Share

บทที่ 2 พระชายาจะตายไม่ได้

เจ็บ……

เจ็บเหมือนโดนแทง...

นาง ล่อจี่นซูผู้อำนวยการการแพทย์เทียนจ้าน ได้พัฒนาระบบการแพทย์เลือดสีน้ำเงินของสำนักการแพทย์เทียนจ้าน แต่ถูกกล่าวหาว่าฆ่านักพัฒนาหลายคนและขโมยผลการวิจัยและพัฒนาของพวกเขา

นางถูกจำคุกในคุกทะเลของสำนักเทียนจ้านระยะเวลาห้าปี นั่นเป็นนรกบนโลกที่เต็มไปด้วยคนร้ายและผู้อ่อนแอตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง

แม้ว่านางจะถูกทรมานทั้งกลางวันและกลางคืน แต่นางก็มีความยึดมั่นอย่างเดียวในใจคือการหลบหนีและค้นหาความจริงเกี่ยวกับการฆาตกรรมเจ้าหน้าที่พัฒนา

น่าเสียดายที่นางไม่มีโอกาสนั้น หลังจากทนทุกข์ทรมานในเรือนจำทะเลเป็นเวลาห้าปีนางก็ถูกประหารชีวิต

นางเสียชีวิตอย่างไม่ยุติธรรมและข้ามภพมาเป็นลูกสาวกำพร้าของท่านแม่ทัพล่อในราชวงศ์หยาน

ล่อจี่นซูเด็กสาวกำพร้าที่ถูกใส่ร้ายและเกือบถูกข่มขืน

ส่วนเจ้าชายหซู่หยุนจินเฟิงเขาผิดสัญญาเรื่องแต่งงานก่อนและยังกักบริเวรนางอีก ตอนนี้เขายังกล่าวหานางว่านางได้ฆ่าพระชายาและต้องการให้คนเลี้ยวม้าข่มขืนนางจนตาย

ช่างเป็นชายชั่วที่ทำตัวเหมือนว่าตนนั้นเป็นคนที่รักเดียว

รู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อยที่ข้อมือ นางยกมือขึ้นและเห็นเครื่องหมายของโล่เลือดสีน้ำเงินค่อย ๆ ปรากฏบนข้อมือที่เปื้อนเลือดของนาง

นางตกใจมาก เป็นไปได้ยังไง?

โล่เลือดสีน้ำเงินเป็นโล่ป้องกันและโจมตีของเทียนจ้าน โล่นั้นเต็มไปด้วยระบบป้องกันในช่วงสงครามชีพจรเลือดสีน้ำเงินและระบบการแพทย์ที่นางพัฒนาขึ้นเอง

โล่เลือดสีน้ำเงินสามารถข้ามเวลาได้จริงหรือ? นี่มันเหลือเชื่อมาก

แต่ตอนนี้นางไม่สนใจเรื่องนั้นแล้ว นางทรมานกับความอยุติธรรมในใจ ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้นางได้แบกรับความไม่ยุติธรรมที่ไม่อาจชำระล้างได้

พระชายาหซู่เหลิ่งจิงจิงตายไม่ได้ นางเป็นคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเจ้าของเดิมได้ นางยังเป็นคนเดียวในจวนแห่งนี้ที่ดีกับเจ้าของเดิม

นางลุกขึ้นยืนเหยียบเลือดคนเลี้ยวม้าด้วยรองเท้าที่เปียกชุ่ม เปิดประตูและกระโจนเข้าสู่สายฝนที่ตกหนัก

เสียงฝนปกคลุมเสียงร้องไห้ และเมฆมืดครึ้มปกคลุมเรือนหลักทั้งหมดของหอเหยาหยูจู

หมอหลวงได้ถูกเรียกมารักษาพระชายา แต่ให้ทานยานางก็ไม่ทาน ฝังเข็มก็ไม่มีประโยชน์

เหลิ่งซวงซวงน้องสามแท้ ๆ ของพระชายาร้องไห้หนักมากจนทนไม่ไหว นางเอนตัวพิงหยุนจินเฟิงเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความโกรธ " ล่อจี่นซูทำไมโหดร้ายขนาดนี้ ? พี่สาวทำอะไรให้นางถึงได้แค้นท่านพี่ขนาดนี้ นางทำไมถึงทำร้ายจนเป็นพี่สาวแบบนี้?"

ริมฝีปากของหยุนจินเฟิงสั่นไหว เขากลั้นน้ำตาไว้ใบหน้าของเขาซีดอย่างน่ากลัว และเขาก็ตะโกนใส่หมอหลวง " ฝักเข็มต่อสิ มัวนิ่งอยู่ทำไม"

หมอหลวงไปฝังเข็มต่อ แต่ถอนหายใจ " ท่านอ๋อง เกรงว่ามันจะไม่มีประโยชน์"

หยุนจินเฟิงเตะเก้าอี้ไปและเส้นเลือดก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขา " ขยะ ไอ่พวกไร้ประโยนช์ !"

หมอหลวงคุกเข่าลงแล้วกล่าวว่า " หากท่านมีอะไรจะพูด โปรดรีบพูดเถอะพะยะค่ะ ข้าเกรงว่าพระชายาจะอยู่ได้ไม่นานแล้ว "

หยุนจินเฟิงรู้สึกราวกับกำลังหมดแรง เมื่อมองดูใบหน้าของภรรยาสุดที่รักที่เคยมีดวงตาที่สดใส แต่ตอนนี้ไม่มีส่วนไหวที่ดีบนใบหน้าของนางเลยแม้แต่น้อย หัวใจของเขาก็ปวดร้าวและอยากฟันนังนั่นเป็นชิ้น ๆ ด้วยมีดนับพันเล่ม

“ ออกไป ไสหัวออกไป !” เขาตะคอก

สื่นเหรินยกมือขึ้นและบอกให้ทุกคนออกไป เหลิ่งซวงซวงรีบวิ่งไปกอดหยุนจินเฟิงพร้อมสะอื้น “ พี่เขย ข้าจะอยู่กับท่านที่นี่ เพื่อบอกลาท่านพี่ ”

หยุนจินเฟิงเดินโซเซก้าวหนึ่ง "สื่นเหริน!"

สื่นเหรินสั่งให้สาวใช้พาเหลิ่งซวงซวงออกไป เหลิ่งซวงซวงร้องไห้และตะโกนเรียกพี่เขย แต่หยุนจินเฟิงก็ไม่แยแส นอกจากความเกลียดชังและความเจ็บปวดแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ความรู้สึกเหลืออยู่ในใจแล้ว

สื่นเหรินสั่งให้ทุกคนรออยู่ในห้องรอง ปล่อยให้เจ้าชายบอกลาพระชายาตามลำพัง

ฟ้าแลบและฟ้าร้องอย่างบ้าคลั่ง

ท่ามกลางเสียงฝนก็ปรากฏเงาบนบันไดหินที่เดินท่ามกลางสายฝน โคมที่ปลิวไปสะท้อนให้เห็นคราบเลือดที่เป็นจุดๆ บนใบหน้าของนาง

มือที่เต็มไปด้วยคราบเลือดผลักประตูไม้แกะสลักออกเบา ๆ และน้ำฝนพร้อมด้วยเลือดก็แทรกซึมเข้าไปในรอยแตกบนพื้นกระเบื้องสีทองของห้องหลัก

หยุนจินเฟิงเงยหน้าขึ้นมองและดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธ เพราะเหตุใดอี่ตัวเมียตัวนี้จึงยังปรากฏต่อหน้าเขาขนาดที่ยังเป็นอยู่ ?

เขารีบวิ่งไปข้างหน้าและยื่นมือออกเพื่อบีบคอนาง ความเกลียดชังของเขาทำให้เขาสูญเสียความีเหตุผล และเขาแค่อยากจะบดขยี้สุนัขตัวเมียตัวนี้จนเป็นเถ้าถ่าน

ล่อจี่นซูมองไปที่หยุนจินเฟิงที่พุ่งมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะลงมือ ริมฝีปากที่ไร้เลือดของนางก็เปิดออก และเสียงแหบแห้งของนางก็ถูกเสียงฝนที่ตกกลบไป มีเพียงเสียงเบา ๆ "ข้าสามารถช่วยนางได้"

หยุนจินเฟิงบีบคอนาง ข้อกระดูกนิ้วของเขาดัง และใบหน้าของเขาก็ได้บิดเบี้ยว " นังแพศยา ข้าจะฆ่าเจ้าเดี๋ยวนี้"

นิ้วของล่อจี่นซูแตะที่โล่เลือดสีน้ำเงินบนข้อมือ และกระแสไฟฟ้าสีฟ้าอ่อนก็ถูกปล่อยออกมาจากข้อมือ กระแสไฟฟ้าได้ช็อดหยุนจินเฟิง

ทันใดนั้น หยุนจินเฟิงก็รู้สึกเจ็บปวดในใจราวกับสายฟ้าฟาด และเขาก็ล้มลงกับพื้นทันที

ล่อจี่นซูเดินผ่านเขาไปที่ข้างเตียงแม้ว่านางจะเตรียมจิตใจไว้แล้ว แต่ก็อดตัวสั่นไม่ได้

ใบหน้าของพระชายามีบาดแผลเต็มไปหมด มีเพียงเนื้อและเลือดผสมกัน รอยมีดกีดไปมาและบาดแผลบางแห่งก็สามารถเห็นถึงกระดูก หมอหลวงน่าจะทายาเพื่อห้ามเลือดไป ผงยาซึมเข้าไปในผิวหนังทำให้มันน่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก

คนที่ฆ่านางคงจะเกลียดนางเข้ากระดูก

แต่นางเป็นคนเดียวที่สามารถคืนความบริสุทธิ์ให้ล่อจี่นซูเดิมได้ และนางจะตายไม่ได้

ล่อจี่นซูเปิดโล่เลือดสีน้ำเงิน ซึ่งปล่อยแสงจาง ๆ และห่อหุ้มพระชายาหซู่ไว้ เพื่อทดสอบชีพจรและการบาดเจ็บของนาง

ชีพจรต่ำมากมีเพียงห้าเปอร์เซ็นต์ แผลแทงที่หน้าอกเป็บาดแผลสาหัสทำให้เลือดออกรุนแรง แต่โชคดีที่อยู่ห่างจากหัวใจหนึ่งนิ้วและเลือดหยุดไหลได้ทันเวลา

จำนวนบาดแผลบนใบหน้าและร่างกายของนางมีทั้งหมดสิบแปดที่ ปกตินางคงจะตายเพราะบาดแผลที่สาหัสเช่นนี้แล้วแต่นางยังคงทนไว้เพราะทารกในครรภ์ของนาง

ทารกในครรภ์ยังมีชีวิตอยู่

ล่อจี่นซูค่อนข้างซาบซึ้ง บางทีนี่อาจเป็นพลังของคนเป็นแม่

แต่อาการของนางแย่มากและต้องผ่าตัดเพื่อเอาเด็กออกโดยเร็วที่สุด จากนั้นจึงเย็บแผลและให้เลือด

ไม่สามารถทำที่นี่ หยุนจินเฟินจะตื่นแล้ว ดังนั้นนางต้องออกจากจวนหซู่โดยเร็วที่สุดและหาสถานที่ที่ปลอดภัยใกล้ ๆ เพื่อนำผ่าคลอดเด็กทันที

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status