แชร์

ตอนที่ 2

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-03 02:29:37

“ก่อนอื่นข้าต้องตอบข้อสงสัยของเจ้าก่อน ที่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก็เป็นข้าที่ดึงดวงจิตของเจ้าเข้ามาเด็กน้อย และสถานที่นี้เรียกว่ามิติอนุบาลดวงวิญญาณ”

“ดึงมาทำไมคะ คงไม่ใช่เพราะอยากให้ฉันพักผ่อนหลังความตายอยู่ที่นี่แบบสบาย ๆ ใช่ไหม? แล้วมิติอนุบาลดวงวิญญาณมีไว้เพื่ออะไรคะ”

“ประการแรกเจ้าเข้าใจถูกแล้ว ข้าไม่ปล่อยเจ้านอนสบายอยู่ที่นี่แน่ ๆ ส่วนประการที่สอง...”

“ถ้ามันตอบยากไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ” เว่ยซือหงกล่าวเมื่อเห็นท่านเทพตรงหน้าไม่พูดต่อ จากที่คิดว่าตัวเองโชคดีที่เจอเทพตอนนี้หญิงสาวไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ทั้งยังสังหรณ์ใจในบางอย่าง

“เพ้ย ได้อย่างไรเล่า ถามมาแล้วก็ต้องตอบสิ มิติอนุบาลวิญญาณ มีไว้เพื่อรองรับเหล่าดวงวิญญาณที่มีชะตายิ่งใหญ่ ไม่อาจเข้าสู่วัฏสงสารจนกว่าจะบรรลุเงื่อนไขพิเศษ หรือก็คือข้า”

หญิงสาวคิดเล็กน้อยพลางว่า “หมายความว่าไม่ได้มีแค่ฉันที่มาที่นี่ใช่ไหมคะ เงื่อนไขที่ว่าคือท่าน อย่าบอกนะว่ามายื่นข้อเสนอ”

แปะ แปะ แปะ

“ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ฉลาดจริง ๆ คิดไม่ผิดที่พาเจ้ามา”

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน จากที่ฟังเธอพอเข้าใจอยู่บ้าง แต่ไม่มั่นใจเล็กน้อย “สรุปคือที่นี่มีไว้เพื่อรองรับดวงวิญญาณที่มีชะตายิ่งใหญ่ ส่วนท่านมาเพื่อยื่นเงื่อนไขหรือข้อเสนอ หากตกลงรับเงื่อนไข ดวงวิญญาณก็ต้องทำสิ่งที่รับปากมา แล้วถ้าไม่ตกลงล่ะคะจะเกิดอะไรขึ้นกับดวงวิญญาณที่ปฏิเสธ”

ท่านเทพยิ้มชอบใจตอบอย่างใจดี “ไม่เกิดอะไรขึ้น ข้าก็แค่ส่งดวงวิญญาณเข้าสู่วัฏสงสาร อย่างที่บอกเงื่อนไขพิเศษคือข้า ข้าคือผู้กำหนด เหล่าดวงวิญญาณคือผู้เลือก ทีนี้เข้าใจแล้วหรือยัง”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

“ดี ในเมื่อเข้าใจแล้วก็มาเข้าเรื่องกันเถอะ อ้อ ข้าลืมบอกไปว่าไม่ใช่ดวงวิญญาณทุกดวงที่มีชะตายิ่งใหญ่จะมีโอกาสมาที่นี่หรอกนะ ทุกอย่างล้วนมีเงื่อนไขทั้งสิ้น ซึ่งเจ้าโชคดีที่อุปนิสัยของเจ้าตรงกับเงื่อนไขที่ข้าต้องการทุกอย่าง”

“เงื่อนไขอะไรคะ”

“ไม่ดำไม่ขาว อ่อนโยนแต่ไม่อ่อนแอ เข้มแข็งแต่ไม่แข็งกร้าว มีความเด็ดขาด คิดอ่านเฉียบแหลม เฉลียวฉลาด เหมาะสมยิ่งนัก ตรงกับเงื่อนไขที่ข้าตั้งไว้พอดียิ่งอย่างไรเล่า”

ยิ่งฟังยิ่งสงสัย ท่านเทพตรงหน้าคงไม่ใช่กำลังหาภาระโยนใส่บ่าเธอกระมัง “เพื่ออะไรคะ ที่พูดมาทั้งหมดท่านคงไม่ได้กำลังหมายความว่าจะส่งฉันไปกู้โลกหรอกใช่ไหมคะ”

แปะ ๆ ๆ เสียงปรบมือดังขึ้นพร้อมเสียงชื่นชม “ถูกต้อง เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ฉลาดจริง ๆ คนเช่นเจ้าหาได้ไม่ง่ายหรอกนะจะบอกให้”

ใบหน้าของหญิงสาวมืดครึ้ม จากที่อารมณ์ดี ๆ เพราะอากาศของที่แห่งนี้กลับกลายเป็นบึ้งตึง ไหน ๆ เธอก็ตายแล้วแทนที่จะได้อยู่อย่างสงบหรือไม่ก็ไปชดใช้กรรมที่ทำมา ทำไมจู่ ๆ เทพที่ไหนไม่รู้จะส่งเธอไปกู้โลกเสียได้เล่า

“เจ้าใจเย็นก่อน ใจเย็น ๆ” ท่านเทพรับรู้อารมณ์ของหญิงสาวเร่งพูดคลายอารมณ์ของเธอทันที ราวกับกลัวว่าเธอจะไม่ตอบตกลง

“ฟังข้อเสนอของข้าก่อนเป็นไร ที่ที่ข้าจะส่งเจ้าไปเกิดหาใช่โลกที่เจ้าจากมา แต่เป็นมิติคู่ขนาน โลกใบนั้นไม่มีเทคโนโลยี แต่เป็นยุคเทพเซียนจีนโบราณ ที่เต็มไปด้วยพลังปราณ พลังธาตุ และสัตว์อสูร ซือหง ความจริงข้าไม่ต้องมาพบเจ้าแต่ส่งเจ้าไปที่นั่นเลยก็ได้ แต่เป็นเพราะข้านึกเอ็นดู และอยากพูดคุยกับเจ้า ข้าถึงได้ดึงดวงจิตเจ้ามาที่นี่”

เว่ยซือหงไม่ตอบแต่ก็ไม่ได้เอ่ยค้าน ท่านเทพจึงกล่าวต่อว่า

“ที่แห่งนั้นกำลังเผชิญกับความเลวร้าย ข้าวยากหมากแพง บ้านเมืองแห้งแล้ง อยู่ในสภาวะแร้นแค้นอย่างหนัก สิ่งที่ผู้คนกำลังเผชิญอยู่มันไม่ใช่เพราะฤดูกาล แต่เป็นความชั่วร้ายที่กำลังกัดกินทุกสิ่งอย่างทีละเล็กละน้อย หากมิตินั้นไม่ได้รับความช่วยเหลือและป้องกัน คงได้ถึงคราวล่มสลาย เพราะเหตุนี้ข้าจึงจะส่งคนมีความสามารถเช่นเจ้า ซึ่งตรงกับเงื่อนไขที่ข้าตั้งเอาไว้ไปที่นั่น”

“ทำไมฉันต้องทำล่ะคะ มันไม่เกี่ยวกับฉันเลยนี่ ทำไมฉันต้องสนใจผู้คนที่ไม่ได้รู้จักด้วย”

ท่านเทพยกยิ้ม “เจ้าแน่ใจหรือ ด้วยนิสัยอ่อนโยนของเจ้า เจ้าจะทำใจมองผู้คนตกทุกข์ได้ยากได้จริง ๆ หรือเว่ยซือหง”

“...” หญิงสาวไม่ตอบ เพราะรู้ดีว่าเธอเป็นแบบไหน ตอนยังมีชีวิตอุปการะเด็กยากไร้รวมถึงคนชราไปก็มาก ทำบุญช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากก็หลาย หากว่าเธอต้องไปที่แห่งนั้นจริง เกรงว่า... แม้ไม่อยากช่วยเหลือก็ต้องช่วยเหลือเพราะห้ามความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจไม่ได้

หญิงสาวนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ ตรองดูแล้วไม่ว่าอย่างไรสุดท้ายเธอก็ต้องไปมิติที่ว่านั่นอยู่ดี ต่อต้านไปก็เหนื่อยเปล่า ไม่แน่ว่าที่แห่งนั้นอาจมีคนที่เธอเฝ้ารออยู่ก็เป็นได้ หญิงสาวถอนหายใจแล้วมองสบกับท่านเทพด้วยสายตาจริงจัง

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาสั่งและบงการ ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นท่านเทพก็ตาม”

“แน่นอน เราไม่สั่งไม่บงการเจ้า หลังส่งเจ้าไปแล้วทุกอย่างเป็นเจ้าลิขิตชะตาชีวิตตนเอง เพียงแต่ขอให้เจ้าระลึกไว้ เมื่อใดที่เจ้ามีความสามารถมากพอ เพียงช่วยเหลือผู้คนในโลกนั้นบ้าง ข้าก็พอใจแล้ว”

ครานี้เว่ยซือหงกลับติดใจมากกว่าเดิม ง่าย ๆ แค่นี้? มันจะง่ายเช่นที่ท่านเทพพูดมาแน่หรือ? หญิงสาวหรี่ตามองจับผิดท่านเทพอย่างคนไม่ไว้ใจ หากไม่เห็นสิ่งผิดปกตินอกจากรอยยิ้มอ่อนโยนและดวงตาเอื้ออารีคู่นั้น

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 91 จบ

    ส่วนกลุ่มคนที่มาจากขุมอำนาจหรือจวนขุนนางต่าง ๆ มีความต้องการผลผลิตปราณจำนวนมาก ต่างตรงไปที่ชั้นสองของร้าน แล้วแจ้งชนิดและจำนวนผักที่ต้องการเสร็จ คนของตระกูลเว่ยที่มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนนี้ จะนำผลผลิตออกมาจากแหวนมิติตามจำนวนที่ลูกค้าต้องการ หลังตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อย ทำการจ่ายเงินเป็นอันจบการซื้อขายงานในส่วนนี้ถูกดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ขุมอำนาจต่าง ๆ ต่างชื่นชอบการจัดการด้วยวิธีนี้เช่นกัน ไม่จำเป็นต้องยื้อแย่งกับคนทั่วไป เพราะผลผลิตปราณถูกคนตระกูลเว่ยเตรียมพร้อมไว้อยู่แล้ว โดยผักผลไม้ปราณในร้านค้าตระกูลเว่ยมีราคาดังนี้ผักกาดขาว ผักบุ้ง กวางตุ้ง คะน้า ถั่วฝักยาว พริกชั่งละ 1 ตำลึงทองหัวไชเท้า แครอท แตงกวา ฟักทอง ฟักเขียว ชั่งละ 5 ตำลึงทอง มะเขือเทศ บัวหิมะ ชั่งละ 10 ตำลึงทองกล้วยชนิดต่าง ๆ ขายที่หวีละ 1 ตำลึงทอง แต่ละหวีมีถึงสิบลูกแตงโมขายผลละ 3 ตำลึงทอง ส้ม ผิงกั่ว(แอปเปิล) สับปะรด ชั่งละ 10 ตำลึงทององุ่น เฉ่าเหมย(สตรอว์เบอร์รี) และผลไม้ตระกูลเหมยทั้งหมดชั่งละ 20 ตำลึงทองลูกท้อ ทับทิม ลูกพลับจัดเป็นผลไม้มงคลขายชั่งละ 30 ตำลึงทองส่วนข้าว มันฝรั่งและมันเทศนั้นมีความต้องกา

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 90

    ร้านค้าตระกูลเว่ย “สวรรค์ พวกเขาปลูกผักปราณได้จริง ๆ”“เจ้าดูแสงสีเขียวระยิบระยับนั่นสิ นี่มันผักปราณระดับสูง”“ตระกูลเว่ยจะเก่งกาจเกินไปแล้ว”หน้าร้านตระกูลเว่ยมีแต่เสียงพูดคุยหลายช่วงอายุทั้งชายหญิง ดังสลับกันไปมา เรื่องที่ตระกูลเว่ยจะเปิดขายผักปราณสร้างความแตกตื่นไปทั้งยุทธภพ จะเห็นได้ว่าแคว้นโจวมีคนเข้าออกค่อนข้างมาก ทั้งผู้ฝึกยุทธ์อิสระ คนจากสำนักศึกษาต่าง ๆ เหล่าบัณฑิต และคนจากดินแดนเบื้องบน ที่ยืนปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งออกมาจาง ๆ เพียงเท่านั้นก็สร้างความอึดอัดให้คนของดินแดนเบื้องล่างได้แล้ว“ไม่คิดว่าข่าวที่คนของเราส่งไปจะเป็นเรื่องจริง”“ถ้าไม่เห็นผักปราณจำนวนมากที่อยู่ในร้านรอขายข้าก็ไม่อยากเชื่อเช่นกันขอรับคุณชาย”“ถึงลมปราณดินแดนเบื้องล่างจะขาดแคลนทว่าก็ไม่อาจดูเบาพวกเขาได้เช่นกันขอรับคุณชาย”“ไม่ถูกต้อง คนที่เราไม่อาจดูเบาคือตระกูลเว่ยเจ้าของผักปราณระดับสูงมากมายนี้ต่างหาก...”คุณชายของกลุ่มวิเคราะห์ออกมา พลางมองผักปราณระดับสูงที่ถูกจัดเตรียมไว้บนชั้นวางของ และอยู่ในตะกร้าแบ่งแยกเป็นชนิดต่าง ๆ ชัดเจน ง่ายต่อการเลือกหา ทั้งยังสะดวกต่อการซื้อขายราคาบนป้ายไม้ที่เด่นหราอยู

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 89

    อย่างไรก็ตามทัณฑ์สวรรค์มีเพียงสามสายเท่านั้น ทั้งยังทำอันใดกับหินแร่นิฬกาลไม่ได้ สมกับเป็นวัตถุดิบไร้ระดับ สมบัติประเมินค่าไม่ได้เช่นนี้ นางอยากครอบครองให้มากสักหน่อย ขนาดทัณฑ์สวรรค์ที่เป็นดังตำนานเล่าขาน ยังไม่สามารถสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้เลย เป็นเช่นนี้จะไม่ให้นางโลภอยากได้เพิ่มได้อย่างไรเล่า!ตัวหินแร่นิฬกาลลอยนิ่งอยู่เช่นนั้นอย่างองอาจราวกับกำลังเยาะเย้ยสายฟ้าจากสวรรค์ ก่อนที่มันจะค่อย ๆ เลือนรางหายไปอันที่จริงหินแร่นิฬกาลยังอยู่ที่เดิม เพียงแต่มันหลบซ่อนตัวเองด้วยอักขระพรางตา จึงไม่มีใครมองเห็น นอกจากเว่ยซือหงเท่านั้น ซึ่งนับเป็นข้อดีอย่างมาก เพราะถ้ามีคนต้องการทำลายไร่ของนางขึ้นมา ก็จะทำได้ยาก เนื่องจากหาตาค่ายกลไม่เจอกระบวนการทุกอย่างเสร็จสิ้นลงไปแล้ว เว่ยซือหงยืนมองผลงานนี้ของตนด้วยความภาคภูมิใจท่ามกลางสายตาแตกตื่นของคนงานทั้งหมดรวมถึงครอบครัวตนเองด้วยแน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดในไร่ตระกูลเว่ยเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็รับรู้แล้วเช่นกัน ม่านพลังสีทองที่ครอบคลุมทั่วไร่ตระกูลเว่ยมันชัดเจนเกินไป ราวกับเป็นพื้นที่ที่ตัดขาดจากโลกภายนอกนอกจากเหตุการณ์ในวันนี้จะสร้างความแตกตื่นให้ผู้ค

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 88

    การจะปลูกผักปราณนั้นใช่ว่าเพียงพูดออกมาแล้วจะทำได้เลยทันที ตระกูลเว่ยต้องเตรียมตัวหลายอย่าง จนเมื่อทุกอย่างพร้อมสรรพ พวกเขาจึงพากันไปที่ไร่ตระกูลเว่ยประตูจวนที่ปิดมานานหลายวันของตระกูลเว่ยถึงได้เปิดออก รถม้าประจำตระกูลทั้งสองคัน เคลื่อนออกจากประตูจวนท่ามกลางสายตาของชาวเมือง และเหล่าขุนนางที่คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกเขาเมื่อถึงไร่ตระกูลเว่ย คนงานทั้งหมดทั้งแรงงานที่เป็นชาวบ้าน บ่าวตระกูลเว่ย รวมถึงทหารที่คอยดูแลความปลอดภัย และความเรียบร้อยของไร่ถูกเรียกมารวมตัวกันที่จุดเดียวพวกเขาทั้งงุนงงและสับสนว่าเจ้านายเรียกรวมตัวด้วยเหตุใด บ้างกังวลกลัวจะถูกเลิกจ้าง ยิ่งบรรดาเจ้านายไม่ปริปาก ความคิดพลันล่องลอยไปไกลมากกว่าเดิม ก่อนทุกคนจะแตกตื่นไปมากกว่านี้ พ่อบ้านอวิ๋นจึงเข้ามาไขข้อข้องใจเสียก่อน“ไม่ต้องแตกตื่น เจ้านายของพวกเราไม่ได้คิดจะเลิกจ้างพวกเจ้า ที่เรียกมารวมตัวกันเพราะจะมีการปรับเปลี่ยนไร่ตระกูลเว่ย การให้พวกเจ้าอยู่รวมกันเป็นจุดเดียวจะทำให้ปลอดภัยและดูแลง่ายกว่าเดิม”คนงานที่เป็นชาวบ้านต่างพากันโล่งใจ หม้อข้าวของตนยังอยู่ ยังไม่ได้ถูกทุบแต่อย่างใด ทว่าความสงสัยใคร่รู้ก็กลับมาอีก

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 87

    “ทุกคนเจ้าคะ อาหงมีเรื่องจะคุยด้วยเจ้าค่ะ” “ว่าเช่นไรลูกรัก มีเรื่องอะไรจะคุยกับพวกเราหรือ” เว่ยซือซานถามบุตรสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“เราเลิกขายผักกันเถอะเจ้าค่ะ”“เลิกขายผัก? เลิกแล้วผักที่ปลูกอยู่พันหมู่จะทำอย่างไร” ถึงจะแปลกใจที่เว่ยซือหงเอ่ยเรื่องการยกเลิกกิจการที่กำลังรุ่งเรืองในตอนนี้ แต่พวกเขาไม่ได้แตกตื่น เรื่องราวที่ผ่านมาได้สอนพวกเขาแล้ว ว่าเจ้าตัวน้อยเป็นคนมีเหตุผลเพียงใด การเอ่ยว่าจะไม่ขายผักแล้ว ไม่ใช่คำพูดที่เอ่ยออกมาเพราะต้องการล้อเล่นแน่“ไม่ต้องทำอันใดเลยเจ้าค่ะ แค่เปลี่ยนจากผักธรรมดาพวกนั้นเป็นผักปราณให้หมด”“เจ้าหมายความว่าอยากปลูกผักผลไม้ปราณแทนการปลูกผักธรรมดาหรือ”“เจ้าค่ะท่านแม่”สมาชิกในตระกูลเว่ยนิ่งคิด ความต้องการของบุตรสาวใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ด้วยน้ำพลังปราณที่เจ้าตัวมี การเปลี่ยนจากผักธรรมดาเป็นผักปราณนั้นทำได้ง่ายราวพลิกฝ่ามือ ไม่ใช่ว่าทุกวันนี้พวกตนก็กินผักผลไม้ปราณและเห็ดปราณ ที่ปลูกอยู่หลังเรือนของเว่ยซือหงหรอกหรือหลินซือเหยาถอนหายใจมองหลานสาวพลางว่า “บอกเหตุผลให้ย่าและพวกเราทุกคนฟังได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงอยากปลูกและขายผักปราณ”ซึ่งคำถามของฮูหยินผู้เฒ่

  • เว่ยซือหง สตรีเหนือชะตา เล่ม 1   ตอนที่ 86

    ช่วงนี้เว่ยซือหงไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำอะไรเป็นพิเศษ นางทุ่มเวลาทั้งหมดให้ครอบครัว ทดแทนที่ตนหายไปตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือน คนในตระกูลก็พอใจมากที่เจ้าตัวน้อยใช้ชีวิตสมกับที่เป็นเด็กเสียทีทว่าเป็นคนตระกูลใหญ่ ทั้งยังเป็นสตรี สิ่งที่ควรเรียนยังต้องเรียน นางจึงถูกท่านย่าคุมเข้มเรื่องศาสตร์ทั้งสี่เป็นประจำ ถึงจะไม่ค่อยชอบแต่เว่ยซือหงก็เข้าใจและทำได้ดี ทั้งนี้ยังต้องออกไปร่วมงานเลี้ยงกับท่านย่าหรือท่านแม่ยังจวนอื่น ๆ ตามบัตรเชิญที่ถูกส่งมาเป็นครั้งคราว เจ้าตัวน้อยเลยไม่รู้สึกเบื่อนักการออกไปพบปะผู้คนและเจอเพื่อนบ้างนับเป็นเรื่องดี เช่นวันนี้ที่นางมาเดินเที่ยวตลาดกับหลินหว่าน เด็กสาวจากตระกูลหลินที่เพิ่งทำความรู้จักกันไปเมื่อครั้งงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตที่ผ่านมานั่นเอง“เจ้าว่าปิ่นอันนี้สวยหรือไม่” หลินหว่านเอ่ยถามสหายพร้อมยื่นปิ่นดอกหมู่ตาน(โบตั๋น) ให้ดูเว่ยซือหงดูแล้วทั้งตัวรูปปิ่นและขนาดที่ไม่ใหญ่มากเกินไป เหมาะกับเด็ก ๆ อย่างพวกหน้า ก็พยักหน้ารับตอบคำทันทีเช่นกัน “สวยมาก เหมาะกับเจ้า”“จริงหรือ”“จริง”“เช่นนั้นข้าเอาอันนี้เจ้าค่ะ” คุณหนูตระกูลหลินส่งปิ่นให้สาวใช้ที่ติดตามมานำไปคิดเงิน“

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status