เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
ทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกัน เช้าวันอาทิตย์ เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย “ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?” ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย” “อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก” “เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบท บนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง “ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่ “แปลกอะไร นายก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้วนี่ จะได้ไม่ต้องเกร็งไง อีกอย่างนายก็เคยเจอที่บ้านฉันมาแล้ว” “นั่นมันเมื่อ 11 ปีก่อนเลยนะทาม” เพทายหันมามองค้อนอีกฝ่ายก่อนพูดอีกว่า “นายมันพูดง่าย เพราะคนอื่นเขาไม่รู้เรื่องของเราไง… แล้วอีกอย่างผมกับลลินดาก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น นายก็รู้” “เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน” ทามไทยิ้มกวนๆ ทำให้เพทายได้แต่ถอนหายใจ บ้านพักตากอากาศริมหาด เมื่อมาถึงบ้านพักตากอากาศหรู ทั้งสองครอบครัวก็มารอต้อนรับแล้ว ลลินดาในชุดสบายๆ เดินเข้ามาหาทามไทและเพทายอย่างยิ้มแย้ม “มาช้าจังเลยค่ะทาม… ว้าวเพทายเลขาสุดหล่อก็มาด้วยหรือคะเนี่ย สุดยอดไปเลย” เธอยิ้มพลางทักทายเพทายด้วยน้ำเสียงสนิทสนม “อ้าวลลิน พอดีบอสของผมมันบ้างานน่ะครับ รบเร้าจะให้ผมมาทำหน้าที่จนได้” เพทายเอ่ยขึ้นอย่างหยอกล้อ แต่ในใจก็อดสึกอึดอัดไม่ได้ แม้พวกเขาจะเป็นเพื่อนเก่ากันมาก่อน ลลินดาหันไปมองทามไทพลางยิ้มมุมปาก “อยากพาเพื่อนรักมาด้วยก็ไม่บอก” “อ้าว นี่เพทายเองหรอกหรือนี่ ตัวสูงหล่อขึ้นมากจนแม่จำแทบไม่ได้” ในที่สุดเสียงมารดาของทามไทก็เอ่ยดังขึ้น ก่อนที่พ่อแม่ของหญิงสาวจะหันมายิ้มอย่างเป็นมิตรตามกัน “สวัสดีครับ คุณแม่ สวัสดีครับทุกคน” เพทายยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ทุกคน “นี่นะเพทาย บัดดี้คนสนิทของเจ้าทามเขาแหละ เมื่อก่อนตัวติดกันอย่างกับแฝด” เสียงของมารดาทามไทเอ่ย “จะว่าไปเด็กทั้งสองก็แอบหน้าคล้ายกันเหมือนกันนะคะ” กลับเป็นเสียงของมารดาหญิงสาวที่เป็นคนเอ่ยขึ้นบ้าง เมื่อทุกคนต่างทำความรู้จักกันแล้ว เพทายก็รู้สึกสบายๆ ขึ้นมาก เขาเปลี่ยนเป็นชุดลำลองสำหรับชายหายแบบสบายๆ เสื้อชายหาดแบบติดกระดุมกับกางเกงขาสั้นแบบสามส่วน ชุดเน้นโทนสีฟ้าขาว พวกเขาสวมใส่ชุดเข้าเซ็ตคล้ายๆ กัน ยิ่งทำให้ทั้งคู่ดูน่ามองและชวนหลงใหล “พอดีวันนี้ลลินพารุ่นน้องที่สนิทมาด้วยแหน่ะค่ะ เห็นว่ารู้จักกับพี่เพทายด้วย อีกอย่างเราก็เป็นลูกพี่ลูกน้องกันห่างๆ น่ะค่ะ และพึ่งมารู้ทีหลังว่าทั้งคู่กำลังจะหมั้น” โลกช่างกลมชะมัด สิ้นเสียงคำพูดของหญิงสาว ทำเอาคนร่างสูงที่สุดในกลุ่มถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ “อย่าบอกนะครับว่าลลินรู้จักกับอลิส?” เพทายเอ่ยถาม “แน่นอนสิคะ จะว่าไปแล้วอลิสก็เป็นลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งกับลลินเหมือนกันค่ะ เราทั้งคู่รู้จักกันตั้งแต่เด็ก ฉะนั้นมีอะไรก็มักจะปรึกษากันอยู่บ่อยๆ ไม่ดีหรอคะ มากันหลายคน สนุกดีออก อีกอย่างเราจะได้รู้จักกันให้มากขึ้นด้วย ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนก่อนเอ่ยออกมาอย่างยากลำบาก “ก็ดีครับ” ไม่นานนักหญิงสาวคนที่ว่าก็มาถึง เธอไม่ได้ตกใจสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะลลินดาบอกกับเธอก่อนหน้านี้แล้ว เด็กๆ ก็พากันจับกลุ่มก้อนของพวกเขา ส่วนผู้ใหญ่ต่างก็พากันคุยเรื่องของผู้ใหญ่ไป ทามไท เพทาย ลลินดา และอลิสหญิงที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่ม ส่วนลลินดาแม้ว่าเธอเองจะเคยสงสัยในความสัมพันธ์ของชายหนุ่มทั้งสองที่ดูเกินกว่าเพื่อน ทว่าท้ายที่สุดแล้วกลับยังไม่กล้าฟันธงว่าคนทั้งสองต่างรู้สึกพิเศษต่อกัน เธอคงน่าจะคิดมากไป ท่ามกลางบรรยากาศที่ดูค่อนข้างผ่อนคลายและไม่เร่งรีบ ทุกคนต่างก็สนุกสนานกันในกลุ่มของตัวเอง ทามไทและเพทายพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวมากเกินไป โดยเฉพาะการที่มีอลิสและลลินดาอยู่ใกล้ๆ “ทามคะ เดี๋ยวไปเดินเล่นริมหาดกันไหมคะ? ลมเย็นๆ ช่วงนี้เหมาะมากเลยค่ะ” ลลินดาเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงสดใส ในขณะที่ทามไทมองไปที่เพทายอย่างลังเล “ไปเถอะนะทาม ลลินอยากไปเดินเล่นรับลมกับทาม” หญิงสาวพูดจาเสียงหวานอีกครั้ง ทามไทยิ้มแหยๆ ก่อนจะพยักหน้า “งั้นไปกันเถอะ” ทั้งสองเดินออกไปที่ริมชายหาด ท่ามกลางลมเย็นๆ และเสียงคลื่นที่ซัดขึ้นฝั่ง พวกเขาหยุดยืนที่ริมทะเล ทามไทเหลือบมองเพทายที่เดินอยู่ไม่ไกลนักกับหญิงสาวร่างบอบบางอีกคน ในใจช่างโหวงไหวแปลกๆ การที่ได้เห็นชายที่รักเดินคู่กับหญิงสาวที่ถือว่าเธอใกล้จะได้เป็นคู่หมั้นของเขาอย่างเป็นทางการในอีกไม่ช้า แต่แล้วความคิดนั้นก็สะดุดลง เมื่อใครอีกคนเอ่ยขึ้น “ทามคะ ลลินคุยด้วยตั้งนาน พี่ไม่ได้ฟังลลินเลยหรอคะ!!” หญิงสาวค่อนขอดเขาเบาๆ “ครับ!! เมื่อกี๊ใจลอยไปหน่อย เมื่อกี๊ลลินว่าไงนะครับ? ” “ลลินว่าพวกเขาดูเหมาะสมกันดีนะคะ” ก่อนเธอจะยื่นปากไปอีกฝั่ง จนคนร่างสูงหันตาม ภาพที่เห็นมันเหมือนคนทั้งคู่ยืนจูบกัน ถ้าหากมองจากไกลๆ ทำเอาคนร่างสูงกว่า 190 รู้สึกร้อนวูบวาบขึ้นมาทันที เขาหันขวับก่อนจะเร่งฝีก้าวเดินดุ่มๆ เข้าไปด้านในตัวอาคาร ก่อนจะเดินลัดเลาะไปยังร้านริมหาด มันเป็นร้านแบบ open air มีดนตรีสดอยู่ด้านนอก “เราหาอะไรดื่มกันหน่อยมั้ย? ” ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวที่เดินมานั่งข้างๆ “ก็ได้ค่ะ” เธอเอ่ยพร้อมยิ้มให้เขาพลางคิดไปว่า ถ้าหากคนตรงหน้าเมาแล้วหื่นจับเธอกระทำเรื่องอย่างว่า มันจะเป็นยังไงนะ แม้ทามไทจะไม่เคยขาดเรื่องผู้หญิง แต่ว่าเขากลับไม่เคยให้สถานะกับหญิงสาวที่ที่บ้านหาให้ อีกทั้งเขาก็คิดกับลลินดาเพียงแค่เพื่อนเท่านั้น ชายหนุ่มกลัวว่ามันจะถลำลึกและยากเกินกว่าจะถอนตัว อีกอย่างเขาไม่ได้ต้องการจะหลอกใคร ถ้าอยากก็แค่ซื้อกินและก็จบไป ไม่มีสานต่อ ต่างจากอีกคนที่ยังคงทำตัวดี ไม่เคยนอกลู่นอกทางแม้สักครั้ง เขายังคงเก็บความบริสุทธิ์เอาไว้อยู่เรื่อยมา เพทายกับอลิสคุยกันอย่างถูกคอ จริงๆ แล้วชายหนุ่มก็มองหญิงสาวแบบน้องสาวมาโดยตลอด ซึ่งหญิงสาวเองก็คิดกับเขาเกินคำว่าพี่ชายมาโดยตลอดเช่นกัน ทั้งคู่เดินมาเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงร้านที่คนทั้งสองนั่งอยู่ก่อน “นั่นพี่ทามกับพี่ลลินนี่คะ” แต่แล้วเสียงของลลินดาก็เอ่ยทักคนทั้งคู่ขึ้นมาก่อน “อ้าวเพทาย หนูอลิส เข้ามานั่งด้วยกันสิคะ” ชายหนุ่มต่างสบประสานจ้องมองตากันอย่างขุ่นเคืองน้อยๆ ทามไทไม่เอ่ยพูดอะไร นั่นกลับทำให้เพทายยิ่งอึกอัก “เราจะไม่ไปรบกวนพวกเขาหรอครับน้องอลิส? ” เขาเอ่ยถามหญิงสาวที่กำลังเดินจูงมือเข้าไปโซนด้านในร้าน “ไม่หรอกค่ะ นั่งกันหลายคนสนุกดีออก อบอุ่นด้วย” จากนั้นลลินดาก็ย้ายที่นั่งเปลี่ยนไปนั่งกับคนตัวสูงข้างๆ ก่อนจะให้แขกที่มาใหม่นั่งตรงข้ามกับตัวเอง ตอนนี้ร่างสูงของทั้งสองต่างอยู่ตรงข้ามกัน ในขณะที่อลิสและลลินดาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยเช่นกันคนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส