LOGINและนั่นเป็นสาเหตุที่เธอรับงานเอ็นฯ ระดับอินเตอร์ไกลถึงเกาะฮ่องกง รู้สึกตื่นเต้นและตกใจ ทำตัวไม่ถูกมันมีหลากหลายความรู้สึก ภาษาจีนที่เรียนก็ยังไม่ถึงครึ่งแต่ก็อุ่นใจเพราะมีแอปแปลภาษาน่าจะช่วยได้พอสมควร และยังพกหนังสือสนทนาชีวิตประจำวันไปด้วย ส่วนภาษาอังกฤษก็ได้บ้างประโยคง่าย ๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า ตอนแรกพี่แขหมายจะเดินทางมาส่งเธอถึงที่นี่ แต่ติดธุระด่วนเรื่องสามีสุดท้ายจึงเดินทางมาคนเดียว
ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกงเวลา 13.30 น.
“แล้วใครจะมารับฉันเนี่ยรอเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไม่เห็นมีใครมารับเลย” มุกรดาบ่นพึมพำเดินสำรวจแถวฝั่งผู้โดยสารขาออกแต่ก็ไร้วี่แวว
“ถ้าป้ายเขียนชื่อน้ำหวานเธอก็น่าจะเห็นสิ” มุกรดาเริ่มใจคอไม่ดีรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมากท่ามกลางภาษาและวัฒนธรรมที่แตกต่าง ความกลัวกำลังคืบคลานเข้ามาในหัวใจดวงน้อยแววตาเต็มไปด้วยอาการหวาดหวั่น
แดนนี่บอดีการ์ดหนุ่มสวมแว่นตาดำยืนถือป้ายเขียนชื่อ น้ำหวาน เป็นภาษาไทยติดหราอยู่บนนั้น ในมือถือรูปน้ำหวานไปด้วยคอยชะเง้อมองหาคนที่หน้าตาคล้ายคนในรูปซึ่งทางเมืองไทยแจ้งมาว่าหญิงสาวสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนกางเกงยีน รองเท้าบูตสั้นสีดำ สวมเสื้อสูทสีครีมทับ ผมยาวสลวยสีน้ำตาลเข้มดัดลอนแต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววว่าจะมีคนหน้าละม้ายคล้ายคนในรูป
และวันนี้อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจระหว่างที่มุกรดานั่งบนเครื่องบินพนักงานต้อนรับดันซุ่มซ่ามพลาดท่าทำน้ำส้มหกใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าที่เธอสวมใส่ ทำให้ต้องเปลี่ยนเสื้อกะทันหันเพราะมันเหนียวเนอะไปหมด ซ้ำร้ายวันนี้เป็นวันที่เหล่าแฟนคลับไอดอลต่างประเทศต่างมารอรับศิลปินในดวงใจกันอย่างล้นหลามทำให้ผู้คนพลุกพล่านกว่าปกติละลานตาไปหมด
“คนไหนวะ ไม่เห็นมีใครเดินมาหาเลย ผู้หญิงที่ใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าสวมสูทสีครีม” แดนนี่ถอนหายใจสายตาสอดส่ายไปทั่วสนามบินนานาชาติ
“เอาไงดีวะ” แดนนี่ต่อสายตรงถึงชุนไห่บอกเพื่อนบอดีการ์ดว่าไม่มีวี่แววของผู้หญิงที่ชื่อน้ำหวาน ชุนไห่จึงให้แดนนี่คอยอยู่ที่นั่นจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่พบจริง ๆ
มุกรดาเป็นกังวลอย่างมากใจคอไม่สู้ดีพยายามมองหาคนที่ยืนถือป้ายชื่อน้ำหวานแต่ด้วยมวลมหาชนล้นหลามแถมวิ่งกรูกันไปมาทำให้ตัวเธอพลัดหลงทั้งโดนผลักโดนเบียดจนล้มไม่เป็นท่าพยายามยันกายลุกขึ้นแต่ก็แสนทุลักทุเล
“โอ๊ย อะไรกันนี่ทำไมคนเยอะจัง” มุกรดาบ่นพึมพำ
เมื่อทรงตัวได้แล้วจึงเดินไปนั่งตรงม้านั่งผู้โดยสารหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่องเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตแต่ดันไม่มีสัญญาณเพราะยังไม่ได้เชื่อมต่อบริการในพื้นที่
“ให้มันได้อย่างนี้สิ เอาไงดีวะ นายจะด่าไหม” แดนนี่บ่นพึมพำตัดสินใจเดินสำรวจตามหาผู้หญิงหน้าคล้ายคนในรูปที่ตนเองกำแน่นอยู่ในมือ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ดังระรัวอยู่ในกระเป๋าเสื้อสูท เขารีบกดรับทันทีพลางกรอกเสียงพูดคุยกับทางปลายสาย
[สินค้าถูกเปลี่ยน ฉันจะส่งชื่อ และรูปภาพของผู้หญิงคนใหม่ รวมถึงพอร์ตให้เดี๋ยวนี้] แดนนี่กดปิดสายทันทีพร้อมไฟล์หนึ่งเด้งเข้ามาในโทรศัพท์ก่อนจะสบถออกมา
“ให้ตายเถอะ จะเปลี่ยนสินค้าทำไมไม่แจ้งล่วงหน้าวะ”
“มุก-ระ-ดา” แดนนี่ส่ายหัวบ่นพึมพำพลางเกาหัวแกรก ๆ อย่างจนใจมองไปรอบ ๆ อาคารผู้โดยสารได้แต่ส่ายหน้าอย่างสิ้นหวังเพราะไร้วี่แววคนที่ต้องการตัว
บอดีการ์ดทั้งสองต่างวิตกกังวลเป็นอย่างมากเพราะสินค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย ที่สำคัญคือเธอไม่สามารถสื่อสารทั้งภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลและกลัวจะถูกมิจฉาชีพหลอก ชุนไห่แจ้งให้เจ้านายตนเองรับทราบ หลี่จวิ้นหยางได้รับโทรศัพท์จากบอดีการ์ดคนสนิท ระหว่างเจรจากับลูกค้าอยู่ที่กว่างโจว ชายหนุ่มปิดมือถือทันทีเมื่อเขาเห็นข้อมูลและรูปภาพของผู้หญิงที่มาแทนน้ำหวานก่อนจะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว“มุกรดา” กรามสองข้างสบกันแน่นสีหน้าครุ่นคิดบางอย่างยากที่จะคาดเดาได้ คิ้วเข้มภายใต้คิ้วหนาขมวดเป็นปมเล็กน้อยกำลังนึกย้อนไปเมื่อหนึ่งปีก่อนกับสาวสวยเด็กเอ็นฯ ที่ชื่อ มุกรดา ชีวาวินทร์ ผู้หญิงที่กล้าขอนอนกับเขาภาพกิจกรรมเร่าร้อนโผล่เข้ามาในมโนภาพ ร่างอรชรอวบอัดเต่งมือทุกสัดส่วน ดิ้นเร่าอย่างร้อนแรงด้วยความไร้เดียงสาเพราะเป็นครั้งแรก ริมฝีปากอิ่มแดงระเรื่อด้วยพิษแอลกอฮอล์ช่างเย้ายวนเผยอเชื้อเชิญอย่างเขินอาย ความทะยานอยากพวยพุ่งจนกู่ไม่กลับภาพในคืนนั้นไหลบ่ามาเป็นฉาก ความสุขสมอิ่มเอมช่างหอมหวานแต่ก็ผ่านเลยไม่ได้ใส่ใจ… เจอกันเพียงสองหรือสามครั้งแทบจะลืมเลือน หญิงสาวถูกว่าจ้างให้มาเอ็นเตอร
มุกรดาก็เร็วอย่างกับปรอทคว้าหมับเข้าที่แขนเสื้อดึงรั้งเขาไว้เสียแน่นไม่ยอมปล่อย จนร่างอรชรถึงกับเสียหลักสะดุดขาตนเองหน้าเกือบคะมำถ้าไม่มีอ้อมแขนแข็งแรงของชายหนุ่มคว้าไว้ ทั้งคู่สบประสานสายตากันอย่างจัง ทำเอาสาวสวยมุกรดาทำตัวไม่ถูก น้ำหอมกลิ่นอ่อน ๆ ลอยปะทะไหลวนในโพรงจมูก“หอมจัง” ผู้ชายบ้าอะไรหล่อชะมัด ผิวก็ขาว ๆ ริมฝีปากก็บางสีแดงระเรื่อ หล่ออย่างกับพระเอกซีรีส์ที่เคยดู มุกรดากำลังเคลิบเคลิ้มกับความหล่อเหลา เป้าหน้าฟ้าประทานของหลี่เฉียงฮุย แต่ชายหนุ่มกลับผลักเธอออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ พร้อมกับปัดแขนเสื้อไปมาเหมือนอะไรกำลังไต่หยุบหยับอยู่บนนั้น เธอไม่ใช่เทสต์ของเขา ร่างมุกรดาถึงกับเซถลาเล็กน้อย“ฟังฉัน...ฉันจะพาเธอไปส่งสถานทูตไทยและเธอควรกลับประเทศของเธอไป เข้าใจใช่ไหม ไม่เช่นนั้นฉันจะพาเธอส่งสถานีตำรวจแทนและบอกพวกเขาว่าเธอคุกคามข่มขู่ฉัน” “อะไรนะคุกคามข่มขู่บ้าไปแล้ว อย่าเลยนะ อย่าพาฉันส่งตำรวจเลย ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะมาหางานทำที่นี่ ครอบครัวของฉันลำบากมาก พ่อก็ขาหัก แม่ก็ป่วย พี่ชายพิการติดเตียง” มุกรดาแสร้งทำเสียงเศร้าพยายามบีบเคล้นน้ำตาสุดฤทธิ์ แอบหรี่ตามองหนุ่มตี๋ตรงหน้าตอนนี
ณ ร้านกาแฟแห่งหนึ่งในย่านคนรวยใจกลางเกาะฮ่องกง หลี่เฉียงฮุยนั่งกอดอกใบหน้าเรียบนิ่งออกจะตึง ๆ เล็กน้อย พลางหรี่ตามองอย่างประเมินหญิงสาวตรงหน้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ดวงหน้าสวยใสไร้สีสันที่ลอยเด่นตรงหน้า การแต่งกายที่ไร้รสนิยม เห็นแล้วรู้สึกหงุดหงิดในอารมณ์ ระยะนี้เขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ไม่ว่าจะเรื่องของคุณปู่ และพี่ชายบุญธรรม เรื่องไร้สาระที่ท่านต้องการให้เขามีทายาทมันก่อกวนอารมณ์เขาอยู่ตอนนี้ ไหนจะหญิงสาวตรงหน้าที่นั่งทำตาละห้อยใส่เขาอีก ตั๋วเครื่องบิน พาสปอร์ต บัตรประชาชน ยันบัตรกดเงินสดยี่ห้อหนึ่ง และมือถือหน้าจอแตกอีกหนึ่งเครื่อง พร้อมกับแบงก์เงินดอลลาร์ฮ่องกงจำนวนหนึ่ง ทั้งหมดวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ “เธอต้องการอะไร” เขาพูดภาษาไทยแต่สำเนียงอาจไม่เป๊ะเหมือนเจ้าของภาษา “เอาแบบตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ห้ามตุกติก” เสียงเข้มของหลี่เฉียงฮุยทำเอามุกรดาแอบยิ้มแสดงว่าเขาอาจเปิดโอกาสให้เธอได้ต่อรอง มุกรดาสอดส่ายสายตาไปมาเห็นบอดีการ์ดมาดเข้มยืนจังก้าทางด้านหลังหนุ่มตี๋ตรงหน้า สายตาทุกคู่ต่างจับจ้องมาทางเธออย่างรอคอย พวกมาเฟียหรือเปล่านะ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างด้วย เสียงในหัวของมุกรดากำลังตีก
รถแท็กซี่ที่มุกรดาโบกมือเรียกจอดรออยู่นานเกือบสิบนาที สุดท้ายเมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่มีทีท่าจะขึ้นจึงขับออกไปทันทีเพราะการจราจรค่อนข้างติดขัดทำให้คนขับไม่รอ มุกรดาทำตาปรอยมองตามหลังรถแท็กซี่คันนั้นไป และทันใดนั้นจึงหันมาต่อว่าชายหนุ่มที่แต่งตัวดีเวอร์ยืนเก๊กทำหน้าหล่ออยู่ตรงหน้า “เพราะนายคนเดียว ไอ้หน้าปลาจรวด” เธอแอบด่าเขาเป็นภาษาไทยโดยไม่คาดคิดสักนิดว่า หนุ่มตี๋หน้าหล่อคนนี้จะเข้าใจภาษาไทย หลี่เฉียงฮุยเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาทันที ประกอบกับวันนี้เขาต้องเข้าไปธุระด่วนที่คฤหาสน์ตระกูลหลี่ เนื่องจากถูกเรียกตัวกลับจากทริปฝรั่งเศสกะทันหัน “ด่าใครไอ้หน้าปลาจรวด” เสียงเข้มแกมดุเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง “คุณ” มุกรดาร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที พลางอ้าปากค้างกะพริบตาปริบ ๆ ยิ้มแหย่ “เธอด่าฉัน” เขาเอ่ยต่อทันทีไม่ให้เธอได้ตั้งตัว “ใครจะไปรู้ว่าฟังภาษาไทยออก” มุกรดาบ่นพึมพำรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก แต่ช่วยไม่ได้เขามาเหยียบหนังสือของเธอก่อน “เอ่อ คือ นาย เอ้ย ไม่ใช่ คุณเข้าใจภาษาไทยเหรอ” มุกรดาเอ่ยอ้อมแอ้มอดที่จะถามไถ่ไม่ได้ หลี่เฉียงฮุยเบ้ปากมองเหยียดหญิงสาวตรงหน้าอย่างเปิดเผย รู้สึกน่ารำคาญและเสี
จู่ ๆ ก็มีรถแท็กซี่คันหนึ่งมาจอดอยู่ตรงหน้า คนขับลดกระจกลงเอ่ยถามเป็นภาษาจีน มุกรดาเกิดอาการสตันไปหลายนาที อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ เมื่อตั้งสติได้จึงรีบกดแอปแปลภาษาในโทรศัพท์แต่ก็ไร้ประโยชน์เพราะไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต “คือ...ฉัน...” มุกรดาพูดติดอ่างขึ้นมาทันทีทั้งภาษาจีนและภาษาอังกฤษเป็นศูนย์ในเวลาเกิดเหตุฉุกเฉิน จากสาวสวยสายสตรองที่มีความมั่นใจ เฉลียวฉลาดกลายเป็นซื่อบื้อในบัดดล รีบเปิดกระเป๋าสะพายควานหาหนังสือสื่อสารภาษาจีนที่พกติดตัวมาด้วยรีบมากจนลนลานหนังสือเล่มดังกล่าวร่วงหล่นตกพื้นจึงหมายจะก้มลงเก็บ และอะไร ๆ มันจะบังเอิญพอดีกับความว่องไวของฝีเท้าที่เร่งรีบรองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังรุ่นลิมิเตดที่มีอยู่ไม่กี่คู่ในโลก คู่นั้นดันเหยียบลงบนมือเรียวกลมกลึงและหนังสือพร้อม ๆ กันโดยมิได้นัดหมาย “โอ๊ย ไอ้บ้าเหยียบลงมาได้ยังไงวะ” และเสียงอุทานเป็นภาษาไทยก็ชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนุ่มหน้าตาดี ตาชั้นเดียว ผิวขาวสวมแว่นกันแดดสีชาปิดอำพรางใบหน้าปรายตามองรองเท้าคู่โปรดความรู้สึกเหมือนกำลังเหยียบอะไรนิ่ม ๆ แข็ง ๆ “ยกเท้าออกสิวะ เจ็บโว้ย” เสียงตะโกนเป็นภาษาไทยขึ้นมาอีกรอบคราวนี้น้ำเสียงหงุดหงิดมากกว่าเดิม เสีย
หลี่จวิ้นหยางลุกขึ้นเดินไปที่บาร์เล็ก ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งเป็นห้องที่เขาจัดไว้สำหรับคลายเครียด คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อยคิดไม่ตกกับปัญหาที่คุณปู่ยื่นให้ จัดการเทน้ำสีอำพันลงไปประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของแก้วก่อนจะยกขึ้นจรดริมฝีปากกระดกพรวดเดียวจนหมด ความขมเฝื่อนของมันไหลลงสู่ลำคอช่างอุ่นซ่านร้อนแรงพอ ๆ กับดีกรีของมันรู้สึกซาบซ่านไปทุกอณูของร่างกาย ก่อนจะต่อด้วยแก้วที่สองพร้อมกับเดินมาหยุดยืนบริเวณหน้ากระจกบานใหญ่ มือขวาถือแก้วเหล้าทรงสวยมือข้างที่เหลือล้วงกระเป๋ากางเกงรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง แต่ความเคร่งเครียดบนใบหน้าก็ไม่จางหาย สายตาทอดมองไปยังทิศเบื้องหน้าตึกสูงระฟ้าเรียงรายเป็นตับโอบรอบแผ่นน้ำที่กว้างใหญ่ไพศาล แสงแดดส่องสะท้อนระยิบระยับจับตาทัศนียภาพของที่นี่ยังคงงดงามตั้งแต่ครั้งแรกที่เดินทางมาเหยียบ “เนี่ยเหรอ ลูกชายของพงษ์เดช หน้าตาหล่อเหลาใช่เล่น แววตาดุกร้าว น่าค้นหาเสียจริง ไปอยู่กับฉันที่ฮ่องกงไหมหนุ่มน้อย ฉันจะทำให้นายเติบโตอย่างแข็งแกร่ง” เสียงของนายหลี่เจี๋ยประมุขของตระกูลหลี่ ใคร ๆ ต่างเรียกขานเขาว่าท่านประธานหลี่ หรือนายท่านหลี่ผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของฮ่องกง ทำการค้าขายกับต่า