"ท่านแม่ทัพ ท่านจะทำอะไร ปล่อยข้านะ ช่วยด้วย ช่วยด้วยเจ้าค่ะ"
ปึก!
"โอ้ย!"
ร่างเล็กที่ถูกลากเข้ามาหลังฉากกันที่ในตอนแรกนั้นนางไม่ได้สังเกตเห็น ด้านหลังนั้นมีเตียงนอนขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่กลางห้อง อวี๋เฟิ่งมองมันอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่ร่างเล็กจะถูกเหวี่ยงลงไปบนที่นอนหนานุ่มนั้น แต่แรงเหวี่ยงของบุรุษผู้แข็งแรงกำยำ ก็ทำให้นางถึงกับเจ็บจนร้องออกมาเสียงหลง แต่ความหวาดกลัวทำให้ต้องรีบพลิกกายบางกระถดกระถอยหนีบุรุษที่มองนางอย่างจาบจ้วงและหยาบโลน
สายตากลมโตที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มองดูบุรุษที่ใช้เรียวลิ้นสีชมพูไล้เลียไปบนริมฝีปากหยักลึกของตนอย่างหื่นกระหาย ขนอ่อนบนเรือนกายพลันลุกซู่สะบัดร้อนสะบัดหนาวไปหมด
"ท่านจะทำอะไร อย่านะ"
ใบหน้างามที่ตอนนี้มีหยาดน้ำตาไหลออกมาทางหางตาเพราะความหวาดกลัว มองบุรุษที่ค่อยๆปลดสายคาดเอวออกอย่างช้าๆ ราวกับกำลังข่มขวัญนางให้ยิ่งตื่นกลัว แล้วเริ่มดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างแกร่งกำยำของตน จนมันเปลือยเปล่า เหลือเพียงกางเกงตัวบางด้านในที่ยังคงปกปิดความดุดันเอาไว้ ร่างกายของบุรุษเพศปรากฏสู่สายตาของดรุณีน้อยในวัยสิบห้าหนาวที่ตื่นตะลึงกับภาพตรงหน้า
"กรี๊ดด"
กายบอบบางที่ดูลนลานรีบพลิกกายคลานหนีอีกฝ่ายอย่างตื่นตระหนกก่อนจะกรีดร้องเสียงหลง เมื่อข้อเท้าเล็กถูกกระชากอย่างแรงจนร่างบางถลามาตามที่นอนนุ่มลงไปนอนอยู่ใต้ร่างของคนตัวโต ดวงตาสีรัตติกาลนั้นดูดำมืดจนน่ากลัว
"อย่าเจ้าค่ะ ได้โปรดอย่าทำอันใดข้าเลย ฮื้อออ"
ถึงแม้ว่านางจะพึ่งก้าวเข้าสู่วัยสาว แต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาจนขนาดที่จะไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คิดจะทำสิ่งใด
"ร้องไห้ทำไม กลัวหรือ ไม่ต้องกลัวไปหรอกนะ ข้าจะทำให้เจ้าสุขสมจนลืมความกลัวเอง"
บุรุษหนุ่มวัยฉกรรจ์ที่ยกยิ้มขึ้นอย่างร้ายกาจ พูดออกมาอย่างเปิดเผย กลิ่นกายหอมละมุนของเด็กสาว และผิวเนื้อนุ่มละมุนที่เสียดสีกับกายแกร่ง ทำให้สำนึกผิดชอบชั่วดีพังทลายลง เด็กสาววัยแรกแย้มกระตุ้นให้ความอยากกระสันพุ่งทะยานสูง ดวงตาสีรัตติกาลดำมืด ใบหน้างดงามที่ผสมผสานระหว่างบิดาและมารดาของนางอย่างลงตัวนั้น ยิ่งทำให้ยิ่งรู้สึกเดือดดาล
"ปล่อยข้า ปล่อยข้า"
ร่างบางที่พยายามดิ้นรน แต่ยิ่งดิ้นนวลเนื้ออวบอิ่มก็ยิ่งเสียดสีกับกล้ามเนื้อหนั่นแน่น
"อยากรู้เสียจริงว่า หากมารดาของเจ้า รู้ว่าตัวเองมิได้เป็นเพียงมารดาเลี้ยงของข้าแต่ยังได้รับเกียรติให้เป็นท่านแม่ยายของข้าด้วย นางจะรู้สึกดีใจเพียงไรกัน"
เสียงเรียบเย็นที่เอ่ยขึ้นอย่างเหี้ยมเกรียม ทำให้ร่างบางราวกับถูกแช่แข็ง รู้สึกหวาดผวาจนสั่นสะท้าน น้ำตาแห่งความหวาดกลัวไหลรินออกมาทางหางตา ราวกับทำนบแตก
"คนชั่ว คนเลว ปล่อยข้า อื้อ อื้อ อื้อ"
มือหนาหยาบที่ยื่นขึ้นมาบีบปลายคางเล็ก ก่อนจะโน้มลงมาบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่มด้วยริมฝีปากหนาอย่างป่าเถื่อนกระหายหิว จนนางรู้สึกเจ็บร้าว รับรู้ถึงรสฝาดของเลือดจากริมฝีปากที่ผลิแตก
"อื้อ อื้อ"
เสียงหวานร้องครางขัดขืนในลำคอ เมื่อบุรุษผู้นี้จูบนางอย่างรุนแรง ยิ่งไปกว่านั้นลิ้นหนายังสอดเข้ามาในอุ้งปากเล็กของนาง จนรู้สึกได้ถึงความอุ่นชื้นที่เกี่ยวกระหวัดรัดลิ้นเล็กของนาง สติของเด็กสาวพลันหมุนคว้าง มือหนาสากนั้นรั้งเอวคอดกิ่วให้ยิ่งเบียดชิดเรือนร่างแข็งแกร่ง ดึงรั้งอาภรณ์ออกจากร่างบางที่หอมกรุ่นไปด้วยวัยสาว
ร่างกายของบุรุษหนุ่มพลันร้อนผ่าว เมื่อฝ่ามือสัมผัสกับความนุ่มนิ่มเรียบลื่นของผิวเนื้อนวล รู้สึกได้ถึงเลือดในกายที่เดือดพล่าน เมื่ออาภรณ์บนร่างบางนั้นแยกออกจากกัน สายตาคมกล้ามองทรวงอกสะพรั่งใหญ่เกินตัวที่ไหวสะท้านจากการหอบหายใจของร่างเล็ก จนอารมณ์ซ่านกระสันพวยพุ่งขึ้นสูง ดึงรั้งอาภรณ์ส่วนที่เหลือออกจากเรือนร่างงดงามสัมผัสเนื้อนวลด้วยฝ่ามือหยาบกระด้าง
ริมฝีปากหนาผ่าวร้อนที่ผละออกมาจากริมฝีปากเล็กที่บวมเจ่อ พรมจูบไปตามลาดไหล่มน ซอกคอหอมกรุ่น แล้วเลื่อนขึ้นมาอ้างับติ่งหูเล็กนุ่มนิ่ม ลิ้นร้อนซอกซอนไล้เลียอย่างหยอกเย้า จนเด็กสาวอ่อนระทวย ใบหน้าเล็กแดงก่ำไปด้วยอารมณ์ประหลาดที่ถูกคนตัวโตหลอกล่อ
ใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนขึ้นมาจูบซับเรียวปากอิ่มอีกครั้ง ลิ้นร้อนสอดเข้ามาพัวพันลิ้นเล็กกวาดเอาความหวานในโพรงปากอ่อนนุ่มอย่างตะกละตะกลาม มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างเล็กขาวผ่องนุ่มละมุนบีบเคล้นไปทั่วเรือนร่างงดงาม ฝ่ามือใหญ่หยาบกระด้างกอบกุมทรวงอกอวบอิ่มนุ่มหยุ่นเอาไว้ในอุ้งมือหนา บีบขย้ำ ฟอนเฟ้นด้วยความหลงใหล
ริมฝีปากหนายังคงบดคลึงริมฝีปากอวบอิ่ม กวาดต้อนความหอมหวานราวกับจะกลืนกินนางไปทั้งตัว
ความปรารถนามากมายที่เกิดขึ้นปลุกกระตุ้นความต้องการให้ลุกฮือจนยากที่จะควบคุม อารมณ์พิศวาสแสนวาบหวามกำซ่านต้องการที่จะได้รับการปลดปล่อย
ใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ ซุกไซ้ปลายจมูกโด่งเป็นสันวนเวียนสูดดมกลิ่นกายสาวที่ยั่วยวน จนร่างบางรู้สึกซ่านสยิวไปทั้งร่าง ความรู้สึกเสียววูบวาบแล่นขึ้นมารวมกันอยู่ตรงกลางร่าง สัมผัสได้ถึงความฉ่ำชื้นเปียกแฉะอันน่าอับอายตรงกายสาว นางไม่เคยรู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้เช่นนี้มาก่อนเลย
เด็กสาวผู้อ่อนด้อยกำลังถลำลึกลงไปในวังวนกามารมณ์ที่อีกฝ่ายเป็นผู้จุดมันอย่างตั้งใจ
ริมฝีปากหยักลึกร้อนผ่าวขบเม้มลงบนเนินอกขาวอวบอิ่ม ลากไล้ปลายลิ้นแตะลงบนยอดทรวงเล็กที่หดรัดชูชันสีระเรื่อ ไล้เลียหนักเบา ก่อนจะรวบเอาปลายยอดดูดดึงเข้าไปในอุ้งปากอุ่นร้อน ดูดเลียจนได้ยินเสียงดังน่าอาย
*ขอใจ หน่อยน๊า
ร่างบางของเสี่ยวถานยืนบิดกายไปมาอยู่หน้าเรือนหอของผู้เป็นนาย ใบหน้างามนั้นแดงก่ำ แม้ว่านางจะล่วงเลยวัยที่จะออกเรือนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมิเคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน เรื่องความสนิทสนมแบบชู้สาวยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง นางยังอ่อนด้อยในเรื่องเช่นนี้มากนักแม้ว่าคุณหนูจะอยากให้นางออกเรือนมีครอบครัวเป็นของตนเอง แต่นางยังไม่พบบุรุษที่ถูกตาต้องใจเลย หากนางจะต้องมีสามี ก็ขอเลือกบุรุษที่นางรัก หาไม่แล้วนางขออยู่รับใช้คุณหนูของนางไปเช่นนี้ตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า แม้จะมีแวบหนึ่งที่ใบหน้าของบุรุษผู้แสนเย็นชาผู้นั้นจะแวบผ่านมาในความรู้สึก แต่นางจะไปหวังสิ่งใดกับคนไร้หัวใจเช่นนั้นกัน เขาคงไม่มีวันสนใจสตรีเช่นนางหรอกกระมัง ศีรษะเล็กที่สะบัดความคิดไร้สาระนั้นพลางทอดถอนใจ นางอยู่คนเดียวเช่นนี้ก็ดีแล้ว เสียงครางหวานที่ดังลอดออกมาจากด้านในทำให้ร่างบางหลุดจากความคิดของตัวเองใบหน้างามพลันร้อนผ่าว รีบถอยห่างจากหน้าเรือนเสี่ยวถานที่เดินบิดกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพื่อกลับเรือนพักของตน คืนนี้คุณหนูคงไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเรียกใช้นางแล้วกระมัง เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตา จึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจ
ร่างบอบบางในชุดแดงมงคลงดงามล้ำค่า กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าอิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยความสุขที่ฉายชัดอยู่ในดวงตางดงาม อวี๋เฟิ่งนางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่นางจะได้สวมชุดมงคลและได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับผู้เป็นสามีอย่างสมเกียรติ แม้ความจริงนางจะมิได้คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตาม ในวันที่รถม้าเดินทางเข้าสู่ความพลุกพล่านของเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่จวนแม่ทัพ หัวใจของนางนั้นเต้นแรงมาก แม้จะสังเกตว่าสองข้างทางนั้นถูกประดับไปด้วยผ้าแดงมงคลตลอดทางจนถึงประตูจวน แต่กลับถูกความตื่นเต้นที่ได้พบหน้าทุกคนกลบความสงสัยนั้น การต้อนรับที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดของผู้เป็นมารดาทำให้นางไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งรอบกาย จนเมื่อได้โอบกอดมารดาจนพอใจจึงได้เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย ว่าในจวนจะมีงานมงคลของผู้ใดกัน มิใช่ว่าน้องสาวของนาง อวี๋เจินได้แต่งให้กับคุณชายอู๋ฟงอี้ไปเมื่อปีก่อนตามที่ผู้เป็นสามีได้บอกเล่าหรอกหรือ"ลองถามท่านแม่ทัพดูดีหรือไม่"เจียงซือหนี่ที่เอ่ยกับบุตรสาวด้วยรอยยิ้มละมุน โน้มกายลงโอบอุ้มหลายชายตัวน้อยที่หน้าตาช่างน่ารักน่าชังเอาไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้บิดามารดาของเด็กน้อ
"ซี๊ดด โอ๊ย!เจ็บ"เสียงโอดครวญไม่จริงจังนักของแม่ทัพหนุ่มเรียกรอยยิ้มจากเสี่ยวถานและจงไห่ที่กำลังจัดเตรียมข้าวของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกลับจวนในวันพรุ่งนี้เมื่อผู้เป็นนายเข้าใจและคืนดีกัน ก็สร้างความยินดีและปลาบปลื้มให้กับเสี่ยวถานและจงไห่บ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองยิ่งนัก ต่อไปผู้เป็นนายจะได้มีความสุขที่แท้จริงเสียที หลังจากที่ต้องเจ็บช้ำกันมาอย่างแสนสาหัส บ่าวคนสนิททั้งสองที่รู้ใจผู้เป็นนายเป็นอย่างดีเร่งเก็บข้าวของก่อนจะอุ้มคุณชายน้อยพาออกไปเล่นด้านนอกเปิดโอกาสให้ผู้เป็นนายได้มีเวลาร่วมกันแม่ทัพหนุ่มที่ออดอ้อนภรรยาตัวน้อยผู้ที่กำลังทำแผลให้เขา ใบหน้างามนั้นแดงก่ำอย่างเขินอายอวี๋เฟิ่งที่หมั่นไส้บุรุษไร้ยางอายตรงหน้ายิ่งนัก มือเล็กจึงหยิกลงตรงหน้าท้องแกร่งเต็มแรง"โอ๊ย น้องหญิงหยิกพี่ทำไม พี่เจ็บจริงๆ นะ"ร่างสูงที่แสร้งโอดครวญมองโฉมงามด้วยสายตาละห้อย"ข้าไม่เชื่อท่านหรอก"อวี๋เฟิ่งที่ส่งค้อนให้อีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นร้อนผ่าวไปหมด เขามันไร้ยางอายที่สุด"เหตุใดถึงไม่เชื่อเล่า พี่ไปทำสิ่งใดให้เจ้าไม่เชื่อกัน"แม่ทัพหนุ่มที่จ้องมองใบหน้างามด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างรอคำตอบ"ก็ท่าน...ท่าน ท
ร่างหนาที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ดวงตาสีรัตติกาลที่ก้มลงมองร่างหอมกรุ่นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เมื่อเห็นว่าร่างบอบบางที่เขาคิดว่ากำลังฝันว่าได้โอบกอดนางอยู่นั้น ตอนนี้นางกลับหลับตาพริ้มแนบอกกว้างของเขา แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว กลัวเหลือเกินว่าเมื่อนางรู้สึกตัวตื่นแล้วจะรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา แต่หัวใจที่เต้นแรงนั้นกลับไม่รักดี มันเต้นกระหน่ำจนเปลือกตาที่มีขนตางอนประดับอยู่นั้นขยับยุกยิก และลืมขึ้นมาในที่สุด ดวงตาหรี่ปรือฉ่ำหวานที่จ้องมองสบกับดวงตาสีรัตติกาลของเขาอยู่นั้นช่างงดงามยิ่งนัก จนใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาประทับริมฝีปากหนาบนเรียวปากอวบอิ่มแผ่วเบา ก่อนจะผละออก เขาไม่ได้ฝันไปและนางก็ยังไม่ผลักไสเขาอีกด้วย ในอกแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำ นางอภัยให้เขาแล้วใช่หรือไม่ ใบหน้าหล่อเหลาพลันยกยิ้มกว้างและสตรีตรงหน้าก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน ขอบคุณ ขอบคุณสวรรค์อ้อมแขนแกร่งที่โอบกระชับร่างบางแนบอก กดจุมพิตลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอบคุณ เฟิ่งเอ๋อที่ให้โอกาสพี่"ฝ่ามือหนาที่เชยคางมนขึ้นรับจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นางอย่างหวานล้ำ จุมพิตที่แสนยาว
ตอนนี้บ้านหลังน้อยก็มีผู้อาศัยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ขอพักอยู่ที่นี่จนกว่าแผลของเขาจะหายดี และขอใช้เวลาอยู่กับบุตรชายที่พึ่งได้พบหน้ากันอีกสักหน่อย เมื่อนางไม่ยินยอมที่จะกลับเมืองหลวงด้วยกัน แต่นางก็ไม่ใจดำพอที่จะกีดกันบิดากับบุตร เขาได้รับความเมตตาจากร่างบางเพราะมีบุตรชายที่ติดเขามากจนนางเอ่ยอนุญาต และตอบแทนที่เขาได้ช่วยชีวิตบุตรชายเอาไว้ นางยอมถอยให้เขาเพราะสงสารผู้เป็นบุตรชายที่ดูจะดีใจมากเมื่อมีบิดาดังเช่นเด็กคนอื่น นางยอมให้เขาเป็นบิดาของบุตร แต่นางยังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นสามีของนาง ยังทำราวกับว่าเขานั้นเป็นคนอื่น แม่ทัพใหญ่เช่นเขากลับถูกไล่ให้มาซุกหัวนอนอยู่ในโรงเก็บฟืนที่มีเพียงแคร่ไม้ไผ่และผ้าห่มหนึ่งผืนหมอนหนึ่งใบจากเจ้าของบ้าน แต่แค่นี้ก็ถือว่านางเมตตาเขามากแล้วหลายวันมานี้แม่ทัพเซียวไป๋ซานผู้ทระนงองอาจ กลับทำตัวดีว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตามงอนง้อขอนางคืนดี แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน แม้จะสารภาพผิดและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้นางฟัง บอกถึงความในใจที่อยากจะบอกนางตลอด บอกรักนางแทบจะสามเวลา รวมถึงเรื่องราวของเขาในอดีตและสิ่งที่มารดาของเขากระทำ และเขากับมารดานาง
"เสี่ยวถาน เสี่ยวถานอยู่ไหน"ร่างบางที่เอ่ยเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยเสียงแหบเครือ ทำราวกับว่าบุรุษตรงหน้าไม่มีตัวตน นางไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายแม้เพียงครึ่งคำ นางไม่อยากจะคิดอะไรหรือว่าคุยกับใครทั้งนั้น แม้หัวใจของนางตอนนี้จะเต้นกระหน่ำเพียงใดก็ตาม"คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ"เสี่ยวถานที่รีบวิ่งเข้ามาหาคุณหนูของนางด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางรู้สึกตัวแล้วหลังจากที่สลบไสลไม่ได้สติไปถึงสองวันเต็มๆ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไป เมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดภายในห้อง"ข้าหิวน้ำ"อวี๋เฟิ่งที่เอ่ยบอกบ่าวคนสนิท เสี่ยวถานที่หันไปมองใบหน้าหม่นเศร้าของท่านแม่ทัพก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ เดินตัวลีบไปรินน้ำมาให้ผู้เป็นนาย ที่รับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทุกคน"ออกไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน"ร่างบางที่เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยล้าหลับตาลงทันที โดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นนางก็เผลอหลับไปจริงๆ อย่างอ่อนเพลีย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงไออุ่นที่ซุกอยู่ตรงทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากที่ตอนนี้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้งพลันยกยิ้มขึ้