อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ แต่ในเวลานี้สายตาเขาจับจ้องไปskแม่สาวที่กำลังกอดชลาลัยอยู่ ท่าทางของมีนาเข้มแข็งมากตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะมองใครนอกจากปลอบประโลมพี่สาวคนสวยเพียงอย่างเดียว
"ไม่เป็นไรแล้วพี่ลัย สงสัยต้องนิมนต์ท่านมาปัดเสนียดจัญไรพวกหน้าเลือดหน่อยแล้ว" มีนาพนมมือไหว้พระพุทธรูปก่อนจะอุ้มอัญเชิญเข้าไปในห้องทำงานตามเดิม
เธอเพิ่งรู้ว่าพี่สาวไม่ได้อยู่กับคุณนายสร้อยทองเพียงลำพัง หากแต่มีใครบางคนที่หญิงสาวไม่อยากเจออยู่ด้วย มาทำอะไรที่นี่ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไร
"ทำไมไม่กลับไปอีก" มีนาเอ่ยขึ้นลอยๆ จงใจให้ใครบางคนได้ยิน
แต่ไม่เจาะจงชื่อว่าเป็นใครเพราะไม่ต้องการพูดด้วย และเข้าใจว่าอีกไม่กี่นาทีคนที่ไม่อยากเจอตลอดชีวิตก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้าแล้ว
หลังจากที่กลับมาห้องพักของตน มีนาสั่งตัวเองว่าให้เข้มแข็งทั้งที่น้ำตาพรั่งพรูออกมาอย่างสุดกลั้น ต้องทำใจและเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ ที่สำคัญให้กำลังใจว่าจะไม่ได้เจอคนที่ฉวยโอกาสอีกแล้ว เรื่องทุกอย่างจบและจะเป็นความลับอยู่ในใจไปจนตาย
ทว่าเมื่อออกมาและเผชิญหน้ากับตัวต้นเรื่องอีกครั้ง มีนาก็ไม่อาจทำใจได้อย่างที่คิดแต่แรก ยิ่งเกิดเรื่องกับชลาลัยเห็นพี่สาวร้องไห้ถูกคนใจร้ายรังแก มันยิ่งทำให้หัวใจของหญิงสาวหดหู่และท้อแท้กับชีวิตมากขึ้นไปอีก
แต่เธอก็ต้องเรียกกำลังใจตนเองกลับมา เรื่องส่วนตัวไม่สำคัญเท่ากับการปกป้องพี่สาวจากคนเอาเปรียบอย่างคุณนายสร้อยทอง เพียงแต่ว่าแค่เห็นหน้าอีธานและรู้ว่ากำลังจะกลับไปจากเกาะหวนแล้ว หัวใจที่สับสนยิ่งรู้สึกแห้งแล้งหมดน้ำหล่อเลี้ยงลงไปเฉยๆ มันโหวงเหวงอธิบายไม่ถูก ได้แต่บอกกับตัวเองว่าอยากให้เขาไปให้พ้นหน้าเร็วๆ ทั้งที่เสียงข้างในมันคล้ายจะสะอื้น
"คุณอีธานคะ ขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจ รีบไปที่ล็อบบี้เถอะค่ะเดี๋ยวจะไม่ทันเรือ" ชลาลัยพยายามจะส่งยิ้มหวานที่ยังมีคราบน้ำตาอาบแก้มให้กับแขกเพียงรายเดียวของเดือนนี้ แขกที่มาต่อลมหายใจให้กับจันทร์เจ้ารีสอร์ท
" ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นพอจะบอกผมได้ไหม" ชายหนุ่มอยากรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้มากกว่า และอยากจะมีโอกาสได้คุยกับมีนาอีกสักครั้ง
"ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นนัก ไล่แล้วยังไม่ไปอีก" มีนาเสียงเข้มเอ่ยขึ้นลอยๆ ไม่มองหน้าใครทั้งสิ้น
" ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณอีธานอย่าสนใจเลย เดินทางกลับกรุงเทพฯอย่างปลอดภัยนะคะ" ชลาลัยอวยพรอีกครั้ง
"ผู้หญิงคนเมื่อกี้มาทวงเงินค่าอะไรครับ หนี้อะไร"
"เอ่อ คือ" ชลาลัยอึกอักไม่รู้จะอธิบายอย่างไรดี
"ค่าอะไรก็ช่าง มันเรื่องของเราไม่เกี่ยวกับคุณ หน้าที่คุณคือไปขึ้นเรือ" แล้วไม่ต้องมาที่นี่อีก มีนาต่อเองในใจ
"คุณเป็นแขกไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องของรีสอร์ท"
"มีน ไม่เอาน่า คุณอีธานขอโทษด้วยที่ยัยมีนพูดอะไรไม่น่ารัก"
"รีบไปที่ล็อบบี้เถอะค่ะ ป่านนี้เรือมารอแล้ว"
ชลาลัยอยากให้ชายหนุ่มไปเตรียมตัวสำหรับเดินทางมากกว่าจะมาอยู่ที่นี่ และต้องการสมาธิเพื่อตั้งสติสำหรับแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
"มีอะไรให้ผมช่วยไหม" อีธานถามอีกครั้ง นี่ใกล้ที่จะถึงเวลาที่เรือจะออกแล้ว เขาคงอยู่ได้ไม่นานแต่ก็อยากที่จะคุยกับมีนาให้รู้เรื่อง
"ไม่ต้อง เราจัดการทุกอย่างเองได้ กลับบ้านคุณไปซะ" มีนาไล่อีกครั้ง
แม้ปากจะไล่ให้ไปและบอกว่าไม่ได้โหยหาให้เขากลับมา แต่ตอนนี้หัวใจของมีนาเริ่มจะร้องไห้เมื่อคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา ความสาวที่รักษามาชั่วชีวิตมลายหายไปชั่วข้ามคืนกับความสัมพันธ์ที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ที่แย่ไปกว่านั้นคือ คนที่พรากความภูมิใจอยู่ตรงหน้าแต่กำลังจะจากไปชั่วนิรันดร์
"เป็นหนี้แสดงว่าการเงินมีความผิดพลาด ถ้าไม่รีบหาทางแก้ไขสักวันจะถึงทางตันที่แก้ไม่ออก" อีธานเอ่ยอย่างเป็นงานเป็นการต่อไปอีกว่า
"ผมแนะนำว่าควรหาทางออกก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นดอกเบี้ยและเงินต้นที่เพิ่มขึ้นทุกวันมันจะทำให้คุณไม่มีทางฟื้นได้ง่ายๆ"
"ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า ถ้าเราเป็นแค่หนี้แบงก์รับรองว่าไม่ใช่แบบนี้แน่" มีนาตอบโต้กลับ
"ถ้างั้นคุณควรจัดการหนี้นอกระบบให้หมดไป แล้วทำให้ทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง ถ้าคิดจะเป็นหนี้อีกครั้งคุณควรหาดอกเบี้ยที่ถูกซึ่งนั้นก็คือแบงก์"
"คุณอีธานคะ ขอบคุณมากค่ะ แต่เราจัดการกันเองได้จริงๆ" ชลาลัยยิ้มรับคำแนะนำของอีธานจากใจจริง ท่าทางเขาเหมือนมีความรู้เรื่องระบบการเงินเป็นอย่างดีทีเดียว
"คุณต้องการคนช่วยไหม ชลาลัย" จู่ๆ อีธานก็หันมาหาหญิงสาว
"ถ้ารีสอร์ทต้องการระดมทุนแต่ตอนนี้ยังไม่พร้อมกู้แบงก์ คุณควรหาหุ้นส่วนที่มีเงินสดมาเพิ่มสภาพคล่องก่อน"
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา "ฉันจะกลับไปที่เกาะนั่น เจ้าของรีสอร์ทสนใจที่จะลงทุนด้วย" อีธานแวะมาบอกเจ้าของบ้านที่กำลังหงุดหงิดเพราะคู่หมั้นหายไปตั้งแต่เช้า เห็นเพื่อนรักท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษทำให้ธามคิดว่าอีธานคงดีใจที่จะได้ไปในสถานที่ชอบอีกครั้ง ทะเลกับปลาไหลคงเป็นของคู่กันไปแล้ว แต่เปล่าเลย ที่อีธานดีใจไม่ใช่เพราะชลาลัยตัดสินใจเชิญเขาไปฟังเงื่อนไขบางอย่างที่เกาะหวน แต่เป็นเพราะชายหนุ่มจะมีโอกาสได้จัดการกับข้อกังขาที่อยู่ในใจมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่กลับมา ภายหลังจากที่กลับมาจากเกาะหวน อีธานมีเวลาทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมีนา สิ่งหนึ่งที่เป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ มีนาท้อง เพราะคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกัน ดังนั้นถึงตกลงกับเจ้าตัวไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีเด็กเกิดขึ้นอีธานก็ไม่มีวันปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเ
คำแนะนำของอีธานเป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย แต่ปัญหาของจันทร์เจ้ารีสอร์ทไม่ใช่แค่หนี้สิ้นที่พอกเป็นหางหมูเท่านั้น แต่ยังติดปัญหาอื่นซึ่งไม่รู้ว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไรด้วยต่างหาก "ใครจะกล้ามาลงทุนกับรีสอร์ทเล็กๆ อย่างเรา" ชลาลัยพูดอย่างหมดหวัง ความงดงามของทิวทัศน์ที่ตนเองเป็นเจ้าของแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรือให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่ไม่มีมิตรภาพหรือความสนใจ หากแต่อิทธิพลของคนที่อยากครอบครองพื้นที่ต่างหาก ที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวพร้อมทั้งบีบให้จันทร์เจ้ารีสอร์ทค่อยๆ ตายลงทีละน้อย เพื่อหวังให้ในที่สุดชลาลัยจะยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกตกทอดให้กับนายทุนเจ้าเล่ห์ที่รออยู่ทุกขณะ "แต่เราก็จะดิ้นให้ถึงที่สุดใช่ไหม พี่ลัย" มีนากุมมือปลอบใจพี่สาว "ใช่ เราจะสู้ไปด้วยกัน" พี่สาวคนสวยฝืนยิ้มออกมาได้อีกครั้ง&nb
อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ แต่ในเวลานี้สายตาเขาจับจ้องไปskแม่สาวที่กำลังกอดชลาลัยอยู่ ท่าทางของมีนาเข้มแข็งมากตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะมองใครนอกจากปลอบประโลมพี่สาวคนสวยเพียงอย่างเดียว "ไม่เป็นไรแล้วพี่ลัย สงสัยต้องนิมนต์ท่านมาปัดเสนียดจัญไรพวกหน้าเลือดหน่อยแล้ว" มีนาพนมมือไหว้พระพุทธรูปก่อนจะอุ้มอัญเชิญเข้าไปในห้องทำงานตามเดิม เธอเพิ่งรู้ว่าพี่สาวไม่ได้อยู่กับคุณนายสร้อยทองเพียงลำพัง หากแต่มีใครบางคนที่หญิงสาวไม่อยากเจออยู่ด้วย มาทำอะไรที่นี่ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไร "ทำไมไม่กลับไปอีก" มีนาเอ่ยขึ้นลอยๆ จงใจให้ใครบางคนได้ยิน แต่ไม่เจาะจงชื่อว่าเป็นใครเพราะไม่ต้องการพูดด้วย และเข้าใจว่าอีกไม่กี่นาทีคนที่ไม่อยากเจอตลอดชีวิตก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้าแล้ว หลังจากที่กลับ
เรือพร้อมจะไปส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งในอีกครึ่งชั่วโมง ธามเตรียมตัวพร้อมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในขณะที่อีธานเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ค้างคาใจในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามหาทางพบมีนาตั้งแต่ที่หญิงสาววิ่งหนีหายไป แต่ไร้เงาราวกับว่าไม่ได้อยู่ในจันทร์เจ้ารีสอร์ทนี้ ทางเดียวที่อีธานจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็คงต้องถามชลาลัยเท่านั้น เขาจึงให้ธามรออยู่ที่ล็อบบี้แล้วกลับไปที่ออฟฟิศทันที อีธานเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าออฟฟิศของจันทร์เจ้ารีสอร์ท ก็ได้พบกับชลาลัยอีกครั้ง แต่วันนี้สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดจนไม่เหลือรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าอีกเลย "สวัสดีค่ะ จะกลับวันนี้แล้วใช่ไหมคะ" ชลาลัยพยายามจะยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้า แต่ตอนนี้เรื่องที่กำลังปวดหัวทำให้ยิ้มไม่ออกสักเท่าไร "ครับ เอ่อ คุณ เอ่อ คือ" อีธานไม่รู้จะเริ่มต้นถามถึงมีนาอย่างไร
สายของวันถัดมามีนาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่างกายเมื่อยล้าและปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนลงเล่นน้ำทะเลดึกมากไปหน่อยเช้านี้ก็เลยพาลจะไม่สบายเอาหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำไปทำธุระ มีนาชะงักเมื่อเตียงที่กำลังนอนและห้องที่อยู่ในเวลานี้ไม่ใช้ห้องนอนของตน แต่มันเป็นห้องพักห้องใดห้องหนึ่งในรีสอร์ทและตอนนี้มีเสียงใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล"ครับ วิกกี้ ขอบคุณมากที่นึกถึงผม เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ" อีธานอวยพรอดีตคู่ขาที่วันนี้โทรศัพท์มาร่ำลาว่าจะกลับประเทศของตนแล้ว"ถ้าปีหน้าคุณมางานทอมอีก เราก็อาจจะได้เจอกันอีกแต่ถึงตอนนั้นคุณคงจำผมไม่ได้แล้ว เพราะผู้หญิงสวยอย่างคุณคงมีคนมารายล้อมมากมายจนลืมผู้ชายกระจอกๆ อย่างผมไปเลยน่ะซิครับ" อีธานเหลือบมาเห็นมีนารู้สึกตัวแล้ว เพียงแค่เห็นสีหน้าก็รู้ว่านาทีต่อจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น"บายครับ วิกกี้ ผมจะคิดถึงคุณนะ""อุ๊บ..."หมอนใบใหญ่เขวี้ยงมาที่หน้าแม่นยำราวกับมืออาชีพ อีธานกำลังจะอ้าปากพูดแต่เปลี่ยนใจวิ่งหาที่หลบภัยจากข้าวของที
มีนาเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจว่าจะมีใครรออยู่ อีธานรีบวิ่งตามออกมาแล้วคว้าแขนหญิงสาวไว้ "ปล่อยนะ" เจ้าตัวสะบัดไม่ยอมให้จับ "เรายังไม่ได้คุยกันเลย" อีธานไม่ยอมปล่อย "ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อย" มีนาออกแรงสะบัดแขนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยึดเอาไว้แน่นซ้ำยังรวบสองมือไว้ ดึงเข้ามาหาไม่ยอมปล่อยไปไหนอีกด้วย "ถ้าไม่คุยกันดีๆ เราไปคุยต่อหน้าพี่สาวคุณก็ได้ เอาไหม" ท่าทางอีธานเอาจริงแน่ "ขู่ฉันเหรอ" หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ "ไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริง หรือจะไปตอนนี้เลยก็ได้ เมื่อเช้าคุณลัยเพิ่งถามว่าไปเที่ยวเมื่อคืนสนุกไหม คุณอยากให้ผมตอบไหมล่ะว่าสนุกจนเกือบโต้รุ่ง แต่คนที่สนุกคือคุณไม