LOGINคาวีเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีเรียนจบแค่ชั้นมอหกก็ออกมาหางานทำปีนี้เขาอายุครบสิบแปดปีเต็มพอดีแม่ก็เลยฝากให้มาทำงานกับป้าที่บ้านเศรษฐีคนนึง
คาวีเป็นหนุ่มลูกครึ่งไทยส่วนอีกเสี้ยวไม่แน่ใจว่าชาติไหนกันแน่เพราะความจนทำให้สมัยนั้นแม่ต้องออกไปขายตัวกับฝรั่งคนนึงจนพลาดท่ามีเขาติดท้อง มาด้วย แต่ก็นับว่าโชคดีของเขาที่แม่ยังเก็บเขาไว้ไม่ทำแท้งไปเหมือนผู้หญิงหลายๆคน เพราะแม่ของคาวีก็ป่วยกระเสาะกระแสะทำให้เขาตัดใจเลิกเรียนแล้วตามผู้เป็นป้าไปทำงานรับใช้เจ้านายท่านที่เมืองหลวงกรุงเทพมหานคร ชายหนุ่มเดินทางมาถึงที่หน้าบ้านตามโลเคชั่นที่ผู้เป็นป้าแชร์ส่งไปให้ เห็นอายุมากๆอย่างนี้แต่ทว่าป้าของเขาก็ทันสมัยเหมือนกันนะรู้จักใช้สมาร์ทโฟนเล่นโซเชี่ยวกับเขาเป็นเหมือนกัน เมื่อมาถึงที่รั้วหน้าบ้านคาวีก็กดกริ่งหน้าบ้านทันที ออด~ ออด~ “สวัสดีค่ะมาหาใครคะ?” มีผู้หญิงคนนึงออกมาเปิดประตูเล็กแล้วชโงกหน้าออกมาถาม “สวัสดีครับมาพบป้ารัศมีครับ” “อ่อคาวีหรือจ๊ะมาๆเข้ามาก่อน” หลังจากนั้นเขาก็เปิดประตูให้คาวีเดินหิ้วกระเป๋าเดินตามเข้าไปในบ้าน บ้านหลังนี้ใหญ่มากๆกินเนื้อที่ราวๆเกือบไร่เรียกได้ว่าคฤหาสถ์หลังโตดีๆเนี่ยแหละ ป้าเคยเล่าให้ฟังว่าคุณผู้หญิงบ้านนี้เป็นแม่ม่ายสามีตายแล้วทิ้งมรดกไว้ให้มากมายชนิดที่ว่าสบายใช้ไปอีกทั้งชาติก็ไม่หมด วาสนาคนไม่เท่ากันจริงๆเกิดเป็นรวยนี่ก็ดีเหมือนกันอยู่บ้านหลังใหญ่รอบกายรายล้อมไปด้วยคนรับใช้มากมาย ถ้าทางคุณผู้หญิงบ้านนี้ก็คงจะมีอายุมากแล้วล่ะมั้งถ้าจะรวยมีมรดกเยอะขนาดนี้ “หวัดดีครับป้าช้อย” คาวียกมือไหว้ผู้เป็นป้าที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างๆผู้หญิงอีกคนที่เขายังไม่ทันเห็นหน้า “เอ้อๆไหว้พระลูก เหนื่อยไหมกินอะไรมารึยังนี่ไหว้คุณผู้หญิงเค้าก่อนลูก” ป้ารัศมีบอกในขณะที่เขาก็รีบก้มหน้ายกมือไหว้ตามที่ผู้เป็นป้าบอกทันที “สะ..สวัสดีครับคุณผู้หญิง” คาวีพูดเสียงประหม่าใบหน้าก้มต่ำลง “หวัดดีจ้ะ ไม่ต้องกลัวฉันขนาดนั้นก็ได้ฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มารสักหน่อย” เสียงคุณผู้หญิงบอกอย่างไม่ถือตนทำให้คาวีกล้าที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วเขาก็ได้เห็นใบหน้าสวยหวานที่อายุอานามไม่น่าจะเกินสามสิบอย่างที่เขาเคยนึกไว้ว่าคุณผู้หญิงของบ้านคงจะอายุมากแล้ว แต่พอมาเจอต่างจากคิดไปไกลโขเลยทีเดียว เพราะคุณผู้หญิงที่นี่สวย...สวยมาก ดูจากชุดที่เธอใส่แล้วคาวีก็ต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ ไม่ใช่อะไรหรอกแค่เพียงเขาเห็นสาบเสื้อตรงเนินอกของคุณปู้หญิงที่ปริล้นออกมาจนเห็นเนินอกขาวผ่องก็ทำให้เขาหายใจติดขึ้นมาเสียเฉยๆจนต้องกระแอมในลำคอกลบเกลื่อนท่าทางรนๆของตัวเองเอาไว้ “ผะ..ผมชื่อคาวีครับ” “จ้ะเรียกฉันว่าคุณอัมก็แล้วกันไม่ต้องเรียกคุณผู้หญงคุณผู้หญิงหรอก มาเหนื่อยๆไปพักผ่อนก่อนไปพรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มงาน” “ขะ..ขอบคุณครับคุณผู้หญิง” คาวียกมือไหว้อัมทิกาคุณผู้หญิงของบ้านก่อนจะลุกขึ้นหิ้วกระเป๋าเดินตามผู้เป็นป้าไปที่ห้องพักสำหรับคนใช้“พู่วว...ผมเก็กมากเลยคิดว่าคุณผู้หญิงจะแก่ๆดุๆซะอีกที่ไหนได้สวยอย่างกับนางฟ้าเชียว” คาวีที่เดินตามหลังป้ารัศมีมาเป่าปากระบายความโล่งอกอีกครั้ง
“ทำตัวดีๆก็แล้วกันคุณผู้หญิงเธอใจดี คิมต้องตั้งใจทำงานและช่วยกันดูแลเธอให้ดีๆนะเข้าใจไหม?” “ครับป้า...” “ถึงห้องของคิมแล้วลูกพอจะนอนได้ไหม” ป้ารัศมีถามเมื่อมาถึงห้องนอนเล็กๆแต่ก็ไม่เล็กเท่ากับที่บ้านที่เขาอยู่กับแม่หรอก “อยู่ได้สบายมากครับป้า ผมขอบคุณป้ามากนะครับที่ช่วยฝากงานให้ผม” คาวียกมือไหว้ผู้เป็นป้าอีกครั้งโดยที่คนเป็นป้าก็ลูบไหล่เบาๆแล้วส่ายหน้าให้ “ไม่เป็นไรเลยลูกคิมเป็นหลานของป้าอะไรที่เราช่วยกันได้ป้าก็เต็มใจช่วย คิมพักผ่อนนะลูกป้าจะไปทำงานต่อแล้ว” “ครับป้า”วันต่อมาหลังจากพักผ่อนไปแล้วเมื่อวาน งานวันนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากแค่ล้างรถให้คุณผู้หญิงตอนช่วงบ่ายแก่ๆแล้ว เพราะอากาศมันร้อนมากคาวีก็เลยถอดเสื้อยืดสีขาวที่เปียกชื้นแล้วออกใส่แต่กางเกงยีนส์ตัวหนาติดสะโพกตัวเดียวแล้วล้างรถให้เจ้านายอย่างขมักเขม้น
บ้านนี้เค้ารวยจริงรวยจังเพราะที่โรงจอดรถมีรถเป็นสิบๆคันทั้งรถสปอร์ตรถนำเข้า โดยที่ชายหนุ่มก็เลือกล้างรถเฉพาะคันที่ป้ารัศมีบอกว่าคุณอัมทิกาชอบใช้อยู่บ่อยๆก่อนรูปร่างสูงโปร่งที่กำลังถอดเสื้อเห็นแต่อกล่ำๆกล้ามแน่นๆหน้าท้องมีซิกแพ็คเป็นลอนคลื่นทำให้ใบหน้าของคนที่ห่างร้างลาเรื่องอย่างว่ามานานอย่างอัมพิกาถึงกับหน้าแดงแป๊ดคอแห้งเป็นผงขึ้นมาเชียว
นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นรูปร่างผู้ชายที่มีร่างกายสมส่วนสมบูรณ์แบบอย่างนี้ ดูตาเขาสิตาสีฟ้าเปล่งประกายเจิดจ้าเพียงแค่สายตาเขามองมาที่เธอร่างกายก็ขับบางอย่างออกมาจนเปียกชื้นแฉะที่ตรงหว่างขาจนเลอะแพนตี้ตัวจิ๋วเสียแล้ว บ้าจริง!นี่เธอเป็นอะไรของเธอแค่ได้เห็นเขาแค่นี้ถึงกลับมีอารมณ์ขึ้นมาดื้อๆเลยหรือ ทั้งๆที่ผ่านมาเวลาเธอเข้าสังคมก็มีแต่คนอยากเข้าหาทั้งนั้นแม้ว่าส่วนใหญ่อยากจะเข้ามาก็เพราะต้องการเงินทองหรือแม้หน้าตา แต่ทว่าเธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจใครสักคนนอกจากผู้ชายที่ทำให้ร่างกายเธอร้อนผ่าวอย่างเช่นคนตรงหน้าเธอตอนนี้ ปีนี้อัมทิกาอายุยี่สิบแปดเป็นแม่ม่ายสามีตายหลังจากที่เพิ่งแต่งงานกันได้แค่ปีเดียว คุณปนัตสามีเธอเป็นหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบที่มีทรัพย์สินมากมายในขณะที่ตอนนั้นเธอเรียนจบและทำงานเป็นสาวออฟฟิศธรรมดา แต่เขาก็ขอเธอแต่งงานจดทะเบียนสมรสและยกย่องเธอออกหน้าออกตาโดยไม่อายใคร ต่อมาไม่นานถึงรู้ว่าเขาป่วยเป็นมะเร็งหลังจากแต่งงานกับเธอได้ไม่กี่เดือน พินัยกรรมทุกอย่างคุณปนัตทำและยกให้เธอทั้งหมดเพราะเขาไม่มีครอบครัวมีแค่เธอที่เป็นภรรยาของเขา จนกระทั่งถึงวันที่เขาสิ้นไปโดยที่เธอคอยดูแลอย่างดีขนวันสุดท้ายของชีวิต แม้จะเสียใจแต่ทว่าชีวิตก็ต้องดำเนินไปต่อ อัมทิกาก็ขึ้นทำธุรกิจแทนสามี ใครๆก็หาว่าเธอเป็นหนูตกถังข้าวสาร มีแต่คนเข้าหาเธอไม่ว่างเว้นแต่ละวันเพราะอยากจะได้เธอพร้อมสมบัติมหาศาลทั้งนั้นแหละ “คาวี...” “ครับคุณผู้หญิง เรียกผมว่าคิมก็ได้ครับ คุณผู้หญิงมีอะไรจะใช้ผมหรือครับ” “เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะไปงานเลี้ยงนายขับรถเป็นไหม คืนนี้ไปขับรถให้ฉันหน่อยสิ” “ขับเป็นครับ...ได้เลยครับคุณผู้หญิงจะไปกี่โมงหรือครับ” “หกโมงเย็นจ้ะ” “ได้ครับเดี๋ยวหกโมงเย็นผมจะเอารถมารอรับที่หน้าบ้านนะครับ” “โอเคจ้ะ”เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีแต่คาวีก็ขับรถใารอคุณผู้หญิงที่หน้าประตูบ้านก่อนไม่นานร่างระหงในชุดราตรีสีฟ้าใสชายกระโปรงเป็นผ้าพริ้วมองผิวเผินดูเรียบหรูแต่ดูแพง แต่ทันทีที่คุณผู้หญิงหันหลังให้เท่านั้นแหละหัวใจชายจะวายเสียให้ได้
ตัวเสื้อชุดที่ใส่เป็นสายคล้องคอเล็กๆที่ข้างหลังเปลือยเปล่าจนเห็นแผ่นหลังขาวเนียนน่าลูบไล้ นี่คุณผู้หญิงแต่งตัวอะไรแบบนี้เนี่ย สักพักคุณผู้หญิงที่หันไปพูดอะไรกับป้ารัศมีเสร็จแล้วก็เดินมาขึ้นนั่งที่เบาะรถฝั่งผู้โดยสารข้างหลังแล้วนั่งไขว่ห้างขึ้นมาจนเห็นขาเรียวขาวเนียน “ขะขอโทษครับคุณผู้หญิงใส่แบบนี้ไม่ดูโป๊ไปหน่อยหรือครับ” อาจจะด้วยว่าเพราะเขามาจากบ้านนอกคอกนาที่มีผู้คนแต่งกายกันมิดชิดล่ะมั้งเลยทำให้มองแฟชั่นสมัยนี้ไม่ชินตาเอาเสียเลย “คิคิ..นี่ยังเบาๆนะถ้านายเห็นคนในงานแต่งตัวกันล่ะก็คงจะเรียกได้ว่าแก้ผ้าเดินเลยดีกว่าสินะ” อัมทิกาหัวเราะเบาๆพลางนึกเอ็นดูคนขับรถคนใหม่เสียนี่เด็กเอ๋ยเด็ก... “เอ่อ...” ยังมีคนแต่งตัวโป๊กว่านี้อีกหรอวะเนี่ย! คาวีได้แต่ยิ้มเขินๆไปขับรถมาถึงที่โรงแรมที่จัดงานอัมทิกาให้คาวีรออยู่ที่รถก่อนที่หญิงสาวจะเดินเข้างานไปคนเดียว ภายในงานก็ประดับประดาตกแต่งดอกไม้ไปทั่วงานดูแล้วละลานตาไปหมด ผู้คนบรรดาคุณหญิงคุณนายต่างก็ประโคมกันใส่ชุดเครื่องเพชรอวดประชันโฉมกันระยิบระยับตาไปหมด
“สวัสดีค่ะคุณน้องอัม...เชิญๆมาถ่ายรูปกันก่อนค่า” คุณหญิงวัลภาเจ้าของงานปราดเข้ามาจูงมือเธอเข้าไปถ่ายรูปร่วมกันทันทีที่หันมาเห็น หลังจากนั้นก็ดึงไปหาคนนู้นทีไปทักคนนี้ทีจนเธอชักเวียนหัว “เอ่อ...คุณพี่คะเดี๋ยวน้องขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ” หลังจากทนอึดอัดมาสักพักใหญ่อัมทิกาก็หาทางเลี่ยงไปทางอื่นสักครู่ก่อน “ได้ค่ะคุณน้อง...รีบกลับมาเม้าท์ด้วยกันต่อนะคะ” “ค่ะคุณพี่”“เฮ้อ...” แอบมาหยุดยืนเงียบๆแถวโซนเครื่องดื่มเพราะรู้สึกคอแห้งหลังจากที่ต้องตอบคำถามคนนั้นทีคนนี้ทีจนน่าเบื่อ
เธอไม่ได้อยากมาออกงานอะไรแบบนี้นักหรอก แต่ทว่าด้วยธุรกิจของสามีที่เสียไปแล้วจำเป็นต้องมีการพึ่งพาถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน ดังนั้นแม้จะเบื่อขนาดไหนแต่หญิงสาวก็ต้องปั้นหน้ามางานแบบนี้อยู่ดี “สวัสดีครับคุณอัมทิกา” มีเสียงเรียกทักทายมาจากทางด้านหลังหญิงสาวเบาๆ “สวัสดีค่ะคุณ...บดินทร์” คนที่เข้ามาทักเป็นชายหนุ่มรูปงามฉายาคาสโนว่าตัวพ่อที่ใครๆก็เอาไม่อยู่ เป็นคนที่ชอบหว่านไปเรื่อยได้ก็เอาไม่ได้เขาก็จะมีวิธิที่ทำให้เอามาได้เองจนได้ ผู้ชายแบบนี้น่ากลัวที่สุดแล้วปากหวานแต่ก้นเปรี้ยว “สบายไหมครับช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลยนะครับ” เขาทักขึ้นทำสีหน้าตัดพ้อแต่ขออภัยเธอไม่ได้หลงกลเขาง่ายๆหรอก “ช่วงนี้อัมยุ่งๆเรื่องงานอยู่น่ะคะต้องขอโทษด้วยนะคะ” ประโยคที่พูดไปก็เป็นตามมารยาทอ่ะเนอะ! “นี่น้ำผลไม้ครับคุณอัมลองดื่มดู ผมชิมมาแล้วมันอร่อยมากก็เลยหยิบติดมือมาให้คุณ อ่อแต่พวกนี้มันเป็นพวกคอกเทลนะครับมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ด้วยนะ” “อ๋อ...ค่ะ” อัมทิกาช่างใจอยู่สักครู่ก่อนจะรับแก้วจากเขามาถือไว้ “ลองดื่มสิครับผมว่าคุณอัมน่าจะชอบ” แววตาเขาที่มองมามันทอประกายบางอย่างที่ดูแล้วขนอ่อนลุกวาบอย่างบอกไม่ถูก แววตาเสือร้ายชัดๆ! “ค่ะ...” อัมทิการับมาจิบไว้นิดหน่อยแต่ทว่าสายตาของเขาที่มองมาอย่างคาดหวังก็ทำให้หญิงสาวกระดกมันเข้าไปจนหมดแก้ว ก่อนจะส่งมันคืนให้เขา “งั้นอัมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ” “ครับผม” หญิงสาวรีบบอกแล้วเดินออกไปโดยมีสายตาหมายมาดอะไรบางอย่างมองตามหลังไป อัมทิการู้ว่าเขามองตามอยู่จึงทำทีเดินไปเข้าห้องน้ำก่อนหลังจากนั้นรอจนเขาเผลอก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปที่จอดรถที่มีคาวีนั่งรออยู่ทันที ร่างกายบ่งบอกได้ว่ามีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น อาการร้อนวูบวาบกล้ามเนื้ออ่อนแรง ขนอ่อนในกายลุกชันไปทั่วทั้งตัวบ่งบอกให้รู้ว่าเธอโดนแล้ว! “คะ..คาวี” เสียงหวานร้องเรียกแผ่วเบาจนแทบฟังไม่ได้ยินทันทีที่เปิดประตูเข้ามานั่งข้างหน้าคู่กับคนขับ “ครับคุณผู้หญิง...เอ่อคุณผู้หญิงเป็นอะไรครับ” คาวีระล่ำระลักถามทันทีที่เห็นท่าทางอ่อนแรงของเธอ “รีบขับออกไปจากที่นี่ก่อนเร็ว” อัมทิกาบอกเสียงสั่นสะท้าน “ครับๆ” คาวีสตาร์ทรถแล้วหักพวงมาลัยขับออกไปทันที “อื้อออ...” . .วันต่อมาผมก็พาพี่ปรางกลับบ้านที่มีลูกชายเธอและเพื่อนสนิทผมนั่งหน้าบอกบุญไม่รับรออยู่ก่อนแล้ว“แม่ไปไหนมาทำไมไม่กลับบ้านแล้วนี่ไปไหนกันมา”เมื่อมาถึงคิวก็เดินดุ่มๆเข้ามาถามสีหน้าและแววตาเกรี้ยวกราดสุดฤทธิ์คนเป็นแม่ได้แต่ก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าตัวเองผิดจริงๆ“ว่าไงไอ้โจ้มึงพาแม่กูไปไหนมาทั้งคืนทำไมถึงเพิ่งกลับมากันป่านนี้”“คือ..ว่าไอ้คิวมึงฟังกูพูดก่อนนะคือ..” ผมเองก็ยังหวาดๆกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของมันจนถึงขั้นตัวลีบเลยทีเดียว“ฟังเหี้ยอะไร!มึงพาแม่กูหายไปทั้งคืนเนี่ยนะไอ้สัสโจ้” ไอ้คิวตะคอกใส่ผมเสียงดีังลั่น“คิวใจเย็นๆก่อนนะลูกค่อยๆพูดกันก็ได้” พี่ปรางพยายามปลอบไอ้คิวเสียงอ่อนพลางลูบหลังมันเบาๆ“งั้นแม่ก็บอกมาดิว่าหายไปไหนกับมันมาทั้งคืน” ไอ้คิวตะคอกใส่พี่ปรางจนหน้าเสีย“ไอ้สัสคิวมึงอย่าตะคอกใส่แม่มึงแบบนั้นสิวะ” พอเห็นเมียผมหน้าเสียแบบนั้นก็อดสงสารไม่ได้“อย่าเสือกนี่แม่กู!”“แม่มึงแต่เมียกู!”“ไอ้สัสโจ้!”ผลั๊ว!เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ตรงปากและจมูกผมพอดีจนมึนไปชั่วครู่สักพักลิ่มเลือดก็ไหลออกมาจากมุมปากผมเล็กน้อย“ว๊าย!อย่านะลูกหยุดๆ” พี่ปรางร้องไห้เสียงดังพยายามรั้งแขนไอ้คิวไม่ให
บันทึกพิเศษปรางในความเย็นเยียบที่ได้รับทำให้ฉันรู้สึกหนาวจนสั่นสะท้านวาบไปทั่วทั้งร่างกายรับรู้ว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆแต่ทว่า...ผ้าห่มไปไหน?รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนเปลือยเปล่าซึ่งนั่นเป็นปกติเวลาที่ฉันเข้านอนจะชอบโนบราและแก้ผ้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าทำไมคืนนี้มันหนาวผิดปกติกันนะแม้จะแปลกใจแต่มือฉันก็ปัดป่ายควานหาผ้าห่มที่คาดว่าตัวเองน่าจะถีบออกจากตัวไปอยู่มุมไหนสักที่นั่นแหละ คลำหาไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองไปคว้าหมับเข้ากับอะไรสักอย่างที่มัน ‘ร้อนผ่าว’ และนุ่มนิ่มมือ เมื่อเห็นว่าเออจับแล้วมันก็อุ่นดีฉันก็เลยจับๆขยำๆไปเรื่อยๆสักพักอ้าวเห้ย!ทำไมมันใหญ่ขึ้นวะ?แถมมันยังแข็งและร้อนราวกับอังไฟมา รูปร่างลักษณะมันคลับคล้ายคลับคลาเหมือนกับ....ไอ้นั่นของผู้ชาย!แม้จะไม่อยากลืมตาตื่นสักเท่าไหร่แต่ความสงสัยก็ทำให้ฉันต้องตื่นลืมตามองสิ่งที่อยู่ในมือ แต่แวบแรกเลยทีเห็นคือแผงอกแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามลากสายตาลงมาก็หน้าท้องหนั่นแน่นชวนให้ลูบไล้ขยำเล่นดีจังถัดมาก็เออ!นั่นแหละฉันกำลังจับไอ้นั่นของเพื่อนลูกชายอยู่ แถมไม่ได้จับธรรมดานะทั้งลูบคลึงขยำชักรูดชักลงอีกต่างหาก ให้ตายเถอะนี่เธ
โรมแรมม่านรูดไม่ไกลจากห้างดังเสียงปิดประตูรถดังปังทันทีที่เด็กรับรถรูดม่านมาปิดไว้ผมยื่นเงินค่าห้องให้เด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันกับผมพร้อมทั้งทิปแล้วดึงมือพี่ปรางลากเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วเมื่อครู่แม้จะปลดปล่อยไปแล้วครั้งนึงแต่ทว่าตรงหน้าขาผมยังแข็งปึ๋งผงาดทิ่มเนื้อผ้ากางเกงออกมาให้ได้เห็น ปวดไปหมดสงสัยมันอยากจะทลวงเข้าไปในช่องแคบอีกครั้งเสียแล้ว“อ๊ะ..เบาๆ หน่อยสิชั้นเจ็บนะ” พี่ปรางดุเบาๆ ในตอนที่ถูกผมดันร่างเธอเข้ากับพื้นผนังเย็นเยียบอย่างแรง“ขอโทษ...ผมทนไม่ไหวต้องตายแน่ๆ ถ้าไม่ได้กระแทกพี่ตอนนี้” ผมงึมงำเบาๆ ขณะริมฝีปากไล่ขบเม้มซอกคอเนียนหอมละมุน“ซี๊ดดดดด~~บ้าเวอร์ไปล่ะไปอดอยากจากไหนมาห๊ะ...”“ฮื้มม~ตัวพี่หอมจัง...พี่ไม่รู้หรอที่จริงผมอยากแล้วก็แข็งตั้งแต่เห็นพี่ที่สระว่ายน้ำแล้ว” เสียงผมสั่นกระเส่าอยากไม่อาจห้ามได้ ยิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนลอยมามังกรยักษ์ก็อยากโผล่หัวมาทักทายเหยื่อสาวเสียแล้ว“หมายความว่าเมื่อคืนเธอแอบดูพี่ที่สระด้วยหรอ” พี่ปรางดันหน้าผมออกจากเนินอกเธอแล้วถามเสียงเข้ม“อื้ม..ก็เมื่อคืนผมนอนไม่หลับกะว่าจะไปเดินเล่นเฉยๆ ใครจะไปรู้ว่าจะได้เจอเงือกสาวแสนสวยใส่บิกินี่
คืนนั้นหลังจากถูไถแค่ภายนอกจนเสร็จสมอารมณ์หมายด้วยกันทั้งคู่ดึกๆช่วงตีสี่กว่าๆผมก็ย่องออกมานอนที่ห้องของตัวเองที่ไอ้คิวมันจัดไว้ให้แล้วหลับต่อไปยันสายตรู่ทั้งผมทั้งไอ้คิวต่างตื่นสายด้วยกันทั้งคู่โชคดีที่วันนี้เป็นวันเสาร์เราไม่ต้องรีบตื่นไปเรียน ส่วนแม่ไอ้คิวผมยังไม่เห็นเลยนะสงสัยจะเขิน“ไงมึงหลับสบายดีไหมบ้านกู” เสียงไอ้คิวถามพลางยิ้มอารมณ์ดี แน่ล่ะสิเมาหลับไปตั้งแต่หัวค่ำละมั้ง“อืม..ดีมากกูหลับสนิทเลย” เสียไปตั้งหลายน้ำจะไม่หลับได้ยังไง!“มากินข้าวก่อนนี่แม่กูทำข้าวต้มปลาไว้ให้มึงจะเอากาแฟไหมกูจะได้ให้พี่สมพรไปชงมาให้”“เออเอาก็ได้” ผมพยักหน้ารับรู้สึกอยากได้คาเฟอีนเข้ามาในร่างกายเหมือนกันเพราะเช้านี้รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจริงๆฝีมือทำกับข้าวของแม่ไอ้คิวก็อร่อยดีนะ ส่วนคนทำไม่รู้หนีหายไปไหนแล้วผมมองๆหาก็ไม่ยักจะเห็นเลย“เออแล้วนี่แม่มึงไปไหนหรอวะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะสงสัยอยู่บนห้องมั้งว่าแต่มึงเถอะวันนี้จะไปไหนต่อเปล่า”“ไม่รู้ว่ะเบื่อๆคงนอนอยู่บ้านแหละกูขี้เกียจออก”“ไปดูหนังกับกูไหมล่ะพอดีกูชวนแม่ไปดูหนังรอบบ่ายมึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยดิไปกับแม่สองคนกูอาย” ไอ้คิวมันบอกในขณะที่ผมนึกขำ
หญิงสาวผมเผ้าหลุดรุ่ยเนื้อตัวเปลือยเปล่ามองหนุ่มรุ่นลูกตาปรอยเนื้อตัวสั่นระริกราวกับจะอ้อนวอนขอให้เด็กหนุ่มช่วยเติมเต็มสิ่งที่เธอขาดหายไปหลายสิบปีให้หน่อย เด็กหนุ่มหลุบตามองริมฝีปากอิ่มเอิ่มที่แย้มออกดูเย้ายวนชวนให้คลุกเคล้าดื่มด่ำความหวานหอมในโพลงปากนุ่มเหลือเกิน“อื้อออออออ” เสียงหวานครางกระเส่าในลำคอเมื่อถูกเด็กหนุ่มบดจูบอย่างดูดดื่ม เรียวลิ้นอุ่นชื้นพลิกไล้ไปตามไรฟันขาวสะอาดเลาะเล็มน้ำหวานตามโพลงปากด้านในจนน้ำลายของทั้งสองคนไหลย้อยออกมาตามมุมปาก“ชอบไหม?ชอบให้ผมสัมผัสแบบนี้ไหมครับ” เสียงทุ้มแหบพร่าของเพื่อนลูกดังขึ้นอีกครั้งที่ข้างใบหูพร้อมกับลมร้อนที่เขาเป่าใส่อย่างยั่วเย้าหลังจากที่เขาละริมฝีปากออกปล่อยให้เธอได้หายใจหายคอออกบ้างหลังจากที่ถูกจูบดูดวิญญานเข้าไปหลายนาทีจากนั้นก็ลากริมฝีปากลงมายังซอกคอขาวเนียนดูดกลืนผิวเนื้ออ่อนหอมละมุนจนมันขึ้นสีคล้ำเป็นจ้ำแล้วก็ลากลงมาไซร์เนินอกอวบอิ่มเบียดชิดชูชันตั้งตะหง่านอีกครั้ง“อื้มมมมม” มีเพียงเสียงครางอื้ออึงไม่ได้สรรพ์ดังตอบรับการกระทำแค่นั้น นาทีนี้หัวสมองเธอว่างเปล่าไปหมดครุ่นคิดอะไรไม่ออกแม้แต่นิด“แม่ครับ...ผมขอเลียหน่อยนะครับ” คำพูด
ร่างขาวโพลนในชุดบิกินี่ตัวจิ๋วที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระท่ามกลางไฟที่สาดส่องพอให้เห็นสลัวๆชวนให้ผมนึกจินตนาการถึงนางเงือกแสนสวยที่แหวกว่ายวนไปมาขาเรียวขาวได้รูปไร้ไขมันปะปนที่กำลังตีขาบนน้ำก็ดูน่าหลงใหลชวนให้นึกถึงเวลาที่ขาเรียวงามสองข้างมาพาดบนบ่ากว้างของผมมันคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อยเลยทีเดียวบิกินี่สีแดงสดช่างขับผิวของแม่ไอ้คิวได้ดีเหลือเกินเพราะเมื่อมันทาบลงบนร่างอรชรยิ่งทำให้ตัดกับสีผิวขาวผ่องไปทั้งตัวจริงๆ สายเส้นเล็กๆที่เกาะต้นคอเนียนนั่นดูเกะกะตาดีเหลือเกินเห็นแล้วผมอยากกระตุกมันออกทิ้งไปไม่นานเหมือนว่าแม่ไอ้คิวคงจะว่ายน้ำจนเหนื่อยแล้วมั้ง ร่างบอบบางของเธอจึงเดินขึ้นมานั่งบนขอบสระ หลังจากนั้นเธอก็ทำในสิ่งที่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้มาเจอวันนี้นั่นก็คือแม่ไอ้คิวปลดบิกินี่ทั้งท่อนบนและท่อนล่างออกจนเหลือแต่เนื้อตัวเปลือยเปล่าท้าสายลมจากนั้นก็หยิบเสื้อคลุมมาสวมช้าๆราวกับว่าไม่ได้รู้สึกอะไรที่อยู่ๆก็แก้ผ้าท้าลมหนาวเช่นนี้ขนผมลุกซู่หอบหายใจรัวเลยล่ะรู้สึกว่าหัวใจทำงานหนักมากเวลานี้ ไม่ใช่แต่ขนนะที่ลุก ‘อย่างอื่น’ ผมก็ลุกเช่นกัน‘ให้ตายเถอะนี่แม่เพื่อนนะไอ้โจ้ท่องไว้แม่เพื่อน...แม่เพื่







