LOGINเวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ตอนนี้เด็กๆ เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามกันแล้ว ส่วนแพนด้าน้องเล็กสุดท้องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่ขวัญและพ่อเสือ ตอนนี้เพิ่งจะเข้าเรียนมัธยมศึกษาปีที่หนึ่ง สิงโตกันยาและตุลาเรียนอยู่ห้องเดียวกัน จึงทำให้ทั้งสามสนิทสนมกันมาก เหมือนกับพี่น้องที่คลานตามกันมา
ในเวลานี้เด็กหญิงในชุดนักเรียนมอต้นถักผมเปียสองข้าง กำลังนั่งหน้างอรอพี่ชายอยู่ที่ระเบียงของบ้าน เพราะตุลาและสิงโตมักจะมาช้า และที่สำคัญตอนนี้ก็ใกล้เวลาเข้าแถวแล้วด้วย จึงทำให้เด็กเรียนอย่างกันยารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาในทันที
"อ้าว! กันยายังไม่ไปโรงเรียนเหรอลูก แล้วพวกพี่ๆ ไปไหนกันล่ะ นี่ก็สายมากแล้วนะ ทำไมยังไม่มาจากบ้านนู้นกันอีกเหรอ" ฮันน่าเดินเข้าไปทักลูกสาว พร้อมกับเอ่ยถามมาด้วยความสงสัย เพราะตุลาและสิงโตเริ่มเป็นหนุ่มแล้ว ทั้งสองจึงนอนอยู่ที่บ้านน็อคดาวน์ ซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ชายหนุ่มทั้งสองนั้น ชอบใช้เวลาส่วนตัวอยู่ที่นั่นและบ่อยครั้งที่ทั้งคู่มักจะไปนอนค้างอ้างแรมตามประสาหนุ่มๆ ซึ่งสิงโตได้ขอผู้เป็นบิดาปลูกบ้านหลังเล็กไว้ท้ายไร่ ที่นั่นมีลำธารที่น้ำไหลผ่านตลอดปี จึงทำให้เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น จนบางครั้งก็ไม่อยากจะลุกตื่นขึ้นมา และนั่นคงเป็นเหตุผลในวันนี้ที่ทั้งสองมาสายเฉกเช่นหลายๆ ครั้ง
“ยังไม่มาเลยค่ะแม่ เมื่อกี้แพนด้าก็เดินมาตามพ่อเสือรอตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าสิงโตกับตุลามัวทำอะไรอยู่ถึงได้มาช้าจัง อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้ว กันยาไม่อยากไปสาย" เด็กหญิงหน้าตาจิ้มลิ้มน่ารัก ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมืออีกครั้ง พร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงบอกบุญไม่รับ เธออุตส่าห์ตื่นแต่เช้า เพราะนัดติวข้อสอบกับเพื่อนๆ แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่เป็นไปตามที่วางแผนเอาไว้ เพราะสองหนุ่มนั้นแท้ๆ
“กันยา เสร็จหรือยังลูกพ่อเสือและทุกคนรอนานแล้วนะ" ขวัญข้าวเดินมาที่เรือนของฮันน่า พร้อมกับขึ้นบันไดมาหากันยา เพราะอัครเดช สิงโต ตุลาและแพนด้ารออยู่ที่รถเรียบร้อยแล้ว
“อ้าว! สิงโตกับตุลามาแล้วเหรอคะแม่ขวัญ ทำไมกันยาไม่เห็นเดินผ่านเลยค่ะ นั่งรอตั้งนานแล้ว" กันยาหยิบกระเป๋าเป้ ที่เต็มไปด้วยตำราเรียนขึ้นมาสะพาย พร้อมกับปิ่นโตมื้อกลางวันที่มารดาของเธอได้เตรียมเอาไว้ให้
“สองคนเดินอ้อมไปทางบ้านหลังโน้น รีบไปเถอะจ้าสายแล้ว" ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ขวัญข้าวก็เป็นผู้หญิงที่พูดจาไพเราะและอ่อนโยนกับทุกคนเสมอ
“กันยาไปเรียนแล้วนะคะ สวัสดีค่ะแม่ฮันน่าสวัสดีค่ะแม่ขวัญ" เด็กหญิงกันยายกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นมารดาและก็แม่ขวัญของเธอก่อนจะเดินลงจากเรือนไป เด็กๆ มักจะเรียกทั้งสามว่าแม่ขวัญพ่อเสือ และก็แม่ฮันน่า เนื่องมาจากพวกเขาโตมาด้วยกัน แม้แต่แพนด้าเองก็ยังเรียกฮันน่าว่าแม่เช่นกัน เพราะได้ยินพวกพี่ๆ เรียกกันจนติดปาก
เมื่อกันยาเดินลงบันไดไปขวัญข้าวรีบเข้ามานั่งตรงข้ามกับฮันน่า เวลานี้ใบหน้าของหญิงสาว เต็มไปด้วยความกังวล เมื่อสามีเล่าให้ฟังในสิ่งที่ฮันน่าได้ตัดสินใจ เธอกับลูกๆ กำลังจะไปจากที่นี่
“พี่ฮันน่าตัดสินใจดีแล้วเหรอคะ ขวัญไม่อยากให้พี่ไปเลย พวกเด็กๆ คงคิดถึงกันน่าดู สิงโต กันยา ตุลา ทั้งสามโตมาด้วยกัน พวกเขาแทบจะไม่เคยจากกันเลยด้วยซ้ำ แม้แต่แพนด้าเองก็รู้สึกผูกพันกับพี่ๆ ไม่น้อยไปกว่าพวกเขาสามคน" น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสั่นเครือของขวัญข้าว ทำให้ฮันน่าพอจะที่จะเข้าใจ เธอเองก็ไม่อยากที่จะจากไป แต่เพราะความจำเป็น เมื่อร้านดอกไม้ที่กรุงเทพฯ มีปัญหา พี่สาวของเธอไม่มีเวลาดูแลให้ เพราะเรยาก็มีครอบครัว ที่สำคัญงานที่โชว์รูมก็มีมากพออยู่แล้ว ฉะนั้นเธอจะควรกลับไปดูแลกิจการด้วยตัวเอง
"ขวัญ...พี่เองก็ไม่อยากจากที่นี่ไปหรอกนะ เพราะไร่กวางกมลก็ไม่ต่างจากบ้านของพี่ ทุกคนที่นี่ล้วนแต่เป็นมิตรดังญาติพี่น้องของพี่ โดยเฉพาะขวัญกับบอส รวมถึงแม่เลี้ยงกวางกมล แต่ขวัญต้องเข้าใจพี่นะ พี่อยากกลับไปทำตามความฝัน พี่ใช้เวลาศึกษามาหลายปี มันถึงเวลาแล้วที่พี่จะกลับไปดูแลเองสักที"
ฮันน่าคว้ามือเล็กของขวัญข้าวมากุมเอาไว้ พร้อมกับดวงตาที่แน่วแน่และคำพูดที่หนักแน่น เพราะเธอคิดว่าแม้ที่นี่จะเป็นเหมือนบ้าน แต่ก็ไม่ใช่บ้านของเธออยู่ดี เธอควรจะทำอะไรสักอย่างไว้ให้ลูกทั้งสอง อีกไม่กี่ปีกันยาและตุลาก็จะเข้าเรียนมหา'ลัย นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้น เธอควรจะจัดการกับปัญหานี้ด้วยตัวเอง
“เมื่อพี่ตัดสินใจดีแล้วขวัญก็คงจะห้ามไม่ได้ ใช่ไหมคะ แพนด้าไม่เท่าไหร่แต่เจ้าสิงโตสิ คงจะอาละวาดน่าดู" ฮันน่าเองก็รู้สึกใจหาย ความรู้สึกแบบนี้เธอเคยเจอมาแล้วกับตัว การที่จะต้องหนีไปจากใครสักคนทั้งที่รู้สึกผูกพันมันเจ็บปวดแค่ไหนเธอเข้าใจดี แม้เวลาจะผ่านมาเป็นสิบแต่ความรู้สึกเหล่านั้น มันยังคงตราตรึงในหัวใจของเธอ ไม่มีวันไหนที่เธอสามารถลบอีธาน ออกไปจากใจได้เลยสักวัน
“คิดถึงก็ลงไปเที่ยวกรุงเทพฯ บ้างก็ได้ นั่งเครื่องไปแป๊บเดียวเอง อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ"
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ขวัญพาเด็กๆ ไปแน่ แต่เรื่องที่ขวัญเป็นกังวลในตอนนี้ก็คือ ขวัญไม่รู้ว่าจะบอกเจ้าสิงโตยังไงดีต่างหาก" เมื่อพูดถึงลูกชาย ใบหน้าของขวัญข้าวเริ่มเต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง เพราะเธอรู้ดีว่าเจ้าสิงโตคงจะต้องอาละวาดจนบ้านแตกแน่
“ขวัญก็ให้เจ้าสิงโตไปเรียนที่กรุงเทพฯ ดีไหมล่ะ เพราะกันยากับตุลาก็ต้องไปเรียนต่อมอปลายที่นู่น ทั้งสามจะได้เรียนด้วยกัน" ความคิดเห็นที่ฮันน่าเสนอมานั้น ยิ่งทำให้ขวัญข้าวเป็นกังวลมากยิ่งขึ้น เพราะอัครเดชเขาไม่มีทางปล่อยให้ลูกชายไปอยู่ไกลหูไกลตาแบบนั้นแน่
“พี่ฮันน่าก็รู้ พี่เสือไม่มีทางปล่อยให้ลูกไปอยู่ไกลหูไกลตาหรอกค่ะ แล้วพี่จะไปเมื่อไหร่ค่ะ"
“คงจะเป็นต้นเดือนหลังจากที่เด็กๆ สอบเสร็จ เพราะพี่มีหลายอย่างที่ต้องไปจัดการ ส่วนเรื่องโรงเรียนของกันยาและตุลานั้นพี่เรยาได้จัดการเอาไว้ให้แล้ว" ถึงแม้ว่าใบหน้าของฮันน่านั้นจะเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใส แต่ภายในใจของเธอก็รู้สึกอ้างว้าง เพราะไม่รู้ว่าการไปครั้งนี้ เธอต้องเผชิญกับปัญหาอะไรบ้าง แต่ยังไงเธอก็เตรียมรับมือพร้อมที่จะจัดการกับชีวิตของตัวเอง ให้สามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างเข้มแข็ง เพราะลูกๆ ของเธอต้องกินต้องใช้ จะอาศัยแต่คนอื่นก็คงไม่ได้ โดยเฉพาะขวัญข้าวและอัครเดชทั้งสองช่วยเหลือเธอมาโดยตลอด รวมทั้งค่าเทอมของกันยาและตุลาด้วย
“ถ้ามีปัญหาอะไร ที่ขวัญกับพี่เสือพอจะช่วยได้ พี่ฮันน่าต้องรีบบอกเราสองคนเลยนะคะ เพราะถึงยังไงพี่ก็คือคนในครอบครัวของเรา" ฮันน่ารู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลอ ขวัญข้าวช่างเป็นผู้หญิงที่แสนดีมีจิตใจงดงาม สมกับที่บอสของเธอเลือกมาเป็นคู่ชีวิต เพราะหญิงสาวช่างใสซื่อและมองโลกในแง่ดี ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงจะไล่ตะเพิดเธอกับลูกๆ ออกไปจากไร่นี้นานแล้ว
“มานี่เลยขอกอดหน่อย" ฮันน่าเดินอ้อมไปทางด้านหลังขวัญข้าว จากนั้นหญิงสาวได้ก้มลงไปกอดเธอจากทางด้านหลัง ความรู้สึกของผู้หญิง สองคน ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา แม้ว่าขวัญข้าวจะมีอัครเดชอยู่ข้างๆ แต่เธอก็ไม่เคยคิดที่จะทิ้งฮันน่ากับลูกๆ เพราะในวันที่เธอลำบากก็มีฮันน่าคอยช่วยเหลือเช่นกัน
"ถ้าไปอยู่ที่นู่นแล้วไม่รู้สึกดี ก็พาเด็กๆ กลับมาอยู่ที่ไร่ของเรานะคะพี่ฮันน่า" หยดน้ำตาที่ไหลออกมาจากตาคู่สวยของขวัญข้าว กำลังทำให้ฮันน่าสุดที่จะฝืนความรู้สึกที่มีเอาไว้ได้ หญิงสาวเองก็ได้ร้องไห้ออกมา พร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ ระยะเวลาสิบกว่าปี กับความผูกพัน มันไม่ง่ายเลยกับการที่เธอนั้นกำลังจะพาลูกๆ เดินออกไปจากไร่นี้ แต่ทุกคนเกิดมาก็ย่อมมีทางเลือกของตัวเอง และมันถึงเวลาแล้ว ฮันน่าจึงเลือกที่จะทำตามฝันและอนาคตของลูกๆ เพราะการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกแฝดสองต้องสตรองให้ได้
ณ บ้านหลังหนึ่งที่ดูใหญ่โตราวกับปราสาทราชวัง ซึ่งเป็นบ้านที่อีธานออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อเซอร์ไพรส์ภรรยาและลูกๆ ของเขา ประจวบเหมาะกับการเฉลิมฉลองกันยาและตุลาเรียนจบมอปลาย และทั้งคู่กำลังจะเข้าเรียนในมหา'ลัย ผู้หญิงทั้งโลกต่างก็อิจฉาฮันน่า ที่เธอมีสามี ทั้งหล่อทั้งรวยและแสนดีอย่างอีธาน "คุณพ่อขาาา... ทำไมรู้ใจลูกสาวแบบนี้ กันยาชอบบ้านหลังนี้มากค่ะ มันล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติดูร่มรื่นดี" หญิงสาวยิ้มร่าออกมาจนหน้าบาน ก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผู้เป็นบิดาที่โซฟากว้าง พร้อมกับซุกใบหน้าเข้าหาอกแกร่งของอีธานระคนกำลังอ้อนที่ได้ของถูกใจ "ยัยตัวแสบ ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ พ่อยังคาดโทษหนูเอาไว้อยู่ลืมหรือยัง" อีธานแกล้งพูดเสียงเข้มออกมา จนกันยาทำมุ่ย เมื่อบิดากำลังจะบังคับให้เรียน ในคณะที่ใจเธอไม่รักเลยสักนิด "คุณแม่ขาาา... บอกคุณพ่อไปสิคะว่าประโยชน์ของการเรียนเศรษฐศาสตร์มีอะไรบ้าง และที่สำคัญกันยาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเรียนเกษตร เพื่อมาบริหารธุรกิจอสังหาของพ่อสักหน่อยนี่ค่ะ" อีธานถึงกับเกือบหลุดขำ ในคำพูดของกันยา แน่นอนคณะที่ลูกสาวของเขาเลือกเรียนนั้น มัน
"แล้วตุลาล่ะเรียนต่อคณะอะไร" "ผมคงต้องเรียนบริหารตามเจตนารมณ์ของพ่อ ไม่เหมือนใครบางคนแถวนี้ที่ดื้อรั้นเอาแต่ใจ" ตุลาอดที่จะพูดจากระแนะกระแหนกันยาออกไปไม่ได้ เมื่อน้องสาวของเขาตั้งใจที่จะเรียนคณะเกษตรศาสตร์สาขาวิชาพืชสวน ทั้งที่บ้านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ และนั่นคือเหตุผลที่บิดาไม่อนุมัติ แต่ตุลาก็เชื่อว่ากันยาคงอ้อนจนได้ "ขวัญดีใจด้วยนะคะพี่ฮันน่า ที่พี่มีครอบครัวที่อบอุ่นสักที เมื่อพายุพัดผ่านไปทุกอย่างก็กลายกลับดี ในที่สุดวันดีๆ ก็เกิดขึ้นกับเราสองคน แม่เลี้ยงกวางกมลที่อยู่บนฟ้า คงมองลงมาด้วยรอยยิ้มที่เห็นลูกหลานมีความสุขแบบนี้" "ใช่แล้วจ้ะ พี่ต้องกลับแล้วนะ ดูแลตัวเองด้วย" ทั้งสองร่ำลากัน จากนั้นฮันน่าก็พาลูกๆ กลับ โดยมีสายตาของใครบางคน แอบมองตามหลังกันยา แม้ไม่ได้เห็นหน้า แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอนั้นเปลี่ยนไปมาก เมื่อกันยาโตเป็นสาวเธอดูสวยผิดหูผิดตา แต่ทว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อไร่กวางกมลนั้น ก็คง
"คุณย่าจะพูดถึงคนอื่นทำไมล่ะครับ ในเมื่อเขายังไม่คิดถึงคุณย่าเลย ขอโทษด้วยนะครับแม่ฮันน่าที่ผมพูดแรงไป" เมื่อสิงโตตั้งสติได้เขารีบกลับขอโทษฮันน่าออกไปในทันที "ใครบอกว่ากันยาไม่คิดถึงคุณย่าล่ะสิงโต" เสียงเข้มของอัครเดชพูดขึ้น เมื่อเห็นลูกชายมีท่าทีที่ตำหนิกันยาออกมาอย่างชัดเจน "พ่อเสือครับ บางทีที่นี่อาจจะไม่ประทับใจกันยา เพราะบ้านป่าอย่างเราจะไปสู้แสงสีศิวิไลซ์ได้ยังไงกัน จริงไหมครับแม่ฮันน่า" สิงโตพูดเองเออเองทั้งนั้น ทั้งที่ยังไม่ได้รับฟังความจริง แต่เขากลับตัดสินกันยาไปในทางด้านลบเรียบร้อยแล้ว "สิงโตลูกไปว่าน้องแบบนั้นได้ยังไง รู้หรือเปล่าว่าตอนนี้กันยานอนแอดมิดให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อตะกี้คุณย่ายังวิดีโอคอลคุยกับกันยาอยู่เลย" แม้ว่าสิงโตจะเกิดก่อนกันยาเพียงแค่เดือนเดียว แต่ผู้เป็นมารดาก็มักจะให้เขาเรียกแทนตัวเองว่าพี่เสมอ "เธอเป็นอะไรเหรอครับ" แม้ว่าน้ำเสียงของชายหนุ่มจะฟังดูเรียบเฉย แต่ภายในใจของเขากลับร้อนรุ่มเริ่มเป็นห่วงเธอ"กันยาไม่เป
"สิงโตจะไปรับแม่ฮันน่า ที่สนามบินกับพ่อเสือไหมลูก" คำถามของผู้เป็นมารดา ทำให้ชายหนุ่มรีบวางตำราในมือลงทันที "แม่ฮันน่า... หมายความว่าแม่ฮันน่าจะมาเที่ยวบ้านเราเหรอครับแม่" น้ำเสียงของชายหนุ่มดูตื่นเต้นไม่น้อย เมื่อภายในใจของเขาคิดว่ายังไงกันยาก็ต้องตามมารดามาที่นี่ด้วย "ใช่จ้า แม่ฮันน่าจะมาเยี่ยมคุณย่า แต่แม่เองก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่ากันยาและตุลาจะมาด้วยหรือเปล่า" ขวัญข้าวที่กำลังนั่งปอกผลไม้อยู่ที่ห้องนั่งเล่น พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ซึ่งเธอเองก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกันที่กำลังจะได้เจอกับฮันน่า ที่จากกันไปหลายเดือนแล้ว"ผมขอตัวไปที่บ้านท้ายไร่ก่อนนะครับแม่" สิงโตกำลังสับสนชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาควรดีใจหรือเปล่า ถ้าหากจะได้เจอกันยาในวันนี้ ที่สำคัญระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมานั้น เธอยังจะจำคืนและวันที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันตั้งแต่วัยเยาว์ได้หรือเปล่า “อ้าว! ไม่ไปกับพ่อเสือเหรอลูก"
"เมียผมน่ากินไปทั้งตัวเลย" ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออก สายตาคมนัยน์ตาสีฟ้าได้กวาดมองไปทั่วเรือนร่างของภรรยาอย่างชื่นชม ก่อนจะค่อยๆ ปลดเข็มขัดหนังราคาแพงออก พร้อมกับดึงกางเกงลงไปกองรวมกันที่พื้นรวมกับชุดสวยของเธอ เผยให้เห็นเป้าตุงที่คับแน่นกางเกงบ๊อกเซอร์ แทบจะปริแตกออกมาอยู่แล้วในตอนนี้ ไรขนที่หน้าอกบวกกับมวลกล้ามบนเรือนร่างชายกำยำ กำลังทำให้ฮันน่ารู้สึกหลงใหลเขาเช่นกันในเวลานี้ "มองผมแบบนี้ ไม่รอแล้วนะเมียจ๋า" เขาพูดออกมาพร้อมกับเข้าไปคร่อมร่างเล็กเอาไว้จนมิด "ไหนบอกว่าเมา" หญิงสาวพูดพร้อมกับช้อนสายตามองชายหนุ่มออกไปด้วยคำถาม ที่ไม่อยากเชื่อว่าเขาเมา "ผมเมาแล้วคึก คุณไม่รู้หรือไง เมียสวยแถมยังเซ็กซี่ขนาดนี้ใครจะไปอดใจไหว พูดมาแล้วยังเจ็บใจไม่หาย อยากจะเอาปืนยิงไอ้เมสันให้ตาย ที่มันบังอาจจ้องหน้าคุณตั้งเป็นชั่วโมง" ในขณะที่พูด ดวงตาของเขาได้ฉายแววเจ้าเล่ห์ออกมาพร้อมกับสอดฝ่ามือไปใต้แผ่นหลังของภรรยาเพื่อปลดตะขอบราออกให้สิ้น "อื้ม... คุณอีธ
"พูดเฉยๆ ก็ได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องโน้มตัวเข้ามาใกล้ คุณเห็นไหมว่าฉันกำลังขับรถอยู่ ถ้าเกิดอุบัติเหตุจะทำยังไง ลูกจะอยู่กับใคร หื่นไม่เลือกเวล่ำเวลาจริงๆ " ฮันน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุ ในขณะอีธานก็ไม่ได้ลดละความพยายาม ชายหนุ่มยังคงใช้มือลูบลงไปที่ต้นขาของฮันน่าด้วยท่าทางที่เย้ายวนชวนขึ้นเตียง"แอบกินยาคุมหรือเปล่าเนี่ย... หลายเดือนแล้วทำไมคุณไม่ท้องสักที ผมอยากมีลูกกับคุณอีกสักสองสามคน" "ทำไมถึงเป็นคนเอาแต่ใจแบบนี้ เชื่อเลยว่ากันยาได้คุณมาเต็มๆ ไม่มีเหตุผลแถมยังดื้อรั้นเอาแต่ใจเป็นที่หนึ่ง" เมื่อห้ามไม่ได้ฮันน่าก็ปล่อยเลยตามเลย เธอพยายามลดความเร็วลง เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะถึงบ้านแล้วพอรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดภายในบ้าน ฮันน่าถึงกับถอนใจออกมา เมื่อเธอรู้สึกยอมใจ ในความพยายามของอีธาน เพราะในเวลานี้ชายหนุ่มกำลังพยายามไซ้จมูกคมเป็นสันลงไปที่ซอกคอระหงของเธอ พร้อมกับกดปุ่มให้เบาะเอนลงไปข้างหลัง เขาทำเหมือนกับว่าจะเอากับเธอบนรถนี้ให้ได้ "นี่คุณ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ถึงบ้านแล้วค่ะ เดี๋ยวลูกก็ออกมาเห็นหรอก เมาแล้วเป็นแบบนี้ท







