เมื่อร่างแกร่งทนต่อความต้องการของตัวเองไม่ไหว เขาจึงรีบกดความแข็งแกร่งเข้าไปในดอกไม้งามทันที
"อ๊.. อึก จะ เจ็บ!!" "ฮื่อออ.. เจ็บบบบ" ร่างบางร้องอย่างเจ็บปวดน้ำตาไหลพราก อย่างน่าสงสาร อึก!! "ไม่ต้องกลัวนะ อย่าเกรง" ชายหนุ่มพยายามควบคุมความต้องการที่มีอยู่ของตัวเอง ก่อนจะพูดปลอมพร้อมจูบซับน้ำตาให้หญิงสาวร่างเล็กใต้ร่างก่อนจะ บดจูบที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเรียกร้อง "อื่ม อือ.." ทั้งสองร่างเริ่มส่งเสียงครวญครางอีกครั้ง เมื่อความรู้สึกปรารถนาเข้าครอบงำคนทั้งคู่ อนาคีนเองก็บดจูบอัญญาอย่างเร้าร้อนเรียกร้องมากขึ้น จนทำให้ร่างบางเผลอไผลไปกับสัมผัสวาบวามที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างหลงลืมความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความต้องการที่กำลังปะทุขึ้น "อึก อ๊ะ" "เจ็บบ!! อึก" เมื่อหญิงสาวร่างบางเริ่มพร้อมอย่างเต็มที่ตัวเขาเองก็รุ่มร้อนจนทนไม่ไหว เหมือนร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อย่างทรมาน ชายหนุ่มตัดสินใจดันแก่นกายแข็งแกร่งเข้าไปในดอกไม้งามอย่างยากลำบากอีกครั้ง ทั้งสองร่างกรองกอดกันอย่างแนบแน่น ทรมานด้วยความปรารถนาถึงขั้นสุด บทเพลงรักกำลังบรรเลงขึ้นภายใต้ ห้องนอนใหญ่สุดหรูที่รุ่มร้อน "อือ อื่มมม..." เสียงครางกระเซ้าของทั้งสองร่างดังระงมไปทั่วทั้งห้องอย่างแสนวาบวาม ปลดปล่อยความต้องการของตัวเองออกมาอย่างเปิดเผยผ่านบทเพลงรัก แสนเร่าร้อน รอบแล้วรอบเล่าที่สองร่างร่วมบรรเลงบทเพลงที่โหมด้วยไฟปรารถนา พอดับลงก็พร้อมจุดขึ้นใหม่ท่ามกลางความต้องการของกันและกัน ................ แสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาทางผ้าม่านผืนบาง ที่ปลิวลู่ตามสายลมที่พัดผ่านบริเวร ริมหน้าต่างข้างระเบียง สองร่างเปลือยเปล่ากำลังนอนกกกอดกันอย่างอบอุ่น ร่างบางขยับเข้าหาอกแกร่งก่อนรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนร่างกายกำลังจะแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ เพียงเพราะกำลังจะขยับเคลื่อนย้ายร่างของตัวเอง ขนตาดุจแพรไหมกำลังขยับขึ้นลงปรับทัศนการมองเห็นก่อนจะค่อยๆ ลืมขึ้นอย่างเต็มตา อึก.. ใบหน้าเนียนเหยเก ด้วยความเจ็บปวดเมื่อร่างบางกำลังจะขยับออกจากการกอดรัดของใครบางคน ดวงตากลมเบิกโพลงเมื่อเห็นร่างกายกำยำ เผยอกแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเป็นลอนอย่างน่าหลงใหล "นี่มันอะไรกันนนน..." อัญญาบ่นพึมพำในใจอย่างตื่นตระหนก เพราะเธอลืมตาตื่นกลับพบสภาพตนและชายหนุ่ม สามีป้ายแดงของเธอกำลังอยู่ในสภาพที่เหมือนผ่านสมรภูมิรบกันมาอย่างดุเดือด ชุดเสื้อผ้าสีขาว ตกกระจ่ายอยู่ทั่วห้อง ร่างบางนั่งนึกคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างถี่ถ้วนครั้งแล้วครั้งเล่า ภาพเหตุการณ์เร่าร้อนยามเมื่อสองร่าง กำลังบรรเลงบทเพลงรักผลุดขึ้นมาในหัวภาพต่อภาพอย่างเลื่อนลาง ใบหน้างามร้อนผ่าวขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างเขินอายเป็นที่สุด ถึงแม้นั่นจะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอ แต่เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความตั้งใจสักเท่าไหร่ มีบางอย่างบอกว่า เรื่องนี่ต้องมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน พอคิดได้ดังนั้นร่างบางก็ฝืนสภาพร่างกายอันบอบช้ำของตัวเองลุกขึ้นท่ามกลางความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เพื่อไปจัดการกับสภาพของตัวเองที่แทบจะดูไม่ได้ ร่างบางในห้องน้ำมองดูสภาพตัวเองที่มีรอยจ้ำสีแดง ถูกตีตราอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ใบหน้างามผลุดความรู้สึกสับสน วาบวาม ขึ้นมา ดวงตากลมโตเบิกโพลงอย่างตกใจ "โอ้... พระเจ้าาาาาา" ถึงเเม้อัญญาจะรู้สึกตกใจแต่ตัวเธอนั่นก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร ซ้ำยังมีความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังตีตื้นขึ้นมาผสมผสานปนเปกันไปหมด "ฟู่ๆๆๆๆ ตอนนี้ฉันกำลังงุนงง สับสนอยู่ ใจเย็นๆ นะอัญญา เธอต้องใจเย็นๆ" ร่างบางพ่นลมหายใจแรงๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองก่อนจะรีบใช้น้ำเย็นชำระล้างร่างกายให้คลายความสับสนทันที "อะ เอ่อออ!!???" เมื่อร่างบางสาวเท้าเดินออกมาก็พบกับร่างสูงกำลังจับโทรศัพท์เครื่องหรูเดินออกมาจากอีกห้อง สองร่างอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาดตา บนตัวทั้งคู่มีรอยหยดน้ำเกาะอยู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่า ทั้งคู่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ทั้งสองหยุดชะงัก สบตากันอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา "เอ่อออ..??" เป็นอัญญาที่พ่ายแพ้ต่ออำนาจของดวงตาคมที่จ้องมองมาอย่างไม่ไหวติง เธอจึงรีบเบี่ยงสายตาหลบ แต่ก็พบว่าบนที่นอนใหญ่ ถูกเก็บกวาดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใบหน้างามขมวดคิ้วแสดงความสงสัย "ผมให้แม่บ้านมาเก็บกวาดแล้วล่ะ" ร่างหนาตอบเสียงนิ่งก่อนจะเดินเข้ามาทางที่ร่างงามยืนอยู่ หัวใจดวงน้อยสั่นไหววูบวาบ เต้นระทึกอย่างไม่มีสาเหตุ "คะ คือ ว่า ระเรื่อง มะ เมื่อ คะ คื...." เป็นอัญญาเองที่รู้สึกเหมือนกินปูร้อนท้องรีบ หันไปจ้องหน้าร่างสูงเบื้องหน้าก่อนจะพยายามพูดถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างตะกุกตะกัก "หืออ ..." ก่อนร่างบางจะพูดจบก็ต้องแทบกลืนประโยคลงไป เพราะสายตาคมสีดำสนิทกำลังจ้องมองใบหน้างามอย่างเรียบนิ่ง คิ้วหนาขมวดเข้าหากัน เหมือนไม่เข้าใจในสิ่งที่หญิงสาวต้องการจะสื่อ "อะ เอ่ออ??? ยะ อย่างไง ดี???" "เฮ่ออออ ไม่รู้ด้วยแล้วววว" ใบหน้างาม ขึ้นสีแดงระเรื่ออย่างชัดเจน ปากอวบอิ่มกำลังขยับพูดแต่ก็พูดไม่ออกได้แต่อ้ำอึ้ง "เราเป็นสามีภรรยา กัน!" เหมือนอนาคีนต้องการตัดบท จึงพูดแค่ประโยคสั้นๆ บ่งบอกว่าไม่เห็นจำเป็นต้องอธิบายอะไร ที่จริงเขานั่นรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นของเขาและเธอเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของพวกเขาทั้งคู่แต่มันเกิดจากแผนการของใครบางคนต่างหาก ถึงไม่สืบเขาเองก็รู้ดีว่าแผนการนี้ก็คงไม่พ้นฝ่ายผู้ใหญ่ทางบ้านเขาเป็นแน่ แต่ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วจะให้อธิบายอะไรมากความไปก็เท่านั้น ซ้ำยังเขากับเธอก็เป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้อง จะให้มานั่งอธิบายเรื่องแบบนี้มันก็ค่อนข้างน่าแปลก เขาจึงเลือกที่จะพูดตัดบทให้หญิงสาวรู้สถานะ และไม่ต้องคิดมากอีกต่อไป "เอ๋... คุณไม่โกรธ" อัญญา ทำหน้างุนงงพร้อมกับจ้องมองตาคมด้วยสีน่าท่าทางสงสัย "ไปแต่งตัวแล้วไปทานข้าวกันเถอะ!! นี่ก็สายแล้ว" อนาคีนพูดตัดบทอีกครั้งอย่างอ่อนใจ เมื่อมองเห็นปฏิกิริยาของสาวเจ้าที่ดูสับสนมึนงง แถมยังจะแววตาที่เป็นประกายสั่นวูบไหวนั่นอีก เห็นแล้วรู้สึกแปลกชอบกล และเหมือนรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักกับปฏิกิริยาที่เธอแสดงต่อตัวเขา …………………………………“หว้าาา.. สงสัยมันคงไม่ฟังเฮียแล้วล่ะ ดูสิยิ่งอัญญาพูดมันก็ยิ่งตอบสนองอัญญามากกว่า” อนาคีนแสร้งขยับตัวดุนดันตัวตนของตัวเองที่ตื่นตัวเต็มที่เข้าใกล้ร่างนุ่มนิ่มในอ้อมกอดของตนอย่างจงใจ ก่อนจะพูดด้วยท่าทีเย้าแหย่อีกฝ่าย “อ๊ะ อย อย่าค่ะ” อัญญาที่ถูกตัวตนแข็งขืนอุ่นร้อนของอีกฝ่ายดุนดันหยอกล้อ อยู่ใกล้กับจุดอ่อนไหวของตัวเอง ก็ถึงขั้นอ่อนแรงเผลอส่งเสียงครวญครางออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “อ๊ะ อืออ” “อ๊าส์.. ไม่ทันแล้วครับที่รัก ขอบอกรักตอนเช้าหน่อยนะ เด็กดี อ๊าส์” อนาคีนที่ตอนแรกจงใจจะแกล้งอัญญา แต่กลับห้ามใจไม่ไหว ยิ่งเสียงครวญครางแสนหวานของอีกฝ่ายดังขึ้น ตัวเขาเองก็ยากจะทานทนต่ออารมณ์ของตัวเอง พร้อมกดร่างแกร่งเข้าใส่ดอกไม้อ่อนนุ่มทันที ก่อนจะพูดขบกรามแน่น ข่มอารมณ์ร้อนที่กำลังปะทุ แล้วกดจูบลงบนแผ่นหลังนวลเนียนเพื่อเป็นการปลอบโยน “อาส์ อัญญา พลั่บๆๆๆ ซี๊ดด!!” อนาคีนคำรามเสียงกดต่ำร้องเรียกเจ้าของร่างก่อนจะกระหน่ำสะโพกสอบรัวเร็ว ตามอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น อย่างแสนรัก “อ๊ะๆๆๆ ฮะ เฮียคีน อื่มม” อัญญาก็ไม่ได้ยอมแพ้ เมื่อห้ามอีกฝ่ายไม่ได้ เธอก็เลือกที่จะปลดป
ณ เวลานี้ไม่ว่าต้องแลกกับอะไรตัวเขานั้นก็ไม่ยอมทั้งนั้น เพราะความรู้สึกที่มีต่อหญิงสาวในอ้อมกอดมันช่างตีขึ้นมาชัดเจนเหลือเกิน จนทำให้ตัวเขานั้นก็เจ็บปวดทรมาน เพราะเสียงสะอื้นไห้ ของอีกฝ่ายเช่นกัน “เฮียคีนนน... ฮึกก.. อึก.. อะ อัญ..” ไม่รู้ว่าเวลานั้นผ่านไปนานแค่ไหนที่สองร่างนั้นยังคงกอดปลอบมอบความอบอุ่นให้แก่กัน และในที่สุดเมื่อร่างงามเริ่มประมวลผลต่างๆ ได้และรู้สึกจิตใจสงบลง เธอก็ค่อยๆ เงยหน้าเผชิญกับใบหน้าคมที่แสนคุ้นเคย ดวงตาสีดำสนิทตอนนี้จดจ้องมาที่ตนอยู่ก่อนแล้ว ภาพในนั้นปรากฏเป็นตัวเธออย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ในใจที่กำลังสงบลง มีคลื่นของความเสียใจผลุดขึ้นมาอีกระลอก ความรู้สึกผิดกำลังตีตื้นขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้อัญญานั้นกำลังจะพูดสารภาพกับอีกฝ่าย เริ่มสะอึกสะอื้น สั่นไหวอีกรอบ แค่เพียงเห็นใบหน้านวลที่เปอะไปด้วยน้ำตานองหน้า ทำให้ผิวที่ขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงไปอีก แววตาที่เคยส่องเป็นประกาย บัดนี้กลับดูหม่นหมองลงด้วยความรู้สึกผิด และตัวเขาเองก็รู้ว่าอัญญานั้นจะพูดว่าอะไร และตอนนี้เธอรู้สึกอย่างไร จนทำให้ อนาคีนหัวใจหล่นฮวบลงทันที ก่อนที่อัญญาจะพูดจบ เป็นเขาเองที่ทนต่อความสงสา
หญิงสาวที่เขารักก็ยังเป็นแค่เพียงภรรยาในนามของอีกฝ่ายเท่านั้น และยิ่งมาได้รับข้อมูลจากพีตาร์อีก ในตอนนั้นตัวเขาก็ตกลงทำตามแผนที่วางไว้อีกครั้งโดยที่ไม่ได้คิดไตร่ตรองเรื่องราวให้รอบคอบ จนเผลอเกือบทำให้คนที่เขารักตกอยู่ในอันตรายแล้วจริงๆ ถ้าหากเขาไปช่วยเธอไว้ไม่ทัน เพราะไม่คิดว่าพีตาร์จะใจร้อนทำนอกเหนือสิ่งที่ตกลงกับตัวเขาไว้ให้แก้แค้นแทนตัวเอง แล้วยิ่งวันนี้ได้มาเห็นกับตาว่าผู้ชายที่เพรียบพร้อมไปทุกด้าน ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นปีศาจแห่งแวดวงธุรกิจ ไม่มีแม้กระทั้งความรู้สึกใดๆ แต่กลับทิ้งปัญหาไว้เบื้องหลังแล้วรีบมาหาภรรยาของตนในฐานะสามีธรรมดาคนหนึ่ง ทั้งท่าทีแววตาดำสนิทที่จดจ้องไปเบื้องหน้าล้วนแต่แสดงความรู้สึกทุกอย่างที่มีต่อหญิงสาวร่างงามเบื้องหน้าตนอย่างชัดเจน จนตัวเขานั้นรับรู้และรู้สึกละอายแก่ใจไม่น้อย ทั้งยังตอนที่ตัวเขากระโดดลงไปช่วยอัญญา แม้คำพูดสุดท้ายก่อนหญิงสาวจะหมดสติไปก็ยังเป็นชื่อของผู้ชายคนนี้ เพียงเท่านี้ตัวเขาเองก็คงไม่มีสิทธิที่จะไปเปรียบตัวเองกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับอย่างไม่มีข้อโต้เถียงใดๆ แต่โดยดีเท่านั้น “เรื่องที่คุณไม่สามารถจัดการได้ ผมจะจั
ทันทีที่ร่างสูงมาถึง ภาพเบื้องหน้าที่เห็น เป็นห้องกระจกใส ปรากฏร่างงามคุ้นตาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงผู้ป่วยสีเขียวอ่อน ผิวขาวละเอียดจนดูซีด ยิ่งทำให้บรรยากาศรอบตัวดูเลือนลางมากขึ้น จังหวะการเต้นของหัวใจแกร่งยิ่งบีบรัดอย่างหนักหน่วงยามเมื่อได้มองสำรวจเห็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ อยู่เต็มไปหมด “อะ เอ่ออ.. บอสคะ หมอบอกว่า ตอนนี้หนูอัญไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ต้องอยู่ห้องปลอดเชื้อรอดูอาการอีกนิดหน่อยเท่านั้นค่ะ” เป็นหลุยเองที่เห็นปฏิกิริยาร่างสูงที่จ้องมองร่างงามภายในห้องอย่างยากจะคาดเดา แต่ภายในแววตาคมนั้นกลับสะท้อนภาพร่างงามอย่างชัดเจน ตัวเขาเองจึงค่อยๆ เดินไปบอกกล่าวกับอีกฝ่ายอย่างหวาดกลัว เพราะตอนนี้ร่างหนานั้นแผ่รังสีเย็นเยือกออกมาอย่างน่าขนลุก เป็นบรรยากาศที่กดดันคนที่อยู่รอบข้างเป็นที่สุด “ผมต้องการเข้าไป” อนาคีนเอ่ยออกมาราบเรียบ โดยสายตาคมยังคงจดจ้องภาพเบื้องหน้าไม่ไหวติง “ดะ ได้ค่ะ ดะ เดี๋ยว จะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” เพียงแค่เสียงเอื้อนเอ่ยที่ราบเรียบไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ แต่กลับทำให้คนฟังถึงขั้นกระตุก ตื่นตกใจไม่น้อย ทำให้หลุยนั้นรีบตอบรับอีกฝ่ายอย่างตะกุกตะกัก รี
“นี่แก หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! แกจะไปไหนไม่ได้เด็ดขาด แกจะต้องจบชีวิตลงที่นี่ด้วยกันกับฉัน เท่านั้น!!” พีตาร์ที่ถูกผลักร่างให้ล้มลงรีบลุกขึ้นพร้อมตะโกนไล่หลังของอีกฝ่ายไปอย่างบ้าคลั่ง “จึ๊!!” แม่เสียงตะโกนก่นด่าของพีตาร์จะดังมาก แต่ไม่สามารถเรียกความสนใจของอัญญาได้แม้แต่น้อย เพราะในหัวของเธอตอนนี้กำลังหาหนทางเอาตัวเองให้รอด ดวงตากลมหรี่ลงเล็กน้อยคอยกวาดหาหนทางที่จะทำให้เธอออกจากห้องนี่ให้ได้ มือเรียวอีกข้างก็พยายามยกขึ้นมาปิดปากปิดจมูกเพื่อไม่ให้ร่างกายได้รับกลิ่นควันที่ตอนนี้กำลังลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ส่งผลให้ทัศนในการมองเห็นจุดต่างๆ ในห้องนั้นค่อนข้างลำบาก แต่ดีที่อัญญานั้นสำรวจห้องนี่อย่างรอบคอบแล้วตอนที่เธอเข้ามาแต่งตัวที่นี่ เพราะค่อนข้างแน่ใจว่าต้องเป็นแผนการที่อีกฝ่ายวางไว้ เธอจึงคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองนั้นรอดพ้นจากหลุมพลางในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเสียสติจนใช้วิธีการที่สิ้นคิดแบบนี้จนได้ ใบหน้างามมุ่ยคิ้วเล็กน้อยก่อนจะรีบสาวเท้าเรียววิ่งไปที่ประตูทางระเบียงทันที เพราะด้วยความทรงจำบอกเธอว่าในห้องนี้ยังมีประตูข้างในที่สามารถเปิดออกไปยังระเบียงได้
“พี่หลุยคะ ช่วยไปรออัญญาที่รถก่อนนะคะ ถึงเวลาที่เหยื่อต้องไปหาเสือก่อน” เมื่อถ่ายงานเสร็จ อัญญาจึงพูดกับอีกฝ่ายพร้อมขยิบตาให้อย่างหยอกล้อ “จริงๆ เลยระวังตัวด้วยล่ะ พี่จะไปเอารถมารอ ถ้าเกิดเรื่องอะไรที่เกินกว่าที่คาดหมายไว้ก็รีบโทรมาทันทีเลยนะ เข้าใจรึเปล่า” ถึงแม้จะพูดห้าม อัญญาก็คงไม่ฟังเพราะหลุยเองก็รู้นิสัยของอัญญาดี จึงได้แต่บอกให้อีกฝ่ายระวังตัว แล้วไปเตรียมตัวรอเธอดีกว่า “พี่ก็อย่าลืมที่อีญญาบอกนะคะ ไปเอามันมาเก็บไว้ที่พี่ เราจะต้องถอดหน้ากากเสือของแมวตัวนี้หน่อยแล้ว จะได้ไม่หลงลืมตัวว่าตัวเองนั้นเป็นได้แค่แมวไม่ใช่เสือ” อัญญาพูดทิ้งท้ายด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม น้ำเสียงหนักแน่นก่อนเดินจากไป “เฮ่ออออ.... ฉันควรจะห่วงเธอ หรือห่วงอีกฝ่ายที่คิดเล่นงานเธอดีล่ะเนี้ยยย??” หลุยบ่นพึมพำกับตัวเองขณะที่มองหลังร่างงามที่กำลังเดินจากไป “เอ๊ะ...?? อยู่ไหนน๊าา.. ห้าวววว... สงสัยวันนี้ทำงานเหนื่อยจริงๆ หรือเปล่า??” อัญญาเดินเข้ามาในห้องแต่งตัวของเธอที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้อีกครั้งเพราะคิดว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ต้องการจัดการเธอที่ห้องนี้แน่ ถ้าหากเธอไม่แกล้งเดินมาติดกับเอง เธอก็คงไม่