LOGIN
ท่ามกลางเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เด็กสาวค่อยๆ เดินตัวลีบลงมาจากชั้นบนอย่างกล้าๆ กลัวๆ สายตามองฝ่าความมืดสลัวที่ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ในมือเล็กมีเพียงโทรศัพท์ที่คอยให้แสงสว่างนำทางขณะที่เดินลงมาจากบันไดเท่านั้น เธอหันซ้ายหันขวาขณะที่เดินมาถึงห้องโถงใหญ่ตรงกลางบ้าน
เด็กสาวสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจกลัวเมื่อได้ยินเสียงร้องครวญครางของผู้หญิงที่ดังแข่งกับเสียงฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก เสียงนั้นดังมาจากมุมหนึ่งของห้องรับแขกที่อยู่ไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่นัก
“เสียงร้องโหยหวนชวนสยองแบบนี้ หรือว่าจะเป็น.. ฮื้อออ อย่ามาหลอกหลอนหนูเลย พรุ่งนี้หนูจะไปตักบาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้นะคะ หนูแค่จะลงมาหยิบน้ำดื่มเท่านั้นเอง” ลีอายกมือขึ้นมาพนมมือไหว้ก่อนจะท่องนะโมออกมาผิดๆ ถูกๆ
เด็กสาวยังคงยืนตัวแข็งขาสั่นด้วยความกลัวขณะที่เงี่ยหูฟังอยู่นานแต่ก็ต้องรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยของผู้หญิงและผู้ชายที่ดังผสมออกมา หลังจากตั้งใจฟังอยู่นานเธอจึงรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีค่อยๆ เดินตามเสียงไป ขณะที่มือเล็กก็ถือโทรศัพท์ยกขึ้นส่องนำทางไปด้วย
ภาพตรงหน้าที่เห็นที่เห็นคือชายหญิงที่กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงและกำลังทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันอย่างดุเดือด สิ่งที่เห็นทำให้เธอตกตะลึงยืนมองดูภาพเหล่านั้นตัวแข็งทื่อ ขณะที่หัวใจดวงน้อยแทบหยุดเต้นเมื่อเห็นทุกท่วงท่าที่ขยับเข้าออกจากชายหนุ่มที่คร่อมบนตัวของหญิงสาวที่นอนอยู่
แสงไฟจากโทรศัพท์ทำให้ชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองดูเธอ ทั้งคู่จ้องมองกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เด็กสาวจะเริ่มมีสติ เธอรีบยกมือมาขึ้นปิดแสงไฟที่สว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ ก่อนจะรีบยัดมันลงใส่ในกระเป๋ากางเกงด้วยความร้อนรน เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาตามกรอบหน้าขณะที่สายตาเหมือนถูกตรึงให้หยุดนิ่งมองภาพเบื้องหน้า ทั้งที่เธออยากเดินหนีออกไปจากตรงนี้ใจจะขาดแต่แข้งขากลับไม่มีเรี่ยวแรง
“อ๊าา แรงอีก อ๊ะๆๆ เสียวจังเลย อ๊า ชิน”
“อา.. มิล่า”
ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปากขณะที่สายตามองดูเด็กสาวที่ยืนตัวแข็งจ้องมองดูพวกเขาท่ามกลางความมืดสลัว เขาจงใจอุ้มหญิงสาวที่ร้องครวญครางขึ้นมาขณะที่ช่วงล่างยังเชื่อมต่อกันอยู่ มือทั้งสองข้างอุ้มกระเตงร่างบางไว้ขณะที่เรียวขาของเธอเกี่ยวตวัดรอบเอวหนาไว้แน่น ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้เด็กสาวที่ทรุดตัวลงนั่งกองกับพื้นขณะที่เธอเอามือปิดปากตัวเองไว้แน่น มือหนาขยับสะโพกกลมกลึงกระแทกเข้าออกแรงๆ ขณะที่สายตาเขามองจ้องหน้าเด็กสาวตรงหน้าไม่กระพริบตา
“อ๊า ชิน จะไม่ไหวแล้ว อ๊าา”
“ซี๊ดด จะแตกแล้ว พร้อมกันนะ” ชายหนุ่มกระซิบเสียงแหบพร่าก่อนจะกระแทกกระทั้นสะโพกเข้าออกเร็วขึ้น สักพักร่างเล็กก็เกร็งกระตุกถี่ๆ เธอร้องครางออกมาเสียงดังพร้อมๆ กับท่อนเอ็นที่ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมา
ชายหนุ่มหอบหายใจออกมาหนักๆ ขณะที่กอดร่างบางไว้แน่น แต่สายตากลับจ้องหน้าเด็กสาวที่พยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก
“อึก..” ลีอากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ขณะที่มองสบสายตากับชายหนุ่มตรงหน้า เธอรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นก่อนจะเดินถอยหลังออกไปช้าๆ ก่อนจะวิ่งหายขึ้นไปชั้นสองของบ้านทันที
เด็กสาวไม่รู้ว่าตัวเองสะดุดหกล้มไปกี่ครั้งขณะที่วิ่งกลับขึ้นมาชั้นบน พอเดินมาถึงห้องนอนร่างกายก็เปียกชุ่มไปด้วยเม็ดเหงื่อพร้อมๆ กับหัวใจที่เต้นเร็วแรงอย่างกับจะทะลุออกมาจากอก สายตามองดูแม่ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง มือเล็กค่อยๆ วางโทรศัพท์มือถือลงบนเตียงก่อนจะยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดตาตัวเองไว้แน่น
“ไอ้ผู้ชายลามก! วิปริต!” ทั้งๆ ที่เขาเห็นฉันยืนมองดูอยู่แต่กลับทำแบบนั้นได้อย่างหน้าตาเฉย ทุเรศที่สุด
ภาพและเสียงยังติดตาติดหูอยู่เลย แถมร่างกายก็ยังมารู้สึกแปลกกับภาพที่เห็นเข้าไปอีก ทำไมมันร้อนวูบวาบไปหมดแถมยังรู้สึกทรมานตรงนั้นด้วย เธอล้วงมือเข้าไปสัมผัสร่องเล็กที่เริ่มเปียกแฉะไปด้วยน้ำลื่นๆ ยิ่งขยับนิ้วบดคลึงมันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกเสียวจนต้องร้องครางออกมาเบาๆ ร่างเล็กนอนขดตัวสั่นขณะที่ช่วยตัวเองไปเรื่อยๆ ก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความง่วง
เด็กสาวกระพริบตาปริบๆ ขณะที่เงยหน้าขึ้นมามองดูรอบๆ ห้อง แสงสว่างที่ส่องกระทบตาทำให้รู้ว่าตอนนี้เช้าแล้ว เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อหันไปมองข้างๆ แต่พบเพียงที่นอนที่ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าแม่ลุกออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เธอจะรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนและเดินเข้าห้องน้ำไป พอนึกทบทวนเรื่องเมื่อคืนหัวใจของเธอก็เหมือนจะหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เด็กสาวรีบอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะรีบเดินลงไปข้างล่าง
เสียงพุดคุยที่ดังจากในห้องรับแขกทำให้เธอรีบก้าวเท้าเข้าไปใกล้ๆ สายตามองดูแม่กับน้าแคทที่กำลังพูดคุยกันอย่างออกรสออกชาติเพราะทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมานานหลายเดือนแล้ว เด็กสาวเดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ แม่ของเธอ
“ลีอา หิวข้าวหรือยังลูก น้าให้แม่บ้านทำอาหารเช้าไว้แล้ว” วิกานดาเอ่ยทักบุตรสาวของเพื่อนสนิท
“ขอโทษนะคะที่หนูตื่นสาย” ลีอายิ้มเจื่อนๆ วันนี้เธอตื่นนอนสายกว่าปกติมากจนอดรู้สึกเขินๆ ไม่ได้แถมที่นี่ก็ยังไม่ใช่บ้านของเธอเองด้วย
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เมื่อคืนหนูหลับสนิทไหมจ๊ะ”
“ค่ะ เอ่อ..แม่คะ น้าแคทคะ หนูขอตัวไปทานข้าวก่อนนะคะ”
“ไปสิลูก เดี๋ยวสายๆ เราค่อยเข้าไปดูบ้านใหม่กัน” พิมพ์มาดายิ้มตอบลูกสาว
ลีอาพยักหน้าตอบก่อนจะรีบเดินไปที่ห้องรับประทานอาหาร เด็กสาวเดินเข้าไปหย่อนตัวลงนั่งที่โต๊ะทานข้าว สายตามองดูแม่บ้านที่เดินยิ้มแย้มเข้ามาทักทายก่อนเดินไปตักข้าวต้มกุ้งร้อนๆ ออกมาวางไว้บนโต๊ะ ลีอาพูดคุยทักทายกับเธอก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มขึ้นมาทาน บรรยากาศบนโต๊ะอาหารที่มีคนมาค่อยบริการให้แบบนี้เป็นอะไรที่ไม่คุ้นชินสำหรับเธอเลย
เธอมาพักอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานเพราะแม่เพิ่งจะได้งานใหม่ทำและที่ทำงานใหม่ก็เป็นบริษัทของสามีน้าแคทเพื่อนสนิทของแม่
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้และเสียงพูดคุยของผู้หญิงและผู้ชายที่ฟังคุ้นหูทำให้เด็กสาวรีบเงยหน้าขึ้นมามองดู พอเห็นหน้าตาของชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในห้องก็ทำให้เด็กสาวที่นั่งทานข้าวอยู่สำลักข้าวต้มจนหน้าดำหน้าแดงก่อนจะรีบหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ลีอาหลุบสายตาลงมองชามข้าวต้มก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติตามเดิมทั้งๆ ที่หัวใจเต้นโครมครามจนแทบจะหลุดออกมาข้างนอกอก
“คุณชิน คุณมิล่า ทานข้าวเลยไหมคะ วันนี้มีข้าวต้มกุ้งค่ะ หรือจะรับเป็นอย่างอื่นดีคะ” พี่มณีแม่บ้านรีบเดินเข้ามาหาและยิ้มทักทายพวกเขาทั้งคู่
“ขอข้าวต้มก็แล้วกัน เด็กผู้หญิงคนนี้ใคร” เตชินท์หันมามองเด็กสาวที่นั่งเงียบๆ เธอแทบไม่เงยหน้าขึ้นมาสบสายตาเขา
“ฉันก็เอาข้าวต้มแล้วขอน้ำส้มคั้นสองแก้วด้วยนะ” มิล่าหันไปพูดกับแม่บ้านเสร็จก่อนหันมายิ้มหวานส่งให้เขา
“ชินเพิ่งเจอน้องนี่นา นี่น้องลีอา ลูกสาวอาพิมพ์เพื่อนสนิทของแม่” มิล่าหันมายิ้มให้เด็กสาวที่เงยหน้าขึ้นมายิ้มตอบเธอ ก่อนที่หล่อนจะก้มหน้าลงทานข้าวต้มเงียบๆ ตามเดิม
“ดูไม่มีมารยาทเลยนะ ไม่มีคนสอนเหรอว่าเจอคนอายุมากกว่าต้องทำยังไง” ชินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่น้ำเสียงเย็นชาที่พูดออกมาทำให้เด็กสาวได้แต่นั่งตัวแข็งทื่อ ใบหน้าซีดเผือดจนแทบไม่มีสีเลือด ชายหนุ่มจงใจเดินเข้ามานั่งเก้าอี้ที่อยู่ตรงกันข้ามกับเธอ สายตาคมกริบจ้องใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาวตรงหน้าเขม็ง
พอได้ยินคำพูดของเขาถึงกับทำเอาคนตัวเล็กชะงักคอแข็ง ริมฝีปากเล็กเม้มเข้าหากันแน่นก่อนจะเงยขึ้นมามองผู้ชายตรงหน้าด้วยสายตาไม่พอใจ
“สวัสดีค่ะ” ลีอาจำใจเอ่ยทักเขาตามมารยาท
“ลีอา นี่พี่ชินนะจ้ะ”
ลีอาแทบจะสำลักข้าวต้มอีกรอบขณะที่เหลือบสายตาขึ้นมองคนทั้งคู่แวบหนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้าตอบมิล่าที่ยังพูดคุยอย่างอารมณ์ดีกับเธอตามปกติโดยที่ไม่รู้เลยว่าเมื่อคืนเด็กสาวอย่างเธอไปเห็นเรื่องคาวๆ ของพวกเขาทั้งคู่เข้าโดยบังเอิญ ลีอาชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร แม้การกระทำของเธอจะดูเสียมารยาทแต่การจะให้เธอนั่งทนมองดูพวกเขาก็ทำให้เธอรู้สึกพะอืดพะอมจนอยากจะอ้วกอาหารที่เพิ่งทานลงไปออกมา
“พี่มิล่าคะ หนูอิ่มพอดีขอตัวก่อนนะคะ” ลีอายิ้มน้อยๆ ตอบเธอก่อนจะเดินเลี่ยงออกจากห้องอาหาร พอเท้าก้าวพ้นประตูห้องออกมา เธอก็พ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เหลือเชื่อ..พวกเขาเป็นพี่น้องกันถึงแม้จะคนละสายเลือดก็เถอะแต่กล้าทำเรื่องแบบนี้ไปได้ยังไง ฉันคิดในใจก่อนจะรีบเดินขึ้นไปชั้นบนทันที ช่างเถอะมันเรื่องของพวกเขาและมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันด้วยซ้ำ เดี๋ยวฉันก็ได้ออกจากที่นี่แล้วและต่อไปนี้ก็คงจะไม่ได้เจอพวกเขาอีก พอคิดได้แบบนั้นฉันก็รีบเก็บข้าวของทุกอย่างลงในกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตัวเองทันที
เสียงเคาะประตูห้องที่ดังรัวๆ ทำให้ลีอาสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบหันไปมองที่ประตูห้อง ในใจก็คิดว่าแม่คงขึ้นมาตามแล้ว เด็กสาวรีบเดินไปที่ประตูห้อง มือเล็กเอื้อมไปจับลูกบิดประตูให้เปิดออก
“แม่รอแป๊บนะ หนูกำลังจะ.. นาย! เอ่อ..พี่ชินมีอะไรหรือเปล่าคะ” ลีอาเบิกตากว้างขึ้นมองผู้ชายร่างสูงตรงหน้าด้วยความตกใจ ปากก็พูดถามออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ฉันมาเตือนเธอ ยัยเด็กโรคจิตแก่แดด เรื่องเมื่อคืนถ้าเธอเอาไปพูดบอกใครละก็เธอไม่รอดแน่ เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” ชินชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ ด้วยท่าทางคุกคามและสายตาไม่เป็นมิตรขณะจ้องมองเด็กสาวตรงหน้าเขม็ง
“สบายใจได้ค่ะ เรื่องทุเรศๆ ของพวกพี่ หนูคงไม่กล้าเอาไปพูดให้ใครฟังหรอก มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหมคะ” เธอพูดจบพร้อมกับดึงประตูจะปิดแต่ก็ต้องชะงักเมื่อฝ่ามือของชายหนุ่มดันบานประตูไว้ก่อนจะผลักให้บานประตูเปิดออก
“ปากดีจัง เมื่อคืนตอนที่เห็นแบบนั้นรู้สึกยังไงบ้าง เธอคงชอบอะดิเห็นมองอยู่ได้ตั้งนานสองนาน” ชินเอื้อมมือขึ้นมาจับแก้มที่แดงระเรื่อของเด็กสาวตรงหน้า มือเล็กปัดฝ่ามือเขาออกอย่างนึกรังเกียจกับท่าทางคุกคามของเขา
“มะไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น เมื่อคืนหนูแค่จะลงไปเอาน้ำดื่มแล้วบังเอิญไปเห็น.. เอ่อ..แล้วตอนนั้นหนูก็แค่ตกใจเท่านั้นเอง พี่สบายใจเถอะหนูจะไม่เอาเรื่องพวกพี่ไปพูดแน่นอน หนูสัญญา ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหมหนูจะได้เก็บของต่อ” ลีอาพูดเสียงสั่นขณะเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ หัวใจเต้นแรงขึ้นเมื่อสบสายตาคมกริบที่มองจ้องเธอไม่กระพริบตา
“อ้าว! เราทั้งคู่รู้จักกันแล้วเหรอ” พิมพ์มาดาเอ่ยทักด้วยความประหลาดใจ
ชายหนุ่มขยับตัวออกห่างจากประตูห้อง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อหันไปมองดูพิมพ์มาดาที่เดินยิ้มเข้ามาใกล้ๆ
“ครับคุณอา ผมเจอน้องที่ห้องอาหารเมื่อกี้”
“ใช่ค่ะแม่ เอ่อ..หนูเก็บของใกล้เสร็จแล้ว รอแป๊บนะคะ” ลีอาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะรีบเดินกลับไปเก็บของต่อ
“เชิญคุณอาตามสบายนะครับ ผมขอตัวก่อน” ชินพูดพลางยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป
“จ้ะ” พิมพ์มาดายิ้มตอบ สายตามองตามหลังเด็กหนุ่มที่เดินผ่านไป
“เฮ้ออ..ยิ่งโตก็ยิ่งหล่อไม่เจอแป๊บเดียวโตเป็นหนุ่มขนาดนี้แล้ว ลูกคิดเหมือนแม่ไหม? ลีอา! ยังไม่ต้องรีบเก็บของหรอกลูก เย็นนี้เราจะพักที่บ้านน้าแคทอีกคืน บ้านเช่าที่เราจะไปดูเจ้าของเขาเลื่อนนัดไปวันพรุ่งนี้”
“ต้องอยู่ที่นี่อีกคืนเหรอคะ!”
“ใช่จ้ะ ตอนเย็นมีงานเลี้ยงกันนิดหน่อยด้วย ทำไมหนูทำหน้าแบบนั้นล่ะลูก”
“ไม่มีอะไร คือ..หนูรู้สึกปวดท้องนิดหน่อยถ้าตอนเย็นไม่ได้ไปร่วมงานด้วยคงไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ”
“ปวดท้อง? ”
“เอ่อ..ท้องเสียนิดหน่อยค่ะ แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หนูทานยาไปเรียบร้อยแล้ว”
ฉันรู้สึกผิดเหมือนกันที่โกหกแม่ไปแบบนี้ แต่ฉันไม่อยากเจอหน้าผู้ชายคนนี้อีก ถ้ามีงานแบบนี้ทั้งเขาและพี่มิล่าก็คงอยู่ด้วย หาทางไหนเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงไปก่อนก็ดี
ฉันนั่งมองดูกิจกรรมรอบกองไฟที่ดำเนินไปเรื่อยๆ มีพวกเกมต่างๆ ให้รุ่นน้องรุ่นพี่ได้ทำร่วมกัน ทุกคนดูสนุกสนานและผ่อนคลาย เป็นการหลวมละลายพฤติกรรมและสร้างความสนิทสนมกลมเกลียวของรุ่นพี่รุ่นน้องในคณะได้เป็นอย่างดี ปราศจากการรับน้องรุนแรงเหมือนที่ฉันเคยเห็นตาตามโซเชียลต่างๆ นับว่ากิจกรรมเข้าค่ายในครั้งนี้ได้บรรลุจุดประสงค์ของมันแล้ว ตอนนี้ก็ผ่านมาเกือบสามชั่วโมงเต็มหลังจากจบกิจกรรมช่วงเวลาสุดท้ายที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงนั่นก็คือการสังสรรค์ดื่มกินกันตามอัธยาศัยตอนแรกฉันรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ไม่สุขเมื่อเห็นพวกเพื่อนๆ ของเตชินทร์เข้ามารวมกลุ่มทำกิจกรรมด้วย แต่พอผ่านไปสักพักก็ยังไม่เห็นวี่แววแม้แต่เงาของคนที่ฉันไม่อยากเจอ เตชินทร์คงอยู่กับพี่มิล่าเพราะในกลุ่มเพื่อนสนิทของพวกเขาขาดแค่สองคนนี้เท่านั้น พอคิดได้แบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นมากความง่วงทำให้ฉันเหลือบมองเวลาบ่อยครั้งและเวลาตอนนี้ก็เกือบสี่ทุ่มครึ่งแล้ว แต่ละคนก็เริ่มมีอาการมึนเมารวมถึงกลุ่มเพื่อนๆ ของฉันด้วยเหมือนกัน เพราะฉันคออ่อนถึงได้ไม่ดื่มเบียร์มากเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะประสบการณ์ที่ผ
Rrrrrr.. Rrrrrr..เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นไม่หยุดทำให้ลีอาละความสนใจจากพวกอาหารที่เพิ่งยกมาวางไว้บนโต๊ะ ทันทีที่รู้ว่าใครโทรมาหัวใจดวงน้อยก็กระตุกสั่นไหวด้วยความตื่นกลัว มือก็เผลอกดตัดสายทิ้งอัตโนมัติ เสียงโทรศัพท์เงียบหายไปได้สักพักแต่กลับมีข้อความส่งเข้ามาในเครื่องแทน‘ถ้าโทรไปอีกครั้งไม่รับสาย คงรู้แล้วใช่ไหมว่าจะโดนอะไรบ้าง’“ไอ้คนบ้า!” ฉันสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ มือทั้งสองข้างกำโทรศัพท์ในมือไว้แน่น ดวงตากลมโตแลมองไปรอบๆ ก็เห็นเตชินทร์ที่ยืนมองมาทางฉันเขม็งยังไม่ทันคิดว่าจะทำยังไงดีเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นรัวๆ ฉันมองโทรศัพท์ในมืออย่างลังเลแต่ก็กดตัดสายทิ้งไปในที่สุดพลางหันไปมองหน้าใยไหมที่มองการกระทำของฉันด้วยความสงสัยผู้ชายร้ายกาจที่ยืนมองอย่างสงบนิ่งอยู่เริ่มขยับตัวเดินตรงดิ่งมาหา ฉันไม่ได้เดินหนีไปไหนได้แต่ยืนนิ่งๆ ทำงานของตัวเองไป พยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดแม้ในใจจะอดหวาดหวั่นไม่ได้ เดินหนีดูออกจะอันตรายเกินไปถ้าเกิดอยู่ในที่ปลอดค
พอถึงเวลาบ่ายสองโมงครึ่งพวกรุ่นพี่ปีสองและปีสามก็ให้รุ่นน้องปีหนึ่งมารวมกลุ่มกันตรงลานด้านหลังของโรงแรม รุ่นพี่ชายหญิงหลายคนกำลังพูดสั่งงานรุ่นน้องปีหนึ่งอยู่ตรงหน้าแถว“พวกน้องผู้ชายไปเตรียมงานที่ชายหาดนะคะ ส่วนพวกน้องผู้หญิงก็ช่วยกันเตรียมพวกอาหารเครื่องดื่มสำหรับกิจกรรมรอบกองไฟริมชายหาดค่ำนี้นะคะ” เสียงหวานใสของรุ่นพี่ปีสองพูดปิดท้ายก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเองเพื่อนทุกคนรู้แล้วว่าฉันกับกราฟฟิกตกลงคบกัน จะมีก็แต่ใยไหมกับพิชชี่ที่ทั้งแปลกใจระคนสงสัยแต่ก็ไม่ตื๊อถามอะไรมาก จากสีหน้าที่แสดงออกของพวกเธอทั้งสองคนดูจะไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ว่าฉันจะคบกับกราฟฟิกจริงๆ ที่พวกเธอทั้งคู่ไม่เชื่อก็ไม่น่าแปลกใจหรอกเพราะพิชชี่เคยถามฉันมาก่อนหน้านี้แล้ว และฉันก็บอกเธอไปว่าไม่ได้คิดอะไรกับกราฟฟิกแบบนั้นฉันกับกราฟฟิกไม่ได้คิดจะปิดบังอะไร กลับยิ่งอยากเปิดเผยให้เพื่อนๆ และคนอื่นรับรู้ด้วยซ้ำว่าเราทั้งคู่คบกันเล่นละครก็ควรจะให้มันสมจริงสมจังที่สุดถึงจะตบตาใครต่อใครได้สนิท.. 
“เชิญครับ” กราฟฟิกเอ่ยบอก สายตาเหลือบมองใบหน้าของรุ่นพี่ปีสามและสาวสวยที่หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงกันข้ามที่ว่างอยู่เตชินทร์ปรายสายตามองใบหน้าเรียบเฉยของคนตัวเล็กที่นั่งก้มหน้าก้มตากินขนมในจานของตัวเองเงียบๆ ท่าทางเฉยเมยนั้นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ดวงตาคมเข้มมองจ้องหน้ารุ่นน้องหนุ่มที่ส่งยิ้มมาให้ตามมารยาทในใจเขารู้สึกไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกนั้นออกมา ดวงตาคมเข้มยังคงมองจ้องลีอาไม่ละสายตา“พี่ชินมาด้วยเหรอครับ แล้วพวกรุ่นพี่คนอื่นๆ มาด้วยไหม”“มาสิ แต่อยู่ที่โรงแรม ..เรามากันแค่สองคนเหรอ” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอก ดวงตาคมเข้มจับจ้องใบหน้าหวานและริมฝีปากสีแดงธรรมชาติที่เม้มเข้าหากันแน่นสนิท เตชินทร์ไม่ได้สนใจว่ามิล่าที่นั่งอยู่ข้างๆ จะตวัดสายตาขึ้นมองดูเขาด้วยความรู้สึกยังไง ถึงเธอจะรู้สึกยังไงมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขามิล่ามองตามสายตาของเตชินทร์ ถึงจะไม่ชอบใจที่เขาให้ความสนใจลีอาเป็นพิเศษ แต่เธอก็ไม่อยากแสดงอาการหึงหวงไม่พอใจนั้นอ
ผมจัดการถอดกางเกงและบ็อกเซอร์ออกอย่างรวดเร็ว ลูกรักผมมันตื่นตั้งแต่เห็นก้นขาวๆ ของลีอาแล้ว มือทั้งสองจับเรียวขาคู่งามแยกกว้างจนเห็นกลีบเนื้ออวบอูมที่แย้มบานออกจากกัน ส่งนิ้วร้อนออกไปลูบคลำบดคลึงเม็ดเล็กเหนือร่องเล็กสีหวานเล่นช้าๆ บดคลึงจุดเสียวนั้นเล่นย้ำๆ สายตามมองดูสะโพกกลมมนนั้นบิดเร่าสู้นิ้วมือ ร่างกายเธอมันซื่อสัตย์กว่าเจ้าของมันเสียอีก ผมยกยิ้มมุมปากอย่างพอใจเมื่อเห็นน้ำหวานไหลเยิ้มออกมาจนกลีบเนื้อบางมันวาว อดใจไม่ไหวก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปลิ้มชิมความหวานซ่านลิ้นนั้นอย่างกระหายอยาก ยิ่งร่างบางดิ้นพล่านหนักผมก็ยิ่งตะโบมดูดเลียมันแรงขึ้น“อ๊า” ริมฝีปากเล็กสกัดกั้นอารมณ์ซ่านเสียวเอาไว้ไม่อยู่ สะโพกกลมมนยกลอยเด่นขึ้น ขยับเข้าหาลิ้นร้อนอย่างร่านร้อนผมรับรู้ถึงแรงบีบรัดจากภายใน ลิ้นร้อนดูดเลียน้ำหวานจากร่องเล็กจนหมด ลีอาใกล้เสร็จแล้วแต่ผมไม่ยอมให้เธอเสร็จง่ายๆ แน่ ผมจับแก่นกายที่แข็งผงาดจนปวดหนึบขึ้นมาชักรูดเบาๆ จับมันจ่อลงปากทางเข้า ถูไถสัมผัสความนุ่มลื่น ยั้งใจไม่กระแทกมันเข้าไปเร็วนัก ค่อยๆ สอดใส่มันเข้าไปแค่ส่วนหัวและชักออกท
ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและหยุดยืนอยู่หน้ากระจกเพื่อสำรวจใบหน้าของตัวเองอยู่ครู่หนึ่ง เพราะผิวที่ขาวจัดมันทำให้เห็นรอยแดงชัด ขืนฉันออกไปเจอเพื่อนๆ ในสภาพแบบนี้คงไม่ดีแน่ พิชชี่กับใยไหมต้องซักไซ้ถามไม่หยุดว่าหน้าฉันไปโดนอะไรมา สายตามองดูรอยแดงเป็นริ้วจางๆ บนใบหน้าตัวเอง พอใช้แป้งพัฟเด็กทาทับลงไปบนรอยแดงพวกนั้นก็ยังเห็นชัดอยู่ดี ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด มือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาพิชชี่ว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายจะไม่เข้าเรียนวิชานี้และจะกลับบ้านเลย เราส่งข้อความคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ฉันจะเดินออกมาจากในห้องน้ำฉันนั่งรถแท็กซี่กลับมาบ้านอย่างคนที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เดินเข้าไปในห้องครัวหยิบก้อนน้ำแข็งในช่องพรีซมาใส่ชามใบเล็กก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบน พอเปิดประตูเข้าไปในห้องก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กขึ้นมาห่อก้อนน้ำแข็งไว้แล้วเอามันมาประคบแก้มข้างซ้ายไว้เพื่อจะให้รอยแดงมันจางลงไวๆ ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรกับรอยเล็กน้อยแค่นี้แต่รู้สึกเจ็บใจมากกว่า แต่น่าแปลกที่ไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยดแต่ลึกๆ กลับรู้สึกโล่งใจมากกว่าแทนเตชินทร์ไม่ได้โทรมาหลังจากเกิดเรื่อง เขาดูแคร์พี







