บังเอิญธัศไนยไปเจอแผ่นสัญญาเงินกู้ของพ่อประภาพิณเข้าพอดี เขาจำได้ว่าพ่อของเขาเคยเล่าให้ฟังว่าลูกหนี้ของพ่อคนนี้มีลูกสาวสวย ทำงานอยู่ที่ร้านดอกไม้ เขาจึงคิดจะให้เธอมารับหน้าที่เลี้ยงหลานให้เขา เพราะเขามีความคิดว่า...
ตอนนี้ก็เท่ากับว่าเธอเป็นลูกหนี้ของเขาแล้ว ฉะนั้นเธอก็เหมือนลูกไก่ในกำมือ เธอคงเลี้ยงหลานเขาได้ดีและไม่กล้ายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของเขามากนัก
นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องดั้นด้นอุ้มเมธากรไปหาเธอถึงร้านขายดอกไม้
ดวงตาคู่ดุเหลือบขึ้นมองนาฬิกาข้างฝาผนังเห็นว่าเป็นเวลา1ทุ่มแล้ว วันนี้เขาปอกกล้วยแล้วใช้ช้อนบดกล้วยป้อนเมธากรไปแล้วครึ่งลูก แต่ทำไมหลานของเขาถึงยังร้องไห้ไม่ยอมหยุด ก็บอกแล้วไงว่าเขาเลี้ยงเด็กไม่เป็น
ธัศไนยหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่อย่างกังวลใจ ถึงแม้ว่าการเลี้ยงเด็กจะยากเย็นแค่ไหน เขาก็จะพยายามเลี้ยงเมธากรให้ดีที่สุด เขาจะรอจนกว่าจะครบ1เดือนตามสัญญา เพราะเขาคิดว่าประภาพิณคงจะหาเงินมาใช้เขาไม่ได้แน่ๆ
ดวงตากลมโตที่ฉายชัดถึงความตกใจลอยเข้ามาในห้วงคำนึง ทำให้เขาต้องสะบัดศีรษะเพื่อขับไล่วงหน้าหวานๆของเจ้าของร้านดอกไม้ให้ออกไปจากความคิด
เพราะดวงตาคู่นั้นของเธอนั่นแหละ เขาถึงได้ตัดสินใจที่จะให้เวลาเธอ1เดือน เพื่อที่เธอจะได้มีเวลาเตรียมตัวและทำใจ
หมับๆ
มือเล็กๆของหลานชายในอ้อมแขนเอื้อมมาหยิกหน้าอกแบนๆที่ไม่ได้สวมเสื้อปกปิดของเขาหยับๆ
“มีอะไร” เขาถามเมธากร แต่หลานชายตัวดีกลับทำหน้าเหมือนจะยิ้มเห็นเหงือกแดงแจ๋แล้วปากเล็กๆก็อ้างับเข้าที่นมของเขาเต็มๆ
“เฮ้ยย!” ธัศไนยร้องลั่น พยายามดึงเด็กชายออก แต่เมธากรกลับมีแรงมากกว่าที่คิด เพราะมันดูดจ๊วบๆจนชายหนุ่มขนลุกซู่
“พอๆลุงไม่มีนมนะ” เขาโวยวายก่อนจะถอนหายใจออกมายาวเหยียดอย่างโล่งอกเมื่อสามารถดึงตัวหลานชายออกจากหน้าอกของตัวเองได้สำเร็จ ดวงตาคู่ดุลุกวาบขึ้นพร้อมกับคิดในใจอย่างเด็ดขาดว่า
‘เขาจะไม่รอเวลาอีกต่อไป คืนนี้แหละ เขาจะต้องบุกเข้าไปเอาตัวประภาพิณมาเลี้ยงเมธากรที่บ้านของเขาให้ได้ คอยดู!!’
ท่ามกลางรัตติกาลสีดำสนิทที่เงียบสงัด บริเวณหลังร้าน beautiful flower ที่ถูกกันไว้เป็นที่พักของเจ้าของร้าน บนเตียงเล็กๆแคบๆแต่น่ารักมีร่างบางนอนตะแคงหลับตาปิดสนิทอย่างไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังมีใครบางคนย่องมา
เขาคนนั้นก็คือ....
หนุ่มแก่(ที่เข้าใจว่าตัวเองยังหนุ่มอยู่)วัย50ปีที่กำลังย่องตอดๆแอบสะเดาะกุญแจเข้าทางด้านหลังของร้านดอกไม้อย่างชำนาญ ใบหน้าที่เริ่มเหี่ยวตามวัยหันซ้ายแลขวาล่อกแล่กก่อนจะก้าวพรวดเข้าไปหาร่างบางที่นอนหลับสนิทอยู่
อ๊ากๆๆ นี่เขากำลังทำอะไรอยู่นะ!
ธงชัยยกมือขึ้นปิดแก้มที่ร้อนผะผ่าวเหมือนเด็กหนุ่มวัย14ปีที่ย่องเข้าหาสาวไม่มีผิด
ดวงตาหื่นๆดูวาววามเมื่อกวาดตามองตามส่วนโค้งส่วนเว้าของประภาพิณที่นอนหลับด้วยลมหายใจที่สม่ำเสมอ
“ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ พี่ทำแล้วพี่จะรับผิดชอบน้องเอง ไม่ต้องห่วง” ธงชัยพูดเบาๆพลางยิ้มกริ่มก่อนจะยกมือขึ้นมาในระดับปากแล้วพ่นลมหายใจออกมา
ฟู่ๆ (เสียงเป่าลม)
เมื่อเย็นนี้เขากินข้าวกับปลาร้าทอดมา แต่เขาแปรงฟันมาแล้ว3รอบ เขามั่นใจแล้วว่าไม่มีกลิ่นปลาร้าทอดหลงเหลืออย่างแน่นอน
ธงชัยยกรักแร้ขึ้นมาดูทั้งสองข้าง วันนี้เขาใส่เสื้อกล้ามสุดเซ็กซี่มาด้วย เขาเคยได้ยินมาว่าผู้หญิงจะชอบผู้ชายขนรักแร้ยาวๆเพราะดูแมนและเท่ห์ดี มันจริงหรือเปล่านะ?
ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า แต่เขาก็จัดการทาโลออนดับกลิ่นเต่ามาแล้วเรียบร้อย
ชายหนุ่มวัยใกล้ปลดเกษียณก้มลงก่อนจะเลิกเสื้อขึ้นแล้วเอานิ้วไชๆรูสะดือตัวเองขึ้นมาดม
โอเค ไม่มีกลิ่น เขาพร้อมแล้วล่ะ
พอคิดได้แบบนั้น ร่างที่เริ่มพุงป่องเพราะขาดการออกกำลังกายก็โถมเข้าใส่ประภาพิณทันที
“ว้าย!” หญิงสาวอุทาน รู้สึกตกใจจนตื่นเต็มตา ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าของธงชัยได้อย่างสลัวราง ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่เธอก็รู้ว่าเป็นใคร!
“ออกไปนะ” หญิงสาวพยายามดิ้นขลุกขลัก
“อย่าดิ้นนะ” ธงชัยขู่เสียงเข้ม “พี่จะรับผิดชอบน้องเอง”
“ออกไปนะ” ประภาพิณพูดเสียงสั่นพร้อมกับพยายามจะดิ้นให้หลุดออกจากร่างหนาๆที่ทาบทับอยู่บนตัวเธอ
“ดิ้นนักเรอะ นี่แน่ะ เอาพุงทับซะเลย” แล้วธงชัยก็เอาพุงบานๆของตัวเองมากดตัวเล็กๆของหญิงสาวเอาไว้จนเธอแทบจะหายใจไม่ออก
“ออกไปนะไอ้บ้า ฉันอึดอัด”
“มาเป็นของพี่ดีกว่านะจ๊ะ พี่ชอบน้องมานานแล้ว” ธงชัยสารภาพความในใจ
“ชอบมานานบ้าอะไร เห็นมาจีบแค่2วันเอง”
“แค่2วันก็นานสำหรับพี่แล้วจ้ะ พี่เป็นหนุ่มไวไฟนะจ๊ะ” ธงชัยพูดพลางก้มลงซุกหน้าตรงซอกคอของประภาพิณอย่างหื่นกระหาย
“ไฟใกล้มอดล่ะไม่ว่า” แม้ว่าจะกลัวแสนกลัวแต่ประภาพิณก็ยังไม่วายปากเสียเล่นเอาธงชัยตาลุกวาวอย่างโมโห
“เดี๋ยวพี่จะทำให้น้องรู้เองว่าพี่ใกล้มอดหรือว่ายังร้อนแรงอยู่” แล้วเขาก็เลื่อนมือมาที่กระดุมเสื้อของหญิงสาว แต่ยังไม่ทันจะได้แกะกระดุมก็มีมือใหญ่ของใครคนหนึ่งมาแตะๆที่บ่าของเขาก่อนจะกระชากไหล่ของธงชัยให้ลุกขึ้นอย่างแรง
ยังไม่ทันที่ธงชัยจะได้เห็นเต็มตาว่าใครบังอาจมาขัดจังหวะรัก กำปั้นไม่มีรูก็ถูกอัดเข้าที่ใบหน้าของธงชัยเข้าเต็มเหนี่ยว
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข