LOGINความเงียบในเช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากวันถ่ายทำนั้น หนักอึ้งและแตกต่างจากวันก่อนโดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่ความเงียบที่เกิดจากความกังวลเรื่องเงินทองอีกต่อไป แต่เป็นความเงียบที่เกิดจากความรู้สึกมากมายที่อัดแน่นอยู่เต็มอกจนต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดคุยกันอย่างไร บทสนทนาธรรมดาๆ อย่าง "เมื่อคืนนอนหลับดีไหม" หรือ "เช้านี้อยากกินอะไร" ดูเหมือนจะเป็นคำถามที่ซับซ้อนและต้องใช้ความกล้าหาญในการเอ่ยออกมาอย่างไม่น่าเชื่อ
พวกเธอเคลื่อนไหวสวนกันไปมาในพื้นที่จำกัดของคอนโดราวกับดาวเคราะห์คนละดวงที่ถูกแรงดึงดูดลึกลับบางอย่างบังคับให้โคจรรอบกัน แต่ก็ไม่อาจเข้าใกล้กันได้สนิท พลอยง่วนอยู่กับการทำอาหารเช้าง่ายๆ อย่างขนมปังปิ้งและไข่คน ในขณะที่ฝนนั่งเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์กล้องของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่ามันจะสะอาดเอี่ยมอยู่แล้วก็ตาม
ในที่สุด พลอยก็เป็นฝ่ายทนความอึดอัดนี้ไม่ไหว เธอยกจานอาหารเช้ามาวางตรงหน้าฝน เสียงกระทบของจานกับโต๊ะญี่ปุ่นดังขึ้นทำลายความเงียบ
"กินซะสิ เดี๋ยวก็เย็นหมด" เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้เป็นปกติที่สุด
ฝนพยักหน้ารับเบาๆ ตักไข่คนเข้าปากอย่างเงียบเชียบ
"เมื่อวาน..." พลอยเริ่มต้นประโยคแล้วก็เงียบไป เธอถอนหายใจก่อนจะพูดต่อ "เมื่อวานมัน... แปลกๆ เนอะ"
ฝนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบ "อืม... ก็แปลกจริงๆ นั่นแหละ"
"ฉันไม่รู้ว่าฉันทำได้ดีพอหรือเปล่า" พลอยพูดขึ้นลอยๆ เหมือนกำลังพูดกับตัวเองมากกว่า "ฉันรู้สึกเกร็งไปหมดเลย"
"ไม่เลย" ฝนรีบสวนขึ้นมาทันที "แกทำได้ดีมากพลอย... ดีเกินกว่าที่ฉันคิดไว้เยอะเลย"
คำชมนั้นทำให้บรรยากาศที่ตึงเครียดคลายลงเล็กน้อย พลอยเงยหน้าขึ้นมาสบตาฝนเป็นครั้งแรกของเช้าวันนั้น "จริงเหรอ"
"จริงสิ" ฝนยืนยัน "รูปมันออกมาสวยมากนะ... เดี๋ยวพอกินเสร็จแล้วเรามาเลือกกับแต่งรูปกัน"
ข้อเสนอนั้นเหมือนเป็นกาวใจชั้นดีที่ช่วยเชื่อมความสัมพันธ์ที่เกือบจะขาดสะบั้นของพวกเธอให้กลับมาต่อติดกันอีกครั้ง การได้กลับไปโฟกัสที่ "งาน" ทำให้พวกเธอรู้สึกปลอดภัยจากความรู้สึกส่วนตัวที่กำลังปั่นป่วนอยู่ภายใน
หลังจากจัดการกับมื้อเช้าและล้างจานชามเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็มานั่งลงเคียงข้างกันที่หน้าจอแมคบุ๊กของฝน แสงสว่างจากหน้าจอสะท้อนให้เห็นภาพถ่ายมากมายที่พวกเธอสร้างสรรค์ขึ้นมาเมื่อวานนี้ พลอยรู้สึกเหมือนหัวใจจะวายทุกครั้งที่ฝนคลิกเปิดรูปใหม่ขึ้นมา การได้เห็นร่างกายเกือบจะเปลือยเปล่าของตัวเองปรากฏอยู่บนจอใหญ่ขนาดนี้เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการทำความคุ้นเคย
"เรามาเริ่มจากเซ็ตโซฟาก่อนแล้วกันนะ" ฝนพูดพลางเลื่อนเมาส์ไปมา "ฉันชอบรูปนี้เป็นพิเศษ"
ภาพที่ฝนเลือกคือภาพที่พลอยนอนตะแคงอยู่บนโซฟา เอนศีรษะพิงกับแขนของตัวเอง สายตาของเธอมองตรงมาที่กล้อง แต่เป็นแววตาที่ดูเหม่อลอยและชวนฝัน แสงไฟที่จัดไว้ส่องกระทบลงบนผิวของเธออย่างนุ่มนวล เน้นให้เห็นส่วนโค้งเว้าตั้งแต่ช่วงเอวไปจนถึงสะโพกได้อย่างงดงาม
"ทำไมถึงชอบรูปนี้ล่ะ" พลอยถามด้วยความสงสัย
"องค์ประกอบมันลงตัว" ฝนเริ่มอธิบายด้วยน้ำเสียงของมืออาชีพ "การวางท่าทางของแกมันสร้างเส้นนำสายตาที่เป็นรูปตัว S ทำให้ภาพดูมีการเคลื่อนไหวแล้วก็น่าสนใจ แล้วดูแสงตรงนี้สิ..." เธอซูมเข้าไปใกล้บริเวณแผ่นหลังของพลอย "เห็นไหมว่าแสงมันไล่ระดับกันอย่างสวยงาม ทำให้เห็นมิติของกล้ามเนื้อได้ชัดเจน มันให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งแต่อ่อนโยนในเวลาเดียวกัน"
พลอยนั่งฟังฝนอธิบายอย่างตั้งใจ เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างกายของเธอจะสามารถถูกตีความออกมาเป็น "ศิลปะ" ได้อย่างลึกซึ้งขนาดนี้ เธอเฝ้ามองปลายนิ้วของฝนที่เคลื่อนไหวอย่างชำนาญบนแทร็กแพดเพื่อปรับค่าคอนทราสต์ เพิ่มความสว่าง และดึงสีสันของภาพให้ดูโดดเด่นขึ้น ทุกการกระทำของฝนเต็มไปด้วยความใส่ใจและละเอียดอ่อน ราวกับว่าเธอกำลังปั้นแต่งงานประติมากรรมชิ้นเอกอยู่ก็ไม่ปาน
การทำงานร่วมกันในระยะประชิดแบบนี้เป็นเรื่องปกติของพวกเธอ แต่ในวันนี้มันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป ไหล่ที่เบียดชิดกัน ลมหายใจอุ่นๆ ที่รดอยู่ข้างแก้ม และกลิ่นแชมพูอ่อนๆ จากเส้นผมของฝน ทุกอย่างมันดูเหมือนจะชัดเจนและรุนแรงขึ้นกว่าทุกครั้ง
ฝนคลิกเปิดรูปต่อไป เป็นภาพโคลสอัพที่เห็นเพียงช่วงไหปลาร้าและเนินอกของพลอยที่โผล่พ้นออกมาจากผ้าคลุมสีขาวบางเบา มีหยดน้ำเล็กๆ เกาะอยู่บนผิวของเธอ
"รูปนี้... ฉันจะลองครอปให้มันดูแน่นขึ้นอีกนิดนะ" ฝนพูดเสียงเบา พลางลากกรอบสี่เหลี่ยมเพื่อตัดส่วนที่ไม่ต้องการออกไป การกระทำนั้นทำให้ภาพบนหน้าจอมันดูใกล้และเปิดเผยมากยิ่งขึ้นไปอีก พลอยรู้สึกเหมือนร่างกายของตัวเองกำลังถูกสำรวจอย่างละเอียดถี่ถ้วนภายใต้สายตาของเพื่อนสนิท มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งน่าอายและน่าตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน
"ฉัน... ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะดูเป็นแบบนี้ได้" พลอยพึมพำออกมา
ฝนละสายตาจากหน้าจอ หันมามองพลอยที่นั่งหน้าแดงอยู่ข้างๆ "แกสวยมาตลอดนั่นแหละพลอย... แค่แกไม่เคยรู้ตัว"
สายตาของทั้งสองคนประสานกันอีกครั้ง และในครั้งนี้ไม่มีใครหลบตาใครก่อน มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความหมายมากมายที่ถูกส่งผ่านถึงกันโดยไม่ต้องใช้คำพูดใดๆ
หลังจากใช้เวลาเกือบทั้งบ่ายในการเลือกและแต่งรูป ในที่สุดพวกเธอก็ได้รูปภาพเซ็ตแรกจำนวนสิบรูปที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทั้งสองคนช่วยกันสร้างแอคเคาท์ "Secret Petals" ขึ้นมาอย่างเป็นทางการ เขียนประวัติสั้นๆ ที่ดูลึกลับและน่าค้นหาว่า 'Where art and desire converge. Welcome to our secret garden.'
เมื่อทุกอย่างพร้อม... ก็มาถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด
"พร้อมนะ" พลอยถามฝนที่นั่งกุมมือตัวเองแน่นอยู่ข้างๆ
ฝนพยักหน้าช้าๆ "พร้อม"
พลอยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เอื้อมมือไปจับมือของฝนมากุมไว้แน่น ก่อนจะใช้นิ้วโป้งของมืออีกข้างกดปุ่ม "Post" บนหน้าจอ
...คลิก...
เสียงคลิกเมาส์เพียงครั้งเดียว แต่มันกลับดังก้องอยู่ในหัวใจของพวกเธอราวกับเสียงระฆังที่ดังลั่น ตอนนี้มันไม่มีอะไรจะย้อนกลับไปได้อีกแล้ว พวกเธอได้ก้าวข้ามเส้นแบ่งนั้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งสองคนนั่งจ้องหน้าจอที่ว่างเปล่าราวกับถูกสะกด ไม่มีใครพูดอะไรออกมา วินาทีผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนน่าใจหาย... แล้วทันใดนั้นเอง... การแจ้งเตือนแรกก็เด้งขึ้นมา
'Secret Petals has a new like.'
หัวใจของพลอยพองโตขึ้นมาทันที และในเวลาไม่ถึงนาที การแจ้งเตือนอื่นๆ ก็ตามมาเป็นระลอก ทั้งไลค์ คอมเมนต์ และยอดผู้ติดตามที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
"พระเจ้า! ฝน! ดูนี่สิ!" พลอยร้องออกมาอย่างตื่นเต้น เขย่าแขนเพื่อนไปมา
"Stunning artwork!"
"Love the aesthetic!"
"Can't wait to see more!"
ฝนอ่านคอมเมนต์เหล่านั้นด้วยรอยยิ้มกว้าง ความกลัวและความกังวลที่เคยมีได้มลายหายไปสิ้น เหลือเพียงความรู้สึกภาคภูมิใจและตื้นตันใจที่ผลงานของพวกเธอได้รับการยอมรับ
คืนนั้น พวกเธอฉลองความสำเร็จเล็กๆ นี้ด้วยการสั่งพิซซ่าถาดใหญ่และเบียร์เย็นๆ มาดื่มกันในห้อง บรรยากาศที่เคยน่าอึดอัดได้หายไปแล้ว และถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะและความรู้สึกของการเป็นทีมเวิร์คที่แข็งแกร่ง ความลับที่พวกเธอสร้างขึ้นมาด้วยกันได้กลายเป็นสายใยที่ผูกพันพวกเธอให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม
หลายวันต่อมา แอคเคาท์ "Secret Petals" ก็เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง พวกเธอเริ่มมีผู้ติดตามประจำและมีผู้สมัครสมาชิกคนแรกๆ ที่ยอมจ่ายเงินเพื่อเข้าถึงคอนเทนต์พิเศษที่พวกเธอจะโพสต์ในอนาคต เงินจำนวนแรกที่โอนเข้ามาในบัญชีแม้จะไม่มากมาย แต่มันก็เป็นเหมือนน้ำทิพย์ที่ชโลมใจและเป็นเครื่องยืนยันว่าพวกเธอมาถูกทางแล้ว
เย็นวันหนึ่ง ขณะที่ฝนกำลังเช็คข้อความในแอคเคาท์ เธอก็สังเกตเห็นข้อความหนึ่งที่แตกต่างออกไป มันไม่ใช่ข้อความชื่นชมทั่วไป แต่เป็นข้อความจากหนึ่งในผู้สมัครสมาชิกคนแรกๆ ของพวกเธอ
'สวัสดี Secret Petals ผมชื่นชมผลงานภาพถ่ายของคุณมาก มันเป็นศิลปะที่งดงามจริงๆ ผมมีคำขอพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าพวกคุณจะรับทำหรือเปล่า... ผมอยากจะขอให้คุณทำคลิปวิดีโอสั้นๆ ความยาวประมาณ 1-2 นาที เป็นคลิปที่คุณกำลังใช้ออยล์หรือโลชั่นชโลมลงบนเรียวขาของตัวเองช้าๆ ผมอยากเห็นภาพแบบโคลสอัพที่เน้นการเคลื่อนไหวของมือและแสงที่สะท้อนบนผิวที่มันวาว ไม่จำเป็นต้องเห็นส่วนอื่นหรือใบหน้าเลย ผมยินดีที่จะจ่ายเงินเพิ่มสำหรับคลิปพิเศษนี้'
ฝนอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย "ภาพเคลื่อนไหว" มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากภาพนิ่งโดยสิ้นเชิง มันดูจริงกว่า เปิดเผยกว่า และ... ส่วนตัวกว่า
"พลอย... มาดูนี่หน่อยสิ" เธอเรียกเพื่อนที่กำลังนั่งสเก็ตช์งานอยู่บนโซฟา
พลอยเดินเข้ามาอ่านข้อความนั้นแล้วขมวดคิ้วมุ่น "วิดีโอเหรอ... ฉันไม่แน่ใจเลยฝน มันดู... เสี่ยงกว่าเดิมนะ"
"ฉันก็คิดแบบนั้นตอนแรก" ฝนยอมรับ "แต่พออ่านดีๆ แล้ว คำขอของเขามันก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดนะ มันยังคงอยู่ในคอนเซ็ปต์ศิลปะของเราได้ เขาเน้นที่แสงและเงาเหมือนกัน แค่เปลี่ยนจากภาพนิ่งเป็นภาพเคลื่อนไหว"
"แต่ฉันต้องเป็นคนทำนะฝน... ฉันต้องขยับ ต้องเคลื่อนไหว มันไม่เหมือนกับการโพสท่านิ่งๆ" พลอยยังคงลังเล
ฝนมองลึกเข้าไปในดวงตาของเพื่อนรัก เธอสัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจของพลอย เธอจึงวางมือลงบนบ่าของเพื่อนเบาๆ "พลอย... ฟังฉันนะ ฉันจะอยู่ตรงนั้นกับแกตลอดเวลา ฉันจะตั้งกล้องไว้บนขาตั้ง ฉันจะจัดเฟรมให้เห็นแค่ขาของแกเท่านั้น จะไม่มีอะไรหลุดออกไปเด็ดขาด ฉันจะทำให้มันออกมาเป็นวิดีโออาร์ตที่สวยที่สุดเท่าที่ฉันจะทำได้... เชื่อใจฉันนะ"
ความมั่นใจในน้ำเสียงและแววตาของฝนทำให้พลอยใจอ่อนอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าฝนไม่มีวันยอมให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเธอแน่นอน สุดท้ายเธอก็พยักหน้ารับช้าๆ
คืนนั้น ห้องนอนของพลอยจึงถูกเปลี่ยนให้เป็นสถานที่ถ่ายทำ บรรยากาศมันแตกต่างจากห้องนั่งเล่นโดยสิ้นเชิง มันมีความเป็นส่วนตัวและอบอุ่นกว่า แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงเพียงดวงเดียวที่ถูกเปิดไว้ส่องให้เกิดเงาทอดยาวบนผนัง สร้างมิติที่ดูลึกลับและน่าค้นหา
พลอยนั่งอยู่บนขอบเตียงในชุดเสื้อกล้ามกับกางเกงขาสั้นสบายๆ เธอดึงขากางเกงข้างหนึ่งขึ้นไปจนสุด เผยให้เห็นเรียวขาขาวเนียนทั้งหมด ฝนนั่งอยู่บนพื้นตรงหน้าเธอ กำลังจัดมุมกล้องบนขาตั้งขนาดเล็กอย่างพิถีพิถัน
"โอเค... เฟรมได้แล้วนะ เห็นแค่ตั้งแต่ช่วงเข่าลงไปถึงปลายเท้า" ฝนบอกเพื่อให้พลอยสบายใจ
พลอยพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบขวดเบบี้ออยล์ขึ้นมา เทมันลงบนฝ่ามือแล้วเริ่มชโลมลงบนหน้าแข้งของตัวเองอย่างเก้ๆ กังๆ
"ช้ากว่านั้นหน่อยพลอย" เสียงของฝนดังขึ้นมาจากหลังกล้อง มันเป็นเสียงกระซิบที่นุ่มนวลและทุ้มต่ำ "ไม่ต้องรีบ... ทำให้เหมือนกับว่าแกกำลังสัมผัสผิวของตัวเองจริงๆ"
พลอยหลับตาลง พยายามทำตามที่ฝนบอก เธอสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของออยล์เข้าไปเต็มปอดแล้วปล่อยให้ปลายนิ้วของตัวเองลากไล้ไปบนผิวอย่างเชื่องช้า ความลื่นของออยล์ทำให้ทุกสัมผัสชัดเจนขึ้น เสียงชัตเตอร์ที่เคยได้ยินตอนถ่ายภาพนิ่งไม่มีอีกแล้ว มีเพียงความเงียบและเสียงหายใจของคนสองคนเท่านั้น
"ดีมาก... แบบนั้นแหละ" ฝนกระซิบให้กำลังใจ "สวยมากพลอย... แสงที่สะท้อนบนผิวแกมันสวยจริงๆ"
คำพูดของฝนราวกับเป็นเวทมนตร์ มันทำให้พลอยลืมความเขินอายไปจนหมดสิ้น เธอปล่อยให้ร่างกายเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ ปลายนิ้วของเธอลูบไล้ขึ้นลงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เธอรู้สึกเหมือนกำลังร่ายรำอยู่คนเดียวในโลกส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รับรู้ได้ถึงสายตาของฝนที่จับจ้องเธออยู่ตลอดเวลาผ่านเลนส์กล้อง... มันเป็นสายตาที่ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งตัว
ฝนที่มองผ่านช่องมองภาพรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกอยู่ในภวังค์ ภาพของเรียวขาที่มันวาวและปลายนิ้วที่เคลื่อนไหวอย่างเย้ายวนนั้นมันดูงดงามจนแทบลืมหายใจ เธอค่อยๆ หมุนวงแหวนซูมเข้าไปใกล้ขึ้นอีกนิด เพื่อเก็บรายละเอียดของกล้ามเนื้อที่เกร็งตัวเล็กน้อยทุกครั้งที่พลอยออกแรงกดนิ้วลงไป
ร่างกายของพลอยเริ่มตอบสนองต่อความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ภายใน ลมหายใจของเธอเริ่มถี่กระชั้นขึ้น หน้าอกกระเพื่อมไหวอยู่ใต้เสื้อกล้ามบางเบา เธอพยายามจะข่มความรู้สึกนั้นไว้ แต่สุดท้าย... เสียงครางแผ่วเบาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจก็เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากของเธอจนได้
"อืมม..."
เสียงนั้นแม้จะเบามาก แต่ในความเงียบของห้องนอน มันกลับดังก้องกังวานและชัดเจนจนน่าตกใจ
ฝนสะดุ้งสุดตัว รีบกดปุ่มหยุดบันทึกทันที
ความเงียบที่น่าอึดอัดกลับเข้ามาปกคลุมห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้มันหนักหน่วงและตึงเครียดกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เสียงครางเมื่อครู่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของการแสดง... มันคือเสียงที่มาจากความรู้สึกที่แท้จริง
พลอยรีบดึงขากางเกงลงมาปิดเรียวขาของตัวเองทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำจนลามไปถึงใบหู เธอไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตาเพื่อน
ฝนเองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน เธอแสร้งทำเป็นก้มหน้าก้มตาเช็คกล้องไปเรื่อยเปื่อย ทั้งๆ ที่ในใจของเธอกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง
การถ่ายทำคลิปแรกได้จบลงแล้ว... แต่มันก็ได้จุดประกายไฟแห่งความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้ เส้นแบ่งบางๆ ที่เรียกว่า "เพื่อน" ได้ถูกทำให้เลือนรางลงไปอีกขั้น... จนแทบจะมองไม่เห็นแล้ว
กระบวนการสร้างสรรค์ครั้งสุดท้ายสำหรับโปรเจกต์ "กล้องที่ถูกทอดทิ้ง" ไม่ได้เกิดขึ้นในห้องมืดที่อบอวลไปด้วยกลิ่นสารเคมี... และก็ไม่ได้เกิดขึ้นภายใต้แสงแดดที่นุ่มนวลในสตูดิโอ... แต่กลับเกิดขึ้นบนหน้ากระดาษที่ว่างเปล่าของไฟล์เอกสาร... ในรูปแบบของ "บทสัมภาษณ์ถาม-ตอบ" สำหรับหนังสือภาพถ่ายของพวกเธอ มันคือการเดินทางย้อนกลับไปสำรวจร่องรอยของความทรงจำ... คือการกลั่นกรองความรู้สึกที่ซับซ้อนออกมาเป็นตัวอักษร... และที่สำคัญที่สุด... มันคือการที่พลอยจะได้ค้นพบ "เสียง" ของตัวเองเป็นครั้งแรก พวกเธอนั่งเคียงข้างกันที่โต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่... อ่านคำถามจากสำนักพิมพ์ซ้ำไปซ้ำมา... ทุกคำถามล้วนแต่แหลมคมและเฉือนลึกลงไปถึงแก่นของเรื่องราวทั้งหมด คำถาม: ถึงแรงบันดาลใจ: คุณรู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นช่วงเวลาที่เป็นส่วนตัวที่สุดของคุณถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นผลงานศิลปะเพื่อสาธารณะ พลอยนิ่งไปนานกับคำถามนี้... เธอจะอธิบายความรู้สึกที่ทั้งเปราะบางและเปี่ยมไปด้วยพลังนั้นออกมาเป็นคำพูดได้อย่างไร... เธอเริ่มต้นเขียน... ลบ... แล้วก็เขียนใหม่อยู่หลายครั้ง... โดยมีฝนคอยนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ... จนในที่สุด... เธอก็ได้พบคำตอบท
สตูดิโอแห่งใหม่ของพวกเธอได้กลายเป็นมากกว่าแค่สถานที่ทำงาน... มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต... เป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ความรักและศิลปะของพวกเธอได้เติบโตและหายใจไปด้วยกันอย่างอิสระ และในบรรดาพื้นที่ทั้งหมดที่พวกเธอได้ร่วมกันสร้างขึ้นมานั้น... ก็ไม่มีที่ไหนที่จะมีความหมายและเป็นส่วนตัวสำหรับฝนได้มากเท่ากับ "ห้องมืด" อีกแล้ว มันคือความฝันที่เป็นจริง... คือโลกใบเล็กๆ ที่เธอสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่าง... โลกที่ตัดขาดจากแสงสว่างและความวุ่นวายภายนอกโดยสิ้นเชิง บทแรกของการสร้างสรรค์ผลงานในบ้านหลังใหม่นี้ จึงเริ่มต้นขึ้นในความมืดมิดนั้น ฝนก้าวเข้าไปในห้องมืดที่เธอสร้างขึ้นมากับมือเป็นครั้งแรก... ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นเปรียบเสมือนเด็กที่กำลังจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ใฝ่ฝันมาทั้งชีวิต เธอปิดประตูลง... และโลกทั้งใบก็จมดิ่งลงสู่ความมืดสนิท... มีเพียงแสงสีแดงจางๆ จากหลอดไฟนิรภัยเท่านั้นที่ส่องสว่างพอให้มองเห็นเค้าโครงของสิ่งต่างๆ... ถาดน้ำยาสามใบที่เรียงรายอยู่บนโต๊ะ... เครื่องอัดขยายภาพที่ตั้งตระหง่านอยู่มุมห้อง... และเสียงน้ำไหลที่ดังมาจากท่อ... ทุกอย่างคือองค์ประกอบของพิธีกรรมที่กำลังจะเร
สตูดิโอแห่งใหม่ที่พวกเธอได้ตัดสินใจเช่าในย่านตลาดน้อยนั้น... ในวันแรกที่ได้กุญแจมา... มันดูไม่ต่างอะไรกับซากปรักหักพังที่ถูกทอดทิ้ง สีบนผนังหลุดลอกร่อนออกมาเป็นแผ่นๆ พื้นไม้เก่าส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ก้าวเดิน และฝุ่นหนาก็ปกคลุมทุกตารางนิ้วราวกับหิมะสีเทา... แต่มันก็เป็นซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วย "ศักยภาพ" หน้าต่างบานใหญ่ที่สูงจากพื้นจรดเพดานคือหัวใจของพื้นที่แห่งนี้ มันเปิดรับแสงแดดยามบ่ายของกรุงเทพฯ เข้ามาอย่างเต็มที่ และจากหน้าต่างบานนั้น... พวกเธอก็สามารถมองเห็นวิวของหลังคาบ้านเก่าๆ และชีวิตที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้าของผู้คนในย่านเมืองเก่าได้... มันคือผืนผ้าใบที่ว่างเปล่า... ที่กำลังรอคอยให้พวกเธอได้เข้าไปแต่งแต้มเรื่องราว แทนที่จะเริ่มต้นด้วยการลงมือทำความสะอาดหรือทาสี... พวกเธอกลับเลือกที่จะเริ่มต้นด้วยการ "ฝัน" พวกเธอนั่งลงบนพื้นห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่น... โดยมีเพียงกระดาษแผ่นใหญ่กับดินสอสองสามแท่งคั่นกลางอยู่... แล้วเริ่มต้นสร้าง "กระดานแห่งความฝัน" (Dream Board) สำหรับพื้นที่แห่งนี้... มันคือการระดมสมองที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความคิดสร้างสรรค์... และมันก็ได้เปิดเผยถ
การยอมรับที่ไร้เงื่อนไขของมิ้นท์ในวันนั้น เปรียบเสมือนก้อนหินก้อนแรกที่ถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่นิ่งสงบแห่งชีวิตของพวกเธอ และมันก็ได้สร้างระลอกคลื่นที่แผ่ขยายออกไปอย่างช้าๆ แต่ทรงพลัง... ระลอกคลื่นที่ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางอารมณ์และสังคมของพวกเธอไปอย่างสิ้นเชิง บรรยากาศในคอนโดมิเนียมที่เคยเป็นเหมือนป้อมปราการสำหรับหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก บัดนี้ได้กลายเป็นเหมือนบ้านที่เปิดประตูต้อนรับพันธมิตรคนสำคัญเข้ามา ความวิตกกังวลระดับต่ำที่คอยเกาะกินจิตใจของพวกเธออยู่ตลอดเวลาว่าเพื่อนสนิทจะคิดอย่างไร... บัดนี้ได้มลายหายไปจนหมดสิ้น ในช่วงหลายวันที่ตามมานั้น ชีวิตของพวกเธอได้ค้นพบจังหวะใหม่ที่ผ่อนคลายและเป็นอิสระมากยิ่งขึ้น การมาเยือนของมิ้นท์ที่คอนโดในเย็นวันศุกร์วันหนึ่ง ได้กลายเป็นบทพิสูจน์ที่ชัดเจนที่สุดของการเปลี่ยนแปลงนั้น ภาพของคนสามคนที่นั่งล้อมวงกินส้มตำและไก่ย่างกันบนพื้นห้องนั่งเล่นนั้น มันช่างเป็นภาพที่แสนจะธรรมดา... แต่สำหรับพวกเธอแล้ว... มันคือความไม่ธรรมดาที่แสนจะงดงาม พลอยกับฝนสามารถที่จะเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องคอยระแวดระวังอีกต่อไปแล้ว สัมผัสเล็กๆ น้อยๆ ที่เ
ความตื่นเต้นที่เคยพลุ่งพล่านอยู่ในร่างกายของพวกเธอตลอดค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการนั้น ได้ค่อยๆ จางหายไปในระหว่างการเดินทางกลับคอนโดด้วยรถแท็กซี่ ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกที่เหนือจริงและความสุขที่เงียบสงบซึ่งเข้ามาแทนที่ พวกเธอนั่งเคียงข้างกันในความมืด จ้องมองแสงไฟของเมืองกรุงที่เคลื่อนผ่านไปนอกหน้าต่าง แต่จิตใจกลับล่องลอยย้อนกลับไปในช่วงเวลาสำคัญที่เพิ่งจะผ่านมาสดๆ ร้อนๆ "ฉันยังไม่อยากจะเชื่อเลยฝน" พลอยเป็นฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อนด้วยเสียงกระซิบ "ตอนที่สายตาของมิ้นท์มองมาที่เราสองคน... ฉันนึกว่าหัวใจฉันจะหยุดเต้นไปแล้วเสียอีก" "ฉันก็เหมือนกัน" ฝนตอบกลับมาเสียงแผ่วเบา เธอยังจำความรู้สึกเย็นเฉียบที่แล่นไปทั่วร่างของตัวเองในตอนนั้นได้ดี "แต่... วิธีที่มิ้นท์พูดออกมา... 'มันเป็นเรื่องราวความรักที่สวยงาม'... เขาไม่ได้กำลังพูดกับคนอื่น... เขากำลังพูดกับเรา" "ใช่..." พลอยพยักหน้าช้าๆ "เขาไม่ได้เปิดโปงเรา... แต่เขากำลัง... ยอมรับในตัวเรา" พวกเธอเดินทางกลับมาถึงคอนโดที่เปรียบเสมือนรังอันปลอดภัยอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้... มันให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป มันยังคงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของพว
ค่ำคืนแห่งการเปิดตัวนิทรรศการมาถึงพร้อมกับสายลมเย็นๆ ของต้นฤดูหนาวและก้อนเมฆสีเทาที่ลอยตัวอยู่อย่างเกียจคร้านบนท้องฟ้าของกรุงเทพฯ บรรยากาศในคอนโดมิเนียมของพลอยกับฝนในเย็นวันนั้น... มันช่างเงียบสงัดและตึงเครียดเสียยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา มันไม่ใช่ความตึงเครียดที่เกิดจากความโกรธหรือความไม่เข้าใจ... แต่เป็นความตึงเครียดที่เกิดจากการรอคอย... การรอคอยที่จะต้องเผชิญหน้ากับบทพิพากษาสุดท้าย พวกเธอบรรจงแต่งตัวกันอย่างเงียบเชียบ... การเลือกเสื้อผ้าในวันนี้มีความหมายมากกว่าแค่เรื่องของความสวยงาม... มันคือการเลือกชุดเกราะ... คือการพรางตัวเพื่อที่จะแทรกซึมเข้าไปในฝูงชนโดยไม่มีใครจดจำได้ พลอยเลือกชุดเดรสยาวสีดำที่ดูเรียบหรูแต่ก็ไม่โดดเด่นจนเกินไป ส่วนฝน... เธอเลือกที่จะสวมเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงสแล็ค... เป็นชุดที่ทำให้เธอดูเหมือนเป็นเพียงเงาจางๆ ที่พร้อมจะกลืนหายไปกับความมืดได้ทุกเมื่อ ในหัวของฝนนั้นเต็มไปด้วยภาพฉายซ้ำของสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้... 'แล้วถ้ามิ้นท์จำรอยสักของพลอยได้ล่ะ' 'เราจะตอบคำถามของเพื่อนๆ ว่าอย่างไร' เธอกำลังจะก้าวเข้าไปในงานแสดงผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน







