Home / โรแมนติก / เรื่องราวของเราสองคน / ตอนที่ 4: รอยร้าวในกำแพงความเงียบ

Share

ตอนที่ 4: รอยร้าวในกำแพงความเงียบ

last update Last Updated: 2025-10-22 20:12:39

ความเงียบที่ตามมาหลังจากการบันทึกวิดีโอจบลงนั้น มันไม่ใช่แค่ความเงียบ แต่เป็นสุญญากาศที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่งเข้าไป ทั้งเสียงอากาศที่หมุนเวียนจากเครื่องปรับอากาศ ทั้งเสียงนาฬิกาที่เดินติ๊กต็อกอยู่บนผนัง ทั้งเสียงหัวใจของคนสองคนที่เต้นรัวอยู่ในอก ทั้งพลอยและฝนต่างถูกแช่แข็งอยู่ในห้วงเวลาแห่งความกระอักกระอ่วนนั้น ไม่มีใครกล้าขยับ ไม่มีใครกล้าสบตา และไม่มีใครกล้าเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมา

 เสียงครางแผ่วเบาของพลอยยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาทของคนทั้งสอง มันเป็นหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ มันได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งของคำว่า "การแสดง" ไปแล้ว มันคือปฏิกิริยาตอบสนองที่แท้จริงจากร่างกาย คือความรู้สึกที่ซื่อตรงซึ่งถูกปลดปล่อยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 ฝนเป็นฝ่ายแรกที่ขยับตัวได้ เธอก้มหน้าก้มตาเก็บอุปกรณ์กล้องของเธอด้วยท่าทีที่รีบร้อนผิดปกติ ทุกการเคลื่อนไหวของเธอดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ เธอดึงสายไฟออกอย่างแรง ถอดเลนส์ออกจากตัวกล้อง และเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าอย่างลวกๆ ราวกับว่าอุปกรณ์เหล่านั้นคือวัตถุอันตรายที่ต้องรีบกำจัดให้พ้นสายตา การกระทำเหล่านั้นเป็นเพียงข้ออ้างเพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตากับพลอย

 ทางด้านพลอย เมื่อเห็นฝนขยับ เธอก็รีบลุกขึ้นจากเตียงทันที "ฉัน... ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" เธอพูดเสียงเบาหวิวแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องไปทันที ประตูห้องน้ำที่ปิดลงดัง "ปัง" เป็นเหมือนสัญญาณที่บ่งบอกถึงความต้องการที่จะหลีกหนีจากสถานการณ์ตรงหน้า

 ทันทีที่อยู่คนเดียวในห้องน้ำ พลอยก็รีบเปิดก๊อกน้ำแล้ววักน้ำเย็นๆ ขึ้นมาสาดใส่หน้าตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอจ้องมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ริมฝีปากยังคงสั่นระริก "บ้าที่สุด! บ้าที่สุดเลยพลอย!" เธอตบแก้มตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติ "แกทำบ้าอะไรลงไป ทำไมต้องส่งเสียงแบบนั้นออกไปด้วย!"

 ในหัวของเธอเต็มไปด้วยคำถามและความสับสนวุ่นวาย เธอรู้สึกอับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เสียงเมื่อครู่มันคืออะไรกันแน่ มันคือเสียงแห่งความพึงพอใจจริงๆ หรือ หรือมันเป็นแค่ปฏิกิริยาของร่างกายที่ถูกกระตุ้นจากสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ แล้วฝนล่ะ... ฝนจะคิดกับเธอยังไงตอนนี้ เพื่อนรักของเธอจะมองว่าเธอน่ารังเกียจไหม หรือจะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายที่แค่ลูบขาตัวเองก็เกิดอารมณ์ขึ้นมาได้

 แต่แล้ว... ในอีกมุมหนึ่งของความคิดที่สับสนนั้น ก็มีประกายความรู้สึกบางอย่างที่น่ากลัวกว่าแทรกซึมเข้ามา มันคือความตื่นเต้น... เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเสียงกระซิบของฝนที่คอยกำกับเธออยู่ข้างๆ นั้น มันได้ปลุกเร้าความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึกที่สุดในใจของเธอให้ตื่นขึ้นมาจริงๆ

 ขณะเดียวกัน ฝนที่อยู่ในห้องนอนก็ทรุดตัวลงนั่งบนพื้นข้างๆ กระเป๋ากล้อง เธอยกมือขึ้นมากุมขมับ พยายามจะขับไล่ภาพและเสียงที่ยังคงติดอยู่ในหัวออกไป แต่ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น ภาพของเรียวขาที่มันวาวภายใต้แสงไฟสลัว ภาพของปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า และที่สำคัญที่สุด... เสียงครางในลำคอของพลอย

 เสียงนั้นมันได้สั่นสะเทือนบางอย่างในตัวตนของฝนอย่างรุนแรง มันไม่ใช่แค่เสียงที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของนางแบบ แต่มันเป็นเสียงที่เปิดเผยความเปราะบางและความรู้สึกที่แท้จริงของเพื่อนที่เธอรักที่สุดออกมา และปฏิกิริยาแรกของเธอที่มีต่อเสียงนั้นไม่ใช่ความตกใจหรือความรังเกียจ... แต่เป็นความปรารถนา... ความปรารถนาที่รุนแรงจนน่ากลัวที่จะได้เห็น ได้ยิน และได้สัมผัสมากกว่านี้

 'เราต้องทำยังไงดี' ฝนถามตัวเองในใจ 'เราควรจะทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือเราควรจะพูดเรื่องนี้กับพลอยตรงๆ' แต่ไม่ว่าทางเลือกไหนก็ดูเหมือนจะนำไปสู่หายนะได้ทั้งนั้น ถ้าเธอทำเป็นเมินเฉย มันก็จะกลายเป็นหนามที่คอยทิ่มแทงความสัมพันธ์ของพวกเธอไปตลอด แต่ถ้าเธอพูดออกไป... มันก็อาจจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเธอเคยมีร่วมกันมาก็ได้

 เมื่อพลอยเดินออกมาจากห้องน้ำ ทั้งสองคนก็ต่างหลบสายตากันและกัน บรรยากาศในห้องนอนที่เคยอบอุ่นและเป็นส่วนตัว บัดนี้กลับกลายเป็นเหมือนสนามรบที่เต็มไปด้วยกับระเบิดที่มองไม่เห็น

 "เอ่อ... งั้น... คืนนี้ก็นอนหลับฝันดีนะ" พลอยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน เธอไม่รอให้ฝนตอบ แต่รีบแทรกตัวขึ้นไปนอนบนเตียงแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงทันที

 "อืม... ฝันดีเช่นกัน" ฝนตอบเสียงเบา ก่อนจะรีบหอบอุปกรณ์ของตัวเองกลับไปยังห้องนอนของเธอ ปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและระยะห่างที่มองไม่เห็นซึ่งได้ก่อตัวขึ้นมาขวางกั้นระหว่างพวกเธอทั้งสองคน

 วันรุ่งขึ้น กลายเป็นวันที่เงียบเหงาและอึดอัดที่สุดเท่าที่พวกเธอเคยอาศัยอยู่ด้วยกันมา กำแพงที่มองไม่เห็นซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้นจนครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของคอนโด พวกเธอต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเองอยู่ในมุมของตัวเองราวกับเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก

 กิจวัตรประจำวันที่เคยทำร่วมกันอย่างการดื่มกาแฟตอนเช้าได้หายไป พลอยตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้ากินคนเดียวเงียบๆ แล้วรีบเปิดคอมพิวเตอร์ทำงานกราฟิกของเธอทันที ส่วนฝนก็หมกตัวอยู่กับกองหนังสือถ่ายภาพ สวมหูฟังเพื่อตัดขาดตัวเองออกจากโลกภายนอก แม้มื้อกลางวัน พวกเธอก็ยังแยกกันกิน ต่างคนต่างสั่งอาหารเดลิเวอรี่ที่ตัวเองอยากกินมานั่งกินคนละมุมห้อง

 ช่วงบ่ายวันนั้น พลอยทนความอึดอัดไม่ไหว เธอคว้ากระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอต้องการพื้นที่ ต้องการอากาศหายใจ และต้องการหนีจากสายตาของฝนที่แม้จะไม่ได้มองมาที่เธอตรงๆ แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันนั้นอยู่ตลอดเวลา

 การหายไปของพลอยทำให้ฝนรู้สึกใจหายวาบ เธอถอดหูฟังออก ความเงียบในห้องตอนนี้มันช่างเวิ้งว้างและน่ากลัวเหลือเกิน เธอรู้ดีว่าเธอไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไปได้ เธอต้องทำอะไรสักอย่าง และสิ่งแรกที่เธอต้องทำก็คือ... จัดการกับไฟล์วิดีโอเจ้าปัญหานั้น

 ฝนเปิดแล็ปท็อปขึ้นมา เสียบการ์ดหน่วยความจำ แล้วคัดลอกไฟล์วิดีโอนั้นลงมาในเครื่อง เธอสวมหูฟังอีกครั้งเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกไป แล้วกดเล่นไฟล์นั้น

 ภาพบนหน้าจอทำให้หัวใจของเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง เธอได้เห็นเหตุการณ์เมื่อคืนนี้อีกครั้งในมุมมองของกล้อง มันดูดิบ จริง และทรงพลังอย่างน่าประหลาด เธอเลื่อนไทม์ไลน์ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงช่วงท้ายของคลิป... ช่วงเวลาก่อนที่จะมีเสียงนั้นดังขึ้น

 เธอเปิดฟังเสียงนั้นซ้ำไปซ้ำมา... 'อืมม...'... มันเป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มันไม่ใช่เสียงที่น่าเกลียดเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน มันกลับทำให้วิดีโอนี้ดูมีชีวิตและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถส่งวิดีโอฉบับนี้ไปให้ลูกค้าได้ มันเป็นการเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงของพลอยมากเกินไป มันเป็นการทรยศต่อความไว้วางใจที่เพื่อนรักมีให้เธอ

 การตัดสินใจว่าจะตัดเสียงนั้นออกหรือไม่ กลายเป็นเหมือนการตัดสินใจเชิงสัญลักษณ์ว่าเธอจะจัดการกับความสัมพันธ์ของพวกเธออย่างไร เธอจะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น หรือจะแกล้งทำเป็นว่ามันไม่เคยมีตัวตนอยู่...

 สุดท้าย... ฝนก็ตัดสินใจเลือกทางที่ปลอดภัยที่สุด เธอตัดคลิปวิดีโอให้จบลงก่อนที่เสียงนั้นจะดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาที มันจบลงด้วยภาพของปลายนิ้วของพลอยที่หยุดชะงักอยู่บนเรียวขาของตัวเอง ทิ้งไว้เพียงความตึงเครียดที่ค้างคาและชวนให้จินตนาการต่อไป เธอแนบไฟล์นั้นไปกับอีเมลที่พิมพ์ข้อความไว้อย่างเป็นทางการที่สุด แล้วกดส่งออกไป การกระทำนั้นให้ความรู้สึกที่ว่างเปล่าและเย็นชาอย่างประหลาด มันช่างแตกต่างจากความร้อนแรงของเหตุการณ์ในตอนที่มันถูกสร้างขึ้นมาโดยสิ้นเชิง

 สองวันต่อมา พลอยกลับมาทำตัวเป็นปกติมากขึ้น แม้จะยังคงมีระยะห่างอยู่บ้าง แต่กำแพงความเงียบก็ได้เริ่มทลายลงแล้ว พวกเธอกลับมาพูดคุยกันเรื่องสัพเพเหระได้เหมือนเดิม แต่ก็ยังคงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องแอคเคาท์ลับของพวกเธอ

 จนกระทั่งเย็นวันนั้น ขณะที่พลอยกำลังเช็คข้อความในแอคเคาท์ "Secret Petals" เธอก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

 "ฝน... ฝน! มาดูนี่เร็ว!"

 ฝนรีบวิ่งเข้ามาดูหน้าจอโทรศัพท์ของพลอย มันเป็นข้อความตอบกลับจากลูกค้าคนเดิมที่สั่งทำวิดีโอคลิป

 'ยอดเยี่ยมมาก! ผมไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยายได้เลย มันสุดยอดจริงๆ! ความตึงเครียดในตอนท้ายคลิปที่คุณตัดจบแบบนั้นมันทรงพลังมาก มันกระตุ้นจินตนาการได้อย่างเหลือเชื่อ ผมได้โอนเงินโบนัสพิเศษไปให้พวกคุณแล้วเพื่อเป็นการขอบคุณ และแน่นอน... ผมมีคำขอใหม่มาเสนอ'

 พลอยเลื่อนหน้าจอลงมาเพื่ออ่านคำขอต่อไป หัวใจของเธอแทบจะหยุดเต้น

 'สำหรับคลิปต่อไป ผมอยากจะเห็นอะไรที่มันเชื่อมโยงกันมากขึ้น ผมอยากจะเห็น "มือสองคู่" บางที... อาจจะเป็นมือของคนหนึ่งที่กำลังช่วยอีกคนหนึ่งทาโลชั่นหรือออยล์ก็ได้ ผมคิดว่าภาพของการสัมผัสที่เกิดขึ้นระหว่างคนสองคนนั้นมันเป็นศิลปะที่งดงามและน่าค้นหามาก'

 ความเงียบเข้าปกคลุมพวกเธออีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ใช่ความเงียบที่เกิดจากความอึดอัด แต่เป็นความเงียบที่เกิดจากความตื่นตระหนก คำขอนี้มันได้พังทลายกำแพงที่พวกเธอเพิ่งจะสร้างขึ้นมาจนหมดสิ้น มันไม่ได้ขอให้พลอยแสดงคนเดียวอีกต่อไปแล้ว แต่มันกำลังขอให้พวกเธอทั้งสองคน... สัมผัสกัน... ต่อหน้ากล้อง

 "เรา... เราทำแบบนั้นไม่ได้ใช่ไหม" พลอยเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือและเปราะบางอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

 ฝนไม่ได้ตอบในทันที เธอจ้องมองข้อความนั้นนิ่ง ในใจของเธอกำลังต่อสู้กันอย่างหนัก ส่วนหนึ่งกรีดร้องว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันอันตรายเกินไป มันคือการก้าวข้ามเส้นที่ไม่มีวันหวนกลับคืนได้ แต่อีกส่วนหนึ่ง... ส่วนที่มืดมนและซื่อตรงต่อความปรารถนาของตัวเอง... กลับกำลังกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น

 "พลอย..." ในที่สุดฝนก็พูดขึ้นมา เธอหันหน้าไปหาเพื่อนรักแล้วตัดสินใจว่าเธอไม่สามารถหนีความจริงได้อีกต่อไป "เราต้องคุยกัน"

 เธอดึงพลอยให้ไปนั่งลงบนโซฟา บรรยากาศกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง

 "แกโอเคไหม... เรื่องคืนนั้น" ฝนเริ่มต้นด้วยคำถามที่ตรงไปตรงมาที่สุด

 พลอยก้มหน้ามองมือตัวเอง "ฉัน... ฉันอายมากฝน ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น... เสียงนั่นมัน... มันหลุดออกไปเอง"

 "ไม่ต้องอายหรอกพลอย" ฝนพูดเสียงนุ่มนวล "มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย สถานการณ์แบบนั้นมัน... เข้มข้นมาก มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะ... มีปฏิกิริยาตอบสนอง" เธอพยายามเลือกใช้คำพูดอย่างระมัดระวังที่สุด "ฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจหรืออะไรเลยนะ... ในทางกลับกัน... เสียงของแกมันทำให้วิดีโอนั่นดูจริงมาก และมันก็... ทรงพลังมาก"

 การยอมรับอย่างตรงไปตรงมาของฝนทำให้พลอยเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่เธอคาดคิดไว้เลย

 "แล้ว... แล้วแกคิดยังไงกับคำขอใหม่นี้" พลอยถามกลับ

 ฝนถอนหายใจยาว "ฉันคิดว่า... มันอาจจะเกินขอบเขตของเราไปหน่อย" เธอหยุดไปชั่วครู่ "แต่ฉันก็คิดว่า... เราไม่ควรจะปล่อยให้ความเงียบมาทำลายเราแบบนี้อีกแล้วพลอย สองวันที่ผ่านมามันทรมานมากนะ"

 น้ำตาเริ่มคลอหน่วยในดวงตาของพลอย "ฉันก็เหมือนกัน... ฉันเกลียดที่มันเป็นแบบนั้น"

 "งั้นเรามาตั้งกฎกันใหม่ดีไหม" ฝนเสนอ "กฎที่สำคัญที่สุด... สำคัญกว่าเงินหรือแอคเคาท์บ้าๆ นี่"

 "กฎอะไร"

 ฝนเอื้อมมือไปกุมมือของพลอยไว้แน่น "กฎที่ว่า... 'ห้ามมีความลับระหว่างเรา' ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ถ้าใครคนใดคนหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ อึดอัด หรือสับสน เราต้องพูดกันทันที ห้ามเก็บไว้คนเดียวเด็ดขาด เพราะมิตรภาพของเรามันสำคัญกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง... ได้ไหม"

 พลอยพยักหน้ารับช้าๆ น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลทะลักออกมา เธอโผเข้ากอดฝนไว้แน่น "ได้สิ... ฉันสัญญา"

 พวกเธอสองคนกอดกันอยู่อย่างนั้นเนิ่นนาน การกอดกันครั้งนี้มันแตกต่างออกไป มันไม่ใช่แค่การปลอบใจเพื่อน แต่มันคือการทำพันธสัญญา คือการยืนยันว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พวกเธอจะยังคงมีกันและกันเสมอ

 หลังจากที่คลายออกจากอ้อมกอดแล้ว พวกเธอก็ตัดสินใจร่วมกันว่าจะยังไม่รับคำขอใหม่นั้น แต่ก็จะไม่ปฏิเสธไปในทันที พวกเธอจะปล่อยให้มันค้างคาอยู่อย่างนั้นก่อน เพื่อให้เวลาตัวเองได้ทบทวนความรู้สึกจริงๆ

 คืนนั้น พวกเธอกลับมาดูหนังด้วยกันบนโซฟาเหมือนเคย บรรยากาศที่เคยอึดอัดได้หายไปแล้ว ถูกแทนที่ด้วยความเข้าใจและความรู้สึกที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่แล้ว... ในขณะที่กำลังดูหนังเพลินๆ อยู่นั้น เท้าของพลอยที่เหยียดอยู่ใต้ผ้าห่มก็เผลอไปสัมผัสโดนขาของฝนเข้าโดยบังเอิญ...

 วินาทีนั้นเอง... ทั้งสองคนก็สะดุ้งเล็กน้อยพร้อมกันแล้วรีบชักเท้ากลับโดยอัตโนมัติ

 มันเป็นเพียงปฏิกิริยาสะท้อนกลับที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที แต่สำหรับพวกเธอทั้งสองคนแล้ว... มันคือเครื่องยืนยันที่ชัดเจนว่า... แม้กำแพงแห่งความเงียบจะถูกทลายลงไปแล้ว... แต่สัมผัสที่เคยบริสุทธิ์ใจระหว่างพวกเธอ... มันได้เปลี่ยนไปแล้ว... และจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกตลอดกาล

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 25: การเปิดเผย

    กระบวนการสร้างสรรค์ครั้งสุดท้ายสำหรับโปรเจกต์ "กล้องที่ถูกทอดทิ้ง" ไม่ได้เกิดขึ้นในห้องมืดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสารเคมี... และก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดที่นุ่มนวลในสตูดิโอ... แต่กลับเกิดขึ้นบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของไฟล์เอกสาร... ในรูปแบบของ "บทสัมภาษณ์ถาม-ตอบ" สำหรับหนังสือภาพถ่ายของพวกเธอ มันคือการเดินทางย้อนกลับไปสำรวจร่องรอยของความทรงจำ... คือการกลั่นกรองความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมาเป็นตัวอักษร... และที่สำคัญที่สุด... มันคือการที่พลอยจะได้ค้นพบ "เสียง" ของตัวเองเป็นครั้งแรก พวกเธอนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่... อ่านคำถามจากสำนักพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมา... ทุกคำถามล้วนแต่แหลมคมและเฉือนลึกลงไปถึงแก่นของเรื่องราวทั้งหมด คำถาม: ถึงแรงบันดาลใจ: คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวที่สุดของคุณถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผลงานศิลปะเพื่อสาธารณะ พลอยนิ่งไปนานกับคำถามนี้... เธอจะอธิบายความรู้สึกที่ทั้งเปราะบางและเปี่ยมไปด้วยพลังนั้นออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร... เธอเริ่มต้นเขียน... ลบ... แล้วก็เขียนใหม่อยู่หลายครั้ง... โดยมีฝนคอยนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ... จนในที่สุด... เธอก็ได้พบคำตอบท

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 24: ห้องมืดและแสงสว่าง

    สตูดิโอแห่งใหม่ของพวกเธอได้กลายเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน... มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต... เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ความรักและศิลปะของพวกเธอได้เติบโตและหายใจไปด้วยกันอย่างอิสระ และในบรรดาพื้นที่ทั้งหมดที่พวกเธอได้ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น... ก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีความหมายและเป็นส่วนตัวสำหรับฝนได้มากเท่ากับ "ห้องมืด" อีกแล้ว มันคือความฝันที่เป็นจริง... คือโลกใบเล็กๆ ที่เธอสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่าง... โลกที่ตัดขาดจากแสงสว่างและความวุ่นวายภายนอกโดยสิ้นเชิง บทแรกของการสร้างสรรค์ผลงานในบ้านหลังใหม่นี้ จึงเริ่มต้นขึ้นในความมืดมิดนั้น ฝนก้าวเข้าไปในห้องมืดที่เธอสร้างขึ้นมากับมือเป็นครั้งแรก... ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต เธอปิดประตูลง... และโลกทั้งใบก็จมดิ่งลงสู่ความมืดสนิท... มีเพียงแสงสีแดงจางๆ จากหลอดไฟนิรภัยเท่านั้นที่ส่องสว่างพอให้มองเห็นเค้าโครงของสิ่งต่างๆ... ถาดน้ำยาสามใบที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ... เครื่องอัดขยายภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง... และเสียงน้ำไหลที่ดังมาจากท่อ... ทุกอย่างคือองค์ประกอบของพิธีกรรมที่กำลังจะเร

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 23: สถาปัตยกรรมของเรา

    สตูดิโอแห่งใหม่ที่พวกเธอได้ตัดสินใจเช่าในย่านตลาดน้อยนั้น... ในวันแรกที่ได้กุญแจมา... มันดูไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้ง สีบนผนังหลุดลอกร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ พื้นไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ก้าวเดิน และฝุ่นหนาก็ปกคลุมทุกตารางนิ้วราวกับหิมะสีเทา... แต่มันก็เป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วย "ศักยภาพ" หน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดานคือหัวใจของพื้นที่แห่งนี้ มันเปิดรับแสงแดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ เข้ามาอย่างเต็มที่ และจากหน้าต่างบานนั้น... พวกเธอก็สามารถมองเห็นวิวของหลังคาบ้านเก่าๆ และชีวิตที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าของผู้คนในย่านเมืองเก่าได้... มันคือผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า... ที่กำลังรอคอยให้พวกเธอได้เข้าไปแต่งแต้มเรื่องราว แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการลงมือทำความสะอาดหรือทาสี... พวกเธอกลับเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการ "ฝัน" พวกเธอนั่งลงบนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น... โดยมีเพียงกระดาษแผ่นใหญ่กับดินสอสองสามแท่งคั่นกลางอยู่... แล้วเริ่มต้นสร้าง "กระดานแห่งความฝัน" (Dream Board) สำหรับพื้นที่แห่งนี้... มันคือการระดมสมองที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคิดสร้างสรรค์... และมันก็ได้เปิดเผยถ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 22: ระลอกคลื่นแห่งการยอมรับ

    การยอมรับที่ไร้เงื่อนไขของมิ้นท์ในวันนั้น เปรียบเสมือนก้อนหินก้อนแรกที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่นิ่งสงบแห่งชีวิตของพวกเธอ และมันก็ได้สร้างระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปอย่างช้าๆ แต่ทรงพลัง... ระลอกคลื่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางอารมณ์และสังคมของพวกเธอไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศในคอนโดมิเนียมที่เคยเป็นเหมือนป้อมปราการสำหรับหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก บัดนี้ได้กลายเป็นเหมือนบ้านที่เปิดประตูต้อนรับพันธมิตรคนสำคัญเข้ามา ความวิตกกังวลระดับต่ำที่คอยเกาะกินจิตใจของพวกเธออยู่ตลอดเวลาว่าเพื่อนสนิทจะคิดอย่างไร... บัดนี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ในช่วงหลายวันที่ตามมานั้น ชีวิตของพวกเธอได้ค้นพบจังหวะใหม่ที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น การมาเยือนของมิ้นท์ที่คอนโดในเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนั้น ภาพของคนสามคนที่นั่งล้อมวงกินส้มตำและไก่ย่างกันบนพื้นห้องนั่งเล่นนั้น มันช่างเป็นภาพที่แสนจะธรรมดา... แต่สำหรับพวกเธอแล้ว... มันคือความไม่ธรรมดาที่แสนจะงดงาม พลอยกับฝนสามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยระแวดระวังอีกต่อไปแล้ว สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่เ

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 21: บทสนทนาใต้แสงตะวัน

    ความตื่นเต้นที่เคยพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของพวกเธอตลอดค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการนั้น ได้ค่อยๆ จางหายไปในระหว่างการเดินทางกลับคอนโดด้วยรถแท็กซี่ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกที่เหนือจริงและความสุขที่เงียบสงบซึ่งเข้ามาแทนที่ พวกเธอนั่งเคียงข้างกันในความมืด จ้องมองแสงไฟของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปนอกหน้าต่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาสำคัญที่เพิ่งจะผ่านมาสดๆ ร้อนๆ "ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยฝน" พลอยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนด้วยเสียงกระซิบ "ตอนที่สายตาของมิ้นท์มองมาที่เราสองคน... ฉันนึกว่าหัวใจฉันจะหยุดเต้นไปแล้วเสียอีก" "ฉันก็เหมือนกัน" ฝนตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา เธอยังจำความรู้สึกเย็นเฉียบที่แล่นไปทั่วร่างของตัวเองในตอนนั้นได้ดี "แต่... วิธีที่มิ้นท์พูดออกมา... 'มันเป็นเรื่องราวความรักที่สวยงาม'... เขาไม่ได้กำลังพูดกับคนอื่น... เขากำลังพูดกับเรา" "ใช่..." พลอยพยักหน้าช้าๆ "เขาไม่ได้เปิดโปงเรา... แต่เขากำลัง... ยอมรับในตัวเรา" พวกเธอเดินทางกลับมาถึงคอนโดที่เปรียบเสมือนรังอันปลอดภัยอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้... มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพว

  • เรื่องราวของเราสองคน    ตอนที่ 20: คืนเปิดม่าน

    ค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการมาถึงพร้อมกับสายลมเย็นๆ ของต้นฤดูหนาวและก้อนเมฆสีเทาที่ลอยตัวอยู่อย่างเกียจคร้านบนท้องฟ้าของกรุงเทพฯ บรรยากาศในคอนโดมิเนียมของพลอยกับฝนในเย็นวันนั้น... มันช่างเงียบสงัดและตึงเครียดเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความตึงเครียดที่เกิดจากความโกรธหรือความไม่เข้าใจ... แต่เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากการรอคอย... การรอคอยที่จะต้องเผชิญหน้ากับบทพิพากษาสุดท้าย พวกเธอบรรจงแต่งตัวกันอย่างเงียบเชียบ... การเลือกเสื้อผ้าในวันนี้มีความหมายมากกว่าแค่เรื่องของความสวยงาม... มันคือการเลือกชุดเกราะ... คือการพรางตัวเพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีใครจดจำได้ พลอยเลือกชุดเดรสยาวสีดำที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่โดดเด่นจนเกินไป ส่วนฝน... เธอเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค... เป็นชุดที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นเพียงเงาจางๆ ที่พร้อมจะกลืนหายไปกับความมืดได้ทุกเมื่อ ในหัวของฝนนั้นเต็มไปด้วยภาพฉายซ้ำของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้... 'แล้วถ้ามิ้นท์จำรอยสักของพลอยได้ล่ะ' 'เราจะตอบคำถามของเพื่อนๆ ว่าอย่างไร' เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในงานแสดงผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status