บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิด
ทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจ ในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไร อลิสหันไปมองทั้งสองคนที่นั่งห่างกันไม่กี่ก้าว เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่น่าตึงเครียด และความเงียบที่เกิดขึ้นระหว่างกัน อาจเป็นเพราะทุกคนยังคงไม่รู้จักกันดีพอ แต่เธอเริ่มรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆ บางทีพวกเขาอาจจะทะเลาะกันจากที่ทำงาน ด้วยเรื่องงาน “ทามคะ… วันนี้สนุกดีนะคะ” ลลินดาพูดขึ้นพลางหันมาทางทามไทที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ “อืม… ก็โอเค” ทามไทตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนจะหันไปมองเพทายอีกครั้ง เพทายทำท่าเหมือนจะยิ้ม แต่รอยยิ้มของเขาดูบังคับฝืนเสียจนทามไทต้องเผลอย่นคิ้วขมวด “เพทาย นายทำหน้าแบบนั้นอย่างกับทามบังคับเรื่องงานอย่างนั้นแหละ?” ลลินดาถามใครอีกคนขึ้นอย่างหลงลืมตัว เพทายสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรหรอก แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” ทามไทรู้สึกถึงความอึดอัดที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นระหว่างเขากับเพทาย เขาพยายามเก็บมันเอาไว้ในใจ แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าความหึงหวงที่เขารู้สึกนั้นมันค่อยๆ ก่อตัวขึ้นจนทำให้เขารู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นเพทายสนิทสนมกับอลิสเกินไป “ทามไท…” เสียงของเพทายที่เอ่ยเรียกทำให้ทามไทสะดุ้ง เขาหันไปมองเพทายที่กำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ทั้งสองสบตากันเพียงแค่เสี้ยววินาที ก่อนที่ทามไทจะหลบสายตาแล้วหันไปมองที่อื่น “อืม?” ทามไทตอบเสียงสั้น แต่กลับรู้สึกถึงความเครียดที่รอยยิ้มของเพทายแฝงอยู่ “พี่เพทายเป็นไรไหมคะ? ” อลิสเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเขา “ไม่เป็นไรครับ” เพทายพูดแล้วหันไปคุยกับอลิสต่อ ท่าทางที่เป็นกันเองของเพทายทำให้ทามไทรู้สึกอยากจะลุกขึ้นและเดินออกไปจากที่นี่ แต่เขาก็เก็บมันเอาไว้ เพราะเขารู้ดีว่ามันใช่เวลาเสียที่ไหน อลิสมองไปที่ทามไทที่เงียบลงไปก่อนจะยิ้มให้เพทาย “วันนี้พี่เพทายทำท่าทางเหมือนจะหงุดหงิดนะคะ” เพทายยิ้มตอบกลับ “ไม่หรอก ไม่มีอะไร แค่คิดเรื่องงานเรื่อยเปื่อย” “เรามาเที่ยวนะคะพี่เพทาย หยุดวางเรื่องงานลงเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เสียงใสหวานของอลิสเอ่ยขึ้น เพทายถึงกับยิ้มอ่อนออกมาให้ทุกคน ทามไทหันมามองพวกเขาอีกครั้ง ก่อนจะหันกลับไปดื่มเบียร์ที่เหลืออยู่ในมือ แค่ต้องการเบี่ยงเบนความคิดในหัวที่เริ่มจะหลุดออกจากการควบคุม เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งและแสงจันทร์ที่เริ่มสาดส่อง ยิ่งทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลายกว่าเมื่อครู่มากขึ้น ทุกอย่างราวกับสงบ แต่ภายในใจของคนทั้งคู่กลับไม่สงบเลยแม้แต่น้อย มันเหมือนเกลียวคลื่นที่ถูกซัดสาด ทั้งสองพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก แต่แล้วอลิส หญิงสาวอายุน้อยสุดในกลุ่มก็เอ่ยขึ้น “เรามาเล่นเกมกันมั้ยคะ? ” “เกมอะไรคะน้องอลิส? ” ลลินดาเอ่ยถามขึ้น “เกมพูดความจริงค่ะ” คนร่างสูงทั้งสองเริ่มมีท่าทีอึกอัก แต่ก็ต้องเล่นตามน้ำไป แม้เกมนี้มันจะเป็นเกมทายใจที่น่าจะไม่ใช่คำตอบที่แท้จริงของคนทั้งสองที่ซ่อนอยู่ พวกเขาดื่มกันลากยาวถึงสามชั่วโมง ในขณะที่ผู้ใหญ่คงพากันเข้านอนจนหมดแล้ว ยิ่งดึก สองสาวก็ยิ่งเมา และก็เริ่มซบออเซาะออดอ้อน “พี่ทายขา อลิสหนาว อยากให้พี่กอดจังเลยค่ะ” ไม่ว่าเฉย มือเรียวบางยังคว้ามือหนาเข้ามาวางที่ไหล่มนของตนเอง คนตรงข้ามที่เห็นดังนั้นก็ขบกรามไว้แน่น “ผมเมาแล้ว ผมว่าจะกลับดีกว่า” ทามไทเอ่ยขึ้น “งั้นก็กลับกันหมดนี่แหละ” คนตัวสูงกว่า 187 ก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน เมื่อทั้งสี่เช็กบิลแล้วก็เดินกลับที่พัก ตอนนี้ห้องที่เปิดมันมีสองห้องที่เหลือ ซึ่งผู้หลักผู้ใหญ่ต่างก็ไม่ติดอะไรหากชายหนุ่มหญิงสาวทั้งสองคู่จะนอนค้างด้วยกัน แต่แล้วสองสาวก็ต้องผิดหวัง เมื่อคนร่างสูงเอ่ยท้วงไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่ามันไม่เหมาะสม ทั้งๆ ที่สองสาวไม่ถือสาอะไร “งั้นเอาตามนี้แหละครับ สาวๆ ก็นอนด้วยกัน ส่วนพี่กับเพทายก็นอนด้วยกัน หนูเป็นผู้หญิงนะอลิส เธอก็ด้วยลลิน เดี๋ยวก็ได้มีข่าวลือไม่ดีไปอีก” ร่างสูงที่สุดในกลุ่มพยายามบอกเหตุผล ซึ่งจริงๆ แล้วเขานั่นแหละที่อยากพักกับใครอีกคนเสียมากกว่า บทสรุปที่ได้คือ สองสาวนอนด้วยกัน และสองหนุ่มต่างก็นอนด้วยกัน ทันทีที่ประตูถูกปิดลง ทามไทก็กระโจนโผร่างสาดใส่อีกคนด้วยความปรารถนา เขาประกบริมฝีปากหนาบดขยี้จูบใครอีกคนอย่างบ้าคลั่ง ลมหายใจของทั้งคู่ต่างผสานเป็นหนึ่งเดียว พวกเขาต่างสลับสูดเอาก๊าซคาบอนไดออกไซด์ของอีกฝ่ายเข้าปอด ริมฝีปากอุ่นร้อนยังควงจ้วงตวัดเอาความหวานจากโพรงปากของกันและกัน ทามไทผลักร่างบางลงบนเตียงนุ่ม เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของชายหนุ่มตรงหน้าออกอย่างรีบร้อน ก่อนจะเปลื้องของตัวเองตามๆ กัน จากนั้นเขาก็บดจูบเดินต้อนคนร่างเล็กกว่าเข้ามาในห้องน้ำ ซึ่งตอนนี้น้ำอุ่นก็ถูกเปิดจนเกือบจะเต็มอ่างอยู่แล้ว เขาเดินต้อนจนร่างของอีกคนชนเข้ากับขอบอ่าง เสียงลมหายใจหืดหอบอย่างหื่นกระหายของคนทั้งคู่ … ดังขึ้นถี่ๆ หืดดด …. หาดดด …. ร่างหนากว่า ค่อยๆ กดกายของอีกคนลงแช่ในอ่าง ก่อนที่เขานั้นจะจุ่มขาและนั่งแช่ลงไป พวกเขายังคงบดจูบตวัดลิ้นละเลียดชิมจ้วงจาบดึงดูดลิ้นกันไปมาอย่างเผ็ดมันดุเดือด “ทาย …. ผมหิว นายรู้มั้ยวันนี้ผมแทบคลั่ง นายจะไปคลั่งรักคนอื่นไม่ได้นะ” คำพูดนั้นทำเอาคนร่างบางถึงกับแทบสะอึก “ใครคลั่งรัก ผมน่ะหรือคลั่งรัก? ” “ก็ใช่ไง ก็นายนั่นแหละ ฉันเห็นตอนที่นายจูบกับเธอที่ชายหาด” เพทายทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะอ๋อในใจ “นั่นมันทรายเข้าตาอลิส ผมก็แค่เขี่ยให้” “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่านายจูบกับเธอล่ะ” คนร่างสูงยังเอ่ยถามอย่างไม่ยอม “ให้บ้าเถอะทาม นอกจากนายแล้ว ผมก็ไม่เคยไปเอากับใครที่ไหน แม้แต่จูบผมก็ยังไม่เคย” คนฟังถึงกับใจพองฟู “นี่อย่าบอกนะว่า 11 ปีที่ผ่านมา นายชักว่าวมาโดยตลอด? ” “อื้มมม …. พอใจรึยัง” คนตอบก็ตอบทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำเขินอาย ทามไทดึงร่างของอีกคนเข้ามาทาบทับ พวกเขาแช่น้ำด้วยกัน ก้นนุ่มนิ่มของคนด้านบนมันก็ถูไถกับเจ้าไซซ์ 60 “ก้นนายนี่น่าเอาชะมัด ยิ่งดิ้นของฉันยิ่งแข็ง มันอยากจะเสียบนายซะตอนนี้” เขาเอ่ยข้างๆ หูของร่างที่บอบบางกว่าบรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส
จู๊ดๆ …เสียงปลดล็อกประตูรถยนต์คันหรูแบบ4 ที่นั่ง วันนี้เขาเลือกเอาคันที่มีขนาดกว้างพิเศษมา ซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มมักจะขับสปอร์ตแบบสองที่นั่งซะมากกว่าคนร่างเล็กกำลังจะเอื้อมมือไปเปิดประตูเพื่อขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับ ทว่าเขากลับกระชากร่างบางกว่าเข้าไปยังเบาะด้านหลัง ก่อนจะสั่งการให้เครื่องสตาร์ทด้วยระบบสั่งการด้วยเสียง และปรับระบบแอร์โดยการควบคุมผ่านท่าทาง หรือระบบที่เรียกว่า ‘Gesture Control’ คนร่างสูงควบคุมปรับเบาะ ปรับองศาต่างๆ ผ่านระบบนี้ทั้งหมด“นี่ใช่มั้ยคือสาเหตุที่นายเลือกขับคันนี้มา” เพทายหันมามองก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกว่า “นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่นายเลือกจอดมุมนี้”ไม่ว่าจะจอดตรงไหนมุมใดของห้าง มันก็ไม่มีใครเห็นหรอก เพราะนอกจากกระจกที่มืดแล้ว ยังมีม่านทึบที่เขาพึ่งสั่งการให้มันปิดทึบขึ้นอีกชั้น คนตัวสูงกว่า 190 เอาแต่ยกยิ้มในใจ“ฉันยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยนะทาย นายจะให้ฉันค้างเติ่งไม่ได้นะ ฉันหิวนายอีกแล้วที่รัก” เสียงแหบพร่าวาบหวามทำเอาใครอีกคนแทบจะกระโดดจ้วงเขาในทันทีคนตัวสูงไม่รอข้ารีบเปลื้องกางเกงด้านล่างของตัวเองออกจนหมด ก่อนจะจับหัวอีกคนกดลงตรงกลางกาย คนถูกกระทำก็อ้าปากงับก่อนจ
(บทนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่แนะนำให้ลอกเลียนแบบ)“ไหนนายบอกจะพาผมไปค้างด้วย แล้วนายมาจอดรถบนห้างทำไม นี่คนเยอะแยะนะ ชั้นนี้คนมาดูหนังกันเยอะ”“นายแม่งป้อด”“นายจะไม่ให้ผมพักบ้างรึไงทาม”ชายหนุ่มหัวเราะกับเสียงออดอ้อนของอีกคน“เราไปดูหนังกัน ผมจองไว้แล้ว” ทามไทเอ่ยบอก“นายจองห้องวีไอพีหรอ?”“ถ้าวีไอพี มันจะไปสนุกได้ยังไง”“ไม่เอานะทาม อย่าเล่นแบบนี้ ผมกลัว!!”เมื่อชายหนุ่มเห็นสีหน้าของใครบางคนก็อดที่จะสงสารไม่ได้ เลยเลือกที่จะนั่งกอดซบกันและดูหนังเฉย แต่รับรองว่าหนังจบ เขาจะจัดคนขี้กลัวตรงลานจอดรถในห้างนี่อย่างสาสมพอถึงโรงหนังเพทายก็อ้ำอึ้งเล็กน้อย เพราะที่ทามไทเลือกมันเป็นที่นั่งแบบ sweet seat มันเป็นกึ่ง private ที่เน้นความส่วนตัวพื้นที่กว้างขวางมีพนักพิงกั้นโซนให้ความรู้สึกเป็นพื้นที่เฉพาะ และขณะเดียวกันก็อยู่ด้านบนสุดเพทายหยุดยืนมองเบาะนั่งสวีทซีทที่อยู่ตรงหน้าแล้วหันไปมองทามไทอย่างไม่ไว้ใจ“ทาม..นายจะทำอะไรของนายเนี่ย” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยความหวาดระแวงชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์พร้อมคว้ามืออีกฝ่ายให้เดินตามเข้าไปนั่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเบาะโซฟากว้างข้างๆ กัน“ฉันแ
ทันทีที่หญิงสาวเข้ามาด้านในเพื่อหาทามไท เธอก็ต่อว่าเขาไปชุดใหญ่ ก็เมื่อคืนเขาเล่นหนีหายกันทั้งคู่“ทามอ่ะ จะกลับก็ไม่บอกลลิน”“ก็จะไปบอกได้ไงล่ะครับ ก็ลลินเมา พูดจารู้เรื่องกันซะที่ไหน”“แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะค่ะ”หญิงสาวในชุดเดรสสีแดงสด และรองเท้าเข้าเซต พร้อมด้วยกระเป๋าหนังสีแดงใบจิ๋ว ไม่บอกก็รู้ว่าเธอคือเจ้าแม่แห่งวงการแฟชั่นแค่ไหน ไม่นานนักเสียงอินเตอร์คอมก็ถูกกดเข้ามายังห้องของเลขา แน่นอนว่าคนที่อยู่ด้านในต่างได้ยินด้วย“ครับผม” เพทายกดรับและตอบกลับไปในทันที“คุณเพทายคะ คือคุณอลิสให้ถามน่ะค่ะว่าหลังเลิกงานสะดวกคุยไหม พอดีเธอติดต่อคุณไม่ได้น่ะค่ะ เลยให้อรฝากถาม เพราะคืนนี้ผู้ใหญ่มีนัดคุยกันเรื่องหมั้นค่ะ”คนด้านในที่กำลังนั่งอยู่กับหญิงสาว ได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูอื้อตาลาย และเงี่ยหูรอฟังคำตอบ“งั้นบอกเธอให้ผมทีนะครับว่าตอนเย็นเจอกัน พอดีโทรศัพท์ผมแบตหมดน่ะครับ รบกวนคุณอรด้วยนะครับ”“ได้ค่ะ เดี๋ยวอรจะแจ้งให้นะคะ”“ขอบคุณครับ”โทรศัพท์ของชายหนุ่มแบตหมดและก็ลืมเอาที่ชาร์ตมา อีกอย่างว่าจะไปยืมใครอีกคน เขาก็เหมือนจะติดธุระกับแฟนสาวอยู่ ไม่นานหญิงสาวที่อยู่ด้านในก็ออกมาอย่างหน้าตาบึ้งๆ
“ลลินตามหาทามตั้งนาน แล้วนี่เลขาสุดหล่อของนายล่ะ? ” หญิงสาวเอ่ยแหย่เพื่อนชายอีกคนพอได้ยินคำว่าสุดหล่อก็ตงิดๆ อยู่ไม่หาย แต่ถึงอย่างนั้นก็คงต้องกลั้นใจตอบ อีกอย่างเขารู้ว่าลลินคงแค่แหย่โดยไม่คิดอะไร เธอคงแค่เย้าแหย่เหมือนที่ผ่านมา“เห็นไปรับลมแถวๆ สระหน่ะ นี่ลลิลเมาหรอครับ หน้าแดงเชียว? ”ที่ถามเพราะใบหน้าเธอแดงก่ำมากจริงๆ และตอนนี้นี่เองที่หญิงสาวก็ถือวิสาสะเข้าไปจุ๊บที่ปากของชายหนุ่มอย่างเผลอไผล ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นว่ามีใครอีกคนคอยจ้องมองคนทั้งคู่อยู่ ชายหนุ่มจึงรีบผลักหญิงสาวออกอย่างไว ก่อนจะตรงดิ่งมายังบุรุษที่กำลังหน้าบึ้ง“มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะ”แต่แล้วใครอีกคนกลับไม่พูดอะไร“นายอย่าเงียบแบบนี้สิ ฉันไม่ชอบ”“ก็ผมไม่ได้บอกให้คุณต้องชอบ คุณจะจูบหรืออะไรกับใคร มันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย .. ผมเหนื่อย ง่วงแล้ว จะกลับ”‘โกรธทีไร สรรพนามแทนตัวเองเปลี่ยนทุกครั้งเลยนะ’ คนตัวสูงคิดคนแอบงอแงก็แอบวีนใส่ร่างสูงอย่างไม่รู้ตัว“งั้นกลับด้วยกัน”“ได้ไง นี่วันเกิดแฟนนายนะ อีกอย่างผมโอเค”ทามไทไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาฝากบอกเพื่อนของลลินดาว่าเมามาก ขอตัวกลับก่อน ก่อนจะดึงกระชากลากถูชายหนุ่มอีกค
สองหนุ่มในชุดสูทสีดำกับเสื้อเชิตตัวในสีขาวแบบฉบับเท่หรู มันเป็นการแต่งสูทแบบเรียบๆ ที่ไม่เน้นเนกไท หรือโบว์อะไรมาผูกติด พวกเขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกัน แน่นอนว่าเรื่องความหล่อ ไม่มีใครกินขาดทันทีที่ลลินดามองเห็นดอกไม้ช่อใหญ่สีแดงกับ paper bag สีดำ งานถูกจัดที่เอ็กซ์บาร์ มันเป็นร้านสไตล์ยุโรปแบบ outdoor แขกเหรื่อที่มาในงานมีแต่แบบเอ็กซ์คลูซีฟลลินดาในธีมชุดราตรีสีแดง ให้เข้ากับธีมงานในสีแดงดำ รูปร่างเพรียวระหง ตอนนี้ในมือของหญิงสาวถือดอกไม้สีแดงช่อใหญ่กับกระดาษห่อสีดำเคลือบทอง มันเป็นอะไรที่สวยสะดุดตาและเข้ากับชุดของเธอแบบสุดๆ ด้วยเช่นกันชายหนุ่มอีกคนยืนมองร่างสูงกำลังเดินควงสาวสวยไปต่อหน้า จู่ๆ อาการมันก็หึงหวงออกมาแปลกๆ ทว่ายังไม่ทันที่จะได้คิดอะไร เพื่อนๆ ของหญิงสาวก็กรูกันเข้ามาทักทายเพทายกันใหญ่ เพราะคนที่สูงถึง 187 ก็หน้าตาดีใช่ย่อย ไหนจะหุ่นล่ำแบบนายแบบทามไทเองก็หันชำเลืองมองมายังอีกฝ่ายอยู่บ่อยๆ ไม่ต่างกัน“ทามว่ามั้ย ทายนี่เสน่ห์แรงไม่เบา ดูเพื่อนๆ ของลลินสิ เล่นรุมหน้าล้อมหลังจนเขาจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”คนพูดถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่ ต่างจากอีกคนที่เอาแต่นั่งหน้าบึ้ง“เฮ้!! ทา
“อ้าว อลิส นี่บังเอิญจังนะ”กลับเป็นหญิงสาวอีกคนเอ่ยทักขึ้นแน่นอนว่าพวกเขาต่างคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว“มานั่งกับพวกพี่สิ” ลลินดาเอ่ยบอกกับหญิงสาวขณะที่คนทั้งสามก็ยืนคุยทักทายกันสักครู่ ทว่าหญิงสาวติดลูกค้าคนสำคัญ เธอจึงมาร่วมนั่งรับประทานอาหารด้วยไม่ได้“พอดีอลิสติดธุระน่ะค่ะ ไว้ค่อยคุยกันนะคะ”เธอพูดพร้อมส่งสายตามายังเพทายเป็นพิเศษ“นี่อย่าบอกนะว่า พวกนาย …”ทามไทเอ่ยถามอย่างพอจะรู้ในคำตอบเพทายหันมามองก่อนจะค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ พยักหน้าน้อยๆ นั่นถือว่าเป็นคำตอบ“นายก็รู้ว่าที่บ้านของผมกับเธอเชียร์ให้พวกเราคบกันตั้งแต่เรียนอยู่ม.6”“นี่นายจะบอกว่า พวกนายคบกันแล้ว?”“อืมม ว่าที่คู่หมั้นผมน่ะ แต่ก็… ทานข้าวกันเถอะ”แต่แล้วเสียงของหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่นานก็เอ่ยดังขึ้น“โห!! นี่อลิสกับทายจะหมั้นกันแล้วหรอคะเนี่ย!!”สองหนุ่มหันมามองหญิงสาวด้วยท่าทีแปลกๆ เพราะเหมือนเธอจะสนิทกับอลิสอย่างไรอย่างนั้น เห็นดังนั้นเธอจึงรีบชิ่งตอบก่อน“จริงๆ ลลินกับอลิสเป็นลูกพี่ลูกน้องกันน่ะค่ะ ทามขา ดูเพื่อนเลขาสุดหล่อของคุณสิคะ กำลังจะหมั้น แล้วเมื่อไหร่จะเป็นคิวของเราบ้างละค๊าาาทาม …”พูดไปก็อ้อนไปมือไม้เกาะแ
“นายอย่าตื่นเต้นสิ ปล่อยตัวจอยๆ สบายๆ มันจะเจ็บแป๊บเดียว” คนร่างสูงกว่า 190 เอ่ยบอกกับคนตัวสูง 187“แต่ผมยังไม่ได้แตกใส่ปากนายเลยนะ นี่นายจะมาเล่นขี้โกงไม่ได้นะ” เขาเอ่ยทวงได้ฟังดังนั้นร่างหนาก็พลิกร่างบางให้หันมาด้านหน้า เขานั่งคุกเข่าอีกรอบ ก่อนที่ปากหนาร้อนจะตวัดจ้วงลงลิ้นอุ่นๆ ดูดดื่มเจ้าไซซ์ 58 อย่างถี่ระรัว ทำเอาอีกคนไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร เพราะตอนนี้มีแค่เสียงครางอย่างลุ่มหลงเพียงเท่านั้น“ซี้ดดดด อื้มมม …. ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะทาม”“นายเงี่ยนใช่มั้ย บอกฉันสิ”ร่างหนาบังคับให้คนร่างบางกว่าเอ่ยพูด“ใช่”“ใช่อะไร? ”“อื้มม ผมเงี่ยน พอใจนายยัง ผมเงี่ยนมาก”ยิ่งเขาพูด ทามไทก็ยิ่งเร่งฝีปาก มือหนาก็บี้เขี่ยหัวนมชมพูน้อยๆ ของอีกคนไปด้วยอื้อออ …. อ๊าาาา …..ผู้ถูกกระทำต่างร้องครางอย่างทรมานและสุขสม เพทายหูอื้อตาลายไปหมด ได้ยินคือเสียงฉ่ำแฉะน้ำลายของอีกฝ่ายที่งับเจ้าแก่นกายอย่างคนกระสัน ชายหนุ่มร่างสูงจับเจ้าไซซ์ 58 ถอนออกจากโพรงปากอย่างช้าๆ ก่อนจะฟาดเข้ากับเรียวปากของตนเองไปหลายที จากนั้นก็งับมันเข้าอุ้งปากใหม่ด้วยความหื่นกระหาย“ทาม…. ผมไม่ไหว…”ยิ่งได้ยินดังนั้นนิ้วร้านก็พยายามแหย่ตร