เสน่หามนตรา
บทที่ 6 - แกล้ง
"ผมถามว่าต้องการเท่าไหร่" เชคฮบราฮิมยังคงพูดวนซ้ำเช่นเดิมอย่างกลั่นแกล้ง ท่าทางของม่านฟ้าเวลาเคืองโกรธโมโห มันดูน่ามอง น่าเสน่หามากสำหรับชายหนุ่ม จนเขานั้นอดใจแทบไม่ได้ อยากจะจัดการเธอให้สาสมกับคำด่าทอที่สาดใส่เขาเสียจริงเชียว แม่นางฟ้าเดินดิน
"ฉันไม่ได้ขายตัวนะ ไอ้บ้า!" ม่านฟ้าคนหน้านิ่งต้องหัวเสียหงุดหงิด เมื่อชายหนุ่มคิดเอาแต่มองเธอในแง่ลบ และพร่ำพูดแค่คำเดิม ๆ ออกมา
"นี่คุณ ฉันเสียเวลาไร้สาระกับคุณมามากพอแล้วนะ" และม่านฟ้าเริ่มป่วยการที่จะพูดต่อเมื่อเชคฮบราฮิมเอาแต่ถามแบบเดิมๆ วกวนจนเริ่มเอือมระอา ต้องเริ่มลดน้ำหนักเสียงอ่อนลงอย่างหน่าย ๆ
"ผมจะจ่ายค่าเสียเวลาให้ตามที่ราชิตเสนอให้แต่แรกที่เจรจากับคุณ" ให้ตายเถอะปกติเชคฮบราฮิมไม่เคยต้องพูดประโยคยาวขนาดนี้มาก่อน แต่กับม่านฟ้าเขาต้องเปลืองน้ำลายแค่ไหน
"เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้วค่ะ..." ม่านฟ้าเชิดหน้าพูดออกมาอย่างขึงขัง
"ทานข้าวกับผมสักครั้งหน่อยเป็นไร...ม่านฟ้า"
"เอ๋...คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไง " ดวงตาคมสีนิลเบิกกว้างทันใดเมื่อชื่อที่เธอไม่เคยบอกเขาสักครั้งแต่เขานั้นกลับพูดมันออกมา
"ไม่มีอะไรที่ผมอยากรู้แล้วไม่รู้" เชคฮบราฮิมผู้หล่อเหลาบอกกล่าวเสียงนิ่ง
"คุณเป็นใครกันแน่" ม่านฟ้าย้อนถามเสียงเรียบ แววตาสีนิลจ้องมองไปยังดวงตาคมกริบของเชคฮบราฮิมอย่างเป็นคำถาม เขารู้ชื่อเธอได้ยังไง ?
"เป็นใครไม่สำคัญ" เชคฮบราฮิมพูดเสียงเรียบในระยะประชิดม่านฟ้า
"สำคัญสิ...จะมาให้ฉันทานข้าวกับคนไม่รู้จักได้ยังไง ใส่อะไรให้ฉันกินก็ไม่รู้"
"ผมไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้น"
"บอกใครเขาจะเชื่อกันเล่าพ่อคู๊ณ" ม่านฟ้าสบถเสียงสูงสำเนียงภาษาไทยและเบือนหน้าหนี
"เชื่อเถอะ...ว่าผมเชื่อถือได้"
"คุณฟังออก!"
"ครับ" เชคฮบราฮิมเปล่งเสียงภาษาไทยที่ไม่ชัดถ้อยชัดคำแต่ก็ฟังออกว่าคือคำไหน และไม่แปลกที่เชคฮบราฮิมจะฟังภาษาไทยได้ แค่อาจจะฟังไม่กระจ่างทุกคำ เพราะธุรกิจที่เขาทำสืบทอดมารุ่นต่อรุ่น ไม่ได้ทำแค่ในประเทศเท่านั้น เขามีหุ้นส่วนที่เป็นชาวต่างชาติหลายภาษารวมถึงประเทศไทย...และก่อนหน้าเขาฟังม่านฟ้าออกแค่ไม่โต้ตอบเท่านั้น
"ฉันไม่ไว้ใจคุณ และขอปฏิเสธ" ม่านฟ้าพูดจบตัดบทหันหลังให้ชายหนุ่มหวังจะเดินจากไป แต่เขาก็คว้าข้อมือเล็กไว้ได้ทันท่วงที และกระตุกแขนเล็กจนม่านฟ้าเซถลา ร่างบางกระทบกับอกแกร่งแข็งแรง เชคฮบราฮิมยิ้มกริ่มในใจเมื่อเขาได้สัมผัสส่วนนุ่มนิ่มของม่านฟ้าส่วนนั้น เลือดลมในกายชายพลุ่งพล่านเหมือนถูกกระแสไฟแล่นผ่านเมื่อได้สัมผัสหญิงสาวแม้นมีเนื้อผ้าปิดกั้น
"หนึ่งหมื่น!"
"บ้าบออะไรของคุณอีกเนี้ย!" เสียงแหลมแผดขึ้นพร้อมหันประจันหน้ากับเขา พยายามสะบัดแขนและดิ้นพล่านหวังให้หลุดพ้นจากพันธนาการอ้อมกอดที่ชายหนุ่มนั้นฉวยโอกาสกับร่างกายเธอหลายครั้งเพียงแค่เจอกันไม่กี่นาที แต่ก็ช่างไร้ผล เมื่อยิ่งดิ้นรนเชคฮบราฮิมก็ยิ่งโอบรัดแน่นขึ้น
"ผมจะจ่ายค่าเสียเวลาในการที่คุณทานข้าวกับผม และเพิ่มอีกหนึ่งหมื่นดอลล่า" เชคฮบราฮิมบอกกล่าวร่ายยาว
"....คุณบ้าไปแล้ว" สิ่งที่ได้ยินทำเอาม่านฟ้าถึงกับหยุดนิ่งเงยหน้ามองอ้าปากเหวอฟังอย่างตกใจ หนึ่งหมื่นดอลล่า! ชายคนนี้บ้าไปแล้วแน่ ๆ นั่นมันไม่ใช่เงินจำนวนน้อยๆ มันมากมายสำหรับเธอ
"คุณจะได้รับค่าเสียเวลาทันทีหลังจากคุณตอบตกลง"
"........" ม่านฟ้านิ่งเงียบไม่ตอบกลับอะไร เขาเป็นใครกันแน่...หนึ่งใจก็ลังเล นั่นมันเงินจำนวนไม่น้อยเลยนะม่านฟ้า ก็แค่กินข้าว...ม่านฟ้าจ้องหน้าเชคฮบราฮิมอย่างสงสัย พร้อมความในใจที่กำลังวนเวียนว่าเธอจะเอายังไงต่อดี
"บราฮิม คือชื่อของผม....."
".............." ไร้เสียงหวานตอบกลับแม้เขาจะแนะนำชื่อตัวเอง เพราะม่านฟ้านั้นยังสงสัยในตัวชายคนนี้ อย่างไม่อาจที่จะยังไว้ใจเขาได้เพราะนี่มันไม่ใช่บ้านเมืองของเธอ
"ตกลงตามนี้" ชายหนุ่มตัดสินทันทีอย่างไม่รีรอให้ม่านฟ้าได้พูดต่อ ใบหน้าเหลอหลาของม่านฟ้า มองสบตาเขาอย่างงวยงงไร้สติสัมปัชชัญญะ เขาก็หาได้สนใจไม่ เพราะเวลานี้เขารู้แค่เพียงต้องการทานข้าวกับสาวเจ้าเท่านั้น ใบหน้าเรียวสวยเสลา ดวงตาคมสีนิล เรียวปากเล็กได้รูป คิ้วดกดำเรียงตัวอย่างมีทรวดทรง เขาอยากมองมันนาน ๆ และต้องการมีเธอเคียงกายในทุกเวลา แต่ว่าคงไม่ใช่ตอนนี้เดี๋ยวนางฟ้าเดินดินของเขาจะตกใจไปมากกว่านี้ เหยื่อแตกตื่นอดชื่นมื่นกันพอดี
"เดี๋ยว ๆ คุณ!..." ม่านฟ้าแผดเสียงขึ้นเมื่อถูกลากอย่างไม่ทันตั้งตัว ชายหนุ่มลากเธอเดินไปยังโต๊ะอาหารที่ถูกจัดเตรียมไว้ เสียงหายใจแรงฟึดฟัดเมื่อเขาต้องมาทำอะไรในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่เคยตามผู้หญิงขนาดนี้ความอดทนที่มีจึงเริ่มหดหายลง
"ผมเริ่มจะหมดความอดทน" เชคฮบราฮิมถอนหายใจอย่างหน่าย ๆ เพราะไม่เคยที่จะใช้เวลาในการพูดคุยกับหญิงใดนานเท่าม่านฟ้ามาก่อน เขาไม่ชิน! ปกติมีแต่คนเสนอและเขาแค่เพียงสนองตอบ เขาคงต้องใช้บทเถื่อนเล็ก ๆ เพื่อกำราบหญิงนางนี้เสียแล้ว
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา