วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้ง
ไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลา เอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน “นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ” คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า “งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ” ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผล ร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊ม บรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านใน เพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเอง “ทำไมเงียบล่ะ?” เสียงของเพทายเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่แฝงไปด้วยความจงใจ ทามไทปรายตาหันไปมอง ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก แล้วตอบกลับเสียงเรียบ “กลัวตัวเองจะง่วงหรือไงครับพลขับ?” “งั้นคุยเป็นเพื่อนหน่อยสิ เดี๋ยวผมเผลอหลับ” เพทายพูดพลางหัวเราะ แต่แววตายังมองตรงไปข้างหน้า คนข้างๆ เบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง ใช้ความเงียบแทนคำตอบ ในขณะที่ลลินดากระแอมขึ้นเบาๆ เพื่อทำลายความเงียบ “ทาย นายห้ามหลับล่ะ ขับไม่ดีเดี๋ยวพวกเราได้หัวทิ่มเหมือนเมื่อกี้อีก” ลลินดาพูดติดตลก พร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งให้คนที่นั่งข้างๆ คนขับ ทามไทหันขวับมาทันที “เมื่อกี้มันรถคันหน้าเบรกกะทันหันต่างหาก ไม่ใช่ฉันขับไม่ดี” เพทายหัวเราะในลำคอเบาๆ “เอาน่า ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว แต่คราวหลังดูทางดีๆ หน่อยก็แล้วกัน” คำพูดนั้นเหมือนยั่วโมโห ทามไทหันมามองเพทายอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเบือนหน้าหนี ในใจนึกสงสัยว่าทำไมหมอนี่ถึงได้เย้าแหย่อยู่ตลอดกันนะ น้ำเสียงยังแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์อีกต่างหาก เสียงเพลงจากวิทยุเปิดคลอเบาๆ แต่กลับไม่อาจกลบความรู้สึกบางอย่างระหว่างคนข้างหน้าได้เลยแม้แต่น้อย อลิสที่นั่งอยู่ด้านหลังได้แต่แอบถอนหายใจ ในใจรู้สึกได้ถึงคลื่นลมบางอย่างที่มองไม่เห็นระหว่างสองหนุ่มนี้ เธอเหลือบมองลลินดาที่ดูเหมือนไม่รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย ยังคงเล่นโทรศัพท์และยิ้มกับหน้าจอ เพทายแอบเหลือบมองกระจกหลังอีกครั้งก่อนเอ่ยเสียงเรียบ “สาวๆ หลับกันแล้วเหรอ?” ทามไทที่ยังคงกอดอกนั่งมองวิวข้างทางพูดแทรกขึ้นมาทันที “นั่นมันเรื่องของพวกเขา นายขับรถไปเถอะ” เพทายหัวเราะหึๆ เบาๆ ก่อนจะปล่อยให้ความเงียบเข้ามาครอบคลุมบรรยากาศอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะพยายามเก็บซ่อนมันแค่ไหน… ความอึดอัดที่อยู่ตรงนั้นกลับชัดเจนขึ้นทุกที ใช่แล้ว พวกเขาเริ่มสปาร์คกันอีกแล้ว.. เสียงลมจากนอกรถพัดผ่านกระจกเป็นจังหวะ ขณะที่ความเงียบแผ่ปกคลุมไปทั่วรถ เพทายยังคงขับรถด้วยท่าทางสบายๆ แต่ในใจกลับรับรู้ได้ถึงแรงกดดันจากคนข้างๆ ทามไทที่นั่งกอดอกนิ่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง แต่แววตากลับล่องลอยไปไกล “ขับไหวมั้ย?” ทามไทพูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย เสียงเข้มเจือความห่วงใยที่ไม่เต็มปาก “หึ กลัวผมจะพาพวกเราตกเขาหรือไง?” เพทายหันมามองนิดหนึ่ง รอยยิ้มที่ประดับมุมปากทำให้คนมองหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย “พูดอะไรของนายเนี่ยทาย” “ก็แค่ถาม… จะได้ไม่ต้องแวะจอดเปลี่ยนกันอีก” “ไม่ต้องห่วง ผมขับรถเก่งนายก็รู้” น้ำเสียงของเพทายแฝงความมั่นใจและท้าทายกลับมา ทำให้ทามไทเผลอเหลือบตามองอีกฝ่าย ก่อนจะถอนหายใจพรืด ‘ฝากไว้ก่อนเหอะ…’ ด้านหลัง อลิสแอบเปิดตาขึ้นมาดูสถานการณ์ ก่อนจะยิ้มจางๆ อย่างเหนื่อยๆ เธอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศตึงๆ ระหว่างคนทั้งสองตั้งแต่แรกแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือพวกเขาจะไม่ถูกชะตากันแต่แรก? “ทาม…” เสียงเรียกแผ่วๆ จากลลินดาทำลายความเงียบลง เธอพูดขึ้นโดยไม่ลืมตาเหมือนยังครึ่งหลับครึ่งตื่น “ลลินง่วงแล้วนะคะ ถึงเมื่อไหร่เนี่ย?” “อีกไม่นานหรอก นอนต่อเถอะ” ทามไทตอบเสียงอ่อนลงกว่าที่คุยกับเพทาย เพทายแอบชำเลืองมองคนข้างๆ ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองยังท้องถนน “ดูแลดีจริงนะ” เสียงเบาๆ แต่ทามไทก็ได้ยินเต็มสองหู “ก็เธอคงเหนื่อย นายคิดบ้าอะไร?” ทามไทหันกลับมามองทันที น้ำเสียงเริ่มห้วนขึ้น “เปล่า… ก็ถามเฉยๆ” เพทายตอบกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน ดวงตาที่มองตรงไปข้างหน้าเต็มไปด้วยความสงบ แต่ก็เหมือนกับแอบท้าทายอยู่ในที บรรยากาศในรถกลับมาสงัดอีกครั้ง มีเพียงเสียงเพลงเบาๆ กับเสียงลมหายใจสม่ำเสมอของลลินดาและอลิสที่กำลังหลับสนิท ทามไทขยับตัวเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองคนขับที่ยังคงยิ้มที่มุมปากเหมือนเดิม ‘นายยิ้มอะไรนักหนา?’ คนตัวสูงครุ่นคิด คนตัวสูงหันมาสำรวจคนขับข้างๆ ก่อนที่มือหนาจงใจจะวางแหมะลงมาที่ต้นขา มันเฉียดเจ้านั่นไปแค่จึ๋งเดียว ใช่แล้ว เขาตั้งใจ คนขับถึงกับขบกรามสะกดกลั้นความรู้สึกหวามไหวเอาไว้แน่น แต่มือหนาก็ยังซุกซนเขาตั้งใจวางแหมะมันตรงนั้นแช่ไว้ เพทายหันมามองใครอีกคนตาเขียวปั๊ดด้วยความเสียวซ่าน ทามไทยังถูไถไปมา จนใต้ร่มผ้ามันเริ่มปริตึงเบียดเสียดกางเกงแน่นเอี๊ยด “เจอปั๊มแวะหน่อยนะ ผมปวดฉี่ …” คนปากหยักหนาเอ่ยบอกกับคนขับ ขับไปสักพักพวกเขาก็แวะที่ปั๊ม โดยที่สองสาวเลือกที่จะนอนรอในรถ ทันทีที่ประตูห้องน้ำถูกปิดลง ร่างทั้งสองก็โถมสาดใส่กันโดยไม่ได้นัดหมาย แม่งบ้าชิบ เบื่อตัวเองเหมือนกันที่เงี่ยนแม่งได้ทุกที่ทุกเวลา เพียงแค่คนร่างใหญ่ปลุกปั่นเข้าหน่อย ภายใต้ร่มผ้าก็ทำท่าว่าจะปริแตก “นายรีบๆ เลยนะ ผมไม่ไหว” ทามไทรีบถอดกางเกงขาสามส่วนของเพทาย เขาดึงลงมาครึ่งขา ก่อนจะรีบสวบปากงับเข้ากับเจ้าแท่งเอ็นร้อนที่มันพร้อมจะระเบิดเข้าอย่างไว อ่าาาห์ เสียงครางในลำคอที่เบาที่สุด มือยังจิกทึ้งบังคับศีรษะของคนร่างใหญ่เข้าออกอย่างบ้าคลั่ง แท่งเอ็นร้อนเปียกโชกไปด้วยน้ำลายทั้งยังแข็งขืนสู้ลิ้น ร่างหนายังกระดกลิ้นรัวๆ ตวัดดูดเน้นตรงหัวจนคนร่างบางเสียวซ่าน ก่อนจะหยัดกายยืนช้อนคนร่างบางในท่าอุ้มแตง ร่างสูงช้อนวงแขนใต้ข้อพับขา ก่อนจะยัดลำเอ็นของตัวเองเข้าทางด้านหลังของอีกฝ่าย ในขณะที่คนด้านบนต่างก็ชักว่าวช่วยตัวเองไปมาอย่างหฤหรรษ์ “ทาม ผมจะแตก แม่งเงี่ยนสุด เสียวสุด น่ายแม่ง ชอบพาผมทำอะไรห่ามๆ ” พูดแทบกระซิบ ทามไทผงะริมฝีปากออก ก่อนพูด “แตกเลย” การกระทำของทั้งคู่พยายามให้เบาเสียงที่สุด “จะแตกแล้วทาม” ทามไทรีบวางคนร่างบางลง ก่อนจะนั่งยองๆ แล้วดูดกลืนระรัวลิ้นตวัดใส่อย่างไม่ยั้ง ไม่นานน้ำสีขาวขุ่นก็พวยพุ่งเต็มอุ้งปาก เขารีบกระดกกลืนลงคออย่างไว ก่อนจะจับร่างบางให้นั่งยองๆ บ้าง แล้วงัดเจ้าไซซ์ 60 ออกมาให้อีกคนดูดกลืนกิน มือหนาจับศีรษะของอีกคนกดเข้าออกอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่คิดจะยั้งมือ “นายแม่ง คอลึกชิบหาย ฉันเงี่ยน เสียวจะแตกแล้วทาย” แพล่บ แพล่บ อ๊อกก …. เสียงร่วมรักจากทางช่องปากแม้จะดัง แต่ทว่าเสียงด้านนอกกลับกลบเกลื่อนมันจนหมด อ๊าาาห์ “ทาย ฉันจะแตก … อื้มมม” เพทายยิ่งดูดจ้วงละเลงปลายลิ้นระรัว จนคนด้านบนเริ่มตัวแข็งสั่น ลำเอ็นล้วงในลำคอลึกยิ่งหนาปูดโปนด้วยความกระสันอย่างเห็นได้ชัด คนร่างสูงต่างสะกดกลั้นกักเก็บเสียงที่เสียวซ่านขั้นสุด เขาเสียวแทบทนไม่ไหวจนเผลอกัดกรามจนดังกรอด อ๊าาาาห์ ซี้ดดด … ในที่สุดเขาก็ปล่อยน้ำรักเข้าสู่โพรงปากของชายหนุ่มที่รักจนได้ สองคนยืนขึ้นก่อนจะสวมใส่กางเกงอย่างไว ทั้งคู่หันมาตวัดเรียวลิ้นดูดดื่มกันอีกรอบอย่างไวๆ สายตาที่มองกันนั้นวาบหวามปานจะกลืนกิน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันว่องไวไปหมด เกิดขึ้นในพริบตาเดียวไม่น่าจะถึงสามนาทีได้ ทั้งคู่เดินกลับไปที่รถไม่พร้อมกัน ในขณะที่อีกคนก็เดินซื้อของกินเล่นมาให้สาวๆ พร้อมกับกาแฟมาด้วยสองแก้ว จริงๆ ทามไทเผลอตัวกะจะซื้อแก้วเดียว แต่พอนึกขึ้นมาได้เลยต้องเดินกลับไปซื้ออีกแก้ว เดี๋ยวทุกคนจะสงสัย และตอนนี้ก็เหมือนว่าสาวๆ ยังคงหลับปุ๋ยภายใต้เครื่องปรับอากาศที่เย็นฉ่ำ … “น่าจะอีกชั่วโมงกว่าๆ ก็คงจะถึง” คนที่ยังอาสาเป็นคนขับได้เอ่ยบอก ก่อนจะหันสบตาและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะเหยียบคันเร่งต่อไป …คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส