로그인นางกำนัลที่ได้ยินต่างก็ก้มหน้า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาถึงได้กล่าวออกมาเช่นนี้ แต่ทว่าทุกคนก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยวาจาใดออกมาเช่นกัน
หนิงหว่านซูได้ยินคำถามจึงได้พยักหน้าตอบรับ โดยไม่สนใจท่าทีของอีกฝ่ายเลยว่าเป็นอย่างไร
“ใช่แล้วเพคะท่านอ๋อง หม่อมฉันต้องการหนังสือหย่าจากพระองค์ ด้วยเหตุผลอันใดนั้น หม่อมฉันได้กล่าวไปหมดแล้วเพคะ”
นางมีท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย และไม่สนใจด้วยว่าชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพระสวามีจะโกรธเคืองมากน้อยเพียงใด
“เหตุผลเพียงเพราะข้าแต่งชายารองเข้ามาอย่างนั้นหรือ เจ้าถึงได้ต้องการหนังสือหย่า เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ ไม่มีทางที่จะลงชื่อในหนังสือหย่าได้ตามอำเภอใจ เจ้ากับข้าจะหย่ากันได้ ก็ต้องให้ฝ่าบาทเป็นคนส่งราชโองการมาให้เราทั้งสองเท่านั้น”
บุรุษที่ขึ้นชื่อว่าเย็นชาและเหี้ยมโหดที่สุด กลับกลายเป็นว่าตอนนี้ต้องมานั่งอธิบายให้ชายาของตนได้เข้าใจ ถึงเหตุผลว่าทำไมถึงหย่าขาดจากกันไม่ได้
“ทำไมที่นี่การหย่าถึงได้ยุ่งยากนักนะ เห้อ...”
นางได้แต่บ่นกับตนเองเบา ๆ แต่ทว่าเสียงที่นางกล่าวออกมานั้น กลับทำให้ทุกคนงุนงง เนื่องจากทุกคนก็รู้ว่าสมรสพระราชทานนั้นไม่สามารถหย่าร้างกันเองได้ จึงไม่เข้าใจว่าเรื่องแค่นี้ เหตุใดพระชายาถึงได้ไม่รู้
“เจ้าเอ่ยอะไรออกมา ทำไมถึงเสียงเบาอย่างนั้น หรือว่ากำลังนินทาข้าอยู่” หยางเฟยหลงกล่าวถามเสียงเข้ม และจ้องมองไปที่ชายาของตนเองไม่วางตาเพื่อรอคอยคำตอบ
“หม่อมฉันไม่ได้เอ่ยอันใดออกมาหรอกเพคะ ท่านอ๋องหิวหรือไม่ ทรงมาเสวยอาหารพร้อมกันกับหม่อมฉันดีหรือไม่เพคะ”
หนิงหว่านซูเมื่อหาทางออกและแก้ปัญหาเรื่องหย่าร้างไม่ได้ จึงได้เชื้อเชิญให้อีกฝ่ายมารับประทานอาหารพร้อมกันเสียเลย เพื่อจะให้เขาได้รู้รสชาติของอาหารที่เรียกว่า ส้มตำ ไก่ย่าง
“อาหารของเจ้าช่างหน้าตาแปลกประหลาดเสียจริง จานนี่เรียกว่าอะไรหรือ” หยางเฟยหลงนั่งลงแล้วถามถึงชื่ออาหารที่หน้าตาแปลกประหลาดด้วยความสนใจ
“จานนี้เรียกว่าส้มตำเพคะ ส่วนอันนี้เรียกหมูย่าง จานนี้ไก่ย่าง ท่านอ๋องลองชิมดูสิเพคะ รับรองว่าจะติดใจ แต่ส้มตำอาจจะรสจัดไปหน่อย” นางบอกชื่อรายการอาหารแต่ละจานด้วยความภาคภูมิใจ โดยที่ไม่มองหน้าของชายที่ได้ชื่อว่าพระสวามีเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากตอนนี้น้ำลายของนางแทบจะไหลออกมาแล้ว เพราะกลิ่นหอมของส้มตำ อาหารจานโปรดของนางในชาติที่แล้ว
และไม่รอให้อีกฝ่ายตอบรับ นางรีบตักอาหารเข้ามาในจานของตัวเองแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย ทำให้บุรุษตรงหน้ามองตาไม่กะพริบ ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากตามบ้าง แต่แล้วดวงตาของเขากลับเป็นประกาย เพราะแม้ว่าอาหารจานนี้จะเผ็ดและรสจัดมาก แต่ก็นับได้ว่าเป็นอาหารชั้นเลิศได้เลยทีเดียว
บรรยากาศยามนี้ไม่ต่างจากการแย่งชิงอาหารมื้ออร่อยที่สุดของชินอ๋องก็ว่าได้ ทำให้เหล่าบรรดานางกำนัลและขันที ต่างก็ตกใจกับท่าทีของท่านอ๋องที่กินอาหารอย่างไม่มีท่าทีสำรวมเหมือนปกติ
ทั้งสองใช้เวลากินอาหารไม่นาน ก่อนจะให้นางกำนัลมาเก็บออกไป
หยางเฟยหลงนั่งมองสตรีตรงหน้าเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง ทว่าเขากลับไม่พบเจออะไรเลย จึงได้แต่คิดสงสัยอยู่ในใจว่า ‘เหตุใดนางจึงได้เปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้นะ’
“ยามนี้ท่านอ๋องเสวยอาหารเรียบร้อยแล้ว เหตุใดจึงไม่กลับไปตำหนักของพระองค์เล่าเพคะ ส่วนหม่อมฉันอิ่มแล้ว และหนังตาเริ่มหย่อนคล้อย อยากจะพักผ่อนสักหน่อย”
นางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ซึ่งนี่คือการไล่อย่างมีมารยาทของนาง แต่ไม่รู้ว่าชินอ๋องจะเข้าใจหรือไม่
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (2)และไม่นานชายารักของเขาก็กรีดร้องออกมาพร้อมกับซบหน้าลงกับไหล่หนา แต่ก็ไม่วายที่จะบดคลึงสะโพกไปมาโดยที่ยังไม่ยอมให้มังกรออกมาจากกาย ส่วนสวามีก็กอดร่างบางไว้อย่างรักสุดหัวใจ“เจ้ามีความสุขไปสองครั้งแล้ว คราวนี้ถึงเวลาที่พี่จะสร้างลูกสาวของเราแล้วนะ” หยางเฟยหลงกระซิบบอกอย่างอ่อนหวาน และส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้นางที่ผลักตัวมาสบสายตากันจากนั้นเขาก็โน้มตัวลงเหมือนม้าโยก จนตอนนี้เขาขึ้นมาอยู่ข้างบนโดยมีร่างชายารักนอนอยู่ใต้ร่าง“ข้ารักเจ้าที่สุด” เขากระซิบบอกรักก่อนจะบดจูบอย่างดูดดื่ม สะโพกหนาก็ส่งมังกรยักษ์เข้าภายในกายนางจากช้าๆ เนิบๆ ก็เร็วขึ้นหนักหน่วงขึ้นตามอารมณ์รักที่พุ่งสูงตับๆๆ ตับๆๆ ตับๆๆ“โอ้ววว แน่นเหลือเกิน ชายาของข้าช่างน่ารักขึ้นทุกวัน” ชายหนุ่มครางออกมาสุดเสียง เมื่อหยัดตัวขึ้นมานั่งคุกเข่า เขาจับขาของนางพาดบ่าแล้วจับเอวบางไว้ก่อนจะกระแทกสะโพกส่งมังกรเข้าไปอย่างรัวเร็วจนร่างบางกระเพื่อมขึ้นมาจากแรงโยก“อ่าร์ส ท่านพี่ ท่านพี่ น้องไม่ไหวแล้ว” หนิงหว่านซูร้องครางออกมาอย่างกระสันเสียว ใบหน้าสวยส่ายไปส่ายมาบนหมอนนุ่น มือสองข้างดึงผ้าปูที่นอน
ตอนพิเศษ 2 ข้าต้องการบุตรสาวมาออดอ้อน (1)หยางเฟยหลงเดินเข้ามาในห้องบรรทมที่มีฮองเฮาในชุดนอนเนื้อเบาบางพลิ้วนอนอ่านหนังสืออยู่ใต้เสียงเทียน พระองค์นั่งลงแล้วดึงหนังสือในมือนางไปเก็บไว้ที่โต๊ะข้างเตียง ก่อนจะดึงชายารักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด“น้องหญิงของข้ามีความสุขดีหรือไม่” เขาถามอย่างอ่อนโยน“หม่อมฉันมีความสุขดีเพคะ ฝ่าบาทเล่าเพคะ มีความสุขดีหรือไม่” นางตอบและถามกลับอย่างอ่อนหวาน และเริ่มรู้สึกว่ามือไม้ของเขากำลังเล่นสนุกอยู่กับเนื้อตัวของนาง “ข้ามีความสุขดี แต่จะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าเจ้ามอบลูกสาวมาไว้ออดอ้อนข้าสักคน วันนี้ข้าเห็นพี่ชายเจ้ามีบุตรสาวมาออดอ้อนแล้วรู้สึกอิจฉายิ่งนัก” น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานั้นมีความอ่อนหวานอย่างมาก“หม่อมฉันเองก็อยากมีลูกสาวมาไว้เรียนรู้การทำอาหารเช่นกันเพคะ แต่ของเช่นนี้จะรอให้หม่อมฉันมอบให้ฝ่ายเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่พระปรีชาของฝ่าบาทแล้วเพคะ”หนิงหวานซูเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนหวานปนเขินอาย มือก็ลูบไล้หยอกเย้าอยู่ที่แผ่นอกกว้างภายใต้ชุดนอนผ้าซาตินสีน้ำเงินที่นุ่มมือ“เช่นนั้นต่อไปนี้เจ้าไม่ต้องกินยาของเจ้าแล้วนะ และวันนี้เรามาช่วยกันสร้างลูกสาวกั
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (2)เวลานั้นมารดาของนางดีใจยกใหญ่ ใช่ว่าดีใจที่ได้องค์หญิงสี่มาเป็นสะใภ้ แต่ดีใจที่บุตรชายแต่งงานเสียที‘จะว่าไปต้องขอบคุณ ผู้ที่ส่งข้ามาอยู่ในร่างนี้ หากไม่แล้วข้าคงไม่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นเยี่ยงนี้หรอก ข้าไม่รู้ว่าผู้ใดส่งข้ามาอยู่ที่นี่ แต่ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ข้าก็อยากขอบคุณคนคนนั้นอยู่ดี ที่ส่งข้ามาที่นี่ ขอบคุณจริงๆ’จากตอนแรกนางยืนยันที่จะหย่ากับพระสวามีที่มีตำแหน่งชินอ๋อง แต่ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จนทำให้นางและพระสวามีผูกมัดกันด้วยหัวใจ จนทำให้มีโอรสถึงสามคน และยามนี้นางยังเป็นแม่ของแผ่นดินอีกทั้งยามนี้ผลผลิตในแคว้นต่างก็อุดมสมบูรณ์ คนยากไร้และขอทานทั่วทั้งเมืองหลวงก็ลดน้อยลงในขณะที่กำลังคิดถึงเรื่องที่ผ่านมา หยางเฟยหลงก็เดินเข้ามาเงียบ ๆ และจ้องมองนางอย่างรักใคร่เมื่อรู้ว่ากำลังถูกจ้องมอง นางจึงรีบหันมาดู ก็พบว่าเป็นพระสวามีของนางเอง เลยยิ้มและถามออกมาอย่างอ่อนโยน“เสด็จพี่มานานแล้วหรือเพคะ ที่ตำหนักอาจจะเงียบสักหน่อย เพราะทั้งสามคนไปที่จวนสกุลหนิงเพคะ” นางรายงานเรื่องลูก ๆ ไปในคราวเดียว“อืมดีมาก เช่
ตอนพิเศษ 1 อิจฉาแม้กระทั่งโอรสของตนเอง (1)ห้าปีต่อมา...หนิงหว่านซูไม่คิดว่าหลังจากเป็นแม่คน จะมีความสุขเช่นนี้ แต่ถึงจะทำหน้าที่แม่หนักอย่างไร นางก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ภรรยาที่ดี ดังนั้นตลอดห้าปีที่ผ่านมานี้ หนิงหว่านซูไม่ตกหล่นหน้าที่ใดเลย“เสด็จแม่”ขณะนั้นเองเสียงเล็ก ๆ ก็ดังขึ้น พร้อมกับมีร่างเด็กน้อยสามคนวิ่งเข้ามาหานาง นำโดยโอรสองค์โตมีนามว่า หยางห่าวอี้ ตามมาด้วยโอรสองค์รองมีนามว่า หยางมู่เฉิน ส่วนโอรสองค์สุดท้องมีนามว่าหยางหมิงเจ๋อ“ว่าอย่างไรลูกแม่ ไปวิ่งเล่นที่ใดมา ดูสิเหงื่อท่วมเลย” เมื่อเห็นโอรสทั้งสามวิ่งเข้ามา หนิงหว่านซูจึงอ้าแขนรับพวกเขาอย่างดีใจและถึงแม้จะเป็นโอรสของฮ่องเต้ แต่หนิงหว่านซูกลับเลี้ยงพวกเขาไม่ต่างจากคนทั่วไป ที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง แม้ทั้งสามจะมีแม่นมเป็นของตัวเองก็ตาม เด็กน้อยโผเข้าอ้อมกอดแม่ก่อนจะถูกแม่นมที่วิ่งตามมารีบบอกเสียงดุเล็กน้อย “พระโอรสไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนเถิดเพคะ เวลานี้เล่นจนเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว”“นั่นสิ แม่เห็นด้วยกับแม่นมเหยานะ ลูกทั้งสามคนไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกันก่อนเถอะ เดี๋ยวแม่จะชงโกโก้และทำแพนเค้กให้กิน” หนิงหว่านซูเอาของโปรดของเด็กท
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.2ในใจเขาคิดว่า‘ทนได้ก็ทน ทนไม่ได้ก็กลับไปเสีย’“ฝ่าบาททรงพระปรีชาแล้วเพคะ” หนิงหว่านซูได้ยินอย่างนั้นจึงพยักหน้ารับและเอ่ยออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ยามนี้นางมีความสุขมากกว่าจะคิดเรื่องอื่น นางจึงซบตัวอยู่ในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของพระสวามี ทั้งสองมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใจที่เปี่ยมไปด้วยความสุขไม่นานข่าวการตั้งครรภ์ของฮองเฮา ก็ถูกประกาศไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวบ้านต่างรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก รวมถึงขุนนางที่สนับสนุนพระนาง แต่ก็มีกลุ่มที่ไม่พอใจอยู่บ้าง เพราะหากฮองเฮาทรงตั้งครรภ์แล้ว คงยากที่จะดันลูกหลานเข้าวังหลังและมีทั้งนางกำนัลหลายคนหมายปองจะปีนขึ้นเตียงฮองเต้ เนื่องจากคิดว่าเวลานี้ฮองเฮาไม่สามารถปรนนิบัติพระสวามีได้ เหมือนดังเช่นเหตุการณ์ในวันนี้“เจ้ากล้ามาก กล้ามากที่มายั่วยวนฝ่าบาท”หนิงหว่านซูกล่าวเสียงเข็มและเย็นชา นางมีความรู้สึกหึงหวงสวามีอย่างมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะนางกำลังตั้งครรภ์หรือไม่ เลยไม่อาจระงับอารมณ์ตนเองไว้ได้“หม่อมฉันเพียงแค่อยากรับใช้ฝ่าบาทแทนฮองเฮาเพคะ ยามนี้ฮองเฮาทรงตั้งครรภ์หลายเดือนแล้ว ฝ่าบาทย่อมต้องมีคนปรนนิบัติ”นางกำนัลผู
บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์ (จบ) 1.1หลายเดือนต่อมา...พวกขุนนางเฒ่าเมื่อเห็นว่าฮองเฮายังไม่ทรงตั้งครรภ์เสียที จึงมีการส่งฎีกาเพื่อให้ฮ่องเต้รับสนมเข้าวังหลัง แต่ทว่าหยางเฟยหลงยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พระองค์จะไม่รับสตรีนางใดเข้ามา แล้วยังยกพระราชโองการของอดีตฮ่องเต้ขึ้นมากล่าวโต้แย้งอีกทั้งเขายังจัดการพวกที่เรียกร้องให้รับพระสนมอย่างเด็ดขาด จนคนพวกนั้นถูกริบทรัพย์สินเกือบหมดจวน จนทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าเสนอเรื่องนี้ขึ้นมาอีกส่วนทางด้านหนิงหว่านซู นางไม่ได้สนใจว่าตนเองนั้นจะตั้งครรภ์เมื่อใด นางเชื่อแค่ว่าเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โอรสหรือธิดาก็จะมาเองวันนี้หนิงฮูหยินเข้าวังมานั่งสนทนาและบ่นถึงบุตรชายคนโตที่ยังไม่ยอมแต่งงานสักที ทั้งที่อายุก็เยอะแล้ว“แม่เหนื่อยเหลือเกินกับพี่ชายของลูก ไม่ว่าแม่จะหาบุตรสาวจากตระกูลใดให้ เขาก็เอาแต่ส่ายหน้าตลอด แม่เองก็เริ่มเหนื่อยแล้วเช่นกัน หรือว่าสกุลหนิงของเราจะสิ้นสุดลงเพียงนี้เพราะไร้ทายาทสืบสกุล”หนิงฮูหยินกล่าวจบก็ถอนหายใจออกมา ตอนที่กุ้ยเฟยตายจากไป นางเองก็กินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่นาน แต่ยามนี้ก็ทำใจได้แล้ว ทว่าคราวนี้ต้องมากลุ้มใจกับบุตรชายที่ไม่ยอม







