ในเวลาเดียวกัน เหลิ่งซวงซวงก็วิ่งออกห้องหลักและพบว่าหยุนจินเฟิงหมดสติอยู่บนพื้น และพี่สาวคนโตก็หายตัวไปนานแล้ว เมื่อสื่นเหรินวิ่งกลับไปที่หอเหยาเยว่ หยุนจินเฟิงเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากการฝังเข็มของหมอหลวงและได้รู้ว่าพระชายาหายตัวไป ไม่รอให้สื่นเหรินรายงานล่อจี่นซูได้สังหารคนเลี้ยงม้าและหายตัวไป หยุนจินเฟิงพูดด้วยความโกรธ “ เป็นล่อจี่นซูนางแพศยานั่น ไปหาตัวนังนั่นมา ต่อให้ต้องพลิกหากันทั้งเรือนก็ต้องเอาตัวมันมาให้ข้า ” ใบหน้าของสื่นเหรินเข้มลง หันกลับไปและสั่งให้ทหารตรวจค้นบ้านทั้งหลัง และยังไปหาคนเฝ้าประตูตรวจดูว่าล่อจี่นซูไม่ได้ออกไป หยุนจินเฟิงโกรธมาก เขาคว้าแส้แล้ววิ่งออกไป ดวงตาของเขาแดงก่ำ และความโกรธของเขาเผาผลาญเขาจนสูญเสียความมีเหตุผลทั้งหมด หากเขาหานังแพศยานั้นเจอ เขาจะตีนางให้ตาย แต่หลังจากที่ค้นหาไปทั่ว พวกเขาก็ไม่พบล่อจี่นซูและพระชายาหซู่ ประตูหน้า ประตูด้านข้าง และประตูหลังได้รับการเฝ้าระวังทั้งหมด ไม่มีใครเข้าหรือออกยกเว้นคนของเรือนขุนนางลั่นหนิง หยุนจินเฟิงเตะคนเฝ้าประตูด้วยความโกรธจัด “ พวกเจ้ามันขยะไร้ประโยชน์ คนตัวโตขนาดนั้นก็ไม่สังเกตเห็น สื่นเหริน สั่งให้ทหารทั้
การค้นหาดำเนินไปจนถึงค่ำและทุกส่วนของเมืองหลวงถูกตรวจค้น ค่ายลาดตระเวนและจวนจิงเจ้า เข้าไปในบ้านพลเรือน เจ้าหน้าที่และเรือนเชื้อพระวงศ์ แม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่ฮ่องเต้ก็ออกพระราชกฤษฎีกาให้ตามหาฆาตกรและร่างของพระชายาไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ดังนั้น แม้ว่าเขาจะมีความคับข้องใจเขาก็ทำได้แค่ยอมรับการค้นหาเท่านั้น หลังค่ำ ผู้บัญชาการกองพันลาดตระเวนและหัวหน้าบ้านของจวนจิงเจ้า ได้พบกับหยุนจินเฟิงและขุนนางลั่นหนิงที่ประตู และแลกเปลี่ยนข้อมูล ดวงตาของหยุนจินเฟิงเต็มไปด้วยดวงตาแดงก่ำและดูบ้าคลั่งและดุร้าย “ ค้นหาต่อไปไม่ว่าจะเป็นเรือนของใครก็ตามค้นหาให้ข้าจนเจอ ” ทุกคนพบว่ามันแปลกที่เด็กผู้หญิงที่ได้รับบาดเจ็บได้พาศพหญิงท้องแก่ไปซ่อนตัวที่ไหน โดยปกติจะอยู่ได้แค่ใกล้ ๆ เท่านั้น ไปไหนไกลไม่ได้เพราะในช่วงเคอร์ฟิว ทางค่ายตระเวนจะลาดตระเวนและบุคคลต้องสงสัยจะถูกสอบปากคำ มีคนจากค่ายลาดตระเวนถามว่า “นางหนีไปได้ใกล้ ๆ นี้เหรอ นางจะไปไหนได้ไกลพร้อมร่างของพระชายาได้อย่างไร นางเป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแออายุสิบหกหรือสิบเจ็ด ” ทันทีที่พูดออกมา หยุนจินเฟิงและขุนนางลั่นหนิงต่างก็มองดูจวนเซีย
“ ฟิ้ว ๆ ” เป็นเสียงลูกธนูที่ตัดผ่านอากาศอย่างรวดเร็ว ลูกธนูมากกว่าสิบลูกออกมาจากที่ไหนไม่รู้เลยและตกลงไปข้าง ๆ หยุนจินเฟิง และล้อมรอบเขาไว้อย่างแน่นหนา สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือลูกธนูถูกฝังอยู่ในแผ่นหินตรงประตู และก็ตั้งขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังงานภายในของผู้ยิงธนูนั้นดีแค่ไหน ยิ่งไปกว่านั้น หยุนจินเฟิงยังยืนอยู่ที่ประตูหากลูกธนูถูกยิงจากที่สูงในเรือนแล้วมันจะตกลงไปข้าง ๆ หยุนจินเฟิงโดยไม่ทำร้ายเขาได้อย่างไร ลูกศรจะโค้งได้เหรอ ยังสามารถรักษาทางโค้งและระยะอย่างแม่นยำได้ การกระทำนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นหวาดกลัว และทำให้ผู้คนในค่ายลาดตระเวนและจวนจิงเจ้าโกรธ เจ้าชายเซียวเป็นแม่ทัพที่สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศอย่างยิ่งใหญ่ เขาเข้ารับตำแหน่งแม่ทัพล่อและออกไปต่อสู้ ขับไล่กองทัพศัตรูอย่างหวุดหวิดเพื่อช่วยราชวงศ์หยาน ตัวเขาเองกลับมาได้รับบาดเจ็บสาหัส และหมอหลวงต้องใช้เวลาสามเดือนในการรักษาเพื่อช่วยชีวิตเขา พระชายาหซู่ถูกสังหารอย่างโหดร้าย ตายท้องกลม ทุกคนรู้สึกเสียใจกับนางและเกลียดฆาตกร พวกเขาเข้าใจความโกรธของเจ้าชายหซู่ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะต้องรู้สึกแบบเดียวกับเ
เจ้าชายเซียวยิ้ม แต่เขาไม่พูดอะไรเลย หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดช้าๆ ว่า “ หลานจี้ ส่งอาหารไปที่หอวูเหิ่น วางไว้นอกประตูแล้วบอกคนที่อยู่ข้างในก็พอ ถ้านางต้องการออกมาพบข้า นางจะออกเอง ถ้านางยังไม่อยากเจอ นางจะออกไปหลังจากธุระของนางเสร็จแล้ว พวกน้าก็คิดว่านางไม่เคยมาก็พอ ” องครักษ์หลานจี้หันกลับมา นายท่านตแหลนะเนี่ย เขาก็สงสัยเหมือนกัน ใช่ใครบ้างไม่อยากรู้ ? การได้ยินและการระวังตัวของนายท่านนั้นสูง แต่เขาและฝูงหมาป่าไม่สังเกตเห็นว่ามีใครแอบแฝงเข้ามา จนกระทั่งเสียงร้องของทารกดังขึ้นเมื่อคืนนี้ทุกคนจึงรู้เรื่องนี้ แต่ว่า นายท่านบอกว่านางมาแบบไม่รบกวน ซึ่งพิสูจน์ได้ว่านางแค่อยากยืมสถานที่และไม่จำเป็นต้องทำให้นางลำบากใจ หอวูเหิ่นล่อจี่นซูถอนหายใจ นางทั้งหิว หนาวและง่วงมาก ผ่านไปท้งวันทั้งคืนแบบนี้ นางดื่มน้ำกลูโคสและนมแพะเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางไม่ชอบรสชาติของนมแพะจริง ๆ หลังจากดื่มแล้วนางรู้สึกอยากจะอ้วกเด็กถูกวางไว้ในตู้ของระบบและนำนมแพะออกจากระบบและป้อนหลายครั้ง เด็กสบายดี แต่พระชายาหซู่ยังอยู่ในสภาพวิกฤติ เพราะเหตุนี้นางจึงยังไม่จากไป พระชายาหซู่ยังคงอยู่ในอาการโคม่า
ดื่มโจ๊กชามใหญ่และกินผักทั้งหมดโดยไม่สิ้นเปลือง แม้ว่ามันจะไม่อร่อยก็ตาม ไก่ผัดและเนื้อแกะตุ๋น เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเมนูใช้วัตถุดิบชั้นเลิศ นางอยากรู้จักพ่อครัวคนนี้จริง ๆ วัตถุดิบดี ๆ แบบนี้แต่ทำอาหารได้ไม่อร่อยมาก แต่ยังสามารถเอาตัวรอดในวังได้ต้องเป็นสิ่งที่พิเศษแน่ หลังจากรับประทานอาหารแล้วร่างกายจะรู้สึกอบอุ่น นางควรออกไปแสดงความขอบคุณ แต่นางเดินจากไปไม่ได้ สถานการณ์ของพระชายาหซู่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ความทรงจำเกิดขึ้น มันเป็นเรื่องของเจ้าชายเซียว เจ้าชายเซียวหยุนเส้ายวนเป็นน้องชายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และจักรพรรดินีอัครมเหสีให้กำเนิดเขาในวัยสี่สิบของนาง ดังนั้นเขาและหยุนจินเฟิงจึงมีอายุไม่แตกต่างกันมากนัก เขาไหว้อาจายร์ดังตั้งแต่อายุยังน้อยและมีทักษะศิลปะการต่อสู้อย่างสูง เมื่อคนรงบุกเข้ามาเมื่ออายุสิบห้า เขาก็เป็นทหารและออกรบพร้อมกับกองทัพ ในการต่อสู้ครั้งแรกเขาฆ่าได้มากกว่าร้อยคนและมีชื่อเสียงในคราวเดียว หลังจากนั้นเขาได้ออกรบหลายครั้งและสร้างความสำเร็จทางรบให้กับราชวงศ์หยาน ครึ่งปีที่แล้วคนรงกลับมาบุกรุกอีกครั้ง บุกเข้าห้วยโจว พ่อของเจ้าของร่างแม่ทัพล่อได้รั
ในเรืองนางมีญาติสนิทเพียงสองคน คนหนึ่งคือ เหลิ่งซวงซวงนางสาวแท้ ๆ ที่มาดูแธอ คนหนึ่งคือหยุนจินเฟิงสามีของนาง แล้วใครล่ะ จู่ ๆ ล่อจี่นซูก็จำความทรงจำบางอย่างของเจ้าของเดิมได้ คนรวยที่มาจากเมืองหลวงบอกว่าให้พวกเขาไปที่เมืองหลวง นามสกุลของคนนั้นคือเล้ง คือเหลิ่งซวงซวงเหรอ เหตุใดเหลิ่งซวงซวงจึงขอให้เจ้าของเดิมไปที่เมืองหลวงเพื่อขัดขวางการแต่งงานระหว่างหยุนจินเฟิงกับพี่สาวคนโตของนาง นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก จวนหซู่ หยุนจินเฟิงแทบจะเป็นบ้า เขาอาลวาดในวังและสังหารสาวใช้และผู้หญิงทั้งหมดที่รับใช้พระชายาหซู่ รวมทั้งคุณนายหยิงที่มากับนางถูกเขาตั้งให้เป็นสนมน้อย ความผิดเดียว ปกป้องเจ้านายไม่ได้ ไม่มีใครกล้าร้องขอความเมตตา แม้ว่าสื่นเหรินจะรู้สึกโหดร้าย แต่คนเหล่านี้สมควรตาย ใครให้พวกเขาไม่ระวังแล้วปล่อยให้พระชายาพบกับนังแพศยาคนนั้นเพียงลำพัง ? หยุนจินเฟิงเดินไปอย่างหมดความอดทนและกระสับกระส่ายเพื่อรอรุ่งสางเขาจะไปที่พระราชวังทันทีเพื่อขอคำสั่งเขาต้องการนำผู้คนไปค้นหาจวนเซียว นังแพศยานั่นไม่สามารถวิ่งไปได้ไกล และก็พบจี้หยกของพระชายาอยู่ใต้กำแพง ซึ่งนางยังคงสวมอยู่ตอนที่ได้รับบ
สื่นเหรินปฏิเสธที่จะไป แต่มีคนอื่นที่อยากไป ประตูจวนเปิดออกกว้าง และอัศวินดำมากกว่าสิบคนก็รีบวิ่งออกไปโดยถือป้ายของพระราชวังของเจ้าชายหซู่และมุ่งหน้าไปยัง เป๋ยโจว เป๋ยโจวอยู่ติดกับเมืองหลวงและระยะทางไม่ไกลใช้เวลาเพียงวันเดียวในการทำลายสุสานและกลับสู่เมืองหลวง เนื่องจากสื่นเหรินห้ามเรื่องขุดหลุมศพหยุนจินเฟิง จึงโกรธและเฆี่ยนตีเขาเป็นการส่วนตัวสิบครั้งเพื่อระบายความโกรธ ไม่มีใครไม่ทำตามคำสั่งของเขาได้ สื่นเหรินไม่รักดี หลังจากที่สื่นเหรินคุกเข่าลงและถูกเฆี่ยนตีสิบที เขายังต้องพาผู้คนออกไปค้นหาล่อจี่นซูทั้งคืน เช้าวันรุ่งขึ้น หยุนจินเฟิงเข้าไปในพระราชวังเพื่อเจอฮ่องเต้และอธิบายเหตุผลของเขาในการขอตรวจค้นที่ประทับของเจ้าชายเซียว ฮ่องเต้รักลูกชายคนนี้มากที่สุดเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเป็นพ่อ แต่พระชายากลับเจอกับหายนะเช่นนี้ เขาก็รู้สึกปวดใจมาก หลังจากได้ยินเขาอธิบายอย่างโกรธเคืองถึงเหตุผลในการค้นหาจวนเซียว ฮ่องเต้ก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ มีเหตุผลที่เจ้าจะสงสัยว่าฆาตกรอยู่ในจวนเซียว แต่ท่านลุงของเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย เจ้าไปบอกเขาว่าข้าได้สั่งให้เขาเปิดประต
นางโกรธมาก แม้ว่านางจะไม่ใช่เจ้าของเดิมแต่อาจเพราะมีความทรงจำของเจ้าของเดิมและความทรงจำรวมถึงความทรงจำเหตุการณ์และความทรงจำทางอารมณ์ ความรักระหว่างพ่อกับลูกไม่สามารถแยกจากกันได้ มันเป็นเรื่องน่าเศ้ราใจสำหรับประเทศ ที่แม่ทัพที่สละชีพเพื่อชาติลงเอยเช่นนี้ แม้ว่านางจะไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์อย่างลึกซึ้งนัก แต่นางก็รู้ด้วยว่าในสมัยโบราณ แม่ทัพที่พ่ายแพ้จะถูกลงโทษด้วยปรับ สูญเสียตำแหน่ง ลดตำแหน่ง ถูกเนรเทศ ตัดหัว และแม้กระทั่งประหารกี่ชั่วโดตร จักรพรรดิ์มีได้กุมความตายทุกคนไว้ นางคลี่เสื้อผ้าของนางออกมา มันเป็นเสื้อผ้าผู้ชายมันยาวและกว้าง นางใส่ไม่ได้เลย เจ้าของชุดนี้สูงมากก็ไม่รู้ว่าเป็นขององครักษ์คนนั้นไหมนางพันเสื้อผ้ารอบตัว เสื้อผ้าเก่าเล็กน้อยแต่สะอาดมาก มีกลิ่นเหมือนก้นตู้เสื้อผ้าเล็กน้อย มีเสื้อผ้าพันรอบตัวก็อุ่นขึ้นมาก คืนนี้ไม่ต้องทนหนาวแล้ว หลังจากรับทานอาหารเสร็จนางก็วางกล่องอาหารไว้ข้างนอกแล้วเข้ามาสั่งนมผงแพะให้กับเด็กทารก อาการของทารกดีขึ้นมาก แต่พระชายาหซู่ ก็ยังรไม่ดีขึ้น นางเปลี่ยนยาแล้วให้ยาต่อ มองรอยแผลกากบาทบทหน้านาง อุ้มเด็กไว้ข้างตัวให้นางรู้สึกถึงการเป