คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงาน
เพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ “ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ” “นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ย ไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น “ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้” คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป “นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ” ‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !! เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจับที่โคลงประตูไว้ไม่ยอมปล่อย “จะลงรถไหวมั้ยครับ คุณคนเก่ง?” เพทายเอ่ยเย้ากึ่งห่วงใย พร้อมเลื่อนตัวไปเปิดประตูฝั่งของทามไท “ฮึ่ย… ฉันไม่ใช่คนป่วยไข้อ่อนแอนะ แต่… ช่วยหน่อยละกัน” ทามไทเอ่ยตัดพ้อ ก่อนจะยอมยื่นแขนมาให้เพทายช่วยดึง เพทายพยุงร่างหนาออกมาจากรถอย่างทุลักทุเล ร่างสูงกว่า 190 เซถลาเล็กน้อยจนคนตัวเล็กกว่าเกือบเซไปด้วย “โธ่… นายตัวหนักเกินไปแล้วนะ!” เพทายโอดครวญ แต่ก็ยังประคองคนเจ็บอย่างมั่นคง “ก็ใครคนทำให้ฉันเป็นแบบนี้ คนนั้นก็ต้องดูแลสิ…” ทามไทบ่นเสียงแผ่ว ขณะเอนศีรษะพิงไหล่เพทายอย่างหมดแรง เมื่อเข้ามาถึงห้อง เพทายจัดแจงพาทามไททิ้งตัวลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ก่อนจะเดินไปค้นหาอุปกรณ์วัดไข้และผ้าชุบน้ำอุ่นๆ มาเช็ดตัว “อุณหภูมิ 39 องศาเชียวนะนายไหวมั้ยเนี่ย?” “ก็บอกแล้วไงว่า… ซี้ดด… ไม่เป็นไร” เสียงแหบพร่าของทามไทเอ่ยออกมา แต่กลับถูกเพทายปรามด้วยการกดผ้าชุบน้ำอุ่นโปะลงกลางหน้าผาก “ไม่ต้องดื้อเลย พรุ่งนี้น่ะ ห้ามไปทำงานเด็ดขาด นายนอนพักอยู่ที่นี่ไปซะ” “แล้วนายล่ะ?” ทามไทถามเสียงเบา ดวงตาที่มักดุดันกลับดูอ่อนแรง แต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นเมื่อมองเขา เพทายยิ้มมุมปาก หย่อนตัวลงนั่งข้างเตียงพลางเอื้อมมือไปจัดผ้าห่มให้ “ฉันก็อยู่เฝ้านายไง คนป่วยแบบนายปล่อยไว้คนเดียวไม่ได้หรอก” ทามไทจ้องมองคนที่กำลังดูแลเขาอยู่ตรงหน้า ไม่ได้เอ่ยอะไร แต่ความรู้สึกบางอย่างกลับอบอวลขึ้นในใจอย่างบอกไม่ถูก “เพทาย…” เสียงแผ่วเบาเหมือนคนละเมอเอ่ยขึ้น ก่อนจะเงียบไป เพทายชะงักเล็กน้อย มองดูอีกฝ่ายที่หลับตาลงอย่างอ่อนแรง สายตาของเขาอ่อนลง รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นที่มุมปาก ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมทามไทเบาๆ “ขี้เก๊กนัก พอป่วยก็อ้อนเป็นเหมือนกันนะเรา” บรรยากาศในห้องเงียบสงบ เหลือเพียงแค่เสียงลมหายใจของคนป่วยที่เริ่มสม่ำเสมอ พร้อมกับใครอีกคนที่นั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง… เขาปลุกคนร่างหนาทุกๆ สี่ชั่วโมงให้ตื่นมาทานยาและวัดไข้ เมื่อเห็นว่าไข้ไม่ลดก็เปลี่ยนเอาผ้าไปชุบน้ำเย็นขึ้นมาเช็ดถูไปทั่วตัวอยู่หลายรอบ เพทายทำความสะอาดของคนร่างสูงทุกจุดอย่างทะนุถนอม พลางนึกกลับไปถึงเรื่องในอดีต ในตอนที่ตนเองจับไข้ เขารู้ดีว่ามันทรมานแค่ไหน ต้องขาดเรียนไปถึงเจ็ดวัน เขาอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเขาทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันไปแบบนี้มันจะดีสักแค่ไหน เมื่อเวลาล่วงเลยไปถึงตีสาม เพทายที่เผลอเอนตัวหลับอยู่ข้างเตียงก่อนจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกรอบ เมื่อรู้สึกถึงมือหนาที่แตะอยู่ที่ไหล่ของเขาเบาๆ “นาย… ตื่นทำไมเนี่ย?” เพทายเอ่ยเสียงงัวเงีย พลางขยี้ตาอย่างง่วงงุน “ทำไมนายไม่นอนดีๆ นอนแบบนั้นเมื่อยแย่” เสียงคนป่วยเอ่ยแผ่วๆ เสียงแหบพร่าอย่างห่วงใย แต่แววตาที่มองอีกคนกลับดูอบอุ่นจนผิดปกติ “ทาย… ขอบใจนะ” เพทายถึงกับชะงักไป รู้สึกเหมือนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินคำพูดที่อ่อนโยนจากคนปากแข็ง “ไม่ต้องมาทำซึ้งเลย” เพทายพยายามกลบเกลื่อน พลางลุกขึ้นยืน “นายพักไปเถอะ อีกเดี๋ยวผมจะเช็ดตัวให้อีกรอบ” “ไม่ต้องหรอก…” ทามไทคว้ามืออีกคนไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “แค่นี้ก็ดีมากแล้ว ฉันอยากให้นายมานอนกอด” เพทายยิ้มบาง พลางมองคนตัวสูงที่พยายามขยับตัวขึ้นมาเอนหลังพิงหัวเตียงอย่างอ่อนแรง ก่อนที่เขาเองจะเดินอ้อมไปข้างๆ เตียงแล้วขึ้นมานอนสวมกอด เขาจุมพิตคนตัวสูงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะพูดข้างๆ หูว่า “เดี๋ยวถึงเวลาทานยาผมจะปลุก … แต่ตอนนี้ใกล้นายทีไร ผมก็มีอารมณ์ตลอด ผมขอไปจัดการตัวเองในห้องน้ำก่อนได้มั้ย?” ทามไทรีบหันขวับมากอดคนข้างๆ “นายจับดูของฉันสิ มันทั้งแข็งทั้งร้อน” “นี่นายกำลังไม่สบายอยู่นะทาม!!” “ก็ฉันทนไม่ไหว ที่จะให้นายไปจัดการตัวเองในห้องน้ำนี่นา” “นายไหวมั้ยล่ะ ผมก็อยากตอกนายเหมือนกันนะ” ทั้งคู่ต่างหัวเราะกัน ก่อนที่บทสวาทจะเริ่มขึ้น “เดี๋ยวผมช่วยนาย ครั้งนี้ผมจะอนุโลมให้ จะยังไม่สอดใส่ด้านหลัง” เขาพูดเสียงแหบพร่า พร้อมโน้มปากมาบดจูบคนป่วยอย่างแผ่วเบา ทั้งคู่อยู่ในห้วงของอารมณ์วาบหวามพลุ่งพล่านไปด้วยแรงราคะ คนป่วยหายใจหอบถี่ไปด้วยความกระสันเสียว ใบหน้าแดงก่ำชื้นไปด้วยเม็ดเหงื่อสีใส “ทาย ฉันอยากดื่มไวน์ …” “มันจะดีหรอที่รัก … ผมเงี่ยนมากเลยตอนนี้ แต่ถ้านายอยากดื่ม” “ไม่ต้องแล้ว …” จากนั้นทามไทก็เริ่มเป็นฝ่ายลุกตามเดิม ทั้งๆ ที่ตัวเองยังป่วยอยู่ บทรักของทั้งคู่ยังเต็มไปด้วยอุ้งปากและเกลียวลิ้น ทุกครั้งที่เพทายเผลอกระทุ้งแทก คนร่างหนาถึงกับซู้ดปากด้วยความเจ็บเสียว ความเจ็บยังคงคับแน่นทุกครั้งที่ถูกกระตุ้น “ฉันไม่ไหว เดี๋ยวฉันช่วงนายให้เสร็จเองนะ” ทามไทเอ่ยบอกกับคนร่างบางกว่า เพราะตอนนี้สภาพที่ฝืนดันทุรังไม่ไหวของเขา ทว่าร่างกายกับพร้อมสู้ ก่อนจะทำให้ใครอีกคนสำเร็จความใคร่ “ผมยังเงี่ยนอยู่เลยทาม นายแค่นอนเฉยๆ เดี๋ยวผมจะชักเอง แต่ขอแตกใส่ปากกับบนหน้านายได้มั้ย?” คนไม่ป่วยเอ่ยถามคนป่วยอย่างใจเย็น “อืมมม ได้สิ” จากนั้นชายหนุ่มก็นั่งคร่อมทั้งสองข้างระหว่างใบหน้าของอีกคน แม้จะป่วยแต่ปากและลิ้นยังดีได้ที่ ลิ้นหนาอุ่นร้อนของคนไข้ ยิ่งเพิ่มความอุ่นจากเรียวลิ้นที่เกี่ยวตวัด เจ้าแท่งไซซ์ 58 ของเขามันอุ่นร้อนไปทั่วทั้งลำ ยิ่งสร้างความรู้สึกแปลกใหม่ อื้มมมม ….. “ครั้งหน้าผมจะอมน้ำอุ่นๆ ก่อนกินไอติมนาย เจออะไรร้อนๆ ดูดกลืนแท่ง มันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก” ปากหนายังคงขบดูด ในขณะที่นิ้วเรียวก็พยายามแหย่ยัดช่องทางด้านหลังของคนหื่นกามไปด้วย อู้ววว …. “ทำแบบนี้มันดีมากเลยทาม ซี้ดดดด เสียวสุดๆ เราสั่งไข่สั่นมาไว้เล่นกันดีมั้ย? ” เขานิ่งเงียบก้มมองร่างหนาที่ดูดแท่งไอติมไม่ยอมตอบ “ก็นายจะได้ไม่เจ็บมาก นายต้องลองจากเล็กๆ ก่อน แล้วเวลาที่แทงก้นผมนายก็สอดใส่เจ้าไข่สั่นด้านหลังไปด้วยน่าจะดี” คนที่ทนฟังไม่ไหว ก็อีกคนเอาแต่พูดจาจนเขาเริ่มหื่นกระหายขึ้นมาอีกครั้ง คนป่วยผละเรียวปากออกจากแท่งไอติม ก่อนจะจับอีกคนให้นอนคว่ำลงบนเตียง “นายพูดซะฉันเงี่ยน” พูดจบก็ยัดเจ้าไซซ์ 60 เข้าด้านหลังของอีกคนเข้าอย่างไว ก่อนจะกระแทกจนเตียงนอนยุบยวบไปตามจังหวะ ปัก ปัก ปัก อื้อออ อ๊าาา อื้อออ อ๊าาาา เสียงคนป่วยหายใจหอบถี่ตอกอัดเน้นๆ เข้าที่ก้นของคนพูดมาก เอื้อออยย อ๊าาาา ….. “ทาม … ผมชอบเวลานายเงี่ยน แรงกว่านี้อีกทาม” ซี้ดดดด …. “ทาย ผมจะแตกแล้ว อ๊าาาห์” ร่างหนาเกร็งกระตุกถี่ๆ น้ำที่ไหลพุ่งเข้าสู่ด้านในมันมีอุณหภูมิที่ร้อนกว่าปกติเพราะร่างกายที่ร้อนผ่าว ชายหนุ่มขมิบตอดแท่งเอ็นตุบๆ รัวๆ มือหนาค่อยๆ ถอดแท่งอุ่นร้อนออกมา เขามองน้ำสีขุ่นที่มันทะลักไหลออกมาเอิ่งนองด้านนอกร่องก้น นิ้วชี้ปาดเกลี่ยน้ำรักทั่วร่องตูด ก่อนจะจับคนร่างบางกว่าให้นอนหงาย จากนั้นเขาก็จัดการคนตัวบางด้วยริมฝีปากจนเสร็จสมไปสองรอบติด “นี่นายป่วยจริงหรือแกล้งป่วยกันแน่เนี่ย คนป่วยอะไรหื่นกามขนาดนี้” คนตัวสูงกว่า 187 ว่าให้คนร่างสูงกว่า 190 เอาแต่นอนซมเพราะฤทธิ์ไข้ในห้อง ตอนนี้ทั้งคู่รอแค่เวลากลับคอนโด ไม่นานนักพนักงานทุกคนต่างทยอยพากันเลิกงานเพทายพยุงร่างคนตัวสูงเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนจะมายังโซนจอดรถสำหรับผู้บริหาร ไอ้อยากขำมันก็อยาก ไอ้สงสารมันก็สงสาร ยิ่งตอนที่นั่งในรถ ร่างสูงก็เอาแต่บ่นให้อีกคนขับเบาๆ“ซี้ดดด … ทาย นายช่วยขับเบาๆ หน่อยได้มั้ย? ”“นี่ผมแทบจะคลานอยู่แล้วนะครับ” ขับช้ากว่านี้ก็คงต้องเต่าแล้วมั้ยไม่นานคนทั้งคู่ก็ต้องขับผ่านลูกระนาดในทางเข้าคอนโดอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้คนตัวสูงถึงกับเขย่งตูดขึ้นจากเบาะ ทำเอาเพทายถึงกับหัวเราะลั่น“ฮ่าๆ … โทษทีๆ ไม่ใช่ผมไม่สงสาร แต่ขอโทษที่อดขำกับท่าทางของนายไม่ได้”คนร่างสูงค่อยๆ หย่อนก้นลงนั่งเบาะอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องรีบลุกเขย่งขึ้นอีกรอบ มือหนาเอื้อมมาจับกันโคลงข้างๆ อีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ นั่งเมื่อขับผ่านลูกระนาดไป“นี่ผมแทบคลานแล้วนะครับ แล้วพรุ่งนี้นายจะตื่นไหวมั้ย? ให้ทำเรื่องลาไว้เลยรึเปล่า? ”‘ยัง ยังจะไม่ยอมหุบปากอีก’ !!เมื่อรถเคลื่อนเข้ามาจอดสนิทที่ลานจอดของคอนโด เพทายหันไปมองคนตัวโตที่ยังนั่งซมอยู่ที่เบาะข้างๆ สีหน้าอ่อนเพลียเต็มทน มือหนายังคงจั
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เป็นโหมดกลับเข้าทำงานปกติ อลิสเองก็เริ่มมาวอแวที่ทำงานของเพทายมากขึ้น เพราะหญิงสาวชอบมาทวงเรื่องงานหมั้น ทำเอาอีกคนถึงกับหัวเสียร่างสูงกว่า 190 ได้ยินเสียงเล็ดลอดของคนทั้งคู่คุยกันทามไทที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตรงข้ามทางเดิน เงี่ยหูฟังเสียงแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของเพทาย“อลิส… เราค่อยคุยกันได้มั้ย ตรงนี้มันไม่ใช่ที่ที่เราจะมาพูดเรื่องส่วนตัว” เสียงของเพทายฟังดูอ่อนแรง แต่ก็พยายามคุมโทนให้ดูสุขุม“ทำไมล่ะคะ? หรือพี่เพทายไม่อยากหมั้นกับอลิสแล้ว” เสียงหวานของหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “หรือพี่มีใครคนอื่นที่คิดว่าดีกว่าอลิส?”ทามไทได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู เขากำมือแน่น จ้องมองแฟ้มงานตรงหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ในหัวมีแต่ความคิดวกวนเกี่ยวกับสิ่งที่เพทายกำลังเจอ และโดยเฉพาะความสัมพันธ์ของอีกฝ่ายกับอลิส ที่เขาไม่รู้ว่ามันซับซ้อนแค่ไหน“อลิส หยุดพูดอะไรแบบนั้นเถอะ” เพทายถอนหายใจหนักหน่วง “พี่แค่… พี่ยังไม่พร้อม และมันไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้น”ทามไทเบ้ปากโดยไม่รู้ตัว พร้อมพึมพำกับตัวเองเบาๆ“ไม่พร้อม… เหอะ”ทันใดนั้น ประตูห้องทำงานของเพทายก็ถูกผลักออกมา พร้อมกับร่างบาง
วันนี้คนทั้งสี่ที่เดินทางกลับกรุงเทพพร้อมกัน โดยทามไทเป็นคนขับ และลลินดานั่งข้างๆ ซึ่งก็มีเพทายและอลิสนั่งเบาะหลัง ทุกครั้งที่ลลินดาเอื้อมมือไปจับขาคนขับ คนด้านหลังต่างแอบขบกรามอยู่บ่อยครั้งไม่ต่างจากคนขับเอง ที่หันมองกระจกหลังทีไร ก็เห็นว่าใครอีกคนมีหญิงสาวคอยนั่งซบอยู่ตลอดเวลาเอี๊ยดด …!! คนใจลอยถึงกับเผลอเบรกแทบหัวทิ่ม เมื่อคันหน้าก็เบรกอย่างกะทันหัน“นายให้ผมช่วยขับมั้ยทาม? ”คนตัวสูงหันมองกระจกหลัง ก่อนว่า“งั้นนายมาช่วยฉันขับ ให้ลลินไปนั่งข้างหลัง ฉันจะได้ช่วยนางดูทาง สาวๆ จะได้หลับกันสบายๆ ”ฟังเหมือนดูดี มีเหตุผลร่างสูงกว่า 187 หันมายิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ ก่อนที่ทั้งสี่จะเปลี่ยนย้ายตำแหน่ง หลังจากจอดแวะปั๊มบรรยากาศในรถเริ่มเปลี่ยนไปหลังจากย้ายตำแหน่งกันใหม่ ทามไทนั่งคู่กับเพทายที่เข้ามารับหน้าที่คนขับ ส่วนสองสาวก็ถูกย้ายไปนั่งเบาะหลัง ลลินดานั่งพิงข้างประตู พร้อมกับแอบมองกระจกหลังอยู่เป็นระยะ ในขณะที่อลิสพยายามจะข่มตาหลับ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆ ที่แฝงอยู่ด้านในเพทายเอื้อมมือไปปรับกระจกมองหลังให้เห็นมุมกว้างขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบมองทามไทที่นั่งนิ่งข้างๆ ตัวเ
ทามไทจับเจ้าแท่งอุ่นร้อนไซซ์พิเศษขึ้นมา มันผงกหัวหงึกหงักขึ้นมาแผ่ขยายท่ามกลางร่องก้น“ฉันเงี่ยน นายช่วยถูก้นขึ้นลงเล่นกับมันหน่อยสิ”คนด้านหน้าก็ทำตามอย่างว่าง่าย มือหนาของทามไทก็ซุกซนค่อยๆ บีบไต่ลามไล้ไปทั่วร่าง แต่เขาเลือกที่จะละเว้นที่ตรงนั้นเอาไว้ เขาต้องการหลอกล่อให้ใครอีกคนเสียวซ่านจนขั้นสุด มือหนาคลึงสะโพกกลมผายอย่างบางเบา ก่อนจะเด้งส่ายเจ้าแท่งแข็งขึงบดขยี้เข้ากับก้นนิ่มนุ่มอื้มมม …. เขาพลิกกายของร่างบางให้หันหน้ามาหากันอย่างไว จากนั้นก็ยกขาทั้งสองข้างของชายหนุ่มขึ้น ปากอุ่นร้อนค่อยๆ ดูดเม้มเข้ากับซอกคอของอีกฝ่าย เขาเผลอดูดจนอีกคนเป็นรอยปื้นแดงขึ้นจ้ำๆ“ฉันอยากจะทำรอยไว้ทั่วร่างของนาย ทุกคนจะได้รู้ว่านายเป็นที่รักของฉัน นายเป็นของของฉัน” คนตัวสูงกว่า 190 เอ่ยอย่างคนเอาแต่ใจคนด้านบนบิดกายไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเผลอจิกทึ้งศีรษะของคนใต้ร่างเข้าอย่างแรง จากนั้นคนตัวโตก็ก้มลงงับกับเจ้าลูกเชอรี่สีแดงสด เขาตวัดลิ้นระรัวขบเม้มกับเม็ดเล็กๆ ตรงหน้าอกอย่างแรง เพทายเองถึงกับอ้าปากค้างส่งเสียงครางไม่หยุดอ้าาาห์ …“มันเสียวมากเลยทาม”ชายหนุ่มพูดข้างๆ ใบหูของคนตัวโต“นายช่วยยืนขึ้นหน่อ
บรรยากาศในร้านริมหาดนั้นเต็มไปด้วยเสียงเพลงของดนตรีสดที่ทำให้ความรู้สึกของทุกคนดูผ่อนคลาย แต่ภายในใจของทามไทและเพทายกลับมีสิ่งที่ซ่อนอยู่มากมาย ทั้งสองนั่งอยู่ตรงข้ามกัน ขณะที่อลิสและลลินดานั่งอยู่ข้างๆ บนโต๊ะไม้สีอ่อนที่ตั้งอยู่ใกล้กับริมทะเล เสียงคลื่นซัดสาดทำให้บรรยากาศดูสงบ แต่ในหัวของทั้งสองกลับเต็มไปด้วยความคิดทามไทมองไปที่เพทายที่นั่งห่างออกไปแค่ไม่กี่ก้าว เขาพยายามเก็บความรู้สึกที่ปั่นป่วนภายในใจเอาไว้ ไม่ให้ใครเห็น เขาสังเกตเห็นว่าเพทายพูดคุยกับอลิสได้อย่างเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของทั้งสองเหมือนเสียงของคู่รักที่เพิ่งพบกันไม่นาน มันทำให้ทามไทรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่เขาก็รู้ดีว่าเพทายและอลิสไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเกินกว่าคำว่าพี่น้อง แต่ทำไมลึกๆ เขากลับรู้สึกไม่สบายใจในขณะเดียวกัน เพทายที่นั่งอยู่ข้างๆ อลิสก็รู้สึกถึงสายตาของทามไทที่จ้องมาที่เขาอย่างไม่ค่อยพอใจ เขารู้สึกได้ถึงความตึงเครียดในอากาศ แต่มันกลับเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถแสดงออกได้ ทุกครั้งที่เขาหันไปมองทามไท ทามไทก็จะทำเพียงแค่ยิ้มให้ แม้ว่าในดวงตาจะมีแววแปลกๆ ที่ทำให้เพทายไม่แน่ใจว่าเขาคิดอะไรอลิสหันไปม
เมื่อทั้งคู่ถึงคอนโด พวกเขาต่างหิ้วของกินพะรุงพะรัง มีทั้งของทานเล่นและเบียร์ยี่ห้อดังที่แอลกอฮอล์สิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่ปกติคนอย่างทามไทไม่ค่อยแตะเบียร์สักเท่าไหร่ แต่วันนี้ดูเหมือนเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษทั้งคู่ใช้เวลาเสพสุขร่วมกันอีกหลายรอบ ราวกับจะทดแทนเวลาที่ขาดหายไป ก่อนจะหมดแรงหลับใหลไปพร้อมกันเช้าวันอาทิตย์เสียงโทรศัพท์ภายในห้องดังขึ้น ทำเอาทามไทที่นอนขี้เซาภายใต้อ้อมกอดกันและกันต้องค่อยๆ ผละตัวออกอย่างแผ่วเบาจากร่างของใครอีกคน ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหูด้วยความไม่เต็มใจเท่าใดนัก เขาได้ยินเสียงมารดาดังมาจากปลายสาย“ทาม วันนี้บ้านเรานัดกับบ้านลลินดาไว้ที่บ้านพักตากอากาศ จำได้ใช่ไหมลูก?”ทามไทถอนหายใจเบาๆ “ครับๆ ไปอยู่แล้ว แต่ผมจะพาเลขาส่วนตัวไปด้วย”“อ้าว พาเลขาไปทำไมลูก นี่มันนัดสังสรรค์กันในครอบครัวนะครับลูก”“เขารู้เรื่องงานมากกว่าผมอีกครับแม่ อีกอย่างเขาก็สนิทกับลลินดาอยู่แล้ว แม่ไม่ต้องห่วงหรอก รับรองแม่เจอเขาก็จะร้องอ๋อ” ทามไทเอ่ยตัดบทบนรถยนต์คันหรูระหว่างทาง“ทาม นายจะให้ผมไปทำไมเนี่ย ผมรู้สึกแปลกๆ นะ” เพทายบ่นพลางขยับเนกไทที่ถูกบังคับให้ใส่“แปลกอะไร นายก็ส