เสน่หามนตรา
บทที่ 5 - ปราบพยศ
...ร่างกายสมส่วนเดินย่างกรายตามหลังราชิตตามคำเชิญของเชคฮบราฮิมที่ต้องการพบเธอ กว่าราชิตจะเอ่ยชวนได้ จนเธอนั้นยินยอมตามเขามา ตามที่นายเหนือหัวต้องการก็เล่นหมดน้ำลายไปหลายลิตร กว่าเธอนั้นจะยอมตามมาแต่โดยดีด้วยการยื่นข้อเสนอบางอย่างให้แก่เธอ นั่นคือค่าเสียเวลาต่อนาที แต่เธอคนนี้ก็แสนจะระวังตัวเองเป็นอย่างดี แต่เจตนาของราชิตแค่สนองให้นายเหนือหัวเท่านั้น ไม่ได้คิดปองร้ายเธอแม้แต่น้อย
"นายท่านรอพบคุณด้านในครับ"ราชิตบอกทันทีเมื่อเดินมาหยุดตรงประตูห้องรับรองบานใหญ่สุดหรูภายในโรงแรมที่ตกแต่งสุดตระการตาระดับเจ็ดดาว
"ฉันยังสงสัย...นายท่านของคุณต้องการพบฉันทำไม หรือโกรธที่ฉันเดินชน แต่ฉันก็ขอโทษไปแล้วนะ" ม่านฟ้ายืนกอดอกร่ายยาวอย่างหงุดหงิดแต่ก็จำยอมเดินเข้าไป เมื่อราชิตเปิดประตูให้ ไม่ได้เห็นแก่เงินค่าเสียเวลาหรอกนะ...ถ้าไม่มากพอ! ^○^
"ชริ!...ไม่มีปากหรือไงนะ" ม่านฟ้าไม่วายหันไปแขวะราชิตด้วยคำพูดภาษาไทยอย่างอารมณ์เสียและหงุดหงิด ก่อนจะเดินผ่านหน้าราชิตเข้าไป
...ห้องพักสุดหรูอลังการสีทอง เฟอร์นิเจอร์หรูหราตั้งตระหง่านจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ชายร่างสูงกำยำล่ำสันนั่งมองมายังม่านฟ้าด้วยแววตาเสน่หา แต่ม่านฟ้ากลับไม่ได้สนใจหนุ่มรูปงามเลยแม้แต่น้อย สายตาคมของม่านฟ้านั้นมองคล้อยไล่กวาดสายตาโดยรอบ ที่เอาแต่เชยชมความสวยงามตรงหน้าที่มันดึงดูดสายตาเธอเท่านั้น
"อะแฮ่ม"
"อุ้ย!" ม่านฟ้าสะดุ้งตัวโหยง เมื่อเสียงกระแอมดังขึ้นจนทำให้เธอนั้นหลุดจากภวังค์ และมองไปยังต้นเสียงทันที
"คุณไม่เห็นผมเหรอ" เชคฮบราฮิมรู้สึกเสียหน้าแต่ไม่กล้าแสดงออกเท่าไหร่ เมื่อม่านฟ้าไม่ได้สนใจมองเขาเลย เอาแต่เชยชมสิ่งปลูกสร้างที่มนุษย์ปั้นแต่งเท่านั้น
"ฉันขอเข้าเรื่องเลยแล้วกัน" ม่านฟ้าบอกออกไปด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษ
"เราไม่เคยรู้จักกัน...แล้วเรียกฉันมาพบทำไม ยิ่งใหญ่มาจากไหน แล้วถ้าจะว่าเรื่องที่ฉันชนคุณ ฉันก็ขอโทษไปแล้วด้วย!..." ม่านฟ้าร่ายยาวอย่างไม่ได้เกรงกลัวมาดนิ่งขรึมของชายตรงหน้าสักนิด เมื่อชายหนุ่มเอาแต่มองเธอหน้านิ่งไม่ยอมพูดอะไรที่เป็นเนื้อหาสาระ
"........." เชคฮบราฮิมไม่ตอบ ลุกยืนเต็มความสูงแล้วเดินเข้ามาหาม่านฟ้า คนตัวเล็กที่แผดเสียงดัง อย่างไม่เกรงกลัวเขาสักนิด ทั้งที่คนอื่นในอาหรับแค่ได้ยินชื่อของเขาก็ยังกลัวจนตัวสั่น
"เป็นใบ้หรือไง ถามก็ไม่ อื้อ....." คำพูดถูกสูบคืนลงลำคอระหงส์ เมื่อปากหนาประทับลงปิดกลีบปากบางทันที ที่เอาแต่พร่ำพรรณาร่ายยาวอย่างตำหนิจนเชคฮบราฮิมอดที่จะทำโทษไม่ได้ ดวงตาของม่านฟ้าเบิกกว้างอย่างตกใจ การจู่โจมบดจูบที่ไม่ทันตั้งตัว ทำให้ม่านฟ้าแน่นิ่งไปชั่วขณะอย่างกับโดนช็อตด้วยกระแสไฟ
...เมื่อสติกลับมาว่าร่างกายที่ถูกรุกล้ำ ม่านฟ้าพยายามถอยใบหน้าออกห่าง แต่เชคฮบราฮิมกับกดรั้งท้ายทอยให้แน่นิ่งอย่างบังคับ มือบางทุบตีลงไหล่กว้างแข็งแรงแต่ก็ไม่มีไหวติงใด ๆ ทั้งที่ม่านฟ้าทุบตีสุดแรงที่มี
...เมื่อพอใจกับการฉกชิมความหวานในโพรงปากสาว เชคฮบราฮิมจึงละริมฝีปากออกในระยะประชิด ดวงตาคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยวที่บินโฉบท่ามกลางทะเลทรายจ้องมองสบตาเข้าไปในดวงตากลมโตสีนิลนั้นอย่างเสน่หา
"ทำบ้าอะไรของคุณเนี้ย!" ม่านฟ้าถอยกรูออกห่าง แต่ถูกวงแขนแกร่งรวบรัดเข้าหาจนด้านหน้ากระทบกับอกแกร่งแข็งแรง "ปล่อยฉันนะ!...ไอ้โรคจิต!" คำสบประมาทที่เกิดมาไม่เคยมีใครกล้ากล่าวหาเชคฮบราฮิมสักครั้ง แต่ม่านฟ้ากลับสาดทอด่าเสียเทเสียอย่างไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
"หยุด!" คำปรามเสียงเข้มที่ทรงพลังเอ่ยขึ้น
"ไอ้โรจิต! ไอ้บ้า! ไอ้หื่นกาม ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้" ร่างบางดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแน่นของเชคฮบราฮิม แต่ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากพันธนาการได้ด้วยแรงหญิงที่มีน้อยนิดหรือจะสู้แรงชายชาตรีได้
"ถ้าไม่หยุดผมจะปล้ำคุณ ตรงนี้! ตอนนี้!" ได้ผลเมื่อคำขู่ที่แสนดุดันถูกพ่นออกมา ม่านฟ้าที่กำลังพยศสงบนิ่งชะงักงันทันที และส่งสายตาเคืองแค้นอย่างเอาเรื่องที่เขานั้นบังอาจพรากจูบแรกของเธอไป จูบที่เธอหวังจะมองให้ชายที่รัก
เชคฮบราฮิม ชายหนุ่มรูปงาม คมเข้ม ร่างกายกำยำล่ำสัน เป็นที่หมายตาของสาว ๆ แค่เพียงกระดิกนิ้วไม่กี่ที ก็มีหญิงสาวเข้าหา แต่กลับไม่ใช่ม่านฟ้าหญิงไทยคนนี้ ความมั่นใจในตัวเองถดถอยลงเมื่อถูกเธอนั้นสบประมาทด้วยคำด่าทอ ^ไอ้โรคจิต...หื่นกาม^ ชีคคาตำแหน่งหนึ่งเดียวที่สาวๆ ทั่วทั้งอาหรับอยากจะครอบครอง แต่เชคฮบราฮิมยังไม่ต้องตาถูกใจจะมอบตำแหน่งนี้ ที่ต้องเคียงกายเขาให้กับใครโดยง่าย หากไม่ใช่หญิงที่เขารัก
"อยู่เงียบ ๆ นิ่ง ๆ อย่าพยศให้มาก" เสียงเข้มดุดันสั่งการ
"คุณก็ปล่อยฉันสิ!" กลิ่นสาบสาวที่หอมหวนยั่วยวนเวียนวนในจมูก ทำให้เชคฮบราฮิมนั้นไม่อยากจะปล่อยออกห่าง แต่ก็ต้องยอมเมื่อสาวเจ้านั้นตวาดเสียงแข็ง...เธอคงไม่ใช่ง่าย ๆ เสียแล้ว ทรงคุณค่ากับตำแหน่งชีคคาเสียจริง นี่เขาคิดจริงจังกับคนที่เพิ่งเจอหน้าอย่างนั้นหรือ ? คำเตือนสติที่สงสัยที่ได้แต่ย้อนทวนในใจเท่านั้น "บ้าบอจริงๆ" เสียงสบถหยาบโพลนด้วยภาษาไทยหลุดรอดออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อเธอนั้นหลุดพ้นจากอ้อมกอดชายหนุ่ม
"ต้องการเท่าไหร่"
"อะไรต้องการเท่าไหร่"
"เงิน ทอง เครื่องเพชร บ้านหรือว่ารถ"
"บ้าบออะไรของคุณเนี้ย"
"อยากได้อะไร...แค่บอกผม"
"โอ้ย! นี่คุณ! ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด"
"บอกผมมา"
"นี่ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ ไม่อยากได้อะไรทั้งนั้น ไม่เอาเข้าใจไหม"
"อยากได้อะไร"
"นี่!...ทำไมคุณหน้ามึนขนาดนี้ ห๊ะ! ฉันทนไม่ไหวแล้วนะ!...ไอ้คนบ้าเอาแต่ใจ" ม่านฟ้าสุดจะทนกับสิ่งที่ชายหนุ่มพร่ำพูดโดยไม่สนใจคำถามและสิ่งที่เธอสงสัยสักนิด จนต้องตะเบงเสียงดังแหลมอย่างต่อต้าน ความทนทานของเชคฮบราฮิมก็เสียกระไร เขานั้นตั้งใจจะกลั่นแกล้งม่านฟ้าหรือว่าสิ่งที่พูดออกมานั้นเป็นดั่งที่พูดจริง ๆ จากส่วนลึกข้างใน
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา