로그인ในขณะเดียวกันที่เรือนของชายารองฟู่ เมื่อนางกำนัลคนสนิทวิ่งกลับมาหน้าตาตื่น นางจึงได้ถามออกไปอย่างร้อนรน
“เจ้าได้ความว่าอย่างไรบ้าง ไหนลองบอกข้ามาสิ”
“ตั้งแต่พระชายาหนิงฟื้นขึ้นมา ก็เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนเดิมเพคะ อีกทั้งหม่อมฉันได้ยินว่านางทำอาหารกินเองด้วย และยังเผื่อแผ่ไปให้นางกำนัลด้วยนะเพคะ อีกทั้งท่านอ๋องยังเสด็จไปที่เรือนของนาง เพื่อร่วมเสวยอาหารด้วยกันเพคะ”
เพล้ง!!
สิ้นเสียงของนางกำนัลชิงชิง ฟู่เจียยวี่ก็ขว้างปาข้าวของข้างมือจนแตกกระจายด้วยความไม่พอใจ
“เป็นไปได้อย่างไรกัน ที่ท่านอ๋องจะเสด็จไปหาหนิงหว่านซู ท่านอ๋องเกลียดมันแทบตาย หาไม่แล้วพระองค์จะรับชายารองมาพร้อมกันตั้งสามคนได้อย่างไรกัน เจ้าต้องได้รับข่าวมาผิดแน่”
ฟู่เจียยวี่กล่าวอย่างเกรี้ยวกราด นางไม่มีวันเชื่อว่าชายอันเป็นที่รักของนาง จะไปหาหนิงหว่านซูถึงเรือน“ไม่ผิดเลยเพคะ หม่อมฉันตรวจสอบแน่ชัดแล้วว่า ยามนี้ท่านอ๋องทรงไปอยู่ที่เรือนนั่นจริง ๆ เพคะ”
นางกำนัลชิงชิงรีบเอ่ยอย่างออกรส นางหาข่าวมาเป็นอย่างดีแล้ว และไม่มีความผิดพลาดอย่างแน่นอน ยามนี้ท่านอ๋องอยู่กับพระชายาหนิงจริง ๆ
ไม่เพียงแต่ฟู่เจียยวี่ที่ไม่พอใจ ยังมีชายารองหลินและชายารองซวี่ ที่ดูจะไม่พอใจและโกรธเคืองไม่ต่างกัน ทว่าทั้งสองกลับทำอันใดไม่ได้ เนื่องจากทุกครั้งที่ชินอ๋องมาเยือนเรือนของพวกนาง ก็เพียงมาเสวยอาหารด้วยเท่านั้น จึงไม่ได้โวยวายเหมือนชายารองฟู่ที่เป็นคนโปรด
“ข้าไม่คิดว่าเจ้าทำจะอาหารได้อร่อยเช่นนี้ แม้ว่าอาหารพวกนี้จะดูแปลกไปสักหน่อย” หยางเฟยหลงกล่าวหลังจากใช้ผ้าเช็ดปากเรียบร้อยแล้ว
“เพคะ หม่อมฉันต้องขอบพระทัยพระองค์ที่กล่าวชมการทำอาหารของหม่อมฉัน แล้วนี่พระองค์จะเสด็จกลับเรือนเมื่อไรหรือเพคะ” นางถามออกไปด้วยหน้าตาที่ใสซื่อ
แต่คำถามของนาง กลับทำให้เจ้าของจวนอย่างชินอ๋องขมวดคิ้วด้วยความงุนงง เนื่องจากตลอดเวลาที่ผ่านมา หนิงหว่านซูผู้นี้มักจะเรียกร้องให้ตนมาหาอยู่เป็นประจำ แล้วทำไมครานี้นางถึงขับไล่เขากันนะ
“นี่เจ้าไล่ข้าหรือ” หยางเฟยหลงถามออกไปอย่างแปลกใจ
“หม่อมฉันไม่กล้าไล่หรอกเพคะ เพียงแค่ถามพระองค์ว่าจะกลับเรือนนอนของพระองค์เมื่อไรเท่านั้นเอง” นางยังคงตอบกลับไป คล้ายกับว่านี่คือเรื่องปกติในบทสนทนาระหว่างทั้งสอง
ลี่เอ๋อร์เวลานี้สีหน้าของนางแทบจะร้องไห้แล้วกับการกระทำของคุณหนูตนเอง ส่วนนางกำนัลคนอื่นต่างก็แทบไม่กล้าจะหายใจแรง เนื่องจากกลัวสถานการณ์ตรงหน้า
“ใครบอกเจ้าว่าข้าจะกลับเรือน คืนนี้ข้าจะนอนที่นี่” หยางเฟยหลงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ประกายตาของเขาลุกวาว และรู้สึกสนุกอยู่ในใจ เมื่อเห็นท่าทีของพระชายาตนเอง ก่อนจะกล่าวประโยคต่อมาอีกว่า “แล้วเจ้าต้องเป็นคนปรนนิบัติข้าในคืนนี้”
ท่าทีของเขาไม่ต่างจากการสั่งนางกำนัลในเรือน
นี่จึงทำให้หนิงหว่านซูแทบจะกระโดดเข้าไปขยุ้มหัวอีกฝ่าย แต่นางทำเช่นนั้นไม่ได้ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เห็นทีจะไม่ได้เพคะ”
“เพราะเหตุใด เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตัวเจ้านั้นเป็นชายาของข้า”
อ๋องหนุ่มถามกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว เขาไม่รู้ว่านางจะมีเหตุผลอันใดถึงปฏิเสธเช่นนี้ ทว่านางนั้นเป็นชายาที่แต่งเข้าจวนอ๋อง นางจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ หากเขาต้องการให้นางมาปรนนิบัติ
“เพราะหม่อมฉันไม่ต้องการใช้แท่งหยกอันนั้นร่วมกับผู้ใดเพคะ” หนิงหว่านซูกล่าวอย่างเย็นชา พร้อมกับปรายตามองไปยังตรงนั้นของเขาทันที
เหล่านางกำนัลที่ได้ยิน ได้เห็น เช่นนั้น ต่างพากันตกใจจนหน้าซีดที่ แต่ละคนต่างคิดว่าหัวคงหลุดจากบ่าทั้งเรือนแล้ว
แต่ทว่าหยางเฟยหลงกลับยิ้มเล็กน้อยแทน
‘เหตุใดนางถึงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ ช่างน่าสนใจเหลือเกิน’ เขามองนางพร้อมกับคิดในใจ
เขาก้มลงมองบางอย่างที่อยู่ใต้ผ้า ก่อนจะเงยหน้ามาถามหนิงหว่านซูด้วยใบหน้าที่แกมหยอกล้อ
“แล้วหากข้าให้สัญญากับเจ้าว่า แท่งหยกอันนี้จะไม่ไปใช้กับสตรีนางใดนอกจากเจ้า เจ้าจะยอมอุ่นเตียงกับข้าในคืนนี้หรือไม่”
“คงไม่ได้หรอกเพคะ หม่อมฉันตั้งใจแล้วว่าจะขอให้ท่านอ๋องประทานหนังสือหย่าให้ แล้วหม่อมฉันจะไปจากที่นี่ทันทีโดยไม่คิดกลับมารบกวนท่านอ๋องหรือคนในจวนอีกเลย”
หนิงหว่านซูตอบกลับไปอย่างที่นางตั้งใจไว้ นางไม่คิดจะรับข้อเสนอของอีกฝ่าย เนื่องจากนางตั้งใจแล้วว่าจะต้องหย่ากับชินอ๋องมักมากคนนี้ให้ได้ แล้วไปใช้ชีวิตหญิงโสดที่ร่ำรวยอย่างที่ใจต้องการ
“เจ้าต้องการหนังสือหย่าเช่นนั้นหรือ”
หยางเฟยหลงถามกลับไปเสียงดัง คราวนี้น้ำเสียงของเขาช่างเต็มไปด้วยความดุดัน แถมรอบกายยามนี้ของชินอ๋องเต็มไปด้วยไอสังหาร จนทำให้องครักษ์เงาแทบจะเผยตัวตน เนื่องจากความอึดอัดที่ส่งออกมา
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







