเกินกว่านั้น

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์

    บทนำเล่มสาม ดินแดนแห่งชีวิต...หุบเขาธิดาสวรรค์อีกไม่นานหลังจากนี้...ดินแดนแห่งนี้จะเป็นที่กล่าวถึงของผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ที่เคยเป็นดินแดนแห่งความตายดินแดนแห่งนี้ที่ผู้คนเคยหลีกหนีดินแดนแห่งนี้ที่เคยถูกทอดทิ้งโดยผู้คนมากมายดินแดนแห่งนี้ ที่แทบจะไม่เหลือใครในอีกไม่กี่ปีต่อมา ถ้าหากไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆดินแดนแห่งนี้ ที่ผู้คนภายนอกส่วนใหญ่ต่างมองว่า มันคือดินแดนที่ตายไปแล้วดินแดนแห่งนี้คือหุบเขาที่มีเพียงแค่ความแห้งแล้ง ที่มีเพียงแค่ซากแห่งชีวิต ที่ค่อยๆ แห้งเหือดลงไปในทุกทุกขณะมันคือดินแดนแห่งความสิ้นหวัง ที่ไม่มีใครอยากจะไปเข้าใกล้มัน เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นดินที่แห้งแล้ง ไม่ว่าจะเป็นหุบเขาที่เต็มไปด้วยสัตว์อสูร แล้วยังมีความลับต่างๆมากมาย ที่เคยพรากชีวิตผู้คนไปนับไม่ถ้วนในตลอดระยะเวลา 10 ปี จนทำให้ภูเขาแห่งนี้ เป็นที่ที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกไปโดยสมบูรณ์ เพราะว่าแม้แต่คนภายในเองก็ยังพยายามที่จะหลีกหนี พวกเขาพยายามที่จะกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดออกมาจากดินแทนแห่งนั้น…แต่อยู่มาวันหนึ่ง...ดินแดนที่เคยไร้ซึ่งชีวิตและความหวัง ก็ได้เกิดปรากฏการณ์สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน จนผู้คนที่พบ

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)

    บทที่ 82 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (2)“…!!”ในทันทีที่ชาได้สติขึ้นมา มองไปยังใบหน้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างออก ปากอ้าหุบอ้าหุบพะงาบพะงาบราวกับต้องการจะพูดบางสิ่งบางอย่างออกไป แต่เขารู้ดีว่าความหวังของเขามันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ต่อให้ใบหน้านั้นจักคุ้นเคยและคล้ายคลึงกับคนที่เขาเฝ้าตามหามาช่วยชีวิตสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาดที่ใครสักคนหนึ่งจะมีใบหน้าเหมือนอีกคน ขนาดนี้จะเป็นคนคนเดียวกัน...‘บางทีอาจเป็นข้าเองที่จำผิด...’เขาพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วดึงสติกลับมาในเหตุการณ์ปัจจุบันอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น และเขาจะช้าไปกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว…“พระคุณเจ้าขอรับ...”“เรารู้ว่าเจ้ามหาเราทำไม พูดออกมาเถิดเพราะว่าเจ้าคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเรานั้นสามารถทำอะไรได้หรือไม่ได้”สิ่งที่พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้นกล่าวออกมานั้นไม่ผิดเลย สำหรับคนที่เคยเข้าเฝ้าพระปัจเจกพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้ามาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน สำหรับเขาที่มีชีวิตอยู่มานานมากขนาดนั้น มีหรือที่เขาจะไม่รู้ในข้อนี้เพราะว่าสำหรับพระที่บรรลุอรหันต์แล้ว

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)

    บทที่ 81 บทพิเศษ “เราไม่ลงนะรกแล้วผู้ใดจักลงนรก” (1)#บทนี้เป็น บท ย่อยแยกอีกบทหนึ่งนะครับ#ย้อนกลับไปในตอนก่อนที่เขาจะมอบระฆังธรรมให้กับเพื่อน ในขณะนั้นชาได้สังเกตเห็น ถึงความตั้งใจที่จะสั่งสอนธรรมะของเพื่อน แต่ด้วยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การที่นางไม่สามารถจดจำข้อธรรมใดๆ ได้มากนักก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไรเนื่องจากว่าการที่เขาได้ทำการล้วงเอาจิตของนางขึ้นมาจากนรกนั้น มันเป็นเรื่องที่ทำการฝืนชะตากรรมของคนคนหนึ่ง และการที่เขา เรียกดวงจิตเดิมของนางที่ควรจะแตกดับไปนานแล้ว ตลอดไปจนถึง สัญญาสังขารและวิญญาณแต่เดิมของนาง ในภพแรกที่พวกเขาทั้ง 2 คนได้เจอกันโดยวิธีการเปิดพระธรรมคำสั่งสอนจากระฆังธรรม ให้ดวงจิตที่แตกสลายของนางได้ฟังซ้ำไปซ้ำมาครั้งแล้วครั้งเล่า ยาวนานนับหมื่นปีกว่าที่ดวงจิตของนางจะสามารถเรียกสติกลับคืนมาได้อีกครั้ง ซึ่งมันก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เหล่าสัตว์นรกบางส่วนที่พอมีฤทธิ์สามารถแทรกออกมายังบนโลกอีกครั้ง...และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมจู่ๆ นางถึงเหมือนกับว่า สามารถอธิบายข้อธรรมคำสั่งสอนทั้งหลาย ออกมาได้ราวกับเคยศึกษามันมาอย่างถ่องแท้ ทั้งๆ ที่ตัวนางแทบจะไม่เคยศึกษาเรื่องราวในแน

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   คุยกันแบบจริงจังก่อนขึ้นเล่มสาม(เนื้อเรื่องที่แท้จริง)

    ก่อนอื่นเลยที่สำคัญที่สุดต้องขอบคุณมากๆ เลยนะครับ ที่ติดตามกันมาจนถึงตอนนี้(น่าจะเหลือไม่ถึง1/10ของคนที่หลงเข้ามาที่จะเดินมาจนถึงจุดนี้) ดีใจที่เดินทางมาด้วยกันจนถึงจุถดเริ่มต้นที่แท้จริงของนิยายเรื่องนี้ครับใช่แล้วครับ…ตั้งแต่บทนำมาจนถึงตอนนี้เพิ่งจะเป็นส่วนที่ปูจุดเริ่มต้นของ เย่หัว-เยว่หัว ให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนและสภาพแวดล้อมของนาง โลกที่นางอยู่ ผู้คน สังคม รายละเอียดที่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาหลัก และเหตุผลของการกระทำต่างๆ ที่นางจะทำต่อจากนี้ไป จนบางครั้งอาจจะเป็นการกระทำที่ “โหดเหี้ยม” แบบไร้เหตุผลเลยก็มี เล่ม1-2จะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในส่วนของ “บทนำ” แต่หลังจากเล่ม 3 เป็นต้นไปก็จะเข้าสู่ปฐมบทที่แท้จริง ตามชื่อบทของบทนี้ครับ เราจะคุยกันแบบจริงจังกับเนื้อเรื่องที่แท้จริงกันครับ อย่างแรกเลยก็คือหลังจากนี้จะต้อนรับเข้าสู่โลกแห่งความแฟนตาซีที่แท้จริง ของแม่ครัวตัวจิ๋วที่รักในการทำอาหารให้ผู้คนได้ลิ้มรส เป็นหนึ่งในความสุขของนาง และเป็นสิ่งสำคัญที่จะคอยยึดเหนี่ยวตัวนางเอาไว้ ส่วนยึดนางจากอะไรนั้นต้องไปติดตามในเนื้อเรื่องครับอย่างที่สองก็คือเรื่องของความแฟนตาซีและโลกในจินตนาการที

  • เยว่หัว แม่ครัวจิ๋วแสบสะท้านภพ   บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)

    บทที่ 80 เลี้ยงส่ง(จบ)หลังจากที่เยว่หัวสามารถเรียกสติของผู้คนกลับมาได้อีกครั้ง ตลอดช่วงเช้าไปจนถึงเที่ยง นางก็ทำการจัดแจงแบ่งกลุ่มคนออกเป็นกลุ่มๆ โดยที่ไม่ลืมนำวัตถุดิบจำนวนมากออกมา แล้วจัดแจ้งเตรียมการฝึกซ้อมทั้งหมด กว่าที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ปาเข้าไปจนถึงช่วงเที่ยงแล้วซึ่งในระหว่างที่ทำการฝึกซ้อมปรุงอาหารชนิดต่างๆ นั่นเอง เหล่าแม่บ้านและเด็กๆทุกคนต่างก็ได้ลองชิมอาหารกันอย่างเต็มอิ่ม และเมื่อเห็นว่าทุกสิ่งทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ทุกคนเลยหยุดพักกันในตอนเที่ยงพอดิบพอดี และถือเป็นการพักท้องอีกครั้ง เนื่องจากในตอนนี้ทุกคนแทบจะท้องแตกเสียแล้วส่วนฝั่งของจางหลงที่เป็นฝ่ายจัดเตรียมสถานที่ ซึ่งพวกเขาทุกคนก็ทำเต็มที่ในหน้าที่ของตนเอง แต่ด้วยข้อจำกัดของหลายๆสิ่งหลายๆอย่าง โดยเฉพาะเวลาที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น พวกเขาจึงตกลงกันใหม่ว่า จะจัดเป็นโต๊ะไม้ยาวๆ ขนาด 6 ถึง 8ที่ แทนที่แผนการจะทำโต๊ะชุดวงกลม และโต๊ะทั้งหมดจะหันหน้าเข้าหาเวที ด้านเดียว ส่วนตัวเวทีเองก็จะสร้างขึ้นมา โดยการขุดดินมาถมเป็นเนินสูงขึ้นประมาณหัวเข่า ใช้ดินเหนียวในการป้ายโดยรอบเพื่อไม่ให้หน้าดินพัง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status