เรือพร้อมจะไปส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งในอีกครึ่งชั่วโมง ธามเตรียมตัวพร้อมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในขณะที่อีธานเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ค้างคาใจในเวลานี้
ชายหนุ่มพยายามหาทางพบมีนาตั้งแต่ที่หญิงสาววิ่งหนีหายไป แต่ไร้เงาราวกับว่าไม่ได้อยู่ในจันทร์เจ้ารีสอร์ทนี้ ทางเดียวที่อีธานจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็คงต้องถามชลาลัยเท่านั้น เขาจึงให้ธามรออยู่ที่ล็อบบี้แล้วกลับไปที่ออฟฟิศทันที
อีธานเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าออฟฟิศของจันทร์เจ้ารีสอร์ท ก็ได้พบกับชลาลัยอีกครั้ง แต่วันนี้สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดจนไม่เหลือรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าอีกเลย
"สวัสดีค่ะ จะกลับวันนี้แล้วใช่ไหมคะ" ชลาลัยพยายามจะยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้า แต่ตอนนี้เรื่องที่กำลังปวดหัวทำให้ยิ้มไม่ออกสักเท่าไร
"ครับ เอ่อ คุณ เอ่อ คือ" อีธานไม่รู้จะเริ่มต้นถามถึงมีนาอย่างไร
"เดินทางปลอดภัยนะคะ ขอบคุณที่ใช้บริการรีสอร์ทของเรา ถ้ามีโอกาสก็แวะมาอีก"
"ยินดีครับ เอ่อ ผมมีอะไรจะถามหน่อย"
"คือ ผม..." อีธานยังพูดไม่ทันจบ เสียงโหวกเหวงโวยวายก็ดังมาแต่ไกล สุภาพสตรีแปลกหน้าท่านหนึ่งท่าทางเคร่งเครียดเดินตรงมาที่ทั้งสองยืนอยู่
"ไง แม่ชลาลัย ถึงวันนัดแล้วนะ หล่อนต้องให้ฉันข้ามน้ำข้ามทะเลมาหาอีกเมื่อไรถึงจะยอมจ่ายเงินให้ครบ"
"พี่สร้อยคะ คือว่า..."
"พี่สร้อยอะไร หล่อนเป็นน้องฉันตั้งแต่เมื่อไร ไหนล่ะ เงินที่หล่อนบอกจะให้เอามาซิ ฉันจะได้กลับขึ้นฝั่งซะที" คุณนายสร้อยทองแบมือทันที
"พี่สร้อยคะ ลูกค้ายังไม่เช็กเอ้าท์ลัยยังเก็บเงินไม่ได้ รอหน่อยนะคะ เดี๋ยวเย็นๆ ลัยจะเอาไปให้เอง" ชลาลัยรู้สึกอายเมื่อเห็นสายตาของอีธานที่มองตนทีมองคุณนายสร้อยทองทีด้วยความสงสัย
"ฉันไม่เสียเวลารอหรอกนะ เวลาเป็นเงินเป็นทอง หล่อนมีเท่าไรเอามาให้ฉันก่อนดีกว่า" นางไม่ยอมกลับไปมือเปล่าแน่
"แต่ว่า..."
"ผู้หญิงคนนี้ต้องการเงินเท่าไรครับ" ยิ่งอีธานถามแบบนี้ก็ยิ่งแสดงว่าเข้าใจในสิ่งที่คุณนายสร้อยทองพูด ชลาลัยยิ่งรู้สึกอับอายขายหน้ามากขึ้นไปอีก
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณอีธาน เรื่องนี้ฉันจัดการเอง ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ นี่ใกล้เวลาเรือจะออกแล้วคุณออกไปรอที่ล็อบบี้ดีกว่าค่ะ" ชลาลัยอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอีกแล้ว
"ห้าหมื่น ฉันต้องการเงินห้าหมื่น" คุณนายสร้อยทองพูดเสียงดังฟังชัด แถมยังทำมือทำไม้เป็นภาษาใบให้อีธานรู้อีกว่าห้าหมื่น
"อะไรกันคะ พี่สร้อย ลัยบอกแล้วไงว่าขอผ่อนดอกเบี้ยเดือนละหมื่นเดียวก่อน เงินห้าหมื่นลัยจะไปหามาให้จากไหนคะ" หญิงสาวพูดด้วยความตกใจ
ลำพังแค่ค่าที่พักสามวันของนักท่องเที่ยวรายเดียวในรอบเดือนนี้ จันทร์เจ้ารีสอร์ทก็มีเงินเข้ามาแค่ไม่ถึงห้าหมื่นด้วยซ้ำ ซึ่งเงินส่วนหนึ่งจะถูกนำไปจ่ายเป็นค่าอาหารสำหรับรับรองแขก และที่เหลือคือดอกเบี้ยที่ชลาลัยต้องจ่ายให้เจ้าหนี้หน้าเลือดอย่างคุณนายสร้อยทองทุกเดือน
ถ้าเดือนนี้ไม่มีแขกมาพักอีกเท่ากับว่าจะไม่มีรายได้เข้ามานอกจากนี้ เงินเดือนของพนักงานก็คงจะไม่ได้รับอีกเหมือนเคย
"ฉันไม่รู้ แต่ว่าวันนี้เธอต้องจ่ายฉันมาห้าหมื่นบาทขาดตัว" คุณนายสร้อยทองยืนยันคำเดิม
"แต่ว่า..."
"ไม่มีแต่ ถ้าหล่อนไม่จ่ายฉันห้าหมื่นวันนี้ งั้นฉันคงต้องขอดอกเบี้ยติดมือกลับไปล่ะนะ"
ว่าแล้วคุณนายสร้อยทองก็ถือวิสาสะเดินเข้าไปในออฟฟิศของรีสอร์ท แล้วกวาดสายตามองไปรอบห้องเพื่อหาของที่มีค่าห้าหมื่นบาท อย่างน้อยนางก็ยังได้ของไปแปรเปลี่ยนเป็นเงิน ดีกว่าไม่ได้อะไรกลับไปเลย
"อย่านะคะ พี่สร้อย" ชลาลัยร้องลั่น เมื่อเจ้าหนี้หมายมั่นไปที่พระพุทธรูปเก่าแก่ซึ่งเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจตกทอดมาจากบรรพบุรุษ
องค์พระงามกำลังจะตกอยู่ในเงื้อมมือคนใจร้าย ชลาลัยน้ำตาตกในพูดไม่ออก เมื่อเห็นคุณนายสร้อยทองเอื้อมมือไปอัญเชิญพระพุทธรูปลงมาจากหิ้ง
"พี่สร้อย ลัยขอนะคะ อย่าเอาพระลัยไปเลย" หญิงสาวอ้อนวอนเสียงเครือ
"ถ้าอยากได้ก็เอาเงินห้าหมื่นไปนิมนต์ท่านกลับมานะ วันนี้ฉันนิมนต์ท่านไปเป็นมิ่งขวัญที่บ้านก่อน อ้อ สิ้นเดือนนี้ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากได้ทั้งต้นทั้งดอกคืนให้หมด ขี้เกียจข้ามไปข้ามมาทวงเงินแค่ไม่กี่แสน หวังว่าเธอจะไม่ทำให้ฉันผิดหวังนะ ชลาลัย"
อีธานไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาเดาว่าต้องเป็นเรื่องไม่ดี ไม่เช่นนั้นชลาลัยคงไม่เช็ดน้ำตาที่ไหลซึมออกมาแน่
"มีอะไรให้ผมช่วยไหม" อีธานถามด้วยความห่วงใย
"ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องของฉัน ฉันจัดการเองได้" ชลาลัยทรุดลงกับพื้นร่ำไห้สะอื้นอย่างหมดแรง เมื่อคุณนายสร้อยทองอัญเชิญพระพุทธรูปเดินออกจากห้องทำงานไป
ก่อนที่คุณนายเจ้าหนี้จะนำของที่เป็นค่าดอกเบี้ยออกไปนั้น มีนาก็เดินมาที่หน้าออฟฟิศพอดี ทันทีที่เห็นว่าหญิงวัยกลางคนทำอะไรพี่สาวตน เธอก็จัดการทุกอย่างแทนทันที
"ห้ามเอาอะไรของที่นี่ไปแม้แต่ชิ้นเดียวนะ เอาพระคืนมาเดี๋ยวนี้" เสียงดังเอะอะหน้าออฟฟิศทำให้ชลาลัยต้องฝืนใจลุกขึ้นมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"มีน อย่า" เธอรีบห้ามน้องไว้
"พี่ลัย พระเป็นของพ่อนะ เราทุกคนกราบไหว้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่สิ่งของที่จะเป็นดอกเบี้ยลดหนี้ได้ คนใจยักษ์ใจมารเท่านั้นถึงคิดที่จะทำแบบนี้" มีนาพูดด้วยความโกรธ
"นังมีนา แกกล้าดียังไงมาว่าฉันแบบนี้" คุณนายสร้อยทองเริ่มโมโห
"คุณนายเอาของอื่นไปฉันพอทำใจได้ แต่นี่คุณนายคงสิ้นคิดแล้วจริงๆ ถึงได้เอาพระไปขัดดอก ดอกเบี้ยหน้าเลือดที่จ่ายเท่าไรก็ไม่มีวันหมด"
"นังมีนา" คราวนี้คุณนายเจ้าหนี้แทบกระอักเลือด
"ถ้าคิดว่ากล้าอุ้มท่านไปจากที่นี่ก็เชิญ แต่ฉันบอกเลยว่าคุณนายจะได้กลับเข้าฝั่งหรือเปล่าไม่รู้นะ"
"นี่แกแช่งฉันเหรอ"
"เปล่า แต่กรรมมันมีจริงคุณนาย โดยเฉพาะกรรมที่คิดจะยึดแม้กระทั่งพระไปเป็นเงินดอกเบี้ย"
คราวนี้คุณนายสร้อยทองจำต้องยอมให้มีนาสักครั้ง นางวางพระพุทธรูปลงในที่สุด ชลาลัยค่อยโล่งใจว่าอย่างน้อยของมีค่าที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจเพียงสิ่งเดียวที่มีอยู่ก็ยังรักษาไว้ได้
"เอาเงินห้าหมื่นมาคืน ไม่งั้นอย่าว่าแต่พระเลย ทั้งรีสอร์ทฉันก็จะขายให้หมด" คุณนายสร้อยทองสะบัดหน้าเดินจากไป
สองพี่น้องโผเข้ากอดกันแน่น ชลาลัยร่ำไห้ออกมาด้วยความคับแค้นใจ ในขณะที่มีนาได้แต่เก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ในใจเพียงลำพัง แล้วทำหน้าที่ปลอบประโลมพี่สาวที่สะอื้นในอ้อมกอดเวลานี้
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา "ฉันจะกลับไปที่เกาะนั่น เจ้าของรีสอร์ทสนใจที่จะลงทุนด้วย" อีธานแวะมาบอกเจ้าของบ้านที่กำลังหงุดหงิดเพราะคู่หมั้นหายไปตั้งแต่เช้า เห็นเพื่อนรักท่าทางอารมณ์ดีเป็นพิเศษทำให้ธามคิดว่าอีธานคงดีใจที่จะได้ไปในสถานที่ชอบอีกครั้ง ทะเลกับปลาไหลคงเป็นของคู่กันไปแล้ว แต่เปล่าเลย ที่อีธานดีใจไม่ใช่เพราะชลาลัยตัดสินใจเชิญเขาไปฟังเงื่อนไขบางอย่างที่เกาะหวน แต่เป็นเพราะชายหนุ่มจะมีโอกาสได้จัดการกับข้อกังขาที่อยู่ในใจมาตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่กลับมา ภายหลังจากที่กลับมาจากเกาะหวน อีธานมีเวลาทบทวนถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับมีนา สิ่งหนึ่งที่เป็นกังวลมากที่สุดในตอนนี้ก็คือ มีนาท้อง เพราะคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกัน ดังนั้นถึงตกลงกับเจ้าตัวไม่ได้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ถ้ามีเด็กเกิดขึ้นอีธานก็ไม่มีวันปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขตัวเ
คำแนะนำของอีธานเป็นวิธีที่ดีไม่ใช่น้อย แต่ปัญหาของจันทร์เจ้ารีสอร์ทไม่ใช่แค่หนี้สิ้นที่พอกเป็นหางหมูเท่านั้น แต่ยังติดปัญหาอื่นซึ่งไม่รู้ว่าจะหาทางแก้ไขอย่างไรด้วยต่างหาก "ใครจะกล้ามาลงทุนกับรีสอร์ทเล็กๆ อย่างเรา" ชลาลัยพูดอย่างหมดหวัง ความงดงามของทิวทัศน์ที่ตนเองเป็นเจ้าของแต่กลับไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งหรือให้ความช่วยเหลือ ไม่ใช่ไม่มีมิตรภาพหรือความสนใจ หากแต่อิทธิพลของคนที่อยากครอบครองพื้นที่ต่างหาก ที่ทำให้ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่งเกี่ยวพร้อมทั้งบีบให้จันทร์เจ้ารีสอร์ทค่อยๆ ตายลงทีละน้อย เพื่อหวังให้ในที่สุดชลาลัยจะยอมขายที่ดินอันเป็นมรดกตกทอดให้กับนายทุนเจ้าเล่ห์ที่รออยู่ทุกขณะ "แต่เราก็จะดิ้นให้ถึงที่สุดใช่ไหม พี่ลัย" มีนากุมมือปลอบใจพี่สาว "ใช่ เราจะสู้ไปด้วยกัน" พี่สาวคนสวยฝืนยิ้มออกมาได้อีกครั้ง&nb
อีธานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ แต่ในเวลานี้สายตาเขาจับจ้องไปskแม่สาวที่กำลังกอดชลาลัยอยู่ ท่าทางของมีนาเข้มแข็งมากตอนนี้ไม่ได้สนใจที่จะมองใครนอกจากปลอบประโลมพี่สาวคนสวยเพียงอย่างเดียว "ไม่เป็นไรแล้วพี่ลัย สงสัยต้องนิมนต์ท่านมาปัดเสนียดจัญไรพวกหน้าเลือดหน่อยแล้ว" มีนาพนมมือไหว้พระพุทธรูปก่อนจะอุ้มอัญเชิญเข้าไปในห้องทำงานตามเดิม เธอเพิ่งรู้ว่าพี่สาวไม่ได้อยู่กับคุณนายสร้อยทองเพียงลำพัง หากแต่มีใครบางคนที่หญิงสาวไม่อยากเจออยู่ด้วย มาทำอะไรที่นี่ แล้วมาตั้งแต่เมื่อไร "ทำไมไม่กลับไปอีก" มีนาเอ่ยขึ้นลอยๆ จงใจให้ใครบางคนได้ยิน แต่ไม่เจาะจงชื่อว่าเป็นใครเพราะไม่ต้องการพูดด้วย และเข้าใจว่าอีกไม่กี่นาทีคนที่ไม่อยากเจอตลอดชีวิตก็จะไม่อยู่ให้เห็นหน้าแล้ว หลังจากที่กลับ
เรือพร้อมจะไปส่งนักท่องเที่ยวขึ้นฝั่งในอีกครึ่งชั่วโมง ธามเตรียมตัวพร้อมจะเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในขณะที่อีธานเอาแต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่ค้างคาใจในเวลานี้ ชายหนุ่มพยายามหาทางพบมีนาตั้งแต่ที่หญิงสาววิ่งหนีหายไป แต่ไร้เงาราวกับว่าไม่ได้อยู่ในจันทร์เจ้ารีสอร์ทนี้ ทางเดียวที่อีธานจะรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน ก็คงต้องถามชลาลัยเท่านั้น เขาจึงให้ธามรออยู่ที่ล็อบบี้แล้วกลับไปที่ออฟฟิศทันที อีธานเดินมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าออฟฟิศของจันทร์เจ้ารีสอร์ท ก็ได้พบกับชลาลัยอีกครั้ง แต่วันนี้สีหน้าเธอดูเคร่งเครียดจนไม่เหลือรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าอีกเลย "สวัสดีค่ะ จะกลับวันนี้แล้วใช่ไหมคะ" ชลาลัยพยายามจะยิ้มหวานๆ ให้ลูกค้า แต่ตอนนี้เรื่องที่กำลังปวดหัวทำให้ยิ้มไม่ออกสักเท่าไร "ครับ เอ่อ คุณ เอ่อ คือ" อีธานไม่รู้จะเริ่มต้นถามถึงมีนาอย่างไร
สายของวันถัดมามีนาลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรง ร่างกายเมื่อยล้าและปวดร้าวอย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อคืนลงเล่นน้ำทะเลดึกมากไปหน่อยเช้านี้ก็เลยพาลจะไม่สบายเอาหญิงสาวขยับตัวลุกขึ้นจะเข้าห้องน้ำไปทำธุระ มีนาชะงักเมื่อเตียงที่กำลังนอนและห้องที่อยู่ในเวลานี้ไม่ใช้ห้องนอนของตน แต่มันเป็นห้องพักห้องใดห้องหนึ่งในรีสอร์ทและตอนนี้มีเสียงใครบางคนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ไม่ไกล"ครับ วิกกี้ ขอบคุณมากที่นึกถึงผม เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับ" อีธานอวยพรอดีตคู่ขาที่วันนี้โทรศัพท์มาร่ำลาว่าจะกลับประเทศของตนแล้ว"ถ้าปีหน้าคุณมางานทอมอีก เราก็อาจจะได้เจอกันอีกแต่ถึงตอนนั้นคุณคงจำผมไม่ได้แล้ว เพราะผู้หญิงสวยอย่างคุณคงมีคนมารายล้อมมากมายจนลืมผู้ชายกระจอกๆ อย่างผมไปเลยน่ะซิครับ" อีธานเหลือบมาเห็นมีนารู้สึกตัวแล้ว เพียงแค่เห็นสีหน้าก็รู้ว่านาทีต่อจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้น"บายครับ วิกกี้ ผมจะคิดถึงคุณนะ""อุ๊บ..."หมอนใบใหญ่เขวี้ยงมาที่หน้าแม่นยำราวกับมืออาชีพ อีธานกำลังจะอ้าปากพูดแต่เปลี่ยนใจวิ่งหาที่หลบภัยจากข้าวของที
มีนาเปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วรีบเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจว่าจะมีใครรออยู่ อีธานรีบวิ่งตามออกมาแล้วคว้าแขนหญิงสาวไว้ "ปล่อยนะ" เจ้าตัวสะบัดไม่ยอมให้จับ "เรายังไม่ได้คุยกันเลย" อีธานไม่ยอมปล่อย "ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ปล่อย" มีนาออกแรงสะบัดแขนอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มยึดเอาไว้แน่นซ้ำยังรวบสองมือไว้ ดึงเข้ามาหาไม่ยอมปล่อยไปไหนอีกด้วย "ถ้าไม่คุยกันดีๆ เราไปคุยต่อหน้าพี่สาวคุณก็ได้ เอาไหม" ท่าทางอีธานเอาจริงแน่ "ขู่ฉันเหรอ" หญิงสาวเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ "ไม่ได้ขู่แต่ผมทำจริง หรือจะไปตอนนี้เลยก็ได้ เมื่อเช้าคุณลัยเพิ่งถามว่าไปเที่ยวเมื่อคืนสนุกไหม คุณอยากให้ผมตอบไหมล่ะว่าสนุกจนเกือบโต้รุ่ง แต่คนที่สนุกคือคุณไม