"กรี๊ดดด"
เสียงหวานที่หวีดร้องขึ้นอย่างเจ็บปวด กลางกายสาวถูกยัดเยียดความใหญ่โตเข้ามาจนเจ็บร้าวปวดหน่วงเกร็งไปทั้งร่าง ตัวตนที่แข็งกร้าวของบุรุษวัยฉกรรจ์ฉีกทึ้งบุปผางามของเด็กสาววัยกำดัดจนฉีกขาด หยดเลือดไหลซึมเปรอะเปื้อนเรียวขาเล็กและที่นอนนุ่มจนแดงฉาน มือเล็กจิกลงบนท่อนแขนแกร่งขีดข่วนจนเป็นทางยาว ระบายความเจ็บปวดที่ตนได้รับ ร่างบอบบางพยายามกระถดกายถอยหนีแต่ไม่อาจที่จะขยับได้ดังใจ เพราะมีกายหนาที่ตอกตรึงความใหญ่โตอยู่กลางร่าง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลลงมาจนเปียกชุ่มเส้นผมสีดำนุ่มสลวยหอมกรุ่น แผ่สยายกระจัดกระจายอยู่บนเตียงกว้าง ใบหน้างดงามแดงก่ำ นัยน์ตากลมโตหวานฉ่ำน้ำไหวระริก ปลายจมูกเชิดรั้นแดงเรื่อ ริมฝีปากอวบอิ่มบวมช้ำเผยอขึ้นแลดูยั่วยวน ภาพความงดงามตรงหน้าทำให้บุรุษเหนือร่างไม่อาจที่จะละสายตาไปจากร่างเล็กได้ ความรู้สึกประหลาดปะปนกับความหวงแหนสายหนึ่งแล่นวูบไหวอยู่ในอก
"อย่าขยับ ไม่เช่นนั้นจะยิ่งเจ็บนะ"
เสียงทุ้มแหบพร่าที่เอ่ยชิดใบหูเล็กฟังดูนุ่มละมุน ใบหน้าหล่อเหลาเบี่ยงริมฝีปากผ่าวร้อนมาจุมพิตแก้มนวลแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดผิวเนื้อจนขนกายรุกซู่ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากหนามาปิดกั้นเสียงสะอื้นไห้ของคนตัวเล็ก จุมพิตในครั้งนี้ช่างอ่อนหวานยิ่งนัก มันมัวเมาจนร่างเล็กลืมเลือนความเจ็บปวด เรียวลิ้นแสนช่ำชองเกี่ยวพันลิ้นเล็กให้ตอบสนองสัมผัสอันวาบหวามนั้นให้ความรู้สึกหวานละมุน
ร่างหนาหยัดกายขึ้น กดแช่ตัวตนแข็งแกร่งที่ตอนนี้ปวดร้าวไม่แพ้คนใต้ร่าง ความอ่อนนุ่มแสนคับแน่นกำลังบีบรัดตัวตนของเขาจนแทบจะแพ้พ่ายเสียเดี๋ยวนี้ กรามแกร่งขบเข้าหากันแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์กระสันแสนทรมาน ทั้งที่อยากจะโจนจ้วงเข้าใส่ร่างเล็กใจจะขาด แต่ดวงตาคู่งามที่เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำจำต้องหยุดยั้งตัวเองเอาไว้ ขยับสะโพกสอบอย่างเนิบนาบ จุ่มจ้วงลงไปในกายบางครั้งแล้วครั้งเล่า ความเสียวกระสันที่พุ่งจู่โจมกลางร่าง ทำให้กายหนาเผลอบีบขย้ำความนุ่มหยุ่นกลมกลึงเต็มแรง ยอดอกแดงช้ำที่ชูชันล่อลวงให้ต้องก้มลงไปดูดดื่มยอดทรวงคู่งามสลับไปมา ริมฝีปากหยักลึกครอบครองดูดดึง ไล้เลียลิ้นสากหยอกเย้าจนนวลเนื้อขาวนวลแดงเป็นปื้นแฉะชื้นไปด้วยน้ำใส แต่มันกลับรู้สึกว่ายังไม่พอ เพียงแค่นี้มันยังไม่สามารถบรรเทาความทรมานกลางกายลงได้
"อ่าาส์...ไม่ไหวแล้ว พี่จะขาดใจตายอยู่แล้วทูนหัว"
แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป มือหนาโอบกระชับเอวเล็กคอดกิ่วเอาไว้มั่น ก่อนจะตอกตรึงกายแกร่งเข้าออกอย่างหนักหน่วง จนร่างบอบบางหัวสั่นหัวคลอน
"เจ็บหรือเปล่า ยังเจ็บอยู่หรือไม่"
น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าสั่นสะท้านเอ่ยถามขึ้น แต่เหมือนกับว่าเขาจะไม่ได้ต้องการคำตอบนั้นจริงๆ มือหยาบบีบเคล้นทรวงอกอิ่มด้วยแรงปรารถนา เสียงคำรามสั่นพร่าดังสะท้านไหว ก้มลงมองจุดผสานกลางร่าง บุปผาดอกงามดอกน้อยแดงช้ำดูดกลืนแกนกายใหญ่โตของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ภายในช่องทางรักอ่อนนุ่มแสนคับแน่นกำลังเต้นตุบๆ กลีบดอกแดงก่ำผลิบานทุกครั้งที่โอบอุ้มแกนกายผงาดกล้าดูแล้วช่างน่าหลงใหล ภาพการสอดผสานตรงหน้ายิ่งเร่งเร้าอารมณ์ปรารถนาให้ยิ่งลุกโชน กายกำยำถาโถมเข้าใส่ร่างเล็กอย่างสุดที่จะกลั้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังเป็นจังหวะหนักหน่วงทุกครั้งที่สะโพกสอบขยับขับเคลื่อน เสียงหอบหายใจเหนื่อยหนักราวกับจะขาดใจผสานกับเสียงเฉอะแฉะตรงจุดผสานดังถี่รัวขึ้นอย่างลามก
"อ๊ะ...อร๊าย..."
"ชอบหรือเปล่า แบบนี้ชอบหรือไม่ ซี๊ดด...อ่าส์..."
กายบางสั่นสะท้านด้วยแรงอารมณ์ ทรวงอกอวบอิ่มกระเพื่อมไหวในทุกจังหวะที่สะโพกสอบกดเสยเข้ามาภายใน ความร้อนระอุโหมกระพือขึ้นสูง ภายในช่องท้องร้อนวูบวาบเสียวกระสันรัญจวนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บุปผางามตอดรัดแกนกายที่แข็งขึงร้อนลวกขมิบถี่ยิบ ร่างกำยำยิ่งทวีกระแทกแท่งทวนส่งนางให้ถึงฝั่งฝัน นิ้วเรียวจิกเล็บกดลึกลงบนหน้าขาแกร่ง เสียงหวานหวีดร้องออกมาระบายความเสียวซ่านสุขสมที่เกิดขึ้นครั้งแรกในวัยสาว หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำจนแทบทะลุออกมานอกทรวงอก
เมื่อส่งร่างเล็กจนถึงจุดหมาย กายหนาที่ยังคงกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง ความแข็งชันบดขยี้เนื้ออ่อนนุ่มอุ่นร้อน สาวกายเข้าออกอย่างหยาบโลน รู้สึกถึงความเสียวซ่านที่กำลังจะทะลักทลาย มือหนาจึงจับพลิกร่างเล็ก กลืนกินนางจากทางด้านหลัง ร่างบางผวาเฮือกกรีดร้องออกมาอย่างระโหยโรยแรงทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่ม แต่กลับถูกมือใหญ่ช้อนสะโพกกลมมนให้ลอยเด่นจนต้องใช้แขนเล็กยันร่างเอาไว้ ความแข็งกร้าวบดคลึงสะโพกหนั่นแน่นกระแทกลึกจนร่างบางถลาไปข้างหน้า
โพรงรักคับแน่นที่บีบรัด ทำให้แม่ทัพหนุ่มกัดฟันกรอดข่มอารมณ์จนเห็นเส้นเลือดตรงขมับ โถมกายกระแทกกระทั้นเร่งจังหวะสอดผสาน หน้าขาแข็งแกร่งตบกระทบประกบสะโพกกลมกลึงจนเกิดเสียงดังสะท้อนในห้องกว้าง ขาตั่งเตียงไหวโยกเสียดสีกับผิวพื้นดังลั่น เอี๊ยด อ๊าด เป็นจังหวะ หัวเข่าเล็กบอบบางเสียดสีกับที่นอนยับย่นจนแดงเถือก แต่กายหนาด้านหลังหาอาทรไม่ เร่งเคลื่อนไหวกายแกร่งถี่ยิบกระแทกเสยจนร่างเล็กดิ้นพล่าน ความอุ่นร้อนฉีดพุ่งทะลักทลายเข้าไปในโพรงรักอ่อนนุ่ม พร้อมเสียงคำรามดังกึกก้อง กระตุกกายรีดเค้นสายน้ำทุกหยาดหยด จนเอ่อล้นไหลทะลักเปรอะเปื้อนซอกขางามอาบเยิ้มบนเนื้ออวบอูมสีแดงช้ำจนเปียกชุ่ม
กายแกร่งถอดถอนออกจากร่างเล็กที่ทรุดกายลง นอนราบไปกับที่นอนยับย่นอย่างอ่อนล้า มือหนาลูบไล้บั้นท้ายงามงอนอย่างหลงใหล ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบซับไปทั่วแผ่นหลังเปล่าเปลือยขาวนวลชื้นเหงื่อ อวี๋เฟิ่งที่สะดุ้งขึ้นมือเล็กขย้ำที่นอนหนานุ่มเอาไว้จนแน่น ฟันซี่เล็กเรียงตัวสวยขบกัดลงบนเรียวปากอิ่มที่บ่วมเจ่อจนห้อเลือด เมื่อสัมผัสได้ถึงความแข็งขึงร้อนผ่าวที่สอดเข้ามาภายในร่างเล็กอีกครั้ง แต่นางกลับสิ้นไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ปล่อยให้บุรุษผู้นั้นกระทำต่อนางครั้งแล้วครั้งเล่า จนร่างบอบบางของดรุณีน้อยไม่อาจรับได้ไหวอีกต่อไป สติดับวูบไปตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่รู้ได้ รู้สึกตัวอีกทีนางก็กลับมานอนอยู่บนเตียงภายในเรือนของตัวเอง โดยมีเสี่ยวถานที่ร้องไห้จนตาแดงก่ำอยู่ข้างๆ
ร่างบางของเสี่ยวถานยืนบิดกายไปมาอยู่หน้าเรือนหอของผู้เป็นนาย ใบหน้างามนั้นแดงก่ำ แม้ว่านางจะล่วงเลยวัยที่จะออกเรือนมานานมากแล้ว แต่ก็ยังมิเคยใกล้ชิดบุรุษใดมาก่อน เรื่องความสนิทสนมแบบชู้สาวยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง นางยังอ่อนด้อยในเรื่องเช่นนี้มากนักแม้ว่าคุณหนูจะอยากให้นางออกเรือนมีครอบครัวเป็นของตนเอง แต่นางยังไม่พบบุรุษที่ถูกตาต้องใจเลย หากนางจะต้องมีสามี ก็ขอเลือกบุรุษที่นางรัก หาไม่แล้วนางขออยู่รับใช้คุณหนูของนางไปเช่นนี้ตลอดชีวิตเสียยังดีกว่า แม้จะมีแวบหนึ่งที่ใบหน้าของบุรุษผู้แสนเย็นชาผู้นั้นจะแวบผ่านมาในความรู้สึก แต่นางจะไปหวังสิ่งใดกับคนไร้หัวใจเช่นนั้นกัน เขาคงไม่มีวันสนใจสตรีเช่นนางหรอกกระมัง ศีรษะเล็กที่สะบัดความคิดไร้สาระนั้นพลางทอดถอนใจ นางอยู่คนเดียวเช่นนี้ก็ดีแล้ว เสียงครางหวานที่ดังลอดออกมาจากด้านในทำให้ร่างบางหลุดจากความคิดของตัวเองใบหน้างามพลันร้อนผ่าว รีบถอยห่างจากหน้าเรือนเสี่ยวถานที่เดินบิดกายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เพื่อกลับเรือนพักของตน คืนนี้คุณหนูคงไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเรียกใช้นางแล้วกระมัง เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตา จึงทำให้ไม่ทันระวังเดินชนร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้าอย่างจ
ร่างบอบบางในชุดแดงมงคลงดงามล้ำค่า กำลังนั่งมองตัวเองอยู่ด้านหน้ากระจกด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใบหน้าอิ่มเอิบแต่งแต้มไปด้วยความสุขที่ฉายชัดอยู่ในดวงตางดงาม อวี๋เฟิ่งนางไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมีวันนี้ วันที่นางจะได้สวมชุดมงคลและได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับผู้เป็นสามีอย่างสมเกียรติ แม้ความจริงนางจะมิได้คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ตาม ในวันที่รถม้าเดินทางเข้าสู่ความพลุกพล่านของเมืองหลวง มุ่งหน้าสู่จวนแม่ทัพ หัวใจของนางนั้นเต้นแรงมาก แม้จะสังเกตว่าสองข้างทางนั้นถูกประดับไปด้วยผ้าแดงมงคลตลอดทางจนถึงประตูจวน แต่กลับถูกความตื่นเต้นที่ได้พบหน้าทุกคนกลบความสงสัยนั้น การต้อนรับที่แสนอบอุ่น อ้อมกอดของผู้เป็นมารดาทำให้นางไม่ได้ให้ความสนใจสิ่งรอบกาย จนเมื่อได้โอบกอดมารดาจนพอใจจึงได้เอ่ยถามในสิ่งที่สงสัย ว่าในจวนจะมีงานมงคลของผู้ใดกัน มิใช่ว่าน้องสาวของนาง อวี๋เจินได้แต่งให้กับคุณชายอู๋ฟงอี้ไปเมื่อปีก่อนตามที่ผู้เป็นสามีได้บอกเล่าหรอกหรือ"ลองถามท่านแม่ทัพดูดีหรือไม่"เจียงซือหนี่ที่เอ่ยกับบุตรสาวด้วยรอยยิ้มละมุน โน้มกายลงโอบอุ้มหลายชายตัวน้อยที่หน้าตาช่างน่ารักน่าชังเอาไว้ในอ้อมแขน ปล่อยให้บิดามารดาของเด็กน้อ
"ซี๊ดด โอ๊ย!เจ็บ"เสียงโอดครวญไม่จริงจังนักของแม่ทัพหนุ่มเรียกรอยยิ้มจากเสี่ยวถานและจงไห่ที่กำลังจัดเตรียมข้าวของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางกลับจวนในวันพรุ่งนี้เมื่อผู้เป็นนายเข้าใจและคืนดีกัน ก็สร้างความยินดีและปลาบปลื้มให้กับเสี่ยวถานและจงไห่บ่าวผู้ซื่อสัตย์ทั้งสองยิ่งนัก ต่อไปผู้เป็นนายจะได้มีความสุขที่แท้จริงเสียที หลังจากที่ต้องเจ็บช้ำกันมาอย่างแสนสาหัส บ่าวคนสนิททั้งสองที่รู้ใจผู้เป็นนายเป็นอย่างดีเร่งเก็บข้าวของก่อนจะอุ้มคุณชายน้อยพาออกไปเล่นด้านนอกเปิดโอกาสให้ผู้เป็นนายได้มีเวลาร่วมกันแม่ทัพหนุ่มที่ออดอ้อนภรรยาตัวน้อยผู้ที่กำลังทำแผลให้เขา ใบหน้างามนั้นแดงก่ำอย่างเขินอายอวี๋เฟิ่งที่หมั่นไส้บุรุษไร้ยางอายตรงหน้ายิ่งนัก มือเล็กจึงหยิกลงตรงหน้าท้องแกร่งเต็มแรง"โอ๊ย น้องหญิงหยิกพี่ทำไม พี่เจ็บจริงๆ นะ"ร่างสูงที่แสร้งโอดครวญมองโฉมงามด้วยสายตาละห้อย"ข้าไม่เชื่อท่านหรอก"อวี๋เฟิ่งที่ส่งค้อนให้อีกฝ่าย ใบหน้างามนั้นร้อนผ่าวไปหมด เขามันไร้ยางอายที่สุด"เหตุใดถึงไม่เชื่อเล่า พี่ไปทำสิ่งใดให้เจ้าไม่เชื่อกัน"แม่ทัพหนุ่มที่จ้องมองใบหน้างามด้วยสายตากรุ้มกริ่มอย่างรอคำตอบ"ก็ท่าน...ท่าน ท
ร่างหนาที่รู้สึกตัวตื่นขึ้นสัมผัสได้ถึงความนุ่มนิ่มในอ้อมแขน ดวงตาสีรัตติกาลที่ก้มลงมองร่างหอมกรุ่นด้วยหัวใจที่เต้นระทึก เมื่อเห็นว่าร่างบอบบางที่เขาคิดว่ากำลังฝันว่าได้โอบกอดนางอยู่นั้น ตอนนี้นางกลับหลับตาพริ้มแนบอกกว้างของเขา แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ไม่แม้แต่จะกล้าขยับตัว กลัวเหลือเกินว่าเมื่อนางรู้สึกตัวตื่นแล้วจะรีบผละออกจากอ้อมแขนของเขา แต่หัวใจที่เต้นแรงนั้นกลับไม่รักดี มันเต้นกระหน่ำจนเปลือกตาที่มีขนตางอนประดับอยู่นั้นขยับยุกยิก และลืมขึ้นมาในที่สุด ดวงตาหรี่ปรือฉ่ำหวานที่จ้องมองสบกับดวงตาสีรัตติกาลของเขาอยู่นั้นช่างงดงามยิ่งนัก จนใบหน้าหล่อเหลาโน้มต่ำลงมาประทับริมฝีปากหนาบนเรียวปากอวบอิ่มแผ่วเบา ก่อนจะผละออก เขาไม่ได้ฝันไปและนางก็ยังไม่ผลักไสเขาอีกด้วย ในอกแกร่งยิ่งเต้นกระหน่ำ นางอภัยให้เขาแล้วใช่หรือไม่ ใบหน้าหล่อเหลาพลันยกยิ้มกว้างและสตรีตรงหน้าก็ยิ้มตอบเขาเช่นกัน ขอบคุณ ขอบคุณสวรรค์อ้อมแขนแกร่งที่โอบกระชับร่างบางแนบอก กดจุมพิตลงบนเส้นผมอ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า "ขอบคุณ เฟิ่งเอ๋อที่ให้โอกาสพี่"ฝ่ามือหนาที่เชยคางมนขึ้นรับจุมพิตที่เขาบรรจงมอบให้นางอย่างหวานล้ำ จุมพิตที่แสนยาว
ตอนนี้บ้านหลังน้อยก็มีผู้อาศัยเพิ่มมาอีกหนึ่งคน แม่ทัพเซียวไป๋ซานที่ขอพักอยู่ที่นี่จนกว่าแผลของเขาจะหายดี และขอใช้เวลาอยู่กับบุตรชายที่พึ่งได้พบหน้ากันอีกสักหน่อย เมื่อนางไม่ยินยอมที่จะกลับเมืองหลวงด้วยกัน แต่นางก็ไม่ใจดำพอที่จะกีดกันบิดากับบุตร เขาได้รับความเมตตาจากร่างบางเพราะมีบุตรชายที่ติดเขามากจนนางเอ่ยอนุญาต และตอบแทนที่เขาได้ช่วยชีวิตบุตรชายเอาไว้ นางยอมถอยให้เขาเพราะสงสารผู้เป็นบุตรชายที่ดูจะดีใจมากเมื่อมีบิดาดังเช่นเด็กคนอื่น นางยอมให้เขาเป็นบิดาของบุตร แต่นางยังไม่ยอมรับว่าเขาเป็นสามีของนาง ยังทำราวกับว่าเขานั้นเป็นคนอื่น แม่ทัพใหญ่เช่นเขากลับถูกไล่ให้มาซุกหัวนอนอยู่ในโรงเก็บฟืนที่มีเพียงแคร่ไม้ไผ่และผ้าห่มหนึ่งผืนหมอนหนึ่งใบจากเจ้าของบ้าน แต่แค่นี้ก็ถือว่านางเมตตาเขามากแล้วหลายวันมานี้แม่ทัพเซียวไป๋ซานผู้ทระนงองอาจ กลับทำตัวดีว่านอนสอนง่ายมาตลอด ตามงอนง้อขอนางคืนดี แต่นางก็ใจแข็งเหลือเกิน แม้จะสารภาพผิดและบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้นางฟัง บอกถึงความในใจที่อยากจะบอกนางตลอด บอกรักนางแทบจะสามเวลา รวมถึงเรื่องราวของเขาในอดีตและสิ่งที่มารดาของเขากระทำ และเขากับมารดานาง
"เสี่ยวถาน เสี่ยวถานอยู่ไหน"ร่างบางที่เอ่ยเรียกบ่าวรับใช้คนสนิทด้วยเสียงแหบเครือ ทำราวกับว่าบุรุษตรงหน้าไม่มีตัวตน นางไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายอีกฝ่ายแม้เพียงครึ่งคำ นางไม่อยากจะคิดอะไรหรือว่าคุยกับใครทั้งนั้น แม้หัวใจของนางตอนนี้จะเต้นกระหน่ำเพียงใดก็ตาม"คุณหนู คุณหนูฟื้นแล้ว บ่าวอยู่นี่เจ้าค่ะ"เสี่ยวถานที่รีบวิ่งเข้ามาหาคุณหนูของนางด้วยรอยยิ้มกว้าง เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางรู้สึกตัวแล้วหลังจากที่สลบไสลไม่ได้สติไปถึงสองวันเต็มๆ ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะเลือนหายไป เมื่อสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดภายในห้อง"ข้าหิวน้ำ"อวี๋เฟิ่งที่เอ่ยบอกบ่าวคนสนิท เสี่ยวถานที่หันไปมองใบหน้าหม่นเศร้าของท่านแม่ทัพก็พอจะเข้าใจสถานการณ์ เดินตัวลีบไปรินน้ำมาให้ผู้เป็นนาย ที่รับน้ำมาดื่มอย่างกระหาย หลังจากนั้นก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ทุกคน"ออกไปได้แล้ว ข้าอยากพักผ่อน"ร่างบางที่เอ่ยขึ้นอย่างเหนื่อยล้าหลับตาลงทันที โดยไม่สนใจที่จะพูดคุยกับใครทั้งนั้น หลังจากนั้นนางก็เผลอหลับไปจริงๆ อย่างอ่อนเพลีย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงไออุ่นที่ซุกอยู่ตรงทรวงอกอิ่ม ริมฝีปากที่ตอนนี้กลับมาชุ่มชื่นอีกครั้งพลันยกยิ้มขึ้