รักเราเริ่มที่เกาะหวน สาวชาวเกาะธรรมดาคนไหน ไฉนเลยทำให้ปลาไหลอย่างอีธาน นายธนาคารนักรักตายน้ำตื้นได้ แบบนี้มันต้องพิสูจน์เสียหน่อยแล้วว่า สาวงามแห่งเกาะหวนมีดีแค่ไหน "ทูนหัวจ๋า" "ที่รักขา" หวานกันขนาดนี้จะรอช้าได้ไง
View Moreคนบนเรือทยอยหยิบสัมภาระของตนมาถือไว้ เสียงตะโกนลั่นบอกว่าอีกไม่กี่นาทีจะถึงฝั่ง เมื่อเรือจอดสนิททุกคนทยอยลงและไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้
"สวยมาก" ทะเลในโลกที่ว่าสวยเขาไปสัมผัสมาเกือบหมด แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนทีมีมนต์เสน่ห์ดึงดูดให้ต้องข้ามฟ้ามาเยือนถึงถิ่นเท่าครั้งนี้ เกาะหวน...
"ไหนล่ะ คนที่จะมารับเรา" ธาม ไกรศรหรือทอม หนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษถามขึ้นคำแรกเมื่อก้าวลงจากเรือ
คนที่มาด้วยมัวแต่ชื่นชมกับความงดงามของสายลมแสงแดด และน้ำทะเลที่ใสจนมองเห็นผืนทรายใต้ล่าง เพราะเคยแต่ชื่นชมผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อได้มาสัมผัสจริงก็พบว่างดงามกว่าที่เห็นเป็นร้อยเท่า จึงไม่ทันได้ฟังคำถามของผู้ร่วมเดินทางที่มีสีหน้าหงุดหงิดในเวลานี้
"อีธาน แกจะมองทะเลอีกนานไหม ไหนล่ะ คนจากรีสอร์ทที่จะมารับเรา" ธามเอ่ยซ้ำด้วยความหงุดหงิด
คนอื่นที่เดินทางมาพร้อมกันต่างมีคนรับไปเกือบหมดแล้ว แต่ไม่เห็นมีป้ายรีสอร์ทที่อีธานบอกว่าเป็นที่พักของค่ำคืนนี้
"แกเป็นอะไรทอม หงุดหงิดเหมือนคนแก่ไปได้ บอกแล้วไงว่าให้เอาคู่หมั้นมาด้วยจะได้อารมณ์ดีขึ้น" อีธาน แอนเดอร์ลีย์ ทายาทเจ้าของธนาคารชื่อดังของเกาะอังกฤษวัยยี่สิบแปดปีมองหน้าเพื่อนรักด้วยความแปลกใจ
นับจากที่ธามเข้าพิธีหมั้นอย่างจำใจกับรติรส คู่หมั้นสาวสวยที่บิดาหามาให้เพื่อนรักกลายเป็นคนขี้หงุดหงิดเห็นอะไรขวางหูขวางตาไปหมด ทั้งที่เมื่อก่อนเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าคู่นี้แสนอารมณ์ดีและมีเสน่ห์ต่อคนรอบข้างที่พบเห็นเสมอ
"อย่าพูดถึงยัยผีดิบได้ไหม หมดอารมณ์มาเที่ยวกันพอดี" ธามชักสีหน้าอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว
"โอเค ไม่พูดก็ไม่พูด เดี๋ยวก่อนนะ" อีธานหยิบเศษกระดาษในกระเป๋ากางเกงออกมาดู
"อะไรของนาย"
'จันทร์เจ้ารีสอร์ท' มีเบอร์โทรศัพท์พร้อมแผนที่เรียบร้อย แต่ทำไมมันถึงได้ถูกวาดใส่เศษกระดาษมาแทนที่จะเป็นนามบัตรหรือเรียบร้อยกว่านี้
"ศรุตเขียนให้" อีธานเฉลย
"โอเค แล้วไงต่อ" ธามค่อยโล่งใจขึ้น เพราะรู้ดีว่าศรุตเพื่อนรักอีกคนเป็นนักจัดการที่เรียบร้อยทุกอย่าง แน่นอนว่าถ้าศรุตเป็นคนหาที่พักให้ทุกอย่างต้องออกมาสมบูรณ์แน่
"เขาจะมารับเมื่อไร" ธามถามทันที เมื่อเห็นอีธานวางสายโทรศัพท์เพื่อติดต่อไปที่รีสอร์ท
"เขา..." อีธานยังไม่ทันตอบก็มีเสียงตะโกนเรียกชื่อทั้งสองคนมาแต่ไกล
"คุณธามและคุณอีธานใช่ไหมครับ"
ทั้งสองหันไปมองหาตามต้นเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งผิวสองสีเดินตรงมาหาทั้งคู่ พร้อมกับทักทายเป็นภาษาอังกฤษด้วยความคล่องแคล่ว
"เชิญครับ ผมมนัส ขอต้อนรับสู่จันทร์เจ้ารีสอร์ท" ว่าแล้วเขาก็เดินนำนักท่องเที่ยวทั้งสองลัดไปทางป่าริมหาด โดยไม่มีพาหนะใดมารับนอกจากสองเท้าที่ก้าวตามไปอย่างช้าๆ
คนที่มีความสุขมากที่สุดจะเป็นใครไม่ได้นอกจากอีธาน เพราะทันทีที่ถึงที่พักเขาก็ไม่ทำอะไร นอกจากวิ่งลงทะเลไปดำผุดดำว่ายราวกับเป็นฉลามหนุ่มอย่างมีสบายใจ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าคนที่มาด้วยจะมีสีหน้าเคร่งเครียดขนาดไหน
"เป็นอะไรอีกล่ะ ทอม" อีธานถามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเดินขึ้นมานั่งพักที่ริมหาดหลังจากที่เล่นน้ำทะเลโต้คลื่นเพียงคนเดียวอย่างมีความสุข
"นายแน่ใจนะว่า คืนนี้เราจะนอนที่นี่" ธามแทบไม่อยากเชื่อว่านี่คือรีสอร์ที่ศรุตหาให้
บ้านไม้ระแนงริมหาดที่แสนธรรมดาคือที่พักของสองหนุ่มในคืนนี้ ธามพยายามติดต่อกลับไปหาศรุตเพื่อถามให้แน่ใจว่า จันทร์เจ้ารีสอร์ทที่ชายหนุ่มหาให้คือที่นี่ไม่ผิดแน่ใช่ไหม เพราะว่ามัน...
"บ้านเก่ามาก แกเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน" ธามมั่นใจว่าอีธานไม่มีทางที่จะพักในสถานที่ที่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ แม้กระทั่งโทรทัศน์สักเครื่องแน่
สองหนุ่มเดินกลับเข้ามาในบ้านพัก ธามแสนประหลาดใจเมื่อไม่เห็นอีธานทำท่าไม่อยากอยู่ ตรงกันข้ามเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำฮัมเพลงอย่างมีความสุขอีกต่างหาก
"ฉันขอให้ศรุตหาที่พักแบบนี้ให้เอง" ชายหนุ่มเฉลยหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ
"ฉันอยากมาเที่ยวทะเลแบบไม่ต้องนอนแอร์ ไม่มีอะไรนอกจากทะเลแล้วก็ทะเล"
ธามกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง ที่นี่ไม่มีอะไรนอกจากทะเลจริงๆ อย่างที่อีธานพูด เตียงนอนกลางห้องมีมุ้งสีขาวใบใหญ่กันยุงให้ ห้องน้ำมีเพียงอ่างล้างหน้าชักโครกและฝักบัวธรรมดา ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นไม่มีอ่างให้นอนแช่ ที่สำคัญมีลมธรรมชาติเป็นเครื่องทำความเย็นแทนแอร์คอนดิชั่น
"แน่ใจนะว่าจะอยู่" ธามถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
สำหรับตนเองไม่เท่าไรเพราะแค่สามวันที่มาพักผ่อนอยู่อย่างไรก็ได้ แต่สำหรับลูกชายนายธนาคารใหญ่ที่เคยชินกับความเลิศหรูทุกอย่าง ชายหนุ่มไม่มั่นใจว่าพ่อนักท่องเที่ยวรักทะเลคนนี้จะอยู่ได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
ทั้งสองมารับประทานอาหารค่ำที่ทางรีสอร์ทจัดไว้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาพัก ธามสังเกตเห็นว่านอกจากโต๊ะของตนกับอีธานแล้วแทบไม่เห็นแขกคนอื่นเลย
"รับอะไรเพิ่มไหมคะ" เสียงหวานหูทำให้สองหนุ่มเงยหน้ามองหา
"รีสอร์ทเรามีอาหารขึ้นชื่อหลายอย่าง ที่เสิร์ฟอยู่ตอนนี้คือทะเลคลั่งค่ะ" สาวน้อยหมายถึงเมนูปลารสชาติจัดจ้านที่อีธานกินจนน้ำหูน้ำตาไหลอยู่ในตอนนี้
"ส่วนอันนี้คือแปดขาพลีชีพค่ะ" เธอชี้ไปที่ไข่เจียวปูเครื่องเคียงที่ทานคู่กับทะเลคลั่งได้เป็นอย่างดี
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา "ฉันจะกลับไปที่เกาะนั่น เจ้าของรีสอร์ทสนใจที่จะลงทุนด้วย" อีธานแวะมาบอกเจ้าของบ้านที่กำลังหงุดหงิดเพราะคู่หมั้นหายไปตั้งแต่เช้า เห็นเพื่อนรักท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษทำให้ธามคิดว่าอีธานคงดีใจที่จะได้ไปในสถานที่ชอบอีกครั้ง ทะเลกับปลาไหลคงเป็นของคู่กันไปแล้ว แต่เปล่าเลย ที่อีธานดีใจไม่ใช่เพราะชลาลัยตัดสินใจเชิญเขาไปฟังเงื่อนไขบางอย่างที่เกาะหวน แต่เป็นเพราะชายหนุ่มจะมีโอกาสได้จัดการกับข้อกังขาที่อยู่ในใจมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่กลับมา ภายหลังจากที่กลับมาจากเกาะหวน อีธานมีเวลาทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมีนา สิ่งหนึ่งที่เป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ มีนาท้อง เพราะคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกัน ดังนั้นถึงตกลงกับเจ้าตัวไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีเด็กเกิดขึ้นอีธานก็ไม่มีวันปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเ
คำแนะนำของอีธานเป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย แต่ปัญหาของจันทร์เจ้ารีสอร์ทไม่ใช่แค่หนี้สิ้นที่พอกเป็นหางหมูเท่านั้น แต่ยังติดปัญหาอื่นซึ่งไม่รู้ว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไรด้วยต่างหาก "ใครจะกล้ามาลงทุนกับรีสอร์ทเล็กๆ อย่างเรา" ชลาลัยพูดอย่างหมดหวัง ความงดงามของทิวทัศน์ที่ตนเองเป็นเจ้าของแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรือให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่ไม่มีมิตรภาพหรือความสนใจ หากแต่อิทธิพลของคนที่อยากครอบครองพื้นที่ต่างหาก ที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวพร้อมทั้งบีบให้จันทร์เจ้ารีสอร์ทค่อยๆ ตายลงทีละน้อย เพื่อหวังให้ในที่สุดชลาลัยจะยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกตกทอดให้กับนายทุนเจ้าเล่ห์ที่รออยู่ทุกขณะ "แต่เราก็จะดิ้นให้ถึงที่สุดใช่ไหม พี่ลัย" มีนากุมมือปลอบใจพี่สาว "ใช่ เราจะสู้ไปด้วยกัน" พี่สาวคนสวยฝืนยิ้มออกมาได้อีกครั้ง&nb
อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ แต่ในเวลานี้สายตาเขาจับจ้องไปskแม่สาวที่กำลังกอดชลาลัยอยู่ ท่าทางของมีนาเข้มแข็งมากตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะมองใครนอกจากปลอบประโลมพี่สาวคนสวยเพียงอย่างเดียว "ไม่เป็นไรแล้วพี่ลัย สงสัยต้องนิมนต์ท่านมาปัดเสนียดจัญไรพวกหน้าเลือดหน่อยแล้ว" มีนาพนมมือไหว้พระพุทธรูปก่อนจะอุ้มอัญเชิญเข้าไปในห้องทำงานตามเดิม เธอเพิ่งรู้ว่าพี่สาวไม่ได้อยู่กับคุณนายสร้อยทองเพียงลำพัง หากแต่มีใครบางคนที่หญิงสาวไม่อยากเจออยู่ด้วย มาทำอะไรที่นี่ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไร "ทำไมไม่กลับไปอีก" มีนาเอ่ยขึ้นลอยๆ จงใจให้ใครบางคนได้ยิน แต่ไม่เจาะจงชื่อว่าเป็นใครเพราะไม่ต้องการพูดด้วย และเข้าใจว่าอีกไม่กี่นาทีคนที่ไม่อยากเจอตลอดชีวิตก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้าแล้ว หลังจากที่กลับ
เรือพร้อมจะไปส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งในอีกครึ่งชั่วโมง ธามเตรียมตัวพร้อมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในขณะที่อีธานเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ค้างคาใจในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามหาทางพบมีนาตั้งแต่ที่หญิงสาววิ่งหนีหายไป แต่ไร้เงาราวกับว่าไม่ได้อยู่ในจันทร์เจ้ารีสอร์ทนี้ ทางเดียวที่อีธานจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็คงต้องถามชลาลัยเท่านั้น เขาจึงให้ธามรออยู่ที่ล็อบบี้แล้วกลับไปที่ออฟฟิศทันที อีธานเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าออฟฟิศของจันทร์เจ้ารีสอร์ท ก็ได้พบกับชลาลัยอีกครั้ง แต่วันนี้สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดจนไม่เหลือรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าอีกเลย "สวัสดีค่ะ จะกลับวันนี้แล้วใช่ไหมคะ" ชลาลัยพยายามจะยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้า แต่ตอนนี้เรื่องที่กำลังปวดหัวทำให้ยิ้มไม่ออกสักเท่าไร "ครับ เอ่อ คุณ เอ่อ คือ" อีธานไม่รู้จะเริ่มต้นถามถึงมีนาอย่างไร
สายของวันถัดมามีนาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่างกายเมื่อยล้าและปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนลงเล่นน้ำทะเลดึกมากไปหน่อยเช้านี้ก็เลยพาลจะไม่สบายเอาหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำไปทำธุระ มีนาชะงักเมื่อเตียงที่กำลังนอนและห้องที่อยู่ในเวลานี้ไม่ใช้ห้องนอนของตน แต่มันเป็นห้องพักห้องใดห้องหนึ่งในรีสอร์ทและตอนนี้มีเสียงใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล"ครับ วิกกี้ ขอบคุณมากที่นึกถึงผม เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ" อีธานอวยพรอดีตคู่ขาที่วันนี้โทรศัพท์มาร่ำลาว่าจะกลับประเทศของตนแล้ว"ถ้าปีหน้าคุณมางานทอมอีก เราก็อาจจะได้เจอกันอีกแต่ถึงตอนนั้นคุณคงจำผมไม่ได้แล้ว เพราะผู้หญิงสวยอย่างคุณคงมีคนมารายล้อมมากมายจนลืมผู้ชายกระจอกๆ อย่างผมไปเลยน่ะซิครับ" อีธานเหลือบมาเห็นมีนารู้สึกตัวแล้ว เพียงแค่เห็นสีหน้าก็รู้ว่านาทีต่อจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น"บายครับ วิกกี้ ผมจะคิดถึงคุณนะ""อุ๊บ..."หมอนใบใหญ่เขวี้ยงมาที่หน้าแม่นยำราวกับมืออาชีพ อีธานกำลังจะอ้าปากพูดแต่เปลี่ยนใจวิ่งหาที่หลบภัยจากข้าวของที
มีนาเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจว่าจะมีใครรออยู่ อีธานรีบวิ่งตามออกมาแล้วคว้าแขนหญิงสาวไว้ "ปล่อยนะ" เจ้าตัวสะบัดไม่ยอมให้จับ "เรายังไม่ได้คุยกันเลย" อีธานไม่ยอมปล่อย "ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อย" มีนาออกแรงสะบัดแขนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยึดเอาไว้แน่นซ้ำยังรวบสองมือไว้ ดึงเข้ามาหาไม่ยอมปล่อยไปไหนอีกด้วย "ถ้าไม่คุยกันดีๆ เราไปคุยต่อหน้าพี่สาวคุณก็ได้ เอาไหม" ท่าทางอีธานเอาจริงแน่ "ขู่ฉันเหรอ" หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ "ไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริง หรือจะไปตอนนี้เลยก็ได้ เมื่อเช้าคุณลัยเพิ่งถามว่าไปเที่ยวเมื่อคืนสนุกไหม คุณอยากให้ผมตอบไหมล่ะว่าสนุกจนเกือบโต้รุ่ง แต่คนที่สนุกคือคุณไม
Comments