วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสีย
ร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกัน ทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย “อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม “ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?” ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน “อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น” ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ไม่พร้อม… เหอะ” ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบางของอลิสที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกไป ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะปรายตามองไปทางห้องประชุมที่ทามไทนั่งอยู่โดยบังเอิญ ชายหนุ่มสบตากับอลิสแวบหนึ่ง ก่อนที่เธอจะเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไร แต่ก็ทิ้งความรู้สึกตึงเครียดเอาไว้ในอากาศ ไม่นานนัก เพทายเดินตามออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด เขาปลดเนกไทเล็กน้อย พลางถอนหายใจแล้วหันมาสบตากับทามไทที่เดินออกมาพอดี “นายโอเครึเปล่าทาย? ” “อืม ผมโอเค แล้วนี่นายคงได้ยินหมดแล้วสินะ” ชายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา “อืม ฉันได้ยิน … แล้วนายไม่หมั้นกับเธอให้มันจบๆ ” แม้ปากจะพูดไป แต่ทว่าในใจกลับโหวงหวิว พูดไปแล้วดันเอากลับคืนไม่ได้ด้วยสิ “นายอยากให้ผมหมั้นกับคนอื่นจริงๆ น่ะหรอ? ” สายตาส่อแววว่าน้อยใจอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ ก็อย่างน้อยๆ นายก็ไม่เคยบอกว่ารู้สึกยังไงกับฉัน” นี่มันจะบ้าไปแล้ว มันจะบ้าไปกันใหญ่ ก่อนที่ร่างสูง 187 จะคิดทบทวน มันก็ใช่ ที่ผ่านมามีแค่ทามไทเท่านั้นที่เป็นคนเอ่ยบอกว่ารัก “นี่ผมไม่รู้เลยนะว่าไม่เคยรักนาย นี่เราไม่เคยรักกันด้วยหรอ? ” คนฟังถึงกับแทบสะอึก “ใช่ นายไม่เคยบอกว่ารักฉัน” ‘อยากจะบ้า’ เพทายครุ่นคิด “ผมก็รักนาย ถ้าไม่รัก จะแทบบ้าอยู่แบบนี้หรอ!!” “เดินตามฉันไปที่ห้อง เดี๋ยวนี้เลย” จากนั้นประตูห้องก็ถูกปิดล็อกโดยไว โดนที่คนข้างนอกเข้าใจว่าบอสคงมีปัญหากับเลขา “อย่าพึ่งทะเลาะกันเลยนะคะบอส เพราะนอกจากคุณเพทาย ก็ไม่มีใครรู้ใจคุณแล้วล่ะค่ะ” เสียงของพินทุอร สาวสวยในตำแหน่งรองเลขาหน้าห้องเอ่ยดังขึ้น เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าของบริษัทในเครือนี้ต่างเอาใจยาก ขนาดบอสคนก่อนหน้ายังไล่ลูกจ้างออกเป็นว่าเล่น ภายในห้องที่ถูกล็อกอย่างแน่นหนา ทามไทยืนกอดอกมองเพทายด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนระคนโกรธจัด ร่างสูงกว่าสองเมตรเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า ราวกับจะท้าทายทุกความรู้สึกที่คั่งค้างอยู่ในใจมานาน “พูดอีกทีสิ” เสียงของทามไทเอ่ยเข้มขึ้น ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากชายหนุ่มอีกคนไม่ถึงคืบ “เมื่อกี้นายบอกว่าอะไรนะ?” เพทายมองสบตาเขาโดยไม่หลบเลี่ยง แววตาเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและความเจ็บปวดที่เก็บซ่อนไว้มานาน “ผมบอกว่า… ผมรักนาย” คำสารภาพนั้นทำให้ทามไทหยุดชะงักไปชั่วครู่ ก่อนที่ดวงตาคมจะสั่นไหวเล็กน้อย เขาหลุบตามองริมฝีปากของคนตรงหน้าที่กำลังเม้มแน่น ก่อนที่ความอดทนทั้งหมดจะพังทลาย “เพทาย นายนี่มันน่าจูบชะมัด” ไม่ทันจบประโยค เขาก็คว้าแขนของเพทายดึงกระชากเข้าหาตัวอย่างแรง ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับลงบนริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อน ปลายจมูกเฉียดไปตามแก้มสาก จูบของเขาเต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและความโหยหาราวกับว่าถูกเก็บกดไว้มานาน เพทายเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แต่ร่างกายกลับไม่ขัดขืน เขายกแขนโอบรอบลำคอของชายหนุ่มเอาไว้แน่น ราวกับกลัวว่าอีกฝ่ายจะผละออกไปเสียก่อน “อืม…” เสียงครางต่ำของเพทายดังลอดออกมา เขาใช้มือกดไหล่ของร่างของคนที่ตัวสูงกว่าให้แนบกับผนังห้อง ดันแผ่นหลังกว้างให้ไร้ที่หนี “ผมไม่เคยรักนายอย่างนั้นเหรอ? นายคิดแบบนั้นได้ยังไง?” “ก็เพราะนายไม่เคยบอก… อืมม” ทามไทพยายามตอบ แต่ถูกขัดด้วยรสจูบที่ร้อนแรงและเร่งเร้า จนเขาแทบจะยืนไม่อยู่ เพทายเลื่อนมือลูบไล้ไปตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย ราวกับต้องการย้ำเตือนว่าทามไทคือของเขา ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน “นี่คือคำตอบ… ทามไท นายเป็นของผม” บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความเงียบ แต่กลับมีเพียงเสียงของลมหายใจที่หนักหน่วงของกันและกัน กับสัมผัสที่ยากจะถอนตัวออกมาได้ ทามไทกัดริมฝีปากตัวเอง ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วเบา “แล้วนายจะทำยังไงกับอลิส…” เพทายหยุดชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมไหววูบไปด้วยความคิดที่ซับซ้อน แต่เพียงครู่เดียวเขาก็เอ่ยเสียงเข้ม “ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือ… นายต้องอยู่ข้างๆ ผม” ทามไทมองใบหน้าจริงจังของเพทาย ก่อนจะพยักหน้าอย่างแผ่วเบา แล้วปล่อยให้คนตรงหน้าครอบครองทุกอย่างในตัวเขาอีกครั้ง นี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นด้านมืดของอีกฝ่าย ครั้งนี้เพทายดันเป็นฝ่ายรุก มือที่บางกว่าจับกดร่างหนาให้แผ่ราบไปกับผนัง ก่อนจะตวัดเกลียวลิ้นพันธนาการลิ้นสากหนาของคนตัวสูงเข้าสู่อุ้งปาก นิ้วเรียวปลดเปลื้องกระดุมออกทีละเม็ด คนตัวสูงถึงกับสายตาพร่าเลือนไปกับรสสวาท เขาแทบไม่เคยเห็นอีกด้านของคนตรงหน้า “ทาย … นายขี้เงี่ยนเหมือนกันหรอนี่” เสียงหายใจหอบถามอย่างติดๆ ขัดๆ “ก็เพราะนายนั่นแหละทาม ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ผมไม่ชอบที่นายคิดว่าผมจะรักคนอื่น หรือไม่ได้รักนาย วันนี้นายจะโดนผมลงโทษ” ร่างสูงกว่า 187 จับคนตัวสูงกดตัวลงมา ก่อนจะรีบปลดตะขอแล้วรูดซิปออกอย่างไว เขางัดเอาเจ้าไซซ์ 58 จ้วงแทงเข้ายังโพรงปาก ส่วนใครอีกคนก็ขบดูดตวัดรัวลิ้นใส่อย่างว่าง่าย “ฉันชอบเห็นนายดิบเถื่อนแบบนี้ มันรู้สึกเงี่ยนมาก หื่นดี ฉันชอบ” จากนั้นเขาก็ทำการดูดแท่งไอติมและกลืนกินมันต่อ เพทายจับคนร่างสูงกว่าให้ยืนหันหลัง ก่อนจะจับเก้าอี้ของผู้บริหารเคลื่อนมาวางตรงหน้า ชายหนุ่มร่างสูงรีบคว้าเก้าอี้ตัวโตมาก่อนจะพาดลำแขนไปตามความยาวของมัน “ผมจะสอดใส่นาย …” “อื้มมม … เอาตรงนี้เลยหรอ? ” “ใช่ ผมเงี่ยนตั้งแต่วันที่ยัดเข้าแค่ปลายหัวแล้วน่ะ” ไม่ว่าเปล่า เพทายก็จับร่างของชายหนุ่มให้โก้งโค้งลง เขาขยับก้นงอนของทามไทขึ้น “นายต้องเขย่งช่วยผมนิดๆ มันจะได้เจ็บไม่มาก แต่รับรองถ้านายได้ลอง นายจะคิดถึงแต่ท่าที่ผมตอกอัดจากทางด้านหลังอย่างแน่นอน” เขาค่อยบีบเจลหล่อลื่นจนแฉะรู ก่อนจะบีบใส่หัวหยักบานของตัวเอง แล้วค่อยๆ กดไหล่ของใครอีกคนเพื่อไม่ให้ขยับ ทามไทหน้าซีดเหยเก ก็ตอนนั้นเขาเมานี่นา เลยใจกล้าหน้าด้าน แต่ตอนนี้มันกลับกลัวอยู่หน่อยๆ “เบาๆ นะทาย ฉันกลัว” เพทายยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ก่อนจะจับใบหน้าของคนร่างสูงหันมา เพทายตะโบมจูบร่างหนาอย่างเร่าร้อน เขาสัมผัสบดจูบเพื่อให้อีกคนลืมความเจ็บปวดที่จะตามมา “นายห้ามเกร็งนะ เดี๋ยวมันจะเจ็บกว่าเดิม ถึงยังไงไซซ์ของผมมันก็ไม่ใหญ่เท่าของนายหรอกหน่า” เพทายจับหัวบานขึ้นถูไถตรงร่องสวาทอันคับแคบ เขาค่อยๆ ใช้หัวแม่มือกดหัวดอกเข้าไปด้านในอย่างเชื่องช้าเพราะรับรู้ว่าคนด้านหน้ากำลังยืนตัวสั่น ลิ้นอุ่นร้อนยังคงลามไล้ไปทั่วแผ่นหลัง สวบบบ!! อ๊าาาา ห์!!! “ทาย .. ฉันเจ็บ!!” “เข้ามาครึ่งลำแล้วที่รัก อดทนหน่อยนะคนดี” สวบบบ!!! อื้ออออ …. คนตัวสูงถึงกับกัดฟันเสียงดังกรอด เพทายเริ่มขยับส่ายควงสะโพกเบาๆ มันทั้งตอดรัดแน่นเปรี๊ยะจนเขาแทบขยับกายไม่ได้ ‘นี่ความรู้สึกมันถูกบีบรัดอัดแน่น มันดีอย่างนี้สินะ’ “เสียวจังทาม ก้นนายมันตอดของผมจนปวดหน่วงไปหมด นายไหวมั้ย? ” “……” คนตัวสูงเอาแต่พยักหน้ารัวๆ ’ ครั้งแรกของนายคงเป็นแบบนี้สินะทาย นายทนได้ฉันก็ต้องทนได้’ “นายยัดเข้ามาเลยทาย ฉันไหว” มือหนาทึ้งเอวกระแทกเข้าออกอย่างเนิบช้าและใจเย็น มันตอดรัดแน่น เขาขยับกายแค่ไม่กี่ที น้ำขาวขุ่นก็พุ่งออก มันเสียวสุดๆ เพียงแค่สอดใส่ น้ำก็แทบทะลักแล้ว มันเหมือนครั้งแรกของทามไทชะมัด ที่เสียบไม่กี่ทีน้ำก็พุ่งแตกซะแล้ว นึกแล้วเขาก็กลั้นขำกับตนเองในใจ จากนั้นทั้งคู่ก็บรรเลงเพลงรักไปอีกรอบคนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส