ปิ้วววว
ธงชัยลอยละล่องไปกระแทกกับประตูเสียงดังสนั่น ดวงตาเล็กๆของหนุ่มที่ไม่ยอมแก่เหลือบมองหน้าของบุรุษลึกลับเพียงแค่เสี้ยววินาที เห็นเพียงเครารุงรังและดวงตาดุที่วาววามอยู่ในความมืดก่อนที่ธงชัยจะตาลีตาเหลือกใส่เกียร์สุนัขโกยอ้าวออกจากร้านดอกไม้อย่างไม่คิดชีวิต
“ขะ..” คำว่าขอบคุณติดค้างอยู่ที่ลำคอระหง ในตอนนี้หญิงสาวรู้สึกสั่นไปหมดทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
ธัศไนยยืนหันหลังให้ประภาพิณพลางมองตามร่างของธงชัยจนร่างที่มีไขมันตรงท้องมากผิดปกติวิ่งกระเผลกๆออกไปจากร้าน
ประภาพิณยืนหน้าซีดเพราะยังตกใจกับธงชัยที่อยู่ๆก็บุกมาเข้าห้องของเธอโดยไม่ทันตั้งตัวไม่หาย ก่อนที่สัญชาตญาณระแวงภัยของผู้หญิงจะฉุดดึงสติของเธอให้กลับมาแล้วมองผู้ชายร่างสูงตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ
ผู้ชายคนนี้สูงมากจริงๆ ผมสีดำกลมกลืนไปกับความมืด เขาดูเหมือนจะเท่มากจริงๆที่อยู่ๆก็โผล่เข้ามาช่วยเธอได้ทันเหมือนวีรบุรุษ แต่...ทำไมที่หลังของเขาถึงมีเด็กกระเตงมาด้วยล่ะนั่น
ฟึ่บ!
อยู่ๆธัศไนยก็หันขวับมาทางเธอ เล่นเอาประภาพิณสะดุ้งเฮือก เขาปราดเข้ามาประชิดตัวเธอก่อนจะเอื้อมมือใหญ่มาจับข้อมือบางแล้วออกแรงลาก
“นี่ อย่ามาทำแบบนี้นะ คุณเป็นใคร” ประภาพิณถามเสียงแว้ดๆแต่เธอกับรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้สบตากับดวงตาคู่ดุของเขาที่ดูแวววาวในความมืด
“ไปกับผม” เขาสั่งเสียงเข้ม เอ...เสียงนี่ก็ฟังดูคุ้นๆหูชอบกล
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”
“จะไปหรือไม่ไป ฮ๊ะ!” เขากระชากเสียงถามก่อนจะดันตัวหญิงสาวไปจนหลังของเธอชิดติดกำแพงห้อง โดยมีเด็กน้อยดูดนิ้วตัวเองจ๊วบๆอยู่ที่หลังกว้างของเขา
“จะ จะทำอะไร”
“ไม่ไปใช่มั้ย” เขาถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ฉันไม่ไป” ประภาพิณยืนกรานเสียงแข็งก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขากระแทกริมฝีปากลงมาปิดปากเธอแนบสนิท ลิ้นร้อนๆสอดเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปาก ในขณะที่มืออีกข้างยันผนังกำแพงเอาไว้
“อื้อ” ประภาพิณพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่มืออีกข้างที่ว่างของเขากลับรั้งใบหน้าของเธอเอาไว้
จุ๊บ เขาถอนปากออกพร้อมสัมผัสปากเรียวของเธอหนักๆอีกครั้ง
“ไปกับผมเดี๋ยวนี้อย่าขัดขืน”
“คุณเป็นใคร ไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันแบบนี้นะ” ประภาพิณพูดเสียงสั่น รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูกที่โดนขโมยจูบแรกไป
“ผมเป็นเจ้าหนี้คุณ ผมมีสิทธิ์สั่ง”
“เจ้าหนี้?” คราวนี้ความคิดของประภาพิณเริ่มหวนนึกไปถึงเมื่อช่วงกลางวันทันที
“คุณเป็นหนี้ผม2ล้านครึ่ง”
“เป็นไปไม่ได้”
“แต่มันคือเรื่องจริง คุณเป็นหนี้ผม2,500,025บาทถ้วน แต่ว่าผมใจดี เศษอีก25บาท ผมไม่เอา”
“ฉันไปเป็นหนี้คุณได้ไง”
“พ่อคุณเป็นหนี้ผม” “ไม่จริง”
“พ่อคุณติดการพนัน”
“แต่พ่อฉันตายแล้ว”
“ใช่ เมื่อพ่อคุณตายแล้ว คุณก็ต้องใช้หนี้แทนสิ หรือว่าคิดจะเบี้ยวผม งั้นผมจะฟ้องคุณ”
ประภาพิณกระพริบตาถี่ๆ อย่าบอกนะว่าเขาคือคนเมื่อกลางวันที่มาตามทวงหนี้เธอโดยการให้เธอไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ช่างเป็นการทวงหนี้ที่ประหลาดเสียจริงๆ มิน่าล่ะเมื่อกี้เธอถึงเห็นเด็กตัวกลมๆแปะติดอยู่ที่หลังของเขาด้วย
“ฉันไม่ไปหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ คุณต้องไป”
“ทำไมถึงอยากให้ฉันไปอยู่กับคุณเพื่อเลี้ยงเด็กนักคะ คิดมิดีมิร้ายกับฉันอยู่หรือไง” ประภาพิณถามตามตรง ยังนึกเคืองที่เขาถือวิสาสะมาจูบเธอไม่หาย
“ใครจะไปอยากคิดมิดีมิร้ายกับคุณกัน ผมมากกว่าที่ควรจะกลัวโดนคุณปล้ำ”
“ทุเรศ ฉันไม่เคยคิดอยากจะปล้ำคุณเลยย่ะ” ประภาพิณสวนกลับทันควัน ตาต่อตาประสานกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบ
“ไปกับผมได้แล้ว ผมเสียเวลามามากแล้ว”
“คุณกลับไปคนเดียวสิ”
“ผมเลี้ยงเด็กไม่เป็น”
“แล้วทำไมเวลาจะทำถึงไม่คิดล่ะยะ พอมีลูกขึ้นมาก็เลี้ยงไม่เป็น”
“ทำอะไร” คราวนี้เขาดูงงๆ เล่นเอาประภาพิณหน้าแดงก่ำ
“ทำอะไรก็แล้วแต่จะคิดสิ”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าผมจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นคนทำล่ะ”
“ถ้าไม่ได้ทำแล้วเด็กคนนี้จะเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
“น้องชายผมเป็นคนทำต่างหาก”
“เหรออออ” ประภาพิณลากเสียงยาวก่อนจะชี้นิ้วออกไปที่นอกห้อง
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ผมไม่ออก คุณจะต้องไปกับผมด้วย” เขาพูดเสียงเครียด
“เอ๊ะ ก็บอกว่าฉันไม่ไปไง”
“หรือว่าอยากโดนผมจูบอีก” ชายหนุ่มหรี่ตาลงมองริมฝีปากนุ่มๆอย่างติดใจในรสชาติที่เขาได้เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่
“พูดถึงเรื่องจูบ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลยนะ” พูดจบ มือเรียวก็ยกขึ้นมาหวังจะฟาดใบหน้าโหดๆนั่นสักทีแต่มือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ทัน เสียงห้าวกระซิบพูดอย่างดุดันว่า
“จะตบผมเหรอ ข้อหาที่จูบคุณน่ะเหรอ”
“ปล่อยมือฉันนะ” ประภาพิณเริ่มดิ้นพร้อมพยายามบิดข้อมือตัวเองออก แต่ยิ่งดิ้นรนขัดขืน มือหนาก็ยิ่งออกแรงบีบข้อมือเธอมากขึ้นจนเธอต้องตีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“ถ้าจะเอาคืนเรื่องที่ผมจูบคุณ คุณก็มาจูบผมบ้างสิ จะได้เท่าเทียมกัน”
“ไอ้โรคจิต”
“คุณอย่ามาว่าผมแบบนี้นะ จำไม่ได้เหรอไงว่าคุณติดหนี้ผมอยู่”
“ฉั..” ประภาพิณยังพูดไม่ทันจบ ปากร้อนก็ฉกวูบลงปิดปากเธออีกครั้ง มือใหญ่กอบกุมหน้าอกอวบของเธอบีบเคล้นเบาๆอย่างลืมตัว
ยิ่งเห็นท่าทางตื่นๆ ดวงตาโตๆที่มองเขาอย่างจนหนทาง ตัวเล็กๆที่สั่นระริกยามที่จะถูกธงชัยขืนใจ ทุกภาพของเธอมันฉายชัดอยู่ในความทรงจำของเขา จนเขาห้ามใจไม่ไหว ยามที่สบตากับเธอ เขาก็อยากจูบเธอทุกครั้ง นี่เขาเป็นอะไรไป?
จมูกโด่งเลื่อนลงมาที่ซอกคอขาวผ่อง ปากร้อนๆขบกัดเบาๆจนเป็นรอยแดงราวจะตีตราเป็นเจ้าของ และก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข